ใครอยู่ตรงนั้น??

เรื่องนี้เคยเล่าที่


//www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E8178013/E8178013.html#160


จากเรื่องคุณพี่กิมจูในวันอำลาโรงละครอักษรฯ ทำให้นึกไปถึงเรื่องที่มีรุ่นพี่เคยเล่าให้ฟัง

ก่อนอื่นต้องท้าวความถึงไซโคฯ ก่อน ไซโคฯ จะเป็นแผ่นจอโค้งๆ ขึงเป็นฉากบนเวที ทำจากใยแก้ว มูลค่าหลายล้านบาท (มีกระแสว่าน้องรุ่นหลังๆ บอกเป็นสิบล้าน ซึ่งอันนี้ไม่ยืนยันว่าเท่านั้นหรือเปล่า แต่แพงมากน่ะเป็นเรื่องจริง) ซึ่งเป็นที่หวงแหนมาก ใครก็แล้วแต่ที่จะขึ้นไปใช้เวทีจะโดนกำชับอย่างหนักแน่นว่า "เฮ้ย...ระวังไซโคฯ นะเว้ย ถ้ารันขึ้นมาแม้แต่นิดเดียวเป็นอันพัง...หลายล้านเลยนะแก.." ดังนั้น ถ้าไม่จำเป็นพวกเราจะไม่มีใครอยากไปแตะเจ้าไซโคฯ เนี่ยเป็นอันขาด

ด้านหน้าไซโคฯ จะเป็นเวที ด้านล่างเวทีก็จะเป็นบริเวณว่างๆ จุคนได้ซักสองสามร้อยคนเบียดๆ เวลามีละครเวทีแสดง บริเวณนี้จะเปลี่ยนเป็นที่นั่งชม เวลามีกิจกรรมรับน้อง ซ้อมเชียร์ หรือโปรละคร ตรงนี้ก็จะเป็นที่ทำฉาก ซ้อมเชียร์ อะไรก็ว่ากันไป ส่วนด้านหลังไซโคฯ จะเป็นห้องแต่งตัวนักแสดง ซึ่งปกติแล้วจะมืดมาก จะเปิดไฟก็เฉพาะเวลาที่นักแสดงแต่งตัวเท่านั้น เวลาที่มีการแสดงบนเวที ด้านหลังไซโคฯ จะต้องปิดไฟ เนื่องจากว่าถ้าเปิดไฟระหว่างแสดง แสงจะส่องทะลุไซโคฯ เกิดเป็นภาพข้างหลังฉากให้เห็นกันว่าใครกำลังทำอะไรอยู่บ้าง

นอกจากจะไม่เปิดไฟแล้วคนทำงานข้างหลังก็จะพยายามไม่เดินผ่านเวลามีการแสดงด้วย จะใช้วิธีเดินอ้อมลงพื้นข้างล่างแทน เนื่องจากถ้ามีการเคลื่อนไหวด้านหลังติดกับไซโคฯ เนี่ย คนข้างล่างจะมองเห็นขาคนเดินไปเดินมา เพราะว่าขอบไซโคฯ ด้านล่างมันจะลอยขึ้นมาจากพื้น จะเห็นประมาณช่วงข้อเท้าลงมา

เอาเป็นว่า ส่วนใหญ่แล้ว ด้านหลังไซโคฯ จะมืดมากละกัน ถ้าไม่จำเป็นก็ไม่ค่อยเปิดไฟและไม่เดินผ่านเวลามีการแสดงกันหรอก

ทีนี้ มีเรื่องเล่าเรื่องหนึ่งจากรุ่นพี่ก่อนหน้าเรา (ออกตัวไว้ก่อนว่า ฟังเรื่องนี้ตั้งแต่เมื่อสิบกว่าปีมาแล้วเลยจำรายละเอียดไม่ค่อยได้ ถ้าใครที่ทราบเรื่องดีมาอ่านแล้วคลาดเคลื่อนยังไงต้องขออภัยนะคะ) ประมาณว่าวันหนึ่ง มีการแสดงละครเวทีอยู่ด้านหน้าเวที บนเวทีก็แสดงกันไป ด้านหลังไซโคฯ ปิดไฟมืด มีทีมงานและนักแสดงอยู่แหละแต่ก็อยู่ถัดไปทางห้องแต่งตัวด้านใน

ขณะที่บนเวทีทำการแสดง คนที่อยู่ข้างล่างก็เห็น...........ช่วงขาตั้งแต่ข้อเท้าของใครคนหนึ่ง ใส่กำไลที่ข้อเท้าเหมือนนางรำ...ยืนอยู่ข้างหลังไซโคฯ ...ซึ่งตามหลักแล้วมันไม่ได้ มันไม่ควรจะมีใครไปยืนอยู่ตรงนั้น ในขณะนั้น

ใครซักคนก็เลยเดินไปดูด้านหลังไซโคฯ คงกะว่าจะบอกให้คนๆ นั้นเดินออกมานั่นแหละ แต่แล้วก็ต้องอึ้ง เมื่อพบว่า ด้านหลังไซโคฯ ไม่มีใครยืนอยู่เลย...

ถามใครที่ยืนแสตนด์บายอยู่ก็ไม่มีใครเห็น ทุกคนยืนยันตรงกันว่า..ณ เวลานั้น ไม่มีใครไปยืนอยู่ตรงนั้นหรอก...ที่สำคัญ นักแสดงวันนั้น ก็ไม่มีใครแต่งตัวแบบนั้น (ที่ต้องใส่กำไลข้อเท้า) ด้วย...

อะเครเลยฮ่ะ...เป็นอันรู้กัน... สำหรับใครจะว่าไงเราไม่รู้ แต่สำหรับเรา ตั้งแต่วันที่ได้ยินเรื่องเล่าเรื่องนี้ เราจะพยายามไม่เฉียดไปด้านหลังไซโคฯ โดยไม่จำเป็นอีกเลย หรือถ้าจำเป็นก็ต้องมีแสงไฟสว่างๆ หรือมีคนไปเป็นเพื่อน แหะๆๆ จะว่าป๊อดก็ป๊อดแหละ..เป็นใครมั่งไม่ป๊อด (ฟะ)

บางที...คนที่อยู่ในตำนานเรื่องนี้ อาจเป็นคุณพี่กิมจู หรือคุณพี่รัญญาก็ได้นะ หุหุหุหุ






Free TextEditor



Create Date : 11 สิงหาคม 2552
Last Update : 11 สิงหาคม 2552 17:40:51 น.
Counter : 1270 Pageviews.

0 comment
อำลาโรงละครทรงพล

ในฐานะศิษย์เก่าที่มีความทรงจำกับที่แห่งนั้นมากมาย อ่านแล้วน้ำตาไหล
//mornor.com/2009/forum/viewthread.php?tid=13963


เข้าใจความรู้สึกของท่าน...ทุกๆท่าน ในวันนั้นค่ะ เราเองก็รู้สึกไม่ต่างกัน


-------------------------------------------------------


เรื่องเล่านักศึกษาฉบับนี้มาจากเรื่องจริง และประสบการณ์จริงของ “ผึ้ง” ลัดดา คงเดช ศิษย์เก่าเอกการละคร คณะอักษรศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร ซึ่ง เหตุการณ์ชวนหัวลุกนี้ เกิดขึ้นในวันที่ 20 มีนาคม ที่ผ่านมา เมื่อคณะอักษรศาสตร์จัดพิธีอำลาโรงละครทรงพล และทุบอย่างเป็นทางการ สถานที่แห่งนี้ถือว่าเป็นสถานที่เติบโตมาพร้อมคณะอักษรฯ และ มหาวิทยาลัยศิลปากร วิทยาเขตพระราชวังสนามจันทร์
     
....พิธีเริ่มขึ้น เวลา 8.30 น.หลังจากเหล่าครูบาอาจารย์และศิษย์คณะอักษรศาสตร์มากันอย่างพร้อมหน้า พร้อมด้วยคำเตือนว่า

     
"หากมีอะไรเกิดขึ้น ระหว่างการดำเนินพิธีกรรม อย่าฝืน ให้ปล่อยไป ไม่อย่างนั้นจะปวดหัว และทรมานมาก"
     
เสียงครูหนู หนึ่งในผู้ร่วมพิธี กำลังกล่าวคาถาขึ้นราวกับมีมนต์ ทุกคนยืนสงบนิ่ง เสียงของครูนั้นกังวานก้อง ราวกับโอบล้อมโรงละครไว้ เสียงนั้นแม้จะเป็นเสียงของครูเองแต่ก็เหมือนไม่ใช่ มันเพราะและนุ่มนวลมากเหลือเกิน เพียงไม่นานฉันถูกกระชากความคิดกลับมา
     
"องค์ลง" ฉันไม่มีโอกาสโดนแน่นอน เพราะค่อนข้างมั่นใจว่าจิตตัวเองแข็งพอ แล้วก็โดนกระชากจากความคิดกลับมาสู่โลกภายนอกอีกครั้ง เมื่อได้ยินเสียงหายใจแรงๆ อยู่ด้านหลัง ฉันหันกลับไปดู แล้วพบว่า น้องคนหนึ่ง มีอาการตาลอย น้ำตาจะไหล มือไม้สั่น ฉันรีบหันกลับมา ไม่ใช่เพราะกลัวแต่ทำตัวไม่ถูก จากนั้นน้องค่อยๆ หายใจแรง จนฉันรู้สึกถึงลมที่รดต้นคอเลยทีเดียว ทั้งๆที่เราห่างกันอยู่ประมาณเกือบหนึ่งช่วงแขน
     
เมื่อสิ้นเสียงพิธีสวดอัญเชิญเทพ อาจารย์ผู้ทำพิธีจึงทำการพรมน้ำมนต์และ โปรยดอกไม้ จากนั้นกลับมานั่ง ฉันหันมาดูน้องคนนั้นอีกที น้องยังคงแสดงอาการเดิม ตาลอย ยืนนิ่งเหมือนถูกโหนไว้กับอะไรสักอย่างไม่กระพริบตา
     
ฉันจึงตัดสินใจบอกให้เพื่อนน้องซึ่งอยู่ใกล้ๆ คอยดูแลและตามอาจารย์ผู้หญิงท่านหนึ่งซึ่งเป็นผู้นำในพิธีในวันนี้คู่กับ อาจารย์สกุลมาดู ท่านเดินมาลูบที่ขมับทั้งสอง แล้วตาน้องก็เหมือนโดนกดลงที่ละนิดจนหลับไป ทุกคนแยกย้ายกลับไปนั่ง

       
พักเดียวเท่านั้น น้องคนนั้นก็ร้องไห้ออกมา ดังขึ้นเรื่อยๆ อาจารย์จึงถามว่า ชื่ออะไร เป็นใคร มาจากไหน ต้องการอะไร และให้คนคอยจด แต่เธอคนนั้นก็ไม่ยอมเอ่ยปาก ได้แต่ร้องไห้ จนฉันเกือบจะร้องตาม ฉันรู้ว่าเธอร้องเพราะไม่อยากให้โรงละครถูกทุบ เหมือนทุกคนที่ยังเป็นคนอยู่ที่นี่ ไม่มีใครอยากให้โรงละครถูกทุบเช่นกัน
     
