|
*** เทวดาทูลถาม พระพุทธเจ้าตรัสตอบ ( 1 ) ***
|
พระไตรปิฎก ฉบับบาลีสยามรัฐ (ภาษาไทย) เล่มที่ ๑๕
พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๗ สังยุตตนิกาย สคาถวรรค
อุปเนยยสูตรที่ ๓
[๗] เทวดานั้น ครั้นยืนอยู่ ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่งแล้วแล
ได้กล่าวคาถา นี้ในสำนักพระผู้มีพระภาคว่า
ชีวิตคืออายุมีประมาณน้อย
ถูกต้อนเข้าไปเรื่อยเมื่อบุคคลถูก ชราต้อนเข้าไปแล้ว
ย่อมไม่มีผู้ป้องกัน บุคคลเมื่อเห็นภัยนี้ในมรณะ
พึงทำบุญทั้งหลายที่นำความสุขมาให้ ฯ
[๘] พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสตอบว่า
ชีวิตคืออายุมีประมาณน้อย ถูกต้อนเข้าไปเรื่อย
เมื่อบุคคลถูกชราต้อนเข้าไปแล้ว ย่อมไม่มีผู้ป้องกัน
บุคคลเมื่อเห็นภัยนี้ในมรณะ พึงละอามิสในโลกเสีย มุ่งสันติเถิด ฯ
อัจเจนติสูตรที่ ๔
[๙] เทวดานั้น ครั้นยืนอยู่ ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่งแล้วแล
ได้กล่าวคาถานี้ในสำนักพระผู้มีพระภาคว่า
กาลทั้งหลายย่อมล่วงไป ราตรีทั้งหลายย่อมผ่านไป
ชั้นแห่งวัยย่อมละลำดับไป บุคคลเมื่อเห็นภัยนี้ในมรณะ
พึงทำบุญทั้งหลายที่นำความสุขมาให้ ฯ
[๑๐] พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสตอบว่า
กาลทั้งหลายย่อมล่วงไป ราตรีทั้งหลายย่อมผ่านไป
ชั้น แห่งวัยย่อมละลำดับไป บุคคลเมื่อเห็นภัยนี้ในมรณะ
พึงละอามิสในโลกเสีย มุ่งสันติเถิด ฯ
กติฉินทิสูตรที่ ๕
[๑๑] เทวดานั้น ครั้นยืนอยู่ ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่งแล้วแล
ได้กราบทูลถามพระผู้มีพระภาคด้วยคาถานี้ว่า
บุคคลควรตัดเท่าไร ควรละเท่าไร ควรบำเพ็ญคุณอันยิ่งเท่าไร
ภิกษุล่วงธรรมเครื่องข้องเท่าไร พระองค์จึงตรัสว่าเป็นผู้ข้ามโอฆะแล้ว ฯ
[๑๒] พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสตอบว่า
บุคคลควรตัดสังโยชน์เป็นส่วนเบื้องต่ำ ๕ อย่าง
ควรละสังโยชน์เป็นส่วนเบื้องบน ๕ อย่าง
ควรบำเพ็ญอินทรีย์อันยิ่ง ๕ อย่าง
ภิกษุล่วงธรรมเป็นเครื่องข้อง ๕ อย่าง
เรากล่าวว่า เป็นผู้ข้ามโอฆะแล้ว ฯ
ชาครสูตรที่ ๖
[๑๓] เทวดานั้น ครั้นยืนอยู่ ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่งแล้วแล
ได้กล่าว คาถานี้ในสำนักพระผู้มีพระภาคว่า
เมื่อธรรมทั้งหลายตื่นอยู่ ธรรมประเภทไหนนับว่าหลับ
เมื่อ ธรรมทั้งหลายหลับ ธรรมประเภทไหนนับว่าตื่น
บุคคลหมักหมมธุลีเพราะธรรมประเภทไหน
บุคคลบริสุทธิ์เพราะธรรม ประเภทไหน ฯ
[๑๔] พระผู้มีพระภาคตรัสตอบว่า
เมื่ออินทรีย์ ๕ อย่าง ตื่นอยู่
นิวรณ์ ๕ อย่างนับว่าหลับ
เมื่อนิวรณ์ ๕ อย่างหลับ
อินทรีย์ ๕ อย่าง นับว่าตื่น
บุคคลหมักหมมธุลีเพราะนิวรณ์ ๕ อย่าง
บุคคลบริสุทธิ์เพราะอินทรีย์๕ อย่าง ฯ
อัปปฏิวิทิตสูตรที่ ๗
[๑๕] เทวดานั้น ครั้นยืนอยู่ ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่งแล้วแล
