รักมั้ง...ก็ประมาณนั้นแหละ

ตอนที่ ๒

เสียงรถที่แล่นเข้ามาจอดด้านหน้าร้านทำให้คนที่กำลังสาละวนรดน้ำเถาต้นลดาวัลย์ซึ่งกำลังไต่เลื้อยขึ้นไปบนซุ้มระแนงไม้ตรงสวนหย่อมเล็กๆด้านข้างร้านกาแฟของตนต้องชะงักนึกสงสัยว่าลูกค้าคนไหนนะแต่เช้าตรู่ซะแบบนี้

อาจเป็นพี่หมิวมั้งอารยาคิด


หญิงสาวรีบส่งเสียง “ค่าๆ มาแล้วค่า” ออกไปก่อนเมื่อได้ยินเสียงปิดประตูรถที่บอกให้รู้ว่าลูกค้าคนที่มาเยือนนั้นคงออกมายืนรออยู่หน้าร้านเธอแล้ว


อารยารีบเดินไปปิดน้ำจากก๊อกที่ตนต่อสายใช้ฉีดรดสวนสวยๆของเธออยู่


พี่หมิวที่อารยานึกนั้นก็คือหนึ่งในกลุ่มลูกค้าประจำของอารยาที่มักจะแวะมาซื้อกาแฟสดกับเบเกอรี่อีก๒-๓ อย่างเพื่อไปฝากบรรดาลูกน้องที่ออฟฟิศเสมอเกือบทุกเช้า แต่ปกติแล้วพี่หมิวเธอก็ไม่เคยมาเสียชนิดเช้าตรู่ยังไม่เจ็ดโมงดีอย่างนี้เลย


“มาแล้วค่าทำไมวันนี้ถึงมาเช้าจังเลยล่ะคะพิ...” คนตะโกนชะงักทันทีเมื่อซอยเท้าถี่ๆออกมาจากมุมร้านเพื่อที่จะพบว่าคนที่มา หาใช่ลูกค้าสาวขาประจำนามว่าหมิวเสียที่ไหน  หากแต่เป็น...


“อรุณสวัสดิ์ครับ”


อัครพงษ์ ลักษณะไพศาล เอ่ยสั้นๆด้วยน้ำเสียงราบเรียบ เขาไม่ได้ยิ้ม ที่จริง...ไม่เคยยิ้ม แต่แค่ดวงตาบนใบหน้านิ่งๆนั่นก็พอแล้วที่จะทำให้อารยารู้สึกว่าแขนของตัวเองสองข้างนี้มีมากเกินความจำเป็น


“เอ่อ...อะ...อรุณ...สวัสดิ์ค่ะ”อารยาเริ่มถูมือกับผ้ากันเปื้อนที่ตนสวมไว้ ในหัวที่ไม่มีอะไรจู่ๆก็ดันเกิดความคิดขึ้นมาว่าทำไมวันนี้เธอถึงไม่เลือกหยิบชุดกระโปรงหวานๆน่ารักๆที่ก็พอจะมีกับเขาอยู่บ้างเอามาใส่ในตอนที่ลุกขึ้นมาเตรียมเปิดร้านเมื่อตีสี่แทนที่จะเป็นไอ้เสื้อยืดแขนยาวสีเทาอ่อนกับกางเกงยีนส์เก่าๆตัวนี้นะ


ก็นี่มันดูไม่เข้าท่าเอาเสียเลย!


“คะ...คุณ...”

“อัครพงษ์ครับ”คนมาเยือนรีบเอ่ย ดูเหมือนเขาจะเข้าใจว่าปฏิกิริยาติดอ่างของอารยาเกิดมาจากความที่เธอไม่แน่ใจว่าเขาเป็นใครซึ่ง...นาทีนี้ก็คงมีแต่พระเจ้ากับอารยาเองเท่านั้นที่รู้ว่านั่นมันไม่ใช่...เขาเข้าใจผิด