ความคิดฉันโดนกระชากอีกครั้ง เมื่อได้ยินเสียงน้องอีกคนด้านหลังร้องไห้ ที่แรกฉันคิดว่า เค้าคงสงสารน้องคนนั้น แต่พักเดียวก็ต้องเปลี่ยนความคิด ทันใดนั้นน้องอีกคนหนึ่ง ชื่อเอ (นามสมมติ) ตัวแข็งทื่อ ตาค้าง น้ำตาไหล
     
อาจารย์ท่านนั้นบอกให้พี่คนหนึ่ง ซึ่งน่าจะเป็นผู้ติดตามของท่าน มาร้องเพลง น้องคนแรกที่โดนเข้าก็ลุกขึ้นมาร้องเอื้อนเพลงทันที ถึงตอนนี้ฉันไม่สงสัยแล้ว แต่ยังไม่รู้อยู่ดีว่าจะทำอย่างไร ไม่เคยเจอพร้อมๆกันขนาดนี้มาก่อน ทั้งกลัว ทั้งสงสาร จึงตัดสินใจจะเข้าไปดูน้องเอ เพราะเป็นรุ่นน้องที่รู้จักพอสมควร ฉันกับเพื่อนพยายามคุย พยายามถาม แต่เหมือนเค้าพูดไม่ได้หรือไม่ได้พูดนานก็ไม่ทราบได้ เอาแต่ร้องไห้ เราจึงไม่รู้ว่าเค้าต้องการอะไร
     
จนในท้ายที่สุด เราก็จับคำได้ว่า "อยู่ด้วยนะ"
     
ฉันกับอาจารย์และคนอื่นๆที่อยู่ตรงนั้นจึงบอกเค้าว่า "อยู่ได้ อยู่ที่นี่แหละ ครูให้อยู่ ไม่ต้องไปไหนนะ" พวกเราช่วยกันปลอบกันอยู่นานกว่าเค้าจะออกไป แล้วน้องเอ ก็กลับมาเหมือนเดิม
     
น้องบอกฉันว่า เหนื่อยและดูอ่อนแรงมาก ส่วนน้องคนอื่นๆ ก็อาการคล้ายกัน บางคนก็โวยวาย เสียงดัง แต่สิ่งที่เหมือนกันคือ เสียใจ ร้องไห้ กลัวที่จะไม่มีที่ให้อยู่ คิดว่าถูกไล่
     
เวลาผ่านไปราว 1 ชั่วโมง ทุกอย่างกลับสู่ความสงบอีกครั้ง อาจารย์สั่งให้น้องๆ ที่จิตเปิด หรือมีอาการดังกล่าวมานั่งด้านหน้า เมื่อทุกอย่างลงตัว จึงเริ่มพิธีครั้งที่สอง คือ การเชิญเทพรับของเซ่น ไปจนถึงการทุบอย่างเป็นพิธี
     
     
ช่วงเวลาที่เสียงครูหนูเอ่ยขึ้น บางคนก็เริ่มมีอาการอีกครั้ง แต่ฉันอยู่ด้านหลังห่างออกมาจึงเห็นไม่ชัดแต่รับรู้ได้ แต่เมื่อ ณ เวลา ที่ค้อนถูกเงื้อขึ้น ฉันเชื่อว่าทุกคนรู้สึกใจหายวาบเหมือนกัน และเมื่อเสียงตกกระทบดังขึ้น เสียงกรีดร้องของผู้ถูกเชิญที่อยู่ในร่างของน้องๆก็ดังขึ้นทั่วโรงละคร
     
     
หัวใจฉันตกวูบ น้ำตาจะไหล แต่ก็ถูกเสียงเหล่านี้มากระชากให้กลับมา ฉันทนไม่ไหว ต้องเดินไปดู ไม่คิดว่าน้องเอจะโดนอีกครั้ง น้องอีกคนที่อยู่ด้านข้าง ลงไปนั่งบนพื้นและพูดจาด้วยคำหยาบคาย จนไม่มีใครกล้าเข้าใกล้ ไม่ว่าจะเป็นฉัน หรือ เพื่อนของน้องเค้า แต่ฉันเลือกที่จะอยู่กับน้องเอ อาจเป็นเพราะตัวเธอเล็กกว่าฉัน ฉันน่าจะเอาอยู่ แต่น้องอีกคนดูตัวใหญ่มาก (ทังๆที่เมื่อเธอเป็นปกติแล้ว ตัวเธอก็ดูเท่ากับน้องเอนั่นแหละ) ด้วยเหตุนี้ ฉันคิดว่าคนที่อยู่ในร่างของทุกๆคน คงมีความต้องการที่เหมือนๆกัน
     
     
ฉันจึงบอกพวกเค้าว่า “เค้าอยู่ที่นี่ได้ ไม่ต้องไปไหน มีที่ให้อยู่นะ ไม่มีใครไล่ อยู่ที่นี่ เด็กๆยังรัก และ เคารพนะ” แล้วน้องก็นิ่งไปอีกครั้ง ฉันไปดูน้องอีกคนที่อยู่ข้างๆ แล้วฉันก็พูดแบบเดียวกัน จนน้องๆ สงบลง ฉันบอกเพื่อนน้องว่า ไม่ต้องเรียก จนกว่าจะฟื้น ถ้าฟื้นแล้วให้ถามชื่อว่าเป็นใคร สรุปว่า น้องสามคนนั้นสามารถกลับมาได้อย่างปลอดภัย
     
     
ฉันออกไปสูดอากาศข้างนอก โรงละคร แต่พอกลับมา พบว่า น้องเอ โดนอีกรอบ คราวนี้ ไม่ใช่คนที่เข้าครั้งแรกและครั้งที่สองแน่ ถามไปถามมาได้ความว่า คน นี่ชื่อกิมจู แกเป็นลูกคนจีนที่มาเป็นนางรำถวายงานรับใช้รัชกาลที่ 6 แกก็เหมือนคนอื่นๆ ที่อยู่ที่นี่ และกลัวว่าจะไม่มีที่อยู่ พวกเราปลอบกันอยู่นานมาก
     

ฉันกับอาจารย์จึงต้องช่วยกันปลอบจนกิมจูเริ่มรับฟัง และบอกแกว่า “ระหว่างที่โรงละครทุบทิ้ง เราจะมีที่ให้อยู่ใหม่” แกก็บอกว่า "จะมาบอกกันว่ามีที่ให้อยู่ใหม่ไม่ได้หรอก มันไม่พอ มันต้องบอกด้วยว่า ไปอย่างไร ไปทางไหน อย่าคิดเอาว่า บอกแค่นั้นแล้วฉันจะไปถูก"
     

อาจารย์และฉันจึงพาคุณพี่กิมจูเดินไปดูห้องใหม่ พอไปถึง แกก็บอกว่า "ที่นี่เย็นดีนะ พื้นก็เป็นมันวาว บันไดก็สวยกว่าที่นู้นตั้งเยอะ” ดูๆ แล้วเหมือนคุณพี่กิมจูพอใจ ฉันกับอาจารย์จึงขอร้องและพยายามให้แกออกจากน้องไป แกก็บอกว่า

     
"ไม่เอา ฉันไม่อยากอยู่ที่นี่คนเดียวหรอก เดียวก็ทิ้งฉันอีก พ่อแม่ก็ทิ้งฉัน พาฉันกลับไปที่เดิม แล้วฉันจะบอกให้พวกเพื่อนๆมาอยู่ที่นี่ ฉันรู้ทางแล้ว ฉันจะได้พาพวกเขามาได้” เป็นอันว่าพวกเราก็ต้องพาคุณพี่กิมจูกลับมาที่โรงละครอีกครั้ง
     

เมื่อกลับมาถึงที่โรงละคร คุณพี่กิมจูก็กล่าวกับเพื่อนๆว่า " ออกมากันเถอะ ฉันรู้แล้วว่า เขาให้ไปอยู่ที่ไหน ตอนแรกฉันก็ไม่เข้าใจ ฉันก็โวยวาย แต่ตอนนี้ฉันรู้แล้ว ออกมากันเถอะ อย่าดื้อนักเลย สงสารเด็กๆมัน มันเหนื่อยนะ เดี๋ยวฉันพาไป ที่ห้องนั่นเย็นสบาย พื้นก็มันวาวเชียวนะ ไปเถอะ "
     

แม้ว่าแกจะพูดอย่างนั้น แต่ยังมีหลายคนที่ยังไม่ยอมออก คุณพี่กิมจูจึงบอกพวกเราอีกครั้งว่า "เวลาทำอะไรต้องบอกต้องกล่าว เชิญแล้วก็ต้องบอกทาง ไม่ใช่บอกเฉยๆ” พวกเราจึงฉันกล่าวขอบคุณและกราบขอโทษที่ทำไม่ถูก ไม่ควร
     
น้องๆ หลายคนหมดสติลง ฉันค่อยๆประคองให้น้องนอนได้พักหนึ่งก็ฟื้น ฉันถามว่า ชื่ออะไร น้องก็เอ่ยชื่อตัวเอง แต่แทบจะในทันที ใบหน้าก็เปลี่ยนไป ฉันเลยทักว่า "คุณกิมจูใช่ไหม"
     
แกก็ว่าฉันว่าเจ้าเล่ห์นักนะ รู้ทันอีก แต่แกไม่ยอมบอกว่าทำไมยังไม่ยอมไป จนกระทั่งน้องอีกคนหนึ่งที่อยู่ข้างๆ ก็โดนหนัก ฉันถามคุณกิมจูว่า คนคนนั้นเป็นใคร ตอนแรกเป็นใครก็ไม่รู้ ไม่รู้จัก แต่อีกคนเป็นนางรำที่อยู่ในช่วงเดียวกัน ชื่อคุณพี่รัญญา แต่กว่าแกจะนึกชื่อออกใช้เวลานานมาก แล้วแกก็บอกว่า ไม่ได้เรียกชื่อนี้นานแล้ว ปกติก็เรียกแต่เธอๆ แล้วคุณพี่กิมจูยังบอกว่า ฉันยังไปไม่ได้ต้องรอคุณพี่คนนี้ก่อน จากนั้นแกก็ช่วยทั้งพูด ทั้งอ้อน แต่ด้วยอ่อนอาวุโสกว่า แกจึงทำอะไรไม่ได้มาก
     
ฉันนึกสงสัยอยู่ตลอดว่า ทำไมบางครั้งคุณกิมจูเหมือนจะพูดไม่รู้เรื่องและทำหน้าทำตาแปลกๆ พิกลๆ จนได้มานั่งคุยกัน แกจึงบอกว่า เด็กคนนี้มีกุมารอยู่ด้วย ชอบพูดแทรก ชอบฟ้อง ฉันจึงได้รู้ว่า ตอนที่พูดฟังไม่รู้เรื่องนี้ ไม่ใช่คุณกิมจู แต่เป็นกุมาร อายุเก้าขวบ พอคุณกิมจูออกจากร่างนอกไป เพื่อดูน้องคนหนึ่งที่โดนวิญญาณของคนที่พยายามจะฆ่าตัวตายเข้า กุมารก็บอกว่า "ยายไปแล้ว" พูดซ้ำเร็วๆ แล้วพอกุมารหันมาเจอน้องหมา ก็พูดอะไรสักอย่างสองคำซ้ำ จนได้ความว่า "หมามอง" แล้วกุมารก็หัวเราะ พวกเราก็หัวเราะกัน
     

......บรรยากาศเริ่มผ่อนคลาย จนกลายเป็นสนุก และในท้ายที่สุดวิญญาณทุกดวงก็รับทราบและยอมจากไปโดยดี






Free TextEditor



Create Date : 11 สิงหาคม 2552
Last Update : 11 สิงหาคม 2552 16:01:04 น.
Counter : 1236 Pageviews.

