Forbidden love: สุดหัวใจ ห้ามไม่ให้รัก

ตอนที่ ๑

อารยารู้ตัวว่าตนเองเผลอร้องอุทาน “ฮะ!”  ออกมามิใช่เบาๆเลยต่อหน้าสุภาพสตรีที่สูงวัยกว่าซึ่งเป็นแขกที่มาจากคฤหาสน์ใหญ่ที่ตั้งเด่นเป็นสง่าอยู่ท้ายซอยร้านกาแฟของเธอด้วย พร้อมๆกับความรู้สึกร้อนๆที่ลามเลียขึ้นมาตามผิวหน้าทำให้อาการเสียมารยาทเช่นนั้นเป็นเรื่องช่วยไม่ได้เอาเสียเลย เพราะนาทีนี้อารยาแน่ใจว่าตัวเธอคงจะอ้าปากค้างอยู่ด้วยแน่ๆ


    “มะ...เมื้อกี้ คุ...คุณป้าว่าอะไรนะคะ” อารยาติดอ่าง ไม่ใช่เพราะฟังไม่ชัด แต่เพราะชัดนั่นแหละ ถึงทำให้เธอไม่กล้าจะมองหน้าแขกทั้งสองคนอีกต่อไปแล้ว


    “โธ่! หนูยา อย่าทำหน้าแบบนั้นสิจ๊ะ” สุภาพสตรีสูงวัยกว่าเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงหนักใจ “มันอาจดูเป็นคำขอที่หักหาญกับหนูมากเกินไปหน่อย แต่ป้าน่ะ อยากให้หนูตกลงแต่งงานกับลูกชายของป้าจริงๆ”


หวา! หนนี้อารยาได้แต่กรีดร้องอยู่ในใจ เพราะเสียงเธอมันหายไปเสียแล้ว หายไปราวกับว่าโดนความร้อนภายในที่พวยพุ่งขึ้นมาละลายมันไปพร้อมๆกับที่ละเลงผิวหน้าเธอให้แดงแปร๊ดเป็นลูกตำลึงสุกนั่นแหละ!

นี่ล้อกันเล่นใช่มั้ยคะ?!

อารยาก้มหน้างุดมองมือตัวเองที่ประสานอยู่บนหน้าตักทันที การถูกขอร้องในเรื่องสำคัญของชีวิตลูกผู้หญิงแบบนี้มันช่างประดักประเดิดจน...จนได้ยินเสียงใจตัวเองอย่างกับมันทะลุออกมาเต้นปักๆอยู่ข้างหูแล้ว!

ยิ่ง ‘คู่กรณี’ เองก็นั่งอยู่ตรงหน้าด้วย!


“ตะ...แต่ว่า...” อารยาพูดไม่ออก นาทีนี้เธออยากให้แขกอีกคนที่มาพร้อมกับสุภาพสตรีสูงวัยที่เรียกแทนตัวเองว่า ‘ป้า’ เอ่ยอะไรออกมาเสียบ้าง ไม่ใช่เอาแต่นั่งหลังตรงแหน่วจ้องมองเธอด้วยสายตาคมกริบแบบนี้


ก็นี่มันเรื่อง ‘ของเขา’ แท้ๆไม่ใช่หรือไง?!


อารยาสูดหายใจเข้าปอดลึกๆก่อนฝืนทำใจกล้า เงยหน้า แต่ก็พยายามรักษาสายตาไม่ให้เหลือบไปมองชายหนุ่มที่นั่งคู่อยู่กับมารดาของเขา


    “แต่ว่า...เรื่องสำคัญแบบนี้...หนู...”


    “ป้าเข้าใจจ้ะ ลูกชายของป้าคนนี้ก็ใช่ว่าจะได้เรื่องได้ราวอะไรสักเท่าไหร่ อายุตั้งสามสิบหกแล้ว ป้าก็อยากให้เขาเป็นฝั่งเป็นฝา”

คำพูดพรรณนาออกมานั้นทำให้อารยานึกสะดุด เธอเงยหน้าขึ้นมาอีกครั้งก่อนกะพริบตามองคนพูดอย่างช้าๆ เพราะคำขยายที่ใช้บอกลักษณะของบุตรชาย ว่า ‘ไม่ได้เรื่องได้ราว’ ของคุณวารี ลักษณไพศาล ประธานเจ้าของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในเครือลักษณไพศาลกรุ๊ปดูจะห่างไกลจากลักษณะจริงๆที่ปรากฎของผู้ชายคนที่นั่งอยู่ตรงหน้าโดยสิ้นเชิง

