|
*** มีศีล 5 โดยไม่ต้องถือศีลกันเถอะ ***
|
การถือ เปรียบเหมือนการถือสิ่งของไม่ว่าของสิ่งนั้นจะเป็นของหนักหรือของเบา ท้ายที่สุดแล้วก็จะเกิดความเหนื่อยความเมื่อยล้า จนต้องปล่อยของสิ่งนั้นทิ้งไป
การยึด คือการจับเอาไว้ไม่ยอมปล่อย ลองให้ใครไปยึดยื้ออะไรไว้เป็นเวลานานๆในที่สุดก็จะเกิดความเมื่อยความล้าได้
การถือก็จะเปรียบเหมือนการถือของหนัก ถ้าเราไม่ถือของหนักมากหรือหนักน้อยหากเราไม่ยึดถือเลย เราก็จะเกิดความรู้สึกเบาโล่งสบาย ลองคิดดูว่าระหว่างการถือของกับการไม่ถือของอันไหนจะเบาสบายกว่ากัน
ถ้าหากเราไม่ยึดไม่ถือแล้วเราจะเป็นคนดีมีศีลธรรมได้อย่างไร
ข้อนี้เรากำลังจะบอกวิธีง่ายๆดังต่อไปนี้
ข้อแรก การไม่ฆ่าสัตว์
ให้เราสร้างหรือฝึกการมีความเมตตาให้มีขึ้นในจิตใจ
ความเมตตานี้จะเกิดไม่ได้ถ้าคนเราไม่สร้างขึ้นในจิตใจก่อน เมื่อไม่เมตตาก็ไม่มีความสงสาร เมื่อไม่มีความสงสารก็ไม่มีความเห็นอกเห็นใจ
เราจึงต้องฝึกความเมตตาความสงสารให้มากๆ ไม่ต้องคิดถึงเรื่องบาปเรื่องกรรมเวรอะไร ให้คิดว่าสัตว์ทุกชนิดก็มีความรู้สึกร้อนหนาวเจ็บปวดเหมือนกับเรา รักตัวกลัวตายเหมือนๆกับเรา สมมุติว่ามีคนจะเข้ามาทำร้ายเราเราก็จะรักตัวกลัวตายเหมือนกันเจ็บปวดเหมือนกัน ซึ่งก็เหมือนกับสัตว์โลกทั่วๆไป
เมื่อคนเราคิดได้แบบนี้ ก็จะเกิดความรู้สึกเห็นอกเห็นใจขึ้นมาเอง ทำให้เกิดการฆ่าไม่ลง ทำร้ายไม่ได้ แม้แต่มดแมลงตัวเล็กๆ เราก็ฆ่าไม่ลง จึงเกิดศีลขึ้นมาโดยอัตโนมัติ โดยไม่ต้องเสียเวลาไปยึดไปถือศีลเลย
เมื่อคนไม่ฆ่าสัตว์ไม่ว่าจะเป็นสัตว์เล็กสัตว์ใหญ่ จะเกิดความสุข ความสบายใจว่า เราไม่ได้ทำร้ายอะไรให้มีอันจบชีวิตไป จิตใจเราก็จะเบาสบาย กินอิ่มและนอนหลับสบาย เพราะไม่ต้องคอยวิตกว่า อะไรที่เราฆ่าไปจะมีผลเกิดขึ้นมาทำร้ายเราตอบ และไม่ต้องเป็นทุกข์ว่า ตำรวจจะมาจับเราเข้าคุกเพราะเราไปขโมยของใคร และไม่ต้องวิตกกังวลในทุกเรื่องที่เกี่ยวกับศีล
เราจะรู้สึกสุขสบายทั้งกายและใจ
ถ้าจะนั่งสมาธิ สมาธิก็จะเกิดขึ้นอย่างง่ายดาย เพราะมีศีลอยู่ตลอดเวลา โดยไม่ต้องไปยึดไม่ต้องไปถือ
หากคนเราถือศีลโดยไม่มีความเมตตาสงสาร โอกาสที่ศีลจะหมดไปหรือศีลขาดไปก็ง่ายมาก
ข้อที่ 2 การไม่ขโมย
ให้เราคิดอยู่ในใจเสมอๆว่า ของของใครใครก็รักก็หวง หากใครมาเอาไปเราจะรู้สึกอย่างไร เสียดายไหม เสียใจไหม เมื่อคิดได้ประมาณนี้ เราจึงขโมยของใครไม่ได้ เพราะจะเกิดความรู้สึกเห็นอกเห็นใจคนอื่นเหมื่อนกัน
คนที่ขโมยของของคนอื่นได้ คือคนที่ไม่เห็นอกเห็นใจคนอื่น ไม่สงสารผู้อื่น ยกตัวอย่างเช่น นายดำปลูกผลไม้ไว้กิน พอผลไม้ออกผล ก็มีคนมาขโมยเอาไปเกือบหมด ทำให้นายดำ เสียดายของเพราะลงแรงกายแรงใจใส่ปุ่ยพรวนดินดูแลต้นไม้นี้ไว้มาก ก็หวังจะได้ผลไม้ไว้ทำประโยชน์ แต่มีคนมาขโมยไปแล้วการทำประโยชน์จึงเหลือน้อยลงไป คนที่ขโมยจึงเป็นการเบียดเบียนผู้อื่น
ข้อที่ 3 การไม่ประพฤติผิดในกาม