“ร้านเปิดหรือยังครับ” เขาเอ่ยถาม


“อ่อ...เอ่อ...ขะ...ค่ะ! ชะ...เชิญค่ะ” อารยารีบผลักประตูกระจกเดินนำเขาเข้าไปด้านใน ความจริงร้านของเธอก็เป็นกระจกสภาพค่อนข้างโปร่งและช่วงเวลากลางวันก็จะสว่างเพียงพอด้วยแสงธรรมชาติแต่เช้าๆแบบนี้แสงยังไม่มากอารยาจึงเปิดดาวน์ไลท์ที่ให้แสงนุ่มๆดูผ่อนคลาย ทว่าเมื่อเธอนำอัครพงษ์เข้ามา อารยาก็กดเปิดสวิซต์ไฟด้านในทันทีด้วยมือที่รู้สึกว่าจำนวนมันเกินๆนั่นแหละแล้วก็...


พรึ่บ! ไฟทุกดวงที่มีภายในร้านพร้อมใจกันติดจนร้านทั้งร้านสว่างจ้า


ชายหนุ่มหยีตาแล้วก็หยุดตัวเองอยู่แค่โต๊ะตัวที่ใกล้ประตูทางออกที่สุด อารยาไม่ทันได้สังเกตจุดนั้นเพราะเธอตรงดิ่งลิ่วๆไปที่เคาน์เตอร์ชงกาแฟของเธอตามสัญชาตญาณ หัวใจยังเต้นตึกตักไม่หยุดเลยกับการที่ตอนนี้เป็นการเผชิญหน้ากับ...อัครพงษ์เป็นครั้งแรกชนิด...


ชนิดอย่างตรงๆ! เพียงลำพัง! ไม่คาดฝัน! และไม่ทันจะตั้งตัวด้วย!


อ๊าย! พระเจ้า! ไม่ๆเธอต้องระงับความรู้สึกตื่นเต้นจนพิลึกพิลั่นนี่สิ!


อารยาสูดหายใจเข้าปอดลึกๆ ทั้งเครื่องชงกาแฟขวดไซรัปแต่งกลิ่นกาแฟไม่ว่าจะคาราเมล เฮเซลนัท อัลมอนด์ บัตเตอร์สก็อต และต่างๆนานาอีกมากมายที่เรียงรายบนเคาน์เตอร์นั่นก็เหมือนมันจะมีชีวิตขึ้นมาเสียงั้นเพราะอารยารู้สึกเหมือนว่าพวกมันกำลังตะโกนบอกให้เธอทำหน้าที่ขายกาแฟของเธอไป!


ใช่ เธอต้องชงกาแฟสิ! เอ...แล้วเขาทานอะไรกัน? อารยาพยายามนึกทุกครั้งที่คุณวารีบอกว่าจะซื้อเครื่องดื่มจากร้านเธอไปฝากคนที่บ้าน คุณวารีสั่งอะไรบ้าง


เอสเพรสโซ่รึ? ไม่ๆ เธอไม่คุ้นเลยว่าคุณวารีเคยสั่งไปฝากใคร


รึว่าจะเป็นคาปูชิโน่ ไม่ๆ ก็ไม่คุ้นอีกนั่นแหละ เอ๊ะ! มันอะไรกันนะ เธอต้องนึกให้ออกซี นึกให้ออกสิอารยา!


“เอ่อ...คุณจะช่วยชงกาแฟให้ผมสักแก้วได้ไหมครับ”จู่ๆเขาก็ถามขึ้น “คือถ้าคุณยังไม่พร้อม ผมขอกาแฟซองธรรมดาๆก็ได้”


“คะ?” อารยาชะโงกหน้า หนนี้เองที่เพิ่งจะสังเกตว่าเขาน่ะนั่งเสียห่างเคาน์เตอร์ชงกาแฟของเธอขนาดไหน


“คือผมไม่รู้ว่าร้านคุณเปิดจริงๆตอนกี่โมงแต่จำได้ว่าแม่บอกว่าคุณเปิดร้านค่อนข้างเช้า แต่ผมก็รู้แล้วล่ะ ว่าเจ็ดโมงเช้านี่มันเช้าเกินไป”


“อ๋อ! มะ ไม่หรอกค่ะ! ที่จริงคือฉัน”