เพราะเท่าที่เธอ...เฝ้าดูเขาตลอดมา ‘อัครพงษ์ ลักษณไพศาล’ เป็นลูกชายที่สามารถจะพูดโอ้อวดกับใครก็ได้อย่างเต็มปากเต็มคำว่าเขาเป็นความภูมิใจ เป็นความหวัง และเป็นเสาหลักที่พึ่งพิงได้ของแม่ผู้เริ่มจะสูงวัยเช่นคุณวารี


นี่น่ะ...หรือว่า...


    “จริงๆนะจ๊ะหนูยา” เสียงคุณวารียังดังต่อเนื่อง “ป้าน่ะจะสารภาพวันนี้ล่ะ ว่าทุกๆวันที่ป้าเข้ามาในร้านกาแฟของหนู ไม่ใช่ว่าป้าแค่ติดใจรสชาติกาแฟของหนูอย่างเดียวเท่านั้นหรอกนะจ๊ะ ที่จริงแล้วป้าคอยเฝ้าดู เฝ้าสังเกตหนูด้วย สังเกตมาตลอดทีเดียว”


    “คะ?” อารยาหัวหมุนติ้ว ความเขินอายเริ่มจางหายไปเมื่อสมองเริ่มจะคิดและเริ่มจะติดตามราวเรื่องได้ทัน


    “จริงๆนะจ๊ะ” คุณวารียังคงพูดต่อ มากกว่านั้น ยังยื่นมาคว้ามืออารยาไว้ราวกับจะแสดงความจริงใจทั้งหมดทั้งมวลที่มีให้เธอได้รู้

“ป้าเห็นหนู ป้าประทับใจในตัวหนู หนูน่ารัก เป็นผู้หญิงตัวเล็กๆที่แข็งแกร่งสู้ชีวิตจนป้าทึ่ง ป้ามองไม่เห็นผู้หญิงคนไหนที่จะดีเท่าหนูอีกแล้ว ป้าแน่ใจว่าถ้าเป็นหนู ถ้าหนูยาตกลงจะเป็นครอบครัวด้วยกันกับตาปั๊บ หนูจะต้องสามารถช่วยเปลี่ยนเจ้าลูกชายที่ไม่เป็นโล้เป็นพายของป้าคนนี้ ให้กลายเป็นผู้เป็นคนที่ดีๆกับเขาได้บ้างแน่ๆจ้ะป้ามั่นใจอย่างนั้น เอ่อ...ว่าแต่ ป้าพูดขนาดนี้แล้ว หนูก็ยังเงียบ มันคงไม่ได้แปลว่าหนูยา...รังเกียจตาปั๊บของป้าหรอกใช่ไหมจ๊ะ”


    “คะ?! เอ่อ...คือ...คือว่า...” หนนี้อารยาได้อึ้งอีกครั้งจริงๆ เธอพยายามคิดตามให้ทัน ในตอนนั้นอารยาก็เผลอเงยหน้าขึ้นเหลือบมองไปทางชายหนุ่มโดยไม่ได้รู้ตัว และเมื่อเขามองตอบกลับมา อารยาก็หน้าแดง


    รังเกียจ...งั้นหรือ


อารยารู้ดีว่า ‘ภัทรวัชร ลักษณไพศาล’ หรือชายหนุ่มคนที่ถูกเรียกว่า ‘ตาปั๊บ’ คนนั้น ก็ไม่ได้มีอายุ หรือแม้แต่กระทั่งรูปร่างหน้าตาผิดเพี้ยนไปจากผู้ชายคนที่มองตอบเธอกลับมาในตอนนี้เลย ใช่...ไม่ต่างกันเลยเพราะเขาเป็นคู่แฝด


    ภัทรวัชร กับ อัครพงษ์


ภายนอกนั้นเหมือนกันเกือบจะทุกอย่าง ตั้งแต่ไหล่กว้าง ใบหน้าคมสัน คิ้วเข้มเข้ารูปกับจมูกที่ดูคมๆ  หรือกระทั่งขี้แมลงวันจุดเล็กๆใต้ขอบตาขวาเขาก็มีเหมือนกันจนไม่ได้ผิดเพี้ยน มันคงเป็นเรื่องยากมากที่คนไม่รู้จักจะแยกแยะพวกเขาจากรูปลักษณ์ภายนอก