ข้อนี้ถ้าคิดดีๆก็คล้ายข้อสองคือ ของรักของหวงของใคร ใครก็หวง เราต้องเห็นอกเห็นใจผู้อื่นให้คิดย้อนมาถึงตัวเองว่าหากเรามีของรักของหวงหากใครมาแย่งไป เราก็จะรู้สึกเสียใจไม่แพ้กัน วิธีที่ไม่ยุ่งกับผู้ที่มีเจ้าของหรือมีคนหวงเราต้องคิดย้อนนึกถึงตัวเองบ่อยๆว่าหากเรามีคนที่รักแล้วมีคนมายุ่งเกี่ยวด้วยเราจะรู้สึกอย่างไร
เมื่อไหร่ที่คิดได้ ข้อนี้ก็จะเกิดขึ้นไม่ได้เพราะทำร้ายใครไม่ลง
ข้อที่ 4 การไม่พูดโกหก
ให้เราคิดเสมอๆว่า พูดโกหกแล้วหากคนมารู้ความจริงทีหลังเราจะกลายเป็นเด็กเลี้ยงแกะ ไม่มีใครเชื่อถือ และถูกมองว่าเป็นคนสตอเบอรี่ และการโกหกเป็นการสร้างความเสื่อมให้กับตัวเอง เพราะตัวเองย่อมรู้ความเป็นจริงว่าความจริงเป็นอย่างไร คนอื่นไม่รู้แต่ตัวเองย่อมรู้ ทำให้ไม่มีความสุขลึกๆในใจเพราะพูดคำไม่จริง จิตใจตัวเองก็จะเสื่อมไปเรื่อยๆ
ข้อที่ 5 การไม่ดื่มน้ำเมาหรือดื่มสุรา
ให้เรารู้ถึงโทษภัยของสุราว่าเป็นอย่างไร เช่นทำร้ายสุขภาพ ทำร้ายสติ ทำให้เกิดผลเสียมากมาย ขับรถก็ไม่ดี เกิดอุบัติเหตุได้ง่าย เวลาเดินก็ไม่ตรงทางเพราะความเมา บุคคลิกภาพเปลี่ยนไปและเป็นต้นเหตุของความเสื่อม ความประมาทหลายอย่าง เมื่อรู้ถึงโทษภัยแล้วก็ทำให้เรา ไม่อยากกินมัน เพราะเรารู้ว่ามันเป็นของไม่ดีในความคิดของเรา
จะเห็นว่า การมีศีลด้วยการไม่ยึดไม่ถือจะทำง่ายมาก หากเรานำศีลแต่ละข้อมานั่งพิจพิเคราะห์ดู และเราจะเห็นเองเข้าใจเองจนเกิดมีศีลขึ้นมาในจิตใจ
การไม่ทำตรงข้ามกับศีล 5 ข้อดังกล่าวจะเกิดขึ้นโดยอัตโนมัติ โดยไม่ต้องเหนื่อยในการยึดการถือเลย แต่เราจะมีศีลอยู่กับตัวตลอดเวลา ศีลไม่ตก ศีลไม่ขาด ตลอดลมหายใจเข้าออก ที่เรามีสติรู้เท่าทันความเป็นไป
สาเหตุสำคัญที่คนเราผิดศีลกันมาก คือ
ความกลัว ความพอใจ และความไม่พอใจความอยาก ( อยากได้ อยากมี อยากเป็น )
ความกลัว นี่ก็เป็นสาเหตุที่ทำให้คนผิดศีลกันมาก เช่นเห็นงูแล้วตีงูให้ตาย เพราะกลัวจะมากัดคนในบ้าน เห็นคนจะทำร้ายตัวเองก็รีบฆ่าเค้าก่อน ซึ่งความเป็นจริงไม่ต้องฆ่าก็ได้ แต่คนกลัวไว้ก่อน
ความพอใจ เมื่อพอใจก็ทำสิ่งที่ตัวเองพอใจ ไม่สนใจว่าสิ่งนี้จะถูกหรือผิด เช่นไปเห็นของของคนอื่นก็พอใจ พอพอใจแล้วเกิดความอยากได้ก็ไปลักขโมยของเค้ามาเป็นของตัวเอง
ความไม่พอใจนี้ก็สำคัญ พอไม่พอใจก็เกิดการฆ่ากันทำร้ายกันขึ้น
ความอยากนี้สำคัญมากๆ เพราะอยากได้ จึงขโมย เพราะอยากมีจึงต้องดื่ม เพราะอยากมีสังคม อยากเข้าสังคม บางคนอยากได้บุญจึงถือศีล เพราะคิดว่า ถือศีลแล้วจะได้บุญและความอยากเป็นอันนี้ก็สำคัญ บางคนอยากเป็นคนดีมีศีลธรรม ก็ถือศีล หรือบางคนอยากมีความเป็นอยู่ที่สุขสบายจึงยอมเป็นภรรยาน้อยคนอื่น ไม่สนใจว่าภรรยาหลวงจะชอกช้ำใจหรือเสียใจแค่ไหน เป็นต้น
|
Create Date : 07 พฤศจิกายน 2555 |
Last Update : 12 เมษายน 2556 15:36:44 น. |
|
0 comments
|
Counter : 987 Pageviews. |
|
|
|
| |
|
นามแฝง ชื่อ รักดี ชอบดอกไม้ รักหมา
ไม่รังเกียจแมว
ไม่อาลัยในสิ่งที่ผ่านไปแล้ว
อยู่กับปัจจุบัน
และทำปัจจุบันให้ดีที่สุด
ไม่กังวลหรือเป็นทุกข์
กับสิ่งที่ยังมาไม่ถึง
|
|
|
|
|
|
|