“ไม่เป็นไรครับคุณแค่ชงกาแฟซองให้ผมแก้วหนึ่งก็พอ” น้ำเสียงนั่นราบนิ่ง ฟังแล้วก็รู้ว่าคนพูดตกลงใจแน่วแน่ในสิ่งที่สั่งโดยอารยาไม่ได้มีโอกาสจะอธิบาย ว่าจริงๆแล้วเธอตระเตรียมของเปิดร้านเสร็จตั้งแต่หกโมงทุกวันเป็นกิจวัตรประจำอยู่แล้ว และระหว่างรอที่จะเปิดร้านจริงๆในเวลาเจ็ดโมงครึ่ง เธอก็มักจะไปรดน้ำดูแลสวนหย่อมเล็กๆของเธออย่างวันนี้นี่แหละ  และจริงๆ นาทีนี้เธอก็พร้อมจะชงกาแฟชนิดอื่นให้เขาได้ด้วยถ้าเธอไม่...


ไม่ได้รู้สึกประหม่าจนถึงขั้นเงอะงะอย่างนี้!


แต่นั่นก็เหมือนจะช้าไปแล้ว นานอึดใจหนึ่งอารยาก็ถือแก้วกาแฟเดินมาส่งให้เขา และเพราะในร้านยังไม่มีลูกค้าคนไหน เธอจึงถือถาดใส่โถน้ำตาลและครีมเทียมเล็กๆมาวางเสิร์ฟให้เขาบนโต๊ะด้วย

“น่ะ...นี่ค่ะ” อารยาเอ่ยอุบอิบ

“ขอบคุณครับ”

อารยาก้มหน้า บอกไม่ถูกว่านาทีนี้ตัวเองอยากจะยิ้มหวานๆให้เขาหรืออยากจะวิ่งชิ่งหนีไปหลังร้านแล้วกรี๊ดดังๆให้มันก้องโลกกันแน่!

แต่ก็นั่นแหละ! แท้ที่สุดคือเธอไม่กล้าจะมองเขาตรงๆเอาเสียเลยทั้งที่นี่เป็นโอกาสแรกที่ได้ใกล้เขาขนาดนี้ คิดอยู่ว่าถ้าตนเองจะยืนอยู่อีกสักนิดโดยไม่พูดอะไรกับเขาเลยเขาจะคิดว่าเธอประหลาดไหม


โธ่! ก็ถ้าเป็นลูกค้าคนอื่นล่ะก็ สาวร้านกาแฟอย่างเธอก็มนุษยสัมพันธ์เป็นเลิศไม่แพ้ใครในสามโลกหรอก! แต่กับเขาน่ะ เธอรู้สึกว่าต้านทานไม่ไหวจริงๆ!


“เอ่อ...คุณ...จะว่าอะไรไหมครับถ้าผมจะขอเปิดประตูออกสักหน่อย”


“คะ?”อารยานึกค้างเมื่อจู่ๆคนอีกฝั่งก็ถามประโยคนั้นขึ้นมา ก่อนจะต้องเบิกตากว้างเมื่อไฟทุกดวงที่ส่องสว่างส่งให้เห็นได้ชัดว่าอัครพงษ์มีเหงื่อผุดขึ้นมาบนหน้าเป็นเม็ดๆ

“ตายละ! ฉันลืมเปิดแอร์ให้คุณไปสนิทเลย!” อารยาร้อง  ตกใจจริงว่าเธอประสาทจนพลาดอีกเข้าให้เลยโดดผลุงตั้งท่าจะไปดันสวิชต์เปิดเครื่องปรับอากาศที่อยู่บนผนังห้อง แต่ทว่าอีกฝ่ายก็ร้องห้าม

“อ้อ! ไม่เป็นไรหรอกครับ ไม่เป็นไร ไม่ต้องเปิดก็ได้” ชายหนุ่มพูด “คุณแค่...เปิดประตูแล้วก็ กรุณาปิดไฟลงสักหน่อยเปิดแค่ดาวไลท์อย่างตอนแรกผมว่าก็พอแล้วล่ะ”


ใช่! นี่เธอพลาดอีกแล้ว...