0 comment
กระจกในโรงละคร

เรื่องนี้เคยเล่าในกระทู้ลุงซูม XOOMER ที่นี่


 //www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E8178013/E8178013.html



เรื่องนี้เกิดที่โรงละครเก่าแก่ของคณะเราเอง ซึ่งโรงละครนี้ก่อตั้งมาช้านานและมีประวัติมากมาย (แน่นอนว่าความขลังก็มากตามไปด้วย) เด็กอักษรรุ่นก่อนๆ จนถึงปัจจุบันนี้ต้องรู้จักและมีความผูกพันกับที่นี่ทุกคน แต่เด็กรุ่นหลังจากนี้คงไม่ได้เห็นแล้ว เนื่องจากโรงละครเพิ่งถูกทุบทิ้งเพื่อนำพื้นที่ไปใช้ประโยชน์อย่างอื่นเมื่อต้นปี 52 นี้เอง เฉพาะแค่เรื่องภายในโรงละครของคณะนี่ถ้าเอาเรื่องที่ศิษย์เก่าแต่ละคนเจอกับตัวเองมารวมกันก็เขียนเล่าได้หลาย Episode แล้วค่ะ :-P


เอาเรื่องที่สามีเราเจอละกัน (เรากับสามีเรียนรุ่นเดียวกันแต่คนละคณะ ตัวเราเองไม่ค่อยเจอเพราะเซ้นส์อ่อนมาก แต่สามีจะมีเซ้นส์แรง) สมัยปีหนึ่ง คุณสามีเคยมารับเล่นละครเวทีให้กับรุ่นพี่ของเราในบทเกี่ยวกับผีดิบดูดเลือด ซึ่งในบทจะต้องมีฉากที่ใส่หน้ากากเป็นคนแก่ (ผีดิบตนนี้มีทั้งภาคเป็นคนปกติและเป็นผีดิบ ซึ่งเวลาเป็นผีดิบก็จะใส่หน้ากาก)


พอถึงเวลาแสดง สามีเราก็แสดงไป.. พอถึงฉากที่ต้องใส่หน้ากาก คุณสามีก็หยิบหน้ากากขึ้นมา แล้วเอาไปใส่ที่ตรงกระจกซึ่งติดอยู่บนกำแพงก่อนออกไปนอกม่านหน้าเวที...ก็ส่องกระจกใส่หน้ากาก แล้วออกไปแสดงตามปกติ....แสดงฉากนั้นเสร็จแล้วก็เดินกลับเข้าหลังเวทีทางเดิมที่ผ่านออกไป......



...เรื่องนี้มันจะไม่มีอะไรน่าประหลาดหรือตกใจเลย ถ้าหากว่า คุณสามีเรา จะไม่ได้มาเห็นและรู้ในภายหลังว่า.....



..ที่จริง กำแพงตรงที่ไปยืนส่องกระจกใส่หน้ากากนั้น....มันไม่เคยมีกระจก....



 



เอ้า..อย่าลืมเพลงประกอบก่อนจบ...



หื่อ...ฮือ...ฮื้อ...ฮือ...ฮื้อ...ฮือ........



หื่อ...ฮือ...ฮื้อ...ฮือ...ฮื้อ...ฮือ........






Free TextEditor



Create Date : 11 สิงหาคม 2552
Last Update : 11 สิงหาคม 2552 15:16:51 น.
Counter : 464 Pageviews.

0 comment
เลียนแบบกระทู้ดังห้องสยาม... ที่พักที่ฉัน..เจอ...ผี...
พอดีลองจิ้มชื่อตัวเองใน google ว่าจะหากระทู้รีวิวก๋วยเตี๋ยวบ้านบึงที่เคยทำเอาไว้เมื่อนานมาแล้ว ว่าจะเอารวบรวมใส่ไว้ใน Blog ซะหน่อย แต่กลับไม่เจอ ดันมาเจอที่เคยตั้งกระทู้เล่าเรื่องผีที่เคยเจอในที่พัก และมีเพื่อนๆ เข้ามาร่วมแจมกันมากมาย ใครชอบอ่านเรื่องแนวๆ นี้ เชิญอ่านได้ตามสะดวกเลยค่ะ ขอให้ได้รับความสยองขวัญกันถ้วนหน้า อิอิอิ

ก๊อปมาแปะแค่บางข้อความนะคะ ของจริงเยอะมาก อยากอ่านเวอร์ชั่นเต็ม ลากเม้าส์ลงไปอ่านในกรอบข้อความด้านล่างสุดเลยค่ะ

-----------------------------------------------------------------


อิอิอิ เห็นกระทู้ผีระบาด เลยเอากะเค้ามั่ง ส่วนตัวก็ไปแจมที่กระทู้ดังห้องสยามอยู่ประปราย แต่ส่วนใหญ่จะประจำอยู่ทีู่่ BP มากกว่า ก็เลยอยากตั้งเป็นกระทู้เลียนแบบเค้าบ้าง... ขอให้ชื่อให้เข้ากับนักเดินทางอย่างชาว BP ว่า "ที่พักที่ฉัน..เจอ...ผี..." ละกัน

ประเดิมด้วยเรื่องของเราก่อนละกันนะคะ ส่วนตัวแล้วเป็นคนที่เจออะไรทำนองนี้มาบ้าง เพราะสามีค่อนข้างเซ้นส์แรง และตัวเราก็มีเซ้นส์เรื่องพวกนี้อยู่บ้่าง ที่เคยเจอมาก็ที่เกาะเสม็ด แล้วก็ี่สุโขทัย ลพบุรี นครปฐมค่ะ เอาประสบการณ์บนเกาะเสม็ดก่อนละกัน เพราะมีคนหลังมายมาถามเยอะมากว่าใช่ที่อ่าววงเดือนหรือเปล่า (แสดงว่าเจอกันที่นี่หลายคนเหรอคะ o__O) ส่วนของเราเจอที่อ่าวช่อค่ะ


ก่อนอื่นต้องเกริ่นเกี่ยวกับระดับของเซ้นส์ที่สามีกะเรามีนิดนึง คือสามีเราเค้าจะแบบครบสูตรค่ะ จะสามารถเห็น ได้ยิน ได้กลิ่น ทุกอย่างเลย แต่เราเนี่ย เพิ่งจะมีเซ้นส์เนี้ยตอนที่มาเป็นภรรยาเค้าแล้วเนี่ยแหละ (เมื่อก่อนไม่มี) ของเราจะไม่เห็น ไม่ได้ยิน ไม่ได้กลิ่น แต่จะสัมผัสได้ว่าเค้ามีอยู่ คือไม่รู้จะอธิบายได้ยังไงนะคะ แต่ว่ามันจะเป็นความรู้สึกกดๆ อึดอัดๆ น่ะค่ะ บางครั้งความรู้สึกก็แผ่วจนแทบจับไม่ได้ แต่บางครั้งก็แรงจนสามารถบอกได้เลยว่า "เค้า" เป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย และ "เค้า" อยู่ตรงส่วนไหนของห้องเลยค่ะ แต่สรุปว่าถ้่าเทียบกันแล้ว สามีเราเค้าจะเซ้นส์แรงกว่าเรา เพราะเป็นต้นแบบออริจินัล ส่วนเราเป็นผู้รับการถ่ายทอดมาอีกที (เธอช่วยเอาคืนไปทีจะได้มั้ยที่รักจ๋า ช้านไม่อยากได้เลย ไอ่ความสามารถพิเศษนี้เนี่ย T__T)


ที่รีสอร์ทตรงอ่าวช่อแห่งนี้ เป็นรีสอร์ทเล็กๆ ค่ะ อยู่ต้นหาดถ้าเดินทะลุป่ามาจากหาดวงเดือน มันจะเป็นบังกะโลคู่น่ะค่ะ ห้องจะเล็กๆ ห้องที่ติดกับเราจะเบอร์ 12 ด้า่นหลังถัดไปเป็นป่า วังเวงมากๆ ค่ะ เราเอง ตอนแรกที่เห็นห้องในระยะไกล (ไม่ใช่ว่าเปิดประตูเข้าไปแล้วถึงรู้สึกนะคะ) เรารู้สึกได้ถึงอะไรบางอย่างที่ไม่ปกติในห้องนี้ จนทำให้เราไม่อยากพักที่นี่เลย แต่ว่ามันก็ต้องพักน่ะค่ะ เพราะวันนั้นเป็นวันหยุดยาว พวกเราก็วอล์คอินเข้าไปโดยที่ไม่ได้จองห้องพักเอาไว้ และที่นี่เป็นที่สุดท้ายแล้วที่มีห้องให้เรา หลังจากเดินจนลิ้นห้อย จากอ่าววงเดือน วกไปอ่าวลุงดำ (หรือลุงหวัง จำไม่ได้) แล้วก็วกมาวงเดือนอีก แล้วก็เดินทะลุมาอ่าวช่อนี่ละค่ะ

เราบอกสามีว่า เีราไม่อยากพักที่นี่เลย สามีถามว่าทำไม เราก็บอกว่า เรารู้สึกสัมผัสได้กับอะไรบางอย่างที่มันไม่ปกติในห้องนี้ เค้าก็ปลอบเราว่าไม่มีอะไรหรอก ถ้ามีเค้าก็ต้องรู้ก่อนเราแล้วละ อย่าลืมว่าเค้าเซ้นส์แรงกว่าเรา (แต่...เค้าบอกเราทีหลังว่า เค้าเห็น...นั่งอยู่หน้าห้องตั้งแต่ตอนยังเดินไม่ถึงห้องแล้ว ที่ไม่บอกเพราะไม่อยากให้เรากลัว)

พอเข้าไปในห้อง เรายิ่งรู้สึกมากขึ้น มากขึ้น เรามองที่หัวเตียงเป็นที่แรก ซึ่งมองปุ๊บเราก็ไม่ชอบเลย มันก็เป็นหัวเตียงธรรมดาๆ นะคะ แต่มันจะมีหมุดหรืออะไรจำไม่ได้ เรียงกันเป็นรูปอะไรซักอย่าง คือส่วนตัวเราไม่ชอบอะไรที่มันไม่เรียบร้อยอยู่แล้ว และยิ่งกว่านั้น เีราสัมผัสกับอะไรบางอย่างได้ เราก็เลยยิ่งเครียด ถัดจากเตียง เราก็เข้าไปดูในห้องน้ำ ซึ่งห้องน้ำนี่เรารู้สึกแรงมาก จนบอกสามีเลยว่า มีอะไรบางอย่างอยู่ที่นี่ คือตรงอ่างล้างหน้าน่ะค่ะ ข้างใต้มันจะเป็นรอยปูนโดนทุบ เหมือนมันเคยปิดทึบมาก่อน และก็มีใครมาทุบตรงที่ทึบออกจนเป็นโพรงเหมือนเคยมีอะไรยัดเอาไว้ แล้วก็ถูกทุบเพื่อเอาออกไป เราอาจจะหลอนไปเองก็ได้นะ แต่เรารู้สึกอย่างนั้นจริงๆ

สามีเราเห็นเราเดินวนเวียนตรงเตียงกะห้องน้ำอย่างสงสัยมากๆ เค้าก็ชวนเราไปเล่นน้ำกะเพื่อนๆ เราก็ไปนะ ตอนเล่นน้ำน่ะสนุกมาก เพราะหาดเค้าสวยจริงๆ สะอาดด้วย แต่ว่าไม่อยากให้ถึงกลางคืนเลย เพราะเราไม่อยากนอนที่ห้องนั้น และพอถึงกลางคืนจริงๆ เราก็ไม่ยอมกลับห้อง อยู่มันที่ห้องของเพื่อนนั่นแหละ แต่พอเค้าจะนอนกันเราก็ต้องกลับมาที่ห้องของตัวเอง และตอนจะนอนนั่นเอง...เราสองคนก็เจอ....