แต่ถึงอย่างนั้นพวกเขาก็มีสิ่งแตกต่าง นั่นคือบรรยากาศจำเพาะที่พกติดตัวเอามาของแต่ละคน อารยารู้ เพราะเขาทั้งคู่ต่างก็เคยมาตามมารดาที่มักจะมานั่งอยู่ที่ร้านกาแฟของเธอ


และแม้ไม่เคยมายืนอยู่ต่อหน้าพร้อมๆกัน แต่อารยาจำได้เสมอ ครั้งแรกที่ได้พบกับแต่ละบุคคล...


ภัทรวัชร สำหรับชายหนุ่มคนนั้น การที่ถูกบอกว่า ‘ไม่ได้เรื่องได้ราว’ เธอคิดเอาว่าอาจเป็นเพราะเขาแลดูเป็นหนุ่มเพลย์บอยปากหวาน ยิ้มง่าย และเมื่อยิ้มทีก็เหมือนจะทำให้โลกดูสว่างสดใส ลักษณะแบบนั้นคงทำให้เขาดูเหมือนเป็นคนที่ไม่เคยมีเรื่องทุกข์ร้อนใดๆกล้ำกรายเข้ามาเลย

ตรงกันข้ามกับอีกด้าน อัครพงษ์ดูจะเต็มไปด้วยความจริงจังและเงียบขรึม สีหน้ากับแววตาที่ดูเป็นคนเข้มงวดจริงจัง และจากการที่เขาเคยเข้ามาในร้านเธอสามครั้ง (ไม่นับรวมหนนี้นะ) อารยาไม่เคยเห็นเขายิ้มหรือพูดอะไรกับเธอเกินคำว่า


‘สวัสดี แม่ผมอยู่ที่นี่ใช่ไหม’


นั่นราวจะเป็นอณูละอองหนักอึ้งที่ทำให้เขาเหมือนมือคนละด้านกับพี่ชายฝาแฝดของตัวเองโดยสิ้นเชิง แต่ถึงอย่างนั้น...สำหรับอารยามันก็มีสิ่งที่แปลกประหลาด     


สำหรับภัทรวัชร อารยาไม่ได้รู้สึกอะไร แต่ กับอีกคน ที่เพียงพบหน้า และสบตากันแค่ผิวๆสองสามครั้งก็ทำให้ใจเต้น สิ่งนั้นให้ความรู้สึกแตกต่างมหาศาล


    “พอเถอะครับแม่”


ในที่สุดคนที่เงียบที่สุดในที่นั้นก็เอ่ยออกมา มันดูราวกับความอดทนของเขาจะสิ้นสุดแล้ว อัครพงษ์ลุกยืนขึ้น หันหน้าไปพูดกับคุณวารีด้วยสีหน้าจริงจัง


“เรากำลังทำให้คุณอารยาเธอต้องลำบากใจ เราจะหารือเรื่องนี้กันใหม่ ผมแน่ใจว่ามันต้องมีทางอื่นที่ดีกว่า”


    “โธ่! เดี๋ยวซีตาป๊อป” คุณวารีขัด “แม่ยังไม่ได้คำตอบจากหนูยาเลย ว่ายังไงล่ะจ๊ะหนูยา หนูยาไม่ได้รังเกียจตาปั๊บของป้าใช่ไหม ใช่ไหมจ๊ะ”


เมื่อถูกรุก อารยาก็ไม่รู้จะตอบออกไปอย่างไรให้กับคนถาม ยิ่งคนที่ลุกขึ้นยืนเต็มความสูงแล้วกลับมานิ่งเงียบและเหลือบนัยน์ตาสีดำหรุบต่ำมองเธอราวกับเขาเองก็กำลังรอฟังคำตอบเช่นกัน นั่นก็ดูจะเป็นการต่อสู้ยกบังคับให้อารยาต้องตอบอะไรออกไปสักอย่าง เธอก้มหน้า


    “หนูคิดว่า...” อารยาเอ่ยออกมาเบาๆ “คุณป้าคงจะเข้าใจ ว่าผู้หญิง...จะไม่มีวันยอมแต่งงาน...ถ้า...เธอไม่มีความรู้สึกว่า...เธอชอบหรือ… รักผู้ชายคนนั้น”


