Group Blog
 
All blogs
 

งานสเก็ตซ์ประติมากรรมเพื่อขยายแบบ

หลังจากทดลองการหล่อหินทรายที่ใกล้เคียงกับหินจริงพอสมควรแล้ววันหนึ่งว่างๆสักเวลาหนึ่ง เลยลองร่างรูปเล่นเพลินๆ และมีพี่คนหนึ่งเขาอยากจะให้ปั้นพระคเณศให้ขีดๆเขียนๆลองไปเรื่อยๆว่าจะทำขนาดใหญ๋สูงประมาณ ฟุตครึ่ง ก็ได้อย่างที่เห็นนะครับ อาจดูแปลกๆเพราะใช้เวลาประมาณ ๑๐ นาที แล้วดูด้านข้าง หน้า หลัง และด้านบนให้เส้นสัมพันธ์กัน



ทั้งหมดหลังจากนั้น ก็ลองเอาดินน้ำมันมาลองปั้นเล็กๆดูตามหลักการปั้นแบบหลังจากออกแบบแล้ว คราวนี้ เวลาปั้นเป็นโมเดลเล็กๆ อย่างที่เคยร่ำเรียนมา นั่นคือประติมากรรมนั้นต้องดูงามทุกมุม ดูได้ทุกมุม เลยเอาภาพที่ดูทุกมุมมาให้ดูตามตัวอย่าง แล้วสังเกตความงามแต่ละมุมนะครับ





















ทั้งหลายทั้งปวงนี้เป็นงานสเก็ตซ์หลายมุมมองและวิธีการออกแบบเป็นขั้นตอนให้เห็นตั้งแต่ออกแบบไปจนออกมาเป็นงานสำเร็จ และเป็นการอธิบายขั้นตอนหรือแลกเปลี่ยนความรู้กันครับ ทั้งนี้เพราะบางทีไปดูงานรุ่นน้องหรืองานปั้นเด็กสมัยใหม่มักจะสวยด้านเดียวหรือมุมเดียว ซึ่งครูสมัยก่อนๆมักจะบอกอยู่เสมอว่างานปั้นนั้นจะต้องงามทุกด้านไม่ว่เป็นงานไทยและสากลครับ และสิ่งสำคัญที่ขาดไม่ได้คือเเก่นของงาน ซึ่งวันได้มีโอกาส
ที่อาจารย์ผมให้ไปส่งอาจารย์ไพทูรย์ เมืองสมบูรณ์ที่ม. ศิลปากร ท่านพาเข้าไปดูงานของอ.ศิลปและผลงานประติมากรรมอีกหลยชิ้น ท่านบอกว่างานปั้นที่ดีนั้นจะต้องมี ชิวิต วิญณาณ สื่ออารมณ์ต่อผู้ดูครับ ผมก็เห็นว่าจริงตามท่านเพราะดูงานประติมากรรมในห้องๆ นั้นแล้วงามจับใจจริง อย่างที่ท่านบอก สิ่งเหล่านี้เป็นแก่นของงานปั้นอย่างแท้จริงเพียงแต่งานไทยนั้น จะมีหลักในเรื่องของเส้นกับปริมาตรเป็นสำคัญ ครับคราวน๊ถ้ามีเวลาลองมาดูการทำงานปั้นของผมไปทีละขั้นตอนแล้วกันครับ ผมจะเอามาลงทีละขั้นจนจบครับ ใครมีอะไรสงสัยหรือจะแนะนำก็ยินดีรับฟังเพื่อเอามาพัฒนาศิลปะกันครับ




 

Create Date : 16 พฤษภาคม 2552    
Last Update : 20 พฤษภาคม 2552 4:05:19 น.
Counter : 2734