แก้ไขเมื่อ 14 ธ.ค. 49 17:45:27

จากคุณ : แรมโบ้มัม - [ 14 ธ.ค. 49 17:41:29 ]

-----------------------------------------------------------------


เรากะสามีเจอเป็นผู้หญิงเดินออกมาจากในห้องน้ำ แล้วก็มายืนปลายเท้าสามีเรา ส่วนเราก็โดนกวนจนไม่เ็ป็นอันนอน (เรากลัวผีมากกกก) จนสามีต้องถอดพระยอดธงจากคอของเค้ามาคล้องให้เรา เราถึงได้สงบลงได้ ไม่งั้นเหมือนจะเสียสติเลยค่ะ (ส่วนสามีเราเค้าเจอจนชินแล้ว เลยเอาพระให้เราและนอนกอดเราแทน) สรุปคืนนั้น ตั้งแต่เราหลับไปสามีเราก็ไม่เป็นอันนอน เพราะว่า "เค้า" หันมากวนสามีเรา ดึงผ้าห่มบ้างอะไรบ้าง ตื่นมาตาเป็นหมีแพนด้าเลย ส่วนเราพอพระถึงคอ ก็หลับไม่รู้เรื่องไปเลยจนเช้า.... และมีแต่ห้องเราที่เจอ ส่วนเพื่อนเรานอนห้องใหญ่ที่อยู่แถวหน้าหาด ไม่มีใครเจออะไรเลยค่ะ

ส่วนชื่อรีสอร์ทที่หลายคนถามมา ขออนุญาตบอกแค่ว่าอยู่แถวต้นหาดอ่าวช่อละกันนะคะ อันที่จริงรีสอร์ทนี้ก็จัดว่าราคาโอเค หาดหน้ารีสอร์ทสะอาดมาก เล่นน้ำได้นะคะ ตอนนั้นบังกะโลห้องละ 600 กว่าบาทเองค่ะ (วันหยุดยาวแถมวอล์คอินด้วย) ไม่รู้ตอนนี้จะราคาเท่าไหร่แล้วเพราะไม่ได้ไปอีกเลย อย่าว่าแต่รีสอร์ทนี้เลย เดี๋ยวนี้แม้แต่เกาะเสม็ดเราก็ยังไม่ยอมเฉียดไปใกล้เลยค่ะ

** แก้ไขข้อความ**
แก้ไขเมื่อ 15 ธ.ค. 49 08:23:44

จากคุณ : แรมโบ้มัม - [ 14 ธ.ค. 49 17:44:10 ]


-----------------------------------------------------------------



อืมม์ เรื่องที่ท่าน จขกท เล่ามานั้น ผมอยากให้มองอีกมุมนึง เพราะผมเคยทำงานในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่ามาก่อน โดยสมัยแรกๆไปอยู่ใหม่ๆ ก็เคยเจอเสียงทุบประตูบ้าง ทุบฝาบ้าง เสียงเดินหนักๆบ้าง ทำเอาแทบจับไข้เลย ในที่สุดลองเสี่ยงพิสูจน์ดู ปรากฎว่าเป็นเม่นครับ ตัวมันไม่ใหญ่แต่เดินเสียงดัง ถามพวกพิทักษ์ป่าเขาว่ากลางคืนยังมีพวกอีเห็นแอบมาหาของกินในครัวอีกด้วย

แต่กรณีของหลายๆท่านไม่มีความเห็นครับ เพราะไม่เคยเจอ มีแต่เพื่อนๆ เล่าให้ฟังถึงอุทยานแห่งชาติแห่งนึงทางใต้ เคยเจอคนนั่งรวมกันเป็นกลุ่มๆ ตอนโพล้เพล้ริมแนวสนชายหาด ชาวบ้านบอกว่าเป็นพวก boat people ชาวญวนที่ถูกฆ่าตายแล้วลอยมาติดหาด ทางอุทยานเลยฝังรวมกันเอาไว้กว่า 200 ศพ

จากคุณ : A Thai student in Wales - [ 14 ธ.ค. 49 18:24:54 ]


-----------------------------------------------------------------


โอ้วว กระทู้นี้ ขอเล่าอย่างเดียว ไม่ขออ่าน 555

ของเราคงไม่น่ากลัวมาก เพราะเพื่อนเจอ ไม่ได้เจอเอง...

ที่ ภูกระดึง ค่ะ

เราไป 10 กว่าปีมาแล้ว นอนบ้านพักที่เหมือนบ้านหมา สามเหลี่ยม อยู่กลางสนาม ปัจจุบันไม่แน่ใจว่ายังมีอยู่รึปล่าว มันเล็กๆ แคบๆ เข้าไปต้องงอๆ ตัว ยืนตรงไม่ได้ มันเตี้ย นอนกะเพื่อนอีกคน

ปกติเราไปใหน ไหว้พระก่อนนอนอยู่แล้ว แล้วก็ขออนุญาตเจ้าที่เจ้าทางเรียบร้อย แต่...

เช้ามืดหลังจากผ่านค่ำคืนแรกไป เราหลับสนิท และสบาย(+หนาว) ตื่นมาตอนตี 4 กะจะไปดูพระอาทิตย์ขึ้น นังเพื่อนมันดันตื่นมาถึงก็พูดว่า

"เมื่อคืนนอนไม่หลับเลยอะ เหมือนมีใครมาดึงผม"

อ้าวววววววว นังบ้า...แล้วจะมาเล่าอะไรกันตอนนี้ นี่มันยังมืดตื๋ออยู่เลยนะเฟ้ย...ไม่ต้องบอกก็ได้ ชั้นไม่อยากรู้นะ

เลยถามมันไปว่าเมื่อคืนหนะ ก่อนนอนไหว้พระป่าว มันบอกว่าไม่อะ...เหอๆๆ โดนทักทายซะแล้ว เลยปลอบใจมันไปว่า ไม่มีอะไรมั้ง คิดมากไปเอง นอนทับผมตัวเองมากกว่า...(ความจริงคือปลอบใจตัวเองด้วย อิอิ)

คืนต่อมา กว่าจะนอนได้ คิดถึงคำพูดมันตั้งนาน 555 ไอ้เพื่อนเลว มาเล่าทำไม...อ้าว แล้วเรามาเล่าให้ชาวบีพีฟังทำไมเนี่ยะ...ฮี่ๆๆ อย่ากลัวจนไม่กล้าไปนะคะ ครั้งนึงในชีวิต คุณควรเป็นผู้พิชิตภูกระดึง นะคร้าบ

ก็ไม่ได้มีอะไรน่ากลัว (ของคนอื่นคงน่ากลัวกว่า เราไม่รู้ เพราะไม่อ่าน 555) ไปใหนมาใหน ไหว้เจ้าที่เจ้าทางไว้ดีกว่าค่ะ

อ้อ บนภูกระดึงมีองค์พระ 2 องค์ เราไหว้ครบ แถมไม่ขออะไรนอกจากขอให้เดินทางท่องเที่ยวราบรื่น ไม่ป่วยไม่ไข้ + ขออย่าให้เจอทาก...ฮิฮิ ได้ผลจริงๆ นะ ไปกันเกือบ 10 คน มีเราคนเดียวรอดปากเหยี่ยวปากทาก 555

จากคุณ : ขอโทษนะคร้าบ ขอแจมด้วยคน - [ 14 ธ.ค. 49 19:19:19 ]


-----------------------------------------------------------------


กลัว แต่ก็จะอ่าน :D
ตัวเองรู้สึกว่าจะไม่มีเซ้นส์ (ขอให้ไม่มีตลอดไป เพี้ยง)

เล่าของญาติละกัน เป็นที่ ตะรุเตา (สิบกว่าปีก่อน) กลางคืนนอนอยู่เคลิ้มๆจะหลับ
เค้าก็เห็นคนยืนอยู่หน้าประตูอยู่นานมากๆ ญาติเราก็เรียกไปนึกว่าเป็นแม่เรา (ซึ่งพักอยู่อีกห้อง)
แต่คนนั้นก็ไม่ตอบอะไรกลับมา เราก็นอนอยู่ด้วยกันนั่นแหละแต่กลับไม่เห็นอะไรเลย รอดตัวไป...

จากคุณ : mojojojo - [ 14 ธ.ค. 49 20:29:43 ]

-----------------------------------------------------------------


อ่านแล้วไม่น่าใจว่าคืนนี้จะนอนหลับไหม กลัวก็กลัวแต่ชอบอ่าน 555
ร่วมแจม เจอกับตัวเองใกล้ๆบ้านเลยค่ะ เป็นสิบปีแล้วหล่ะ
พอดีได้ยินว่าคนร่วมซอยที่รู้จักกันเสียชีวิต มอไซค์คว่ำ
พอ 2-3 วันต่อมาเรานั่งรถกลับบ้านพี่สาวเป็นคนขับ ไม่ดืกนะคะ พลบค่ำ 1 ทุ่มได้ พอผ่านหน้าบ้านพึ่คนนี้ อ้อผู้ชายนะคะ เราก็เห็นเค้านั่งอยู่บนมาไซค์ ใกล้ๆเค้าก็มีคนยืนคุยกันอยู่ตามปรกติมากๆ เค้าก็มองมาทางเรา เราก็มองกลับจำได้ว่ามองอยู่นานเหมือนกันเพราะไม่แน่ใจตัวเอง แต่สุดท้ายก็ชัวร์มากว่าเป็นเค้า ในใจก็นืกว่า อ้าว ยังไม่ตายนี่นา สงสัยข่าวลือ พอถึงบ้านเรากับพี่สาวก็ขึ่มอไซค์ออกจากบ้านไปตลาดกินข้าว พี่เป็นคนขี่ ผ่านทางเดิมเราก็เล็งมองอีกครั้ง เค้าก็ยังอยู่ตรงนั้น พอถึงร้านกินข้าวก็เลยเล่าให้พี่สาวฟัง เค้าก็บอกคอนเฟริม์ว่าเค้าเสียชีวิตแล้วจริงๆจากอุบัติเหตุ แล้วพี่สาวก็บอกว่าวันก่อนเค้าก็เห็นเหมือนกันนั่งอยู่หน้าบ้านตอนดืกๆ ตอนขากลับเข้าบ้านก็ไม่เห็นเค้าแล้ว

สาทุ ขอให้ไปดีนะคะ

จากคุณ : โดดเดี่ยว (malyn) - [ 14 ธ.ค. 49 21:39:27 ]

-----------------------------------------------------------------


เรื่องเล่านี้เป็นประสบการณ์ตรงของผู้ร่วมทริปแม่ฮ่องสอนของพวกเรา (เพิ่งไปมาช่วงวันพ่อนี่เอง) แม้ว่าผู้ประสบเรื่องราวสยองมีเพียง 2 ท่าน แต่หลายๆคนในทริปก็สัมผัสได้ถึงบรรยากาศที่วังเวง ชวนสยองมิใช่น้อยของรีสอร์ทที่ปาย ตั้งแต่ก้าวเท้าเข้าไปที่พัก พวกเราก็ไม่ได้รู้สึกไรมากมัว ตะลึงกับความใหญ่โตของบ้านพัก
แต่ก็รู้สึกแปลกตากับของตกแต่งบ้านแบบโบราณๆ
โดยเฉพาะกระจกบานนึง ดูโบราณมากๆ เพื่อนๆแซวกันว่าเป็นกระจกเหมือนเรื่องทวิภพ
ภาพถ่ายโบราณ ซึ่งงงๆอยู่เหมือนกันว่ารูปใคร เพราะบางรูปพวกเรารู้จักเป็นอย่างดี แต่บางรูปน่ะใครกัน....?

