Group Blog
 
All blogs
 
*** มารู้จัก เวทนา ผัสสะ อายตนะ 6 กันเถอะ ***





สัมมาทิฏฐิ ตามพระเถราธิบายของท่าน พระสารีบุตรเถระ


ความรู้จักเวทนา


สัมมาทิฏฐิ คือ รู้จัก เวทนา รู้จักเหตุเกิดแห่งเวทนา คือสัมผัส หรือ ผัสสะ


รู้จักความดับแห่งเวทนา คือรู้จักว่าเวทนาดับเพราะดับสัมผัส หรือ ผัสสะ


รู้จักทางปฏิบัติให้ถึงความดับเวทนา คือรู้จักมรรคมีองค์ 8


เวทนา จำแนกไว้เป็น 3 ข้อ


1. สุขเวทนา เป็นสุขทางกายทางใจ


2. ทุกขเวทนา เป็นทุกข์ทางกายทางใจ


3. อทุกขมสุขเวทนา คือเวทนาที่มิใช่สุขและทุกข์ทาง กาย ทาง ใจ


เวทนาเป็นที่ตั้งของ ราคะ โทสะ โมหะ


สุขเวทนา เป็นที่ตั้ง ของ ราคะ คือติดใจยินดี


ทุกขเวทนา เป็นที่ตั้ง ของโทสะ คือความโกรธแค้นขัดเคือง


เวทนาที่เป็นกลางๆ เป็นที่ตั้งของโมหะ คือความหลง


เพราะเป็นเฉยๆด้วยความไม่รู้ คือไม่รู้จัก

เมื่อไม่รู้จักก็เป็น โมหะ คือความหลง




****************


ความรู้จัก ผัสสะ


คือ ความรู้จักผัสสะ คือ รู้จักสัมผัส 6 ได้แก่

1. จักขุสัมผัส คือสัมผัสทาง ตา

2. กายสัมผัส คือสัมผัสทาง กาย

3. ชิวหาสัมผัส คือสัมผัสทาง ลิ้น

4. ฆานสัมผัส คือสัมผัสทาง จมูก

5. มโนสัมผัส คือสัมผัสทาง ใจ

6. โสตสัมผัส คือสัมผัสทาง หู


รู้จักเหตุแห่งผัสสะ คือรู้จักว่า ผัสสะเกิดขึ้นเพราะอายตนะ6

รู้จักดับผัสสะ คือรู้จักว่า ผัสสะดับเพราะอายตนะ 6 ดับ

รู้จักทางปฏิบัติให้ถึงความดับผัสสะ คือรู้จักมรรคมีองค์ 8


ผัสสะ หรือ สัมผัส แปลว่า ความกระทบ


ความหมายในทางธรรมะ

หมายถึง ความประชุมกันของ อายตนะภายใน อายตนะภายนอก และวิญญาณ

แต่ละทาง ในทาง 6 ทาง คือ

อายตนะภายในได้แก่ ตา

กับอายตนะภายนอก ได้แก่ รูป มาประจวบกัน

ก็คือ จักขุวิญญาณ ความรู้ทางตา

หรือ อายตนะภายในได้แก่ หู

มาประจวบกับอายตนะภายนอก ได้แก่ เสียง

ก็คือ โสตวิญญาณ คือ ความรู้ทางหู

เมื่อพิจารณาดู ผัสสะ หรือ สัมผัสนี้ เป็นของละเอียด

กำหนดได้ยาก ดังที่เมื่อ ตา กับ รูป ประจวบกัน

ก็เกิดความรู้ รูป คือเห็นรูป เรียกว่า จักขุวิญญาณ

ทุกคนย่อมจะรู้ว่าได้ เห็นรูป


และเมื่อไม่เห็น ก็ย่อมรู้ว่าไม่เห็น แต่โดยมากนั้น

เมื่อไม่เห็นในสิ่งที่ต้องการจะไม่เห็น

แต่ว่าไปนึกถึงสิ่งที่เห็นนั้น

คือข้ามไปถึงขั้นที่เป็นสังขารปรุงคิดปรุง หรือคิดปรุง

ข้ามไปถึงที่เป็นกิเลสขึ้นมา

เป็นความยินดี ความยินร้าย

โดยมากผู้ไม่ปฏิบัติธรรม มักจะไม่คิดถึงตัวรู้ประกอบกันไป

อยู่กับความคิดปรุงหรือความปรุงคิดและไปติดอยุ่ในกิเลส

ยินดี ยินร้าย หลงงมงาย

อันบังเกิดขึ้นจากสิ่งที่คิดปรุงหรือปรุงคิด


จึงมิได้คิดถึงตัวรู้ ว่าอันที่จริงนั้น