อาจเพราะมันเป็น ‘ความจริงที่อยู่ในใจ’ และมีคำว่า ‘รัก’ เป็นส่วนประกอบข้างในประโยคกระมัง ความรู้สึกร้อนวูบๆที่ผิวแก้มกลับขึ้นมาที่ผิวหน้าอีกครั้งเมื่อพูดออกไป อารยาคิด ว่าสิ่งที่เธอบอกเพื่อเป็นคำตอบกับคุณวารีเป็นถ้อยความที่ละมุนละม่อมที่สุดแล้ว ที่จะตีความได้และบอกกับคนสูงวัยกว่าให้ทราบว่าเธอจะไม่ตกลงแต่งงานกับ


    “โอ้!”

แต่ทว่า...จู่ๆคุณวารีร้องออกมาดังลั่น  


    “ป้าเข้าใจแล้วล่ะจ้ะ! ป้าเข้าใจแล้ว!” สุภาพสตรีผู้สูงวัยกว่าอารยาพูด สีหน้าแววตาเต็มตื้นราวกับสิ่งที่วาดหวังไว้เป็นจริงไปแล้วดังใจปรารถนา

    “ดะ...เดี๋ยวค่ะ” อารยารีบพูดตาเหลือก “คะ...คุณป้าเข้าใจอะไรคะ”

    “ก็เข้าใจว่า หนูยาไม่ได้ปิดโอกาสสำหรับตาปั๊บของป้าไง” คุณวารีพูดอ่อนโยน มองเธอด้วยแววตารักใคร่เอ็นดูอย่างจริงใจ


“เท่านี้ป้าก็ดีใจและขอบคุณหนูมาก ป้ากังวลแทบแย่ว่าหนูจะปฏิเสธคำขอนี้อย่างไม่มีเยื่อใย แต่ในเมื่อหนูยาเอ่ยมาแบบนี้ ป้าก็มีความหวัง ป้าจะได้ไปเชียร์เจ้าลูกชายของป้าให้เขามาทำให้หนูยารักเขาให้ได้ แค่นี้แหละจ้ะ แค่นี้ป้าก็ดีใจจนพูดอะไรไม่ออกแล้ว โอย...ป๊อป ป๊อปดูสิ แม่ดีใจจังเลย”

ท้ายประโยคนั้นคุณวารีหันไปคว้ามือพูดกับลูกชาย


    “ครับ...” และเขาก็รับคำ สั้นๆ ก็แค่เท่านั้น...


    “เฮ้อ! เอาล่ะจ้ะ ป้ามารบกวนหนูนานมากแล้วนะวันนี้ ยังไงป้าขอตัวกลับก่อนนะจ๊ะ”


คุณวารีลุกขึ้นก่อนจูงมือชายหนุ่มเดินออกจากร้านกาแฟเล็กๆของอารยาไปพร้อมเสียงพร่ำพรรณนากับบุตรชายคนที่มาด้วยว่า ‘ดีใจจริงๆ ดีใจจริงๆ เราต้องรีบพูดกับปั๊บแล้วนะป๊อป’


    อารยามองตามแล้วได้แต่ยิ้มเฝื่อนๆ เหมือนจะหมดแรงให้กับตัวเอง


มันเป็นอย่างนี้ไปได้ยังไง เธอ...ไม่เข้าใจเลยจริงๆ

...............................................

สวัสดีค่ะ

เรื่องนี้คงเป็นเรื่องสั้นที่เราจะฝึกตัวเองให้กลับมามีความรู้สึกอยากเขียนนิยายรักขึ้นมาใหม่ให้ได้ เราจะพยายาม เป็นกำลังใจให้ด้วยนะคะ





Create Date : 19 เมษายน 2557
Last Update : 19 เมษายน 2557 10:10:31 น.
Counter : 522 Pageviews.

1 comments
  
ฮู้ยยยย หายไปนานเลย

เอ้า เอาไปอีกหนึ่งกำลังใจนะคะ สู้ สู้
โดย: จิงโกะ IP: 1.10.199.115 วันที่: 19 เมษายน 2557 เวลา:11:01:57 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

parinnada
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 14 คน [?]



แนะนำตัว
New Comments