จากคุณ : อยากเป็นไกด์ ใครช่วยที - [ 14 ธ.ค. 49 23:40:47 ]

-----------------------------------------------------------------


บ้านพักชั้นล่างจะเย็นวูบแบบแตกต่างจากชั้นบนมากๆทั้งๆที่เปิดโล่งกว่ามากๆเกินความรู้สึกแปลกๆชอบกลแต่ก็ไม่ได้พูดอารายกัน หลายคนรู้สึกแปลกๆแต่เก็บเอาไว้ก่อน แล้วพวกเราก็ไปเดินเมืองปายยามค่ำคืนกัน แล้วกลับมาที่พักกันตอน3ทุ่มได้ และแล้วความน่าสะพรึงกลัวก็เริ่มขึ้น...

เพื่อนร่วมทริปคนหนึ่งเดินผ่านกระจกบานใหญ่ยาวๆดังภาพด้านบน สายตาเหลือบไปเห็นอารายแว๊บๆในกระจก จึงรีบหันไปมอง
สิ่งที่ทำให้เค้าตะลึงก็คือ "ข้อเท้าหนึ่งซึ่งมีลูกกระพรวนห้อยอยู่กำลังก้าวเท้าเข้าไปในกระจก"
เท่านั้นแหละ เพื่อนคนนั้นรีบเดินกลับมาห้องพักชั้นล่างโดยมิได้ปริปากบอกใคร

เราเองและเพื่อนๆหลายคนก็รู้สึกหวิวๆบอกไม่ถูก ตัดสินใจเอาฟูกมาปูนอนที่พื้นรวมกันโดยไม่อยากนอนบนเตียงเลย กะให้มีเตียงขนาบ 2 ข้างและนอนฟูกที่พื้นตรงกลาง แย่งกันนอนพื้นซะงั้นโดยมิได้นัดหมาย

ตกดึกพวกเราก็หลับกันโดยไม่มีกิจกรรมอื่นก่อนนอนเช่นการเล่นไพ่เหมือนเคย เพราะต้องตื่นเช้า ระหว่างที่หลับกันเป็นตายพี่คนขับรถ เค้าก็รู้สึกตัวตื่นขึ้นมาเพราะมีคนเดินมาเข้าห้องน้ำผ่านเตียงเค้าไป (เตียงอยู่ใกล้ห้องน้ำ) ประตูค่อนข้างฝืด เสียงเปิดประตูจะดังมาก....แอ๊ด!!!!!!! และเสียงคนเข้าห้องน้ำ ตอนนั้นพี่เค้าดูนาฬิกาก็ยังไม่ถึงเวลาที่ต้องตื่นเลย ทำไมมีใครตื่นเร็วจัง(สงสัยอยากเที่ยวจัด) เค้าก็เลยนอนต่อ จนตื่นอีกทีคือพวกเราก็ตื่นมาล้างหน้าแปรงฟันกันแล้ว แต่จิงๆแล้วคืนนั้น ไม่มีใครลุกขึ้นมาเข้าห้องน้ำเลยสักคน (คงเพราะบรรยากาศวังเวง ไม่มีใครลุกมา) หลับยาวทุกคน แล้วใครกันที่เดินมาเข้าห้องน้ำกลางดึก????

ด้วยความสงสัยเราก็เลยโทรไปถามความจริงจากรีสอร์ท แล้วก็ได้ทราบที่มาของเรื่องสยองด้วยล่ะ

สามารถชมภาพบรรยากาศภายในห้องพักได้ที่

//www.bloggang.com/viewblog.php?id=noktour&date=11-12-2006&group=15&blog=2

จากคุณ : อยากเป็นไกด์ ใครช่วยที - [ 14 ธ.ค. 49 23:48:00 ]

-----------------------------------------------------------------


ขอเล่าต่อด้วยเรื่องประสบการณ์ที่ลพบุรีละกัน เพิ่งเจอเมื่อปีที่แล้วนี่เอง ครอบครัีวเราพ่อแม่ลูกจะไปเที่ยวดูดอกทานตะวัน แล้วก็ไปเที่ยวเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ แล้วก็เลยแวะพักที่รีสอร์ทแห่งหนึ่ง 1 คืน

สำหรับรีสอร์ทแห่งนี้จัดอยู่ประเภทกลางเก่ากลางใหม่ คือจะเก่าก็ไม่ใช่ ใหม่ก็ไม่เชิง น่าจะสร้างซักประมาณ 10 ปี ห้องพักจะเป็นห้องแถวๆๆ ติดๆ กัน ขับรถไปจอดหน้าที่พักได้ บรรยากาศโดยรวมก็โอเีค ไม่ใช่รีสอร์ทที่เข้าไปปุ๊บก็สัมผัสได้ถึงพลังงานลบหรือบรรยากาศมาคุแต่อย่างใด

เช็คอินเสร็จ ครอบครัวเราได้ห้องพักที่มีต้นไทรอยู่หน้าห้อง และพอเราเห็นต้นไทรก็เริ่มรู้สึกไม่ดีแล้ว แต่ตอนนั้นยังไม่พูดอะไร พอเปิดห้องเข้าไป สัมผัสพลังงานลบก็เริ่มทำงาน แต่ว่าไม่รุนแรงอะไรมาก เพียงสัมผัสได้แผ่วๆ เท่านั้น ตามเคยค่ะ เราเดินสำรวจ 3-4 จุดภายในห้อง ก็มีโซฟาติดกับประตู, เก้าอี้นั่งปลายเตียง, หน้าต่างด้านที่ติดกับสวน แล้วก็ห้องน้ำ แต่ก็ไม่มีที่ไหนที่จะรู้สึก "แปลก" มากเป็นพิเศษ คือจะรู้สึกรวมๆ เสมอๆ กันไปหมดทุกพื้นที่ในห้อง แต่จุดที่เราไม่ได้เดินไปดูมากนักก็คือ เตียงนอน เพราะตอนนั้นไม่รู้สึกอะไรเป็นพิเศษที่ตรงนั้นเลย เพียงแต่สังเกตเห็นว่ามีไม้แกะสลักเป็นรูปลิงติดอยู่ตรงตำแหน่งหัวเตียงเป็นหัวนอน...ซึ่งตอนนั้นเราก็รู้สึกว่าสวยดี ก็เท่านั้นเอง

จากคุณ : แรมโบ้มัม - [ 15 ธ.ค. 49 09:10:11 ]

-----------------------------------------------------------------


แต่ถึงอย่างไร ความรู้สึกแปลกก็ยังคงอยุ่ เพียงแต่ไม่รุนแรงมากเหมือนหลายๆ ครั้งที่เจอ ก็เลยไม่ได้ใส่ใจ พอเอาของเข้าห้องเสร็จพวกเราก็ออกไปเที่ยว ดูนั่นดูนี่เสร็จ ตกเย็นก็เข้ามาพักที่รีสอร์ท ตอนนี้เองที่ลูกชายเรา (ตอนนั้น 3 ขวบ) มีอาการแปลกๆ กับห้องพัก ทั้งที่ตอนที่เข้ามาตอนแรกเมื่อกลางวันก็ยังปกติดี ไม่ได้มีทีท่่าว่าจะกลัวหรือไม่ชอบสิ่งใดสิ่งหนึ่งที่อยู่ภายในห้องมาก่อนเลย (ปกติลูกชายเราเป็นเด็กชอบเดินทาง ชอบนอนห้องพักตามโรงแรมมากๆ เพราะต้องเดินทางไปโน่นมานี่ตั้งแต่แบเบาะ ดังนั้น จึงไม่ใช่เด็กที่พอแปลกที่แล้วจะงอแงอะไรเลย)

ลูกชายเรายอมเดินไปทุกที่ในห้อง ยกเว้นเตียงนอนที่มีหัวเตียงเป็นไม้แกะสลักรูปลิงที่จะไม่ยอมเข้าใกล้เลย พอถามว่าทำไม ลูกชายเราก็เอาแต่มองไปที่หัวเตียงไม่ยอมวางตา ตอนนั้นเราก็ยังไม่อะไรมาก แค่คิดว่าบางทีแสงเงาที่ตกกระทบไม้แกะสลักอาจทำให้ลูกเรากลัว ก็ปลอบเค้าว่าไม่มีไรหรอกลูก มานอนเถอะ ลิงเค้าไม่ทำอะไรหนูหรอกลูก.... ลูกเราก็เลยยอมขึ้นมาบนเตียงแต่โดยดี แต่ก็ยังไม่ยอมนอน...

...ตาก็จับจ้องอยู่ที่รูปลิง สักพัก ลูกชายก็ยิ้มแหยๆ แบบกล้าๆ กลัวๆ กับรูป แล้วก็พูดขึ้นมาว่า.... "แม่... ลิงเค้ายิ้มให้ม่อนด้วย..."

เรากะสามีมองตากัน เริ่มรู้สึกไม่ดีแล้วละ ก็บอกลูกว่า เหรอครับ ดีจังเลยเนอะ เห็นมั้ย แสดงว่าลิงเค้าชอบลูกนะ ฉะนั้นไม่ต้องกลัวเค้าทำอะไรหรอก นอนซะเถอะลูก

ลูกชายเราก็ยอมนอนค่ะ ก่อนเค้าจะนอนเราก็ยกมือไว้เจ้าที่ ไว้พระกาฬ ให้ช่วยคุ้มครองครอบครัวเราด้วย แต่ลูกชายเรานอนไปได้ซักพักเดียว ก็ร้องออกมาว่า "แม่...ลิงดึงผมม่อน... ลิงดึงผมม่อน" ตลอดเลย ตอนนั้นเค้ายังไม่หลับสนิทดีนะคะ แค่สลึมสลือเท่านั้น แล้วก็ลุกขึ้นทำท่าจะไม่ยอมนอนอีก ต้องปลอบกันอีกพักใหญ่ สามีเราสงสัยว่า บริวารของพระกาฬท่านคงมาทักทาย หรืออยากเล่นกับลูกชายเรา ก็อธิษฐานบอกกล่าวกันอีกครั้ง ก็ยังเหมือนเดิม คือลูกชายเรานอนได้พักเดียว ก็กระสับกระส่ายร้องว่าลิงมาดึงผมอีก....