ได้กล่าวคาถานี้ในสำนักพระผู้มีพระภาคว่า
ธรรมทั้งหลายอันชนพวกใดยังไม่แทงตลอดแล้ว
ชนพวกนั้นย่อมถูกจูงไปในวาทะของชนพวกอื่น
ชนพวกนั้นชื่อว่ายังหลับ ไม่ตื่น (กาลนี้)เป็นกาลสมควร
เพื่อจะตื่นของชนพวกนั้น ฯ
[๑๖] พระผู้มีพระภาคตรัสตอบว่า
ธรรมทั้งหลาย อันชนพวกใดแทงตลอดดีแล้ว
ชนพวกนั้น ย่อมไม่ถูกจูงไปในวาทะของชนพวกอื่น
บุคคลผู้รู้ดีทั้งหลาย รู้ทั่วถึงโดยชอบแล้ว
ย่อมประพฤติเสมอในหมู่สัตว์ผู้ประพฤติไม่เสมอ ฯ
สุสัมมุฏฐสูตรที่ ๘
[๑๗] เทวดานั้น ครั้นยืนอยู่ ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่งแล้วแล
ได้กล่าว คาถานี้ในสำนักพระผู้มีพระภาคว่า
ธรรมทั้งหลายอันชนพวกใดลืมเลือนแล้ว
ชนพวกนั้น ย่อมถูกจูงไปในวาทะของชนพวกอื่น
ชนพวกนั้นชื่อว่ายังหลับไม่ตื่น(กาลนี้)
เป็นกาลควรเพื่อจะตื่นของชนพวกนั้น ฯ
[๑๘] พระผู้มีพระภาคตรัสตอบว่า
ธรรมทั้งหลาย อันชนพวกใดไม่ลืมเลือนแล้ว
ชนพวกนั้นย่อมไม่ถูกจูงไปในวาทะของชนพวกอื่น
บุคคลผู้รู้ดีทั้งหลายรู้ทั่วถึงโดยชอบแล้ว
ย่อมประพฤติเสมอในหมู่สัตว์ผู้ประพฤติไม่เสมอ ฯ
มานกามสูตรที่ ๙
[๑๙] เทวดานั้น ครั้นยืนอยู่ ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่งแล้วแล
ได้กล่าว คาถานี้ในสำนักพระผู้มีพระภาคว่า
ทมะย่อมไม่มีแก่บุคคลที่ปรารถนามานะ
ความรู้ย่อมไม่มีแก่บุคคลที่มีจิตไม่ตั้งมั่น
บุคคลผู้เดียว เมื่ออยู่ในป่าประมาทแล้ว ไม่พึงข้ามพ้นฝั่ง
แห่งเตภูมิกวัฏอันเป็นที่ตั้งแห่งมัจจุได้ ฯ
[๒๐] พระผู้มีพระภาคตรัสตอบว่า
บุคคลละมานะแล้ว มีจิตตั้งมั่นดีแล้ว
มีจิตดี พ้นในธรรมทั้งปวงแล้ว
เป็นผู้เดียว เมื่ออยู่ในป่า
ไม่ประมาทแล้วบุคคลนั้นพึงข้ามฝั่งแห่งเตภูมิกวัฏเป็นที่ตั้งแห่งมัจจุได้ ฯ
อรัญญสูตรที่ ๑๐
[๒๑] เทวดานั้น ครั้นยืนอยู่ ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่งแล้วแล
ได้ทูลถาม พระผู้มีพระภาคด้วยคาถาว่า
วรรณของภิกษุทั้งหลายผู้อยู่ในป่า ฉันภัตอยู่หนเดียว
เป็น สัตบุรุษผู้ประพฤติธรรมอันประเสริฐ ย่อมผ่องใสด้วยเหตุอะไร ฯ
[๒๒] พระผู้มีพระภาคตรัสตอบว่า
ภิกษุทั้งหลายไม่เศร้าโศกถึงปัจจัยที่ล่วงแล้ว
ไม่ปรารถนาปัจจัยที่ยังมาไม่ถึง เลี้ยงตนด้วยปัจจัยที่เกิดขึ้นเฉพาะหน้า
วรรณ (ของภิกษุทั้งหลายนั้น) ย่อมผ่องใส
ด้วยเหตุนั้นเพราะความปรารถนาถึงปัจจัยที่ยังไม่มาถึง
และความโศกถึงปัจจัยที่ล่วงแล้ว
พวกพาลภิกษุจึงซูบซีด เหมือนต้นอ้อสดที่ถูกถอนเสียแล้ว ฉะนั้น
จบ นฬวรรค ที่ ๑ ________________
|
Create Date : 02 เมษายน 2556 |
Last Update : 2 เมษายน 2556 11:26:46 น. |
|
0 comments
|
Counter : 727 Pageviews. |
|
|
|
| |
|
นามแฝง ชื่อ รักดี ชอบดอกไม้ รักหมา
ไม่รังเกียจแมว
ไม่อาลัยในสิ่งที่ผ่านไปแล้ว
อยู่กับปัจจุบัน
และทำปัจจุบันให้ดีที่สุด
ไม่กังวลหรือเป็นทุกข์
กับสิ่งที่ยังมาไม่ถึง
|
|
|
|
|
|
|