“ขอโทษจริงๆ นะคะ” อารยายิ้มแหยแห้งๆให้เขาและแน่แหละเขาไม่ได้ยิ้มตอบอะไร แค่พูด “ไม่เป็นไรครับ” อีกครั้งขณะลุกขึ้นไปผลักประตูกระจกหน้าร้านให้เปิดออกส่วนอารยาเองก็เดินไปปิดสวิชต์ไฟลง ข้างในลึกๆนึกอยากจะร่ำไห้ปล่อยโฮกับตัวเองแทบขาดใจที่ในสถานการณ์สำคัญแบบนี้เธอกลับทำอะไรที่...


ที่ไม่ได้เรื่องเอาเสียเลย!


อารยาหันกลับมาและเห็นว่าอัครพงษ์กลับมานั่งโต๊ะตามเดิมแล้วเธอเห็นเขาตั้งท่า ไม่ได้มองมาที่เธอหรอกก่อนจะยกแก้วขึ้นดื่มและทันใดนั้น


พรืด! เขาสำลักกาแฟออกมาพรวดใหญ่!


“คุณป๊อป!” อารยาตกใจ โดดผลุงเข้าไปหา ทว่าอีกฝ่ายรีบหันเบือนหน้า ยกมือห้ามเธอสุดแขน


“มะ ไม่ใช่ กาแฟซองหรือครับ” เขาพูดขณะที่ยกหลังมือขึ้นบังปากบังจมูก หน้าตาด้านข้างดูขื่นๆชัดเจนพอๆกับผิวหน้าที่แดงเรื่อขึ้นมาจนเห็นได้


“ฉัน...ฉันลืมบอกไปน่ะค่ะว่าฉันทำอเมริกาโน่ให้คุณ นี่น้ำตาลกับครีมเทียมน่ะค่ะ ฉันวางไว้ด้วย เผื่อคุณอยากจะเติม” อารยาพูดขณะดันโถน้ำตาลเล็กๆให้กระเถิบไปตรงหน้าเขาอีกนิด  อารยานึก  ถ้าทำได้เธอคงกลั้นใจตายตรงนี้ไปแล้ว

“ฉัน...ฉันขอโทษจริงๆนะคะ!”

“ไม่เป็นไรครับ”เขาพูด “ผมผิดเอง ไม่ทันสังเกต” น้ำเสียงนั้นฟังขัดและแปลกแปร่งไปกว่าที่อารยาเคยได้ยินแต่สีหน้าที่ยังขื่นผนวกกับปฏิกิริยาชนิดที่ว่าเลี่ยงจะสบตามองหน้าเธอก็ยิ่งทำให้อารยารู้สึกผิด! เธอเผลอทรุดตัวลงนั่งตรงข้ามเขาอย่างหมดแรง

“ฉัน...ขอโทษนะคะ” อารยาครางหงิงก้มหน้าและรู้สึกผิดเสียจนนึกอยากจะปล่อยโฮออกมาหนักกว่าเดิมอีกเป็นล้านๆเท่า!

แต่ทว่า...

“ไม่ ไม่หรอก ผมต่างหาก  เป็นผม ที่ต้องขอโทษ ขอโทษคุณ”


เสียงนั้นที่อารยาได้ยินกลับมาขึงขังจริงจังแล้วและเมื่อเธอเงยหน้าขึ้นก็พบว่าอัครพงษ์กลับมาจ้องหน้าเธอแล้ว หนนี้อารยาเลยถูกตรึงด้วยนัยน์ตาที่แสนจริงจัง


“ขะ...คะ?...”


สิ่งนั้น แววตาแบบนั้น กำลังบ่งบอกให้เธอรู้สึก...ว่าเขา มีอะไรบางอย่างที่ต้องจะพูดกับเธอ


อะไรสักอย่าง...ที่มีความสำคัญ


“เรื่องที่แม่ผมมาพูดกับคุณเมื่อวานนี้น่ะ คือ”


“เฮ้! โว้ๆๆๆ ฉันประหลาดใจจังที่เจอนายที่นี่นะเนี่ย ป๊อป!”

..............................................




Create Date : 26 สิงหาคม 2557
Last Update : 27 สิงหาคม 2557 11:28:38 น.
Counter : 473 Pageviews.

0 comments
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

parinnada
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 14 คน [?]



แนะนำตัว
New Comments