ทุกคนคิดอะไร ก็รู้ไปด้วยว่าคิดอะไร


ฉะนั้นหาก กำหนดตัวรู้ที่ไปกับตัวคิดปรุง หรือปรุงคิด

ก็ย่อมจะจับตัวรู้ได้

ก็จะรู้ว่านั้นเป็น วิญญาณ




*************


ความรู้จัก อายตนะ 6


คือรู้จักสฬายตนะ อายตนะ 6 คือ


ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ

รู้จักเหตุเกิดแห่งอายตนะ คือรู้จักว่า เพราะ นามรูป เกิด

จึงเกิด อายตนะ


รู้จักความดับแห่ง อายตนะ คือรู้จักความดับแห่ง นามรูป


รู้จักทางปฏิบัติแห่งความดับอายตนะ คือรู้จักมรรค์มีองค์ 8




อายตนะแปลว่า ที่ต่อ คือ ตาต่อกับรูป

จมูกต่อกับกลิ่น เป็นต้น

อายตนะมี 2อย่าง คู่กัน

คืออายตนะ ภายใน กับ อายตนะภายนอก

อายตนะภายใน ได้แก่

ตา หู จมูก ลิ้น กาย และใจ


อายตนะถายนอก ได้แก่ รูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส และเรื่องราว


อายตนะภายนอก หรือ เรียกว่า อารมณ์ 6 หรือเรียกว่า

ทวาร ทั้ง 6 หรือยังเรียกว่า อินทรีย์ ซึ่งหมายถึง อายตนะ6 นั่นเอง

พระพุทธเจ้าทรงสอนให้ สำรวมอินทรียสังวร

คือสำรวม ตา หู จมูก ลิ้น กาย และใจ

โดยที่เมื่อเห็นอะไร ได้ยินอะไร

ก็ไม่ยึดถือสิ่งเหล่านั้นทั้งหมด หรือบางส่วนยินดียินร้าย

เพราะเมื่อยึดถือ ยินดี ยินร้าย

บาป อกุศลธรรมทั้งหลาย จะไหลเข้าสู่จิต

ความสำรวม นี้ คือ สติ


เพราะฉะนั้น สติ จึงเหมือน นายทวารประตู

ที่จะรับ หรือไม่รับ บุคคล ที่เข้าประตู

ถ้าเป็นผู้ร้ายก็ไม่ให้เข้า

ถ้าเป็นมิตรดี ญาติมิตรสหายก็รับ

ใช้สติและปัญญา กำหนดรู้ กระแสของ ตัณหา

ก็เหมือนบุคคลที่ตกไปในกระแสน้ำ

และพอใจเสียด้วยในกระแสน้ำนั้นๆ

พอใจที่จะลอยคอหรือว่ายน้ำเล่น

พระพุทธเจ้าตรัสเปรียบ

คนที่ลอยคอในกระแสน้ำ

ก็คือ กระแสตัณหา

พอใจที่จะสนุกเพลิดเพลิน

โดยไม่รู้ว่า ในกระแสน้ำที่กำลังสนุกเพลิดเพลินนั้น

เป็นกระแสน้ำที่เต็มไปด้วยภัยอันตราย

โดยที่ปล่อยให้ลอยไป

ก็ย่อมจมลงไปในห้วงกระแสน้ำลึก

อันเป็นตัวสังโยชน์ทั้งหลาย

อันประกอบไปคลื่นทั้งหลาย ได้แก่

โทสะ โมหะ และอุปายะ คือความคับแค้นใจทั้งหลาย

และพระพุทธเจ้าทรงเตือนจะได้สติ

ว่ายทวนกระแสน้ำเข้าฝั่งได้








Create Date : 03 ธันวาคม 2549
Last Update : 3 ธันวาคม 2549 13:06:39 น. 0 comments
Counter : 6521 Pageviews.

รักดี
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [?]




นามแฝง ชื่อ รักดี

ชอบดอกไม้ รักหมา

ไม่รังเกียจแมว

ไม่อาลัยในสิ่งที่ผ่านไปแล้ว

อยู่กับปัจจุบัน

และทำปัจจุบันให้ดีที่สุด

ไม่กังวลหรือเป็นทุกข์

กับสิ่งที่ยังมาไม่ถึง












Friends' blogs
[Add รักดี's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.