สามีเราก็เลย... ถอดพระออกจากคอของเค้า (พระองค์เดียวกับที่เคยช่วยเราบนเกาะเสม็ดแหละค่ะ ซึ่งพระองค์นี้เคยช่วยเราและลูกไว้หลายครั้งมากๆ) แปลกแต่จริง พอพระถึงคอเท่านั้นเอง ลูกเราก็หลับสนิท ไม่ร้องโวยวายว่าโดนลิงกวนอีกเลยจนถึงเช้า....

พอลูกหลับ สามีเราก็หลับ แต่เราสิ ยังตื่นอยู่ นอนไม่หลับ ทั้งกลัวทั้งโมโห ที่โมโหก็เพราะว่า ถ้าทำตัวเราเอง ก็ยังพอว่า แต่นี่มายุ่งกะลูกเรา ยอมไม่ได้ ถึงกลัวให้ตายยังไงก็จะปักหลักสู้แหละฟะ

มองไปด้านหน้าห้อง ก็มีเงาของต้นไทรหน้าห้องที่โดนแสงไฟส่องผ่านพาดเข้ามาข้างใน แล้วตรงนั้นก็จะมีชุดโซฟาเอาไว้นั่งเล่น+กินข้าว ตอนนั้นไม่รู้คิดอะัไรเหมือนกัน รู้ว่าตัวเองกลัว แต่ก็คิดว่าจะต้องปกป้องลูก ก็เลย...หยิบรีโมททีวี แล้วก็ลุกขึ้นไปนั่งตรงโซฟา ขวางอยู่ตรงหน้าปากประตูตรงที่ด้านนอกติดกันมีต้นไทรขึ้นอยู่นั่นแหละ ก็นั่งดูทีวีไป ความรู้สึกสัมผัสพลังงานลบยังมีอยู่รอบๆ ตัวตลอดเวลาเพียงแต่จับไม่ได้แน่นอนว่า พลังงานนั้นอยู่ตรงจุดไหน สามีกับลูกก็หลับไปแล้ว เหลือแต่ตัวเราเองนั่งเปิดทีวีเอาเสียงเป็นเพื่อน ยอมรับว่ากลัวมาก แต่ก็ไม่ถอยค่ะ ตั้งใจว่าจะนั่งมันอยู่อย่างนี้จนเช้า ประมาณว่าผีก็ผีเหอะ...กลัวก็กลัวแหละ แล้วก็ไม่เคยคิดว่าตัวเองจะต่อกรหรือสู้รบอะไรกับสิ่งเหล่านี้ได้ด้วย แต่ว่าคงด้วยสัญชาติญาณความเป็นแม่มั้งคะ ลูกข้าใครอย่าแตะ.... ถ้าขืนมาแตะลูกเราละก็จะคนจะผีก็ต้องข้ามศพเราไปก่อน....

ตั้งใจจะนั่งอย่างนั้นทั้งคืน แต่สามีเราได้ยินเสียงโืทรทัศน์ก็เลยตืนขึ้นมาเห็นเรานั่งอยุ่อย่างนั้นก็เลยถามว่าไม่นอนเหรอ เราก็เลยบอกไปว่าเราไม่นอนหรอก เราจะอยู่เฝ้าลูกเรา.... ไม่ว่าจะคนหรือผี ก็ไม่มีสิทธิ์ทำอะไรลูกเราได้ทั้งนั้น..... สามีเราก็ปลอบเรา..บอกว่าคงไม่มีอะไรมากวนลูกเราได้แล้วละ เพราะว่าห้อยพระให้ไปแล้ว พระองค์เดียวกับที่ช่วยเราไว้บนเกาะเสม็ดไง...ฉะนั้น วางใจเถอะมานอนได้แล้วล่ะ.......


....เราก็เลยยอมนอน แล้วคืนนั้นก็ผ่านไป มาตื่นอีกทีตอนรุ่งเช้า.... ซึ่งพอเช็คเอ๊าท์ออกจากโรงแรมมาแล้วสามีเราจึงได้บอกว่า ไอ้ที่เราไปนั่งเฝ้าต้นไทรเมื่อคืนนั่นไม่มีประโยชน์เลย เพราะที่ต้นไทรนั่นไม่มีอะไรหรอก ที่มีน่ะ ตรงหัวเตียง ที่ไม้แกะสลักรูปลิงต่างหาก........



...เรื่องที่รีสอร์ทจบแล้ว แต่เรื่องที่ลพบุรียังไม่จบ ซึ่งหลังจากที่เราออกจากโรงแรมเดินทางกลับบ้านก็ยังมีอะัไรต่ออีกนิดหน่อย...เดี๋ยวค่อยมาเล่าให้ฟังต่อค่ะ.....

จากคุณ : แรมโบ้มัม - [ 15 ธ.ค. 49 09:43:29 ]

-----------------------------------------------------------------


มาขอแจมด้วยคน
ไม่ใช่เรื่องผี นะ เป็นเรื่องราวแปลกดี เคยเล่าไปในพันทิปทีนึงแล้ว
เจอที่สเม็ด ที่แสงเทียนบีช เราพักห้อง สำหรับ 6 คน(อย่ารู้เลยว่าห้องเบอร์อะไร)
คืนแรกที่ไปถึง เราเสียงดังกันมากๆ
ทั้งกินเหล้า และเล่นไพ่ ^ ^"
จนซักตี 1 ได้ เราจะเลิกเพื่อแยกย้ายกันไปนอน
เราเลยเล่นจับใหญ่กัน โดยคว่ำไพ่ทั้งหมด
เปิดทีละคนใครแต้มน้อยสุด ต้องกินเหล้า
เล่นไป เสียงก็ดังเพิ่มขึ้น โดยแต่ละรอบ จะเหลือเศษไพ่ 2 ใบ แต่เล่นไปเล่นมา ไหงเหลือแค่ ใบเดียว
เล่นกันจนเหล้าหมด เลยช่วยกันเก็บกวาดห้อง
จะหาไพ่ที่หายไปด้วย หายังไงก็ไม่เจอ
เพื่อนคนนึงเลยเอาไพ่ที่เหลือมาเปิดดูว่าตัวไหนหายไป
ปรากฎว่าเป็นแหม่มโพธิ์ดำ พวกเราก็งงงง ว่ามันหายไปได้ไง ตอนเปิดไพ่ก็นั่งจ้องกันหมด ไม่มีทางไพ่ซ้อนติดกันแน่ เราง่วงกันแล้ว เลยขี้เกียจสนใจ แยกย้ายกันไปนอน

จากคุณ : หลงซิล่า - [ 15 ธ.ค. 49 12:11:13 ]

-----------------------------------------------------------------


เรานอนอีกห้อง คืนนั้นก็นอนสบายดีไม่มีอะไรเลย
ซัก 11 โมงก็เดินไปรวมตัวกันที่ห้องเมื่อคืน
เพื่อนที่นอนอยู่เมื่อวานไม่ได้เล่นไพ่ ก็พูดขึ้นมา
"เมื่อคืนชั้นได้ยินนะ ไพ่หาย หายตัวไหนไม่หายมาหายแหม่มโพธิ์ดำ"
พวกเราก็งง "ทำไมหรอวะ"
"ก็..ไพ่นี้อ่ะ เวลาดูดวงเขาจะใช้แทนเจ้าที่ผู้ ญ หรือสิ่งลี้ลับ" - -" แจ๊กกกกกกก
เพื่อนเราที่นอนริมหน้าต่างก็พูดขึ้นมา "เออ เมื่อคืนเป็นไรไม่รุ นอนไม่หลับ ยังกะมีคนมายืนอยู่หน้าห้อง"

พูดแล้วมือก็หยิบไพ่ที่อยู่ในกล่องออกมา พอเปิดเท่านั้นแหละ พวกเราก็ขนลุกกันเกรียว เพราะไพ่ตัวแรกที่อยู่บนสุดคือ แหม่มโพธิ์ดำ!!!!!!
- -" พวกเราเลยสันนิฐานว่า อาจเพราะเราเสียงดังเกินไปมั๊ง เจ้าที่เขาเลยมาเตือนเรา ก็เป็นเรื่องแปลกๆ
เล่าสู่กันฟัง

จากคุณ : หลงซิล่า - [ 15 ธ.ค. 49 12:17:31 ]

-----------------------------------------------------------------


เล่าต่อนะคะ เหตุการณ์ดูเหมือนจะสงบแล้ว หลังจากที่เราออกมาจากโรงแรม เราก็ไปเที่ยวฟาร์มนกกระจอกเทศกันต่อ ซึ่งตอนนั้่นลูกชายเราที่ปกติจะเป็นเด็กไม่งอแง ไม่ก้าวร้าวก็เริ่มมีอาการแปลกๆ คือจะออกอาการรวนๆ หน่อยๆ แต่ก็ยังไม่มีไร พอเที่ยวฟาร์มนกกระจอกเทศเสร็จ จะกลับบ้้าน ตอนนี้เองลูกชายเราก็แผลงฤทธิ์อาละวาด ตาแดงก่ำ ทั้งร้องไห้ ทั้งโวยวายลั่นรถไปหมด ซึ่งปกติเค้าจะไม่ใช่เด็กแบบนี้เลย เรากับสามีก็ไม่รู้จะทำไง ก็ได้แต่ทั้งขู่ทั้งปลอบไปตามเรื่อง แต่ลูกชายเราก็ยังไม่ยอมหยุด แต่แล้ว...พอรถแล่นพ้นเขตจังหวัดลพบุรีเข้าสู่อีกจังหวัดเท่านั้นเอง (เพียงแค่ระยะพ้นป้ายจังหวัดลพบุรี เปลี่ยนเป็นป้ายสระบุรีหรือชัยภูมินี่แหละค่ะ) ลูกชายเราก็หยุดอาละวาดทันที หายเป็นปลิดทิ้ง กลับมาเป็นลูกชายที่น่ารักของเราคนเดิม ตาที่แดงก่ำก็กลับมาเป็นปกติ.... หัวเราะเล่นหัวกับพ่อแม่เหมือนเดิม.... ซึ่งจนตอนนี้เรากับสามีก็ยังพูดถึงเรื่องนี้กันอยู่เลย ว่าที่ลูกเราเป็นอย่างนั้นเพราะอะไรกันแน่ เพราะเหตุบังเอิญ หรือว่าอะไร... ที่ทำให้เป็นแบบนั้น....

จากคุณ : แรมโบ้มัม - [ 15 ธ.ค. 49 12:38:29 ]

-----------------------------------------------------------------


เรื่องของคุณหลงซิล่าก็น่ากลัวนะคะ ว่าแต่ทำไมมีคนไปเจอที่เสม็็ดกันเยอะจัง บางคนถึงกลับกลัวไม่กล้่าไปเสม็ดเลย

คืออยากบอกคนที่ไม่กล้าไปเพราะกลัวเจอเหมือนพวกเรานั้น ไม่ต้องกลัวหรอกนะคะ เพราะถ้าคุณเป็นคนที่จะไม่เจออยู่แล้ว ยังไงก็ไม่เจอหรอกค่ะ อ่านกระทู้เพื่อความบันเทิงดีกว่าเนอะ อย่าซีเรียสไปเลย ขนาดคนที่เจอเองหลายๆ คน ทุกวันนี้ก็ยังตะลอนเที่ยวกันอยู่เลยค่ะ (รวมทั้งเราด้วย อิอิ)


มัวแต่กลัวก็ไม่ได้ไปเที่ยวไหนกันพอดีนิ

จากคุณ : แรมโบ้มัม - [ 15 ธ.ค. 49 13:38:32 ]

-----------------------------------------------------------------


เคยเจอเหมือนกันคะ ที่บ้านคะ ตอนนั้นประมานสี่โมงเย็นเราเผลอนอนหลับในห้องนอนเราแต่ เปิดประตูห้องทิ้งไว้
เรานอนหลับยาวไปถึงหกโมงเกือบทุ่มหนึ่ง อยู่ดี เราก้อขยับตัวไม่ได้ มันขยับไม่ได้ตั้งแต่ขามาก่อน จนมาถึง หน้าอก ลุกไมได้เลย เราก้อนึกว่า เป็นเหน็บชา ห้องก้อ มืดๆหน่อย ตอนนั้น เราอยู่บ้านคนเดียวนะคะ
เราก้อพยายามจะลุก ตอนนั้น สายตาเรามองไปที่ประตูห้องซึ่งเปิดอยู่ เห็นเงาผู้ชาย ตัวใหญ่ อยู่ริมประตู เหมือนกะลังเดินเข้า ห้องเรามา แต่เราเห็นแค่ครึ่งเดียวนะคะ หน้าก้อไม่เห็น เค้าพูดกะเราว่า จะไปไหน ไปไหน สามสี่ครั้ง เรากเอ สวดมนต์ใหญ่เลย ทั้ง คริสต์ และก้อ พุธท ก้อยังขยับไม่ได้ ตอนนั้น เราคิดในใจว่า เค้ทำไรเราไม่ได้ ร่างกายเป็นขอลเรา เราต้อง ขัยบได้ เท่านั้นแหละ หาย ชาไปเลย แล้วเราก้อ วิ่งลงมาข้างล่าง กลัวมากตอนนั้น แต่ก้อ ไม่รู้จะไปไหน คืนนั้น เราก้อไม่ค่อยกล้านอนในห้องเรา ขนาดเรานอนกะน้องนะ เราเลยไปนอน กลางดึก เพราะ เรานอน ไม่หลับเลยกลัวมาก
บ้านเราเป็นบ้านใหม่นะคะ ไม่ใช่บ้านเก่ามือสอง เราอยู่ที่บ้านนี่ได้ หลายปีแล้วคะ
ปล แต่เราดป็นคนไม่เคยไหว้ เจ้าที่เลยอะคะ จะออกจากบ้านก้อไม่เคยไหว้ พระ เลยอะคะ
หลังจากนั้น เราก้อไหว้ แล้วเราก้อไม่เคยเจออีกเลย

จากคุณ : galgerchose - [ 15 ธ.ค. 49 14:11:27 ]

-----------------------------------------------------------------


ครอบครัวคุณแรมโบ้มัมนี่ น่ากลัวมาก เจอกันทั้งครอบครัวเลย
คุณแรมโบ้มัมเล่าเรื่องผีเก่งจังครับ บอกรายละเอียดดี คิดตามแล้วขนหัวลุก

สำหรับท่านที่ไม่เคยเจอ ยังไงก็จะไม่เจอนะครับ ผมเองก็ไม่เคยเจอ
ไปนอนเต๊นท์ที่ ภูกระดึง ภูเรือ เลือกเอาที่ๆ ไกลผู้ไกลคนที่สุด ยังไม่เจอผีเลย เจอหมาจิ้งจอกแทน -_-"
บางทีคนที่กลัวอยู่แล้ว ได้ยินเสียงอะไรก็คิดว่าเป็นผี อย่างเสียงลม เสียงผ้าใบกระทบกันก็นึกว่าเสียงผีเดินรอบเต๊นท์

อย่างบ้านกุหลาบขาวที่ภูกระดึง ผมกะเพื่อนก็ออกไปดูมา ตอนดึก ที่เค้าไม่ให้ออกไปไหนแล้ว
บ้านนี้มันอยู่ทางออกไปป่า หลังสุดท้ายเลย ดึกๆ เอาไฟฉายส่องเข้าไปดู ก็ไม่เจออะไร
แต่เจอหมูป่า กับกวาง หลายตัวมาก ยืนจ้องเราในความมืด ตกใจมากเพราะแทบจะเดินชนกวาง


แต่ผมไปนอนต่างถิ่น จะไหว้เจ้าที่ตลอด บอกท่านว่ามาขอนอนด้วย และให้คุ้มครองเราด้วย
ทั้งๆ ที่จริงแล้ว ผมไม่เชื่อเรื่องพวกนี้เลย ไม่เชื่อแบบพูดจาหลบหลู่ด้วย แต่เพื่อความสบายใจ ก็ทำไว้ครับ

แต่ก็น่าแปลกนะครับ หากไปนอนตามป่าตามเขา ถ้าคืนไหนไม่ได้ไหว้เจ้าที่ คืนนั้นจะนอนแล้วฝัน ตื่นมาจะเหนื่อย
คืนไหนไหว้เจ้าที่ก่อน จะหลับรวดเดียวตื่นเช้าเลย ตื่นมาสดชื่น นอนเต็มอิ่ม

จากคุณ : Toddy&Hammy - [ 15 ธ.ค. 49 14:57:43 ]

-----------------------------------------------------------------


มาแล้วคะ อันนี้เป็นเรื่องเกี่ยวกะโรงแรมคะ แต่ไม่เจออะไรนะคะ แต่ถ้าอยู่ต่อนี่ไม่รู้จะเจอรึป่าวก้อไม่รู้

โรงแรมแรก ตอนนั้น เราไปเชียงใหม่คะ แถวไนท์บลาซ่านะคะ ตึกแล้ว เราไม่ได้จองโรงแรมไว้ เลยต้องเดินตะเวนหากัน แล้วก้อได้ โรงแรมหนึ่ง แถวนั้น พอเข้าไปจอดรถ ก้อเห็นเหมือนเรือนไทย คงเป็นที่กินข้าวมั่ง เหมือนขันโตก แต่มันวังเวงพิกล ในใจเราไม่อยากพักที่นี่เลย เรารู้สึกว่า มันแปลกๆอะ ห้องที่เราพัก อะ มองลงมาก้อเห็นเรือนหลังนั้น อยู่ เราก้อ ไปยืนมอง เรือนหลังนั้น ระหว่างรออาบน้ำ แต่ไม่เห็นไรหรอกนะคะ แต่ทำไม ตอนนั้น เราถึง ไม่มองที่อื่นเลย มองแต่ที่นั่น อยู่ได้
พอเช้ามาเราก้อบอกกะแม่ว่า โรงแรมนี่มันยังไงๆ ไม่รู้นะแม่ แม่เราก้อบอกว่า แม่ก้อว่างั้น แต่แม่เราก้อไม่เจอไรนะคะ

พี่ชายเรามีเพื่อนเป็นคนเชียงใหม่ เค้า บอกว่า ไปพักที่นี่ได้ไง มีคนเคยเจอนะ แล้วพี่เราเพิ่งมาบอกตอน เราเข้าพักแล้วนะเนี่ยะ แต่ก้อ โชคดี ที่ไม่เจอนะ เรายกมือไหว้ ก่อนนอน ด้วยแหละ เพราะ เราสังหร ยังไงชอบกล

จากคุณ : galgerchose - [ 15 ธ.ค. 49 15:02:36 ]

-----------------------------------------------------------------


สิ้นปีนี้ครอบครัวเราโครงการไปเที่ยวดอยที่เชียงรายอีก จะนอนที่ลำปาง 1 คืน บนดอยแม่สลอง 1 คืน ที่แม่สาย 1 คืน แล้วก็ตากอีก 1 คืน เตรียมท่องบทสวดมงกุฎพระพุทธเจ้าไว้เรียบร้อยแล้ว เพื่อความสบายใจ เพราะปกติเป็นคนที่ท่องแต่นะโมได้อย่างเดียว มากกว่านั้นไปไม่เป็นแล้ว คราวนี้เลยเตรียมท่องไว้เป้นที่พึ่งทางใจเลยแต่เนิ่นๆ (อยากสวดชินบัญชรได้จัง แต่ยาวมากเลย จำไม่ได้ซักที)

อิติปิโส วิเสเสอิ อิเสเส พุทธนาเมอิ อิเมนา พุทธตังโสอิ อิโสตัง พุทธปิติอิ

จากคุณ : แรมโบ้มัม - [ 15 ธ.ค. 49 15:42:25 ]

-----------------------------------------------------------------


คห.38 มีผู้มีประสบการณ์เรื่องผีบอกว่าถ้ากลัวเจอผีอย่าสวดชินบัญชร เพราะผีจะชอบและยิ่งมากันใหญ่ค่ะ เขาบอกให้สวดบทอื่นแทน แต่จำไม่ได้ว่าบทไหน

จากคุณ : Tiwanon48 - [ 15 ธ.ค. 49 16:27:14 ]

-----------------------------------------------------------------


มีเหมือนกัน ไปเที่ยวที่สัตหีบกับแฟนมา พอดีน้องแฟนเป็นทหารเรืออยู่ที่นั่น ตอนแรกจะเข้าพักที่พักของทหารเรือ แต่มันเต็ม น้องชายก็เลยบอกให้ไปพักที่บ้านพักของน้องแทน พอดี room mate กลับบ้านที่ต่างจังหวัดห้องเลยว่าง 1 ห้อง เราก็ OK ประหยัดดีด้วย ตอนแรกเข้าไปในห้องนอนก็ไม่มีอะไร ก็เป็นห้องโล่ง ๆ มีเตียง 1 เตียง ตู้เสื้อผ้า ทีวี แล้วก็วิทยุ หลังจากเก็บข้าวของเรียบร้อย พวกเรา 3 คนก็ออกไปซื้อของเพื่อเตรียมไปตกปลาหมึกกัน เราเริ่มตกปลาหมึกกันตั้งแต่ 2 ทุ่ม จนถึงเที่ยงคืน แล้วก็กลับบ้านนอน

คืนแรกผ่านไปด้วยดีไม่มีอะไร คืนที่ 2 เราก็ออกไปตกปลาหมึกกันอีก แต่คราวนี้ตกกันจนถึงตี 3 กลับถึงบ้านก็ราว ๆ ตี 3 ครึ่ง พอล้มตัวลงนอนซักพัก (ย้ำว่าซักพักจริง ๆ ) ตัวเราเองนอนติดกับกำแพง นอนตะแคงข้างหันหน้าเข้าผนังห้องแล้วหันหลังให้แฟน นอนได้พักเดียวก็ได้ยินเสียงผู้หญิงมาพูดข้าง ๆ หู แต่ได้ยินไม่ชัดเหมือน ๆ กับเสียงคนพูดแล้วมีคลื่นแซก มันจะขาด ๆ หาย ๆ จับใจความไม่ได้ แต่ตอนนั้นตัวเราขยับไม่ได้เลยนะ นอนลืมตาอยู่ด้วยยังเห็นผนังห้องเลย พยายามดิ้นอยู่พักหนึ่งแต่มันไม่ยอมขยับก็เลยท่องบทสวดมนต์ภาษาจีน ที่ขึ้นต้นประโยคว่า "ชุกมึ้ง หนิ่มเตี่ย ซัมป่อฮอ......." ก็พอขยับมือได้เราก็เลยเอานิ้วมือดีดผนังห้องกะว่าแฟนคงจะได้ยินดีดอยู่นานมาก ดีดไปด้วยท่องไปด้วย ยังเอาข้อศอกไปกระทุ้งสีข้างแฟนเลย พอดีเค้าสะดุ้งตื่นถามว่ามีอะไร เราก็หลุด ก็เลยบอกแฟนว่า เนี่ยมีผู้หญิงมานั่งทับตัวเรา แฟนก็ถามว่าแล้วไปหรือยังล่ะ เราก็บอกไปแล้ว แฟนเราก็บอกอืม.....นอนต่อเถอะคงไม่มีอะไร เค้าก็คว้าตัวเราเข้าไปกอด แล้วเราก็หลับไป.....

ตื่นอีกที 6 โมงเช้า แฟนเรารีบไปเปิดไฟ แล้วก็กลับมานอนต่อ ปกติเราจะนอนไม่หลับถ้ามีแสงไฟแต่ครั้งนี้แฟนเราบอกเปิดไปเถอะเช้าแล้ว อีกแป๊ปเดียวก็ต้องเตรียมตัวกลับกรุงเทพแล้วนิ พอตอนไปกินข้าวเช้าเราก็เล่าเรื่องนี้ให้น้องชายฟัง เค้าก็บอกว่าอืม...เคยมีคนเจอเหมือนกันเป็นแฟนของ room mate มานอนค้างแล้วก็เจอคล้าย ๆ แบบเนี้ย ส่วนตัวน้องชายก็เคยได้ยินเสียงเหมือนคนคุยกันในห้องตอนเพื่อนไม่อยู่ ก็นึกว่าลืมปิดทีวี เดินเข้าไปดูก็ไม่มีอะไร แฟนเราก็บอกอีกว่าหลังจากที่เรานอนไปแล้วเค้าก็ไม่หลับอีกเลยจน 6 โมงเช้า เค้าได้ยินเสียงเหมือนกันแต่เค้าไม่บอกเรา เค้ากลัวมาก ๆ ไม่กล้าแม้แต่จะลุกขึ้นไปเปิดไฟ ตอนที่เราบอกตอนแรก เค้ารอจนเช้าก่อนแล้วจึงรีบไปเปิดไฟ.........

จากคุณ : nangtanee - [ 15 ธ.ค. 49 17:24:47 ]

-----------------------------------------------------------------


ยังมีอีกเยอะเลยค่ะ ก๊อปมาแปะไม่ไหว สนใจอ่านเรื่องอื่นๆ ดูในกรอบด้านล่างนี้นะคะ






Create Date : 11 กันยายน 2551
Last Update : 12 กันยายน 2551 8:21:40 น.
Counter : 612 Pageviews.

2 comment
บนตึกคณะเภสัช
ย้อนกลับไปสมัยเรียนมหาลัย ตอนนั้นก็เป็นแฟนกับคุณสามีแล้วล่ะ

แล้วก็นะ อย่างที่รู้ๆ กันจากตอนที่ผ่านๆ มาว่าคุณสามีเราเนี่ย เซ้นส์ดีสุดๆ ซึ่งในภายหลัง อิตาคุณสามีก็ใจดีแจกจ่ายเจ้าเซ้นส์นี้มาให้เราด้วย... (ซึ่งเราไม่ได้อยากได้เล้ยย เอามาให้ชั้นทำม้ายยย... อิตาบ๊อง T__T)

จำไม่ได้แล้ว่าตอนนั้นเรียนอยู่ปีอะไร แต่ว่ามันมีอะไรซักอย่างที่ทำให้ต้องขี่จักรยานผ่านตึกคณะเภสัชตอนดึกๆ อ่ะ

สมัยนั้น คณะวิศวะยังไม่เกิด ยังเป็นแค่คณะเล็กๆ อาศัยตึกห้องสมุดเก่าเป็นตึกเรียน ดังนั้น กรุณาดีลีทภาพแสงสีและความเจริญในสมัยนี้ไปได้เลย

ถัดจากคณะเภสัชไปก็ไม่มีแล้ว ตึกรามอาคารต่างๆ พงอ้อพงแขมรกชัฏทั้งนั้น แต่เรื่องความปลอดภัยหายห่วง เพราะตอนนั้น ความปลอดภัยยังมีอยู่มาก ทั้งภายนอกและภายในมหาลัย (แต่สมัยนี้ไม่ทราบ)

เข้าเรื่อง ถึงแม้ว่าตอนนั้นจะเป็นแค่แฟนกัน แต่เราขอเรียกคุณสามีก็แล้วกันเนอะ พาหนะสมัยนั้นที่ใช้กันเกร่อก็คือจักรยาน ด้วยจักรยานคันเดียวเนี่ยแหละที่สามารถขี่กันไปได้เกือบทั่วเมืองนครปฐม

คุณสามีขี่จักรยานโดยมีเราซ้อนท้าย มีเพื่อนคุณสามีขี่ตามมาอีกกลุ่มหนึ่ง ตอนนั้นกะเวลาก็ดึกแล้วแหละ ไม่แน่ใจว่าไปทำอะไรกันมาถึงต้องผ่านตรงนั้นเวลาดึกๆ (ไม่รู้เกี่ยวกับซ้อมละครที่คณะเราหรือเปล่า หรือแค่อยากจะขี่จักรยานชมวิวกันเฉยๆ หรือว่าขี่จักรยานแล้วไปนั่งเล่นกันอยู่ที่ตึกนั้นก็ไม่ทราบ (คือมันนานแล้วอ่ะจ้ะหลานๆ ป้าเริ่มหลง..)

เอาเป็นว่า จำที่มาที่ไปถึงการไปอยู่ตรงนั้นไม่ได้ เอาเป็นว่า พวกเราขี่กันมาจากทางบ้านพักครู ผ่านด้านหลังโรงละครคณะอักษร โดยใช้ถนนเส้นเล็กๆ ซึ่งเชื่อมต่อไปยังคณะเภสัชก็แล้วกัน (ไม่รู้ตอนนี้ถนนเส้นนั้นยังมีอยู่หรือไม่)

พวกเราขี่กันมาดีๆ และคุณสามีก็ไม่ได้แสดงอะไรผิดปกติ เพื่อนๆ ที่มาด้วยกันก็ไม่มีใครรู้สึกอะไร ต่างก็พูดคุยกันสนุกสนานตามปกติ

จนกระทั่งพ้นระยะตึกคณะเภสัชมา คุณสามีก็ถามเพื่อนๆ (รวมทั้งเรา) ว่า มีใครเห็นอะไรอย่างที่เค้าเห็นบนตึกคณะเภสัชหรือไม่

ทุกคนพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าไม่เห็น คุณสามีก็เลยบอกว่า เค้าเห็น...

จังหวะที่ขี่รถผ่านด้านหลังของตึก ซึ่งข้างบนตามปกติในเวลานั้นซึ่งดึกมากแล้วจะต้องไม่มีใครอยู่แล้วล่ะ

แต่คุณสามีกลับเห็น.... ผู้ชายคนหนึ่ง ใส่เสื้อคอกลมสีขาว หน้าออกซีด ลักษณะมีอายุพอสมควร ยืนอยู่ริมหน้าต่าง... ข้างบนตึกนั้น

จะว่าเป็นคนก็ไม่น่าใช่ เพราะว่าคุณสามีเราแยกได้ว่าอันไหนคน อันไหนไม่ใช่


...และที่สำคัญ... ข้างบนนั้นไม่ได้เปิดไฟ และผู้ชายคนนั้น โผล่มาให้เห็นชัดๆ..แค่ครึ่งตัว ตั้งแต่ช่วงอกขึ้นไป...



พอทุกคนได้ฟังดังนั้น ณ ตอนนั้นยังไม่พ้นเขตของคณะเภสัชดีเลย... ก็จะอยู่กันทำไม วงแตกสิค้าบพี่น้อง... โอ๊ยย อยากจะบ้า



หลังจากวันนั้น พอไปลองถามดูก็ได้ความว่า คณะเภสัชเคยมีอาจารย์อยู่ท่านหนึ่งที่ทุ่มเทให้กับการสอนมาก จนกระทั่งเสียชีวิต (จำไม่ได้แล้วว่าเสียชีวิตยังไง เสียที่คณะหรือที่ไหน แต่สรุปได้ว่าวิญญาณของท่านยังคงอยู่ที่นั่น) ลักษณะตรงกับที่คุณสามีเราเห็นทุกประการ

จากวันนั้นถึงวันนี้ จำเนียรกาลก็ผ่านมาสิบกว่าปีแล้ว ไม่รู้ว่าท่านยังคงอยู่ที่นั่นหรือเปล่า เด็กๆ สมัยนี้ หากผ่านไปที่บริเวณนั้นตอนกลางคืน ลองเงยหน้าขึ้นมองที่ข้างบนตึกให้ที ไม่แน่นะ... บางที... อาจจะเห็นชายเสื้อขาวกำลังมองตอบน้องๆ มาจากตรงนั้นก็ได้.....



เอ้า... ซาวด์ประกอบบรรเลง


หื่อ...ฮือ...ฮื้อ...ฮือ...ฮื้อ...ฮือ......

หื่อ...ฮือ...ฮื้อ...ฮือ...ฮื้อ...ฮือ......

หื่อ...ฮือ...ฮื้อ...ฮือ...ฮื้อ...ฮือ......




Create Date : 14 สิงหาคม 2551
Last Update : 20 พฤษภาคม 2558 9:15:42 น.
Counter : 531 Pageviews.

4 comment
1  2  3  4  

แรมโบ้มัม
Location :
ชลบุรี  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 4 คน [?]



บ้านเราชอบเดินทางท่องเที่ยวที่สุดในโลก...

บ้านเราใช้บริการจองที่พัก จองตั๋วเครื่องบินราคาประหยัด จองตั๋วรถทัวร์ รถเช่าทั่วไทยออนไลน์ที่ FAMILYLOVETRIP.COM จองโรงแรมที่พัก ตั๋วเครื่องบิน ตั๋วรถทัวร์ เช่ารถ ค่ะ







Color Codes และวิธีแต่ง Blog คุณ ป้ามด

Color Codes และวิธีแต่ง Blog คุณ lozocat

BG สวยๆ และวิธีแต่ง Blog คุณ paradijs

โค้ดง่ายๆ สำหรับ Blog คุณ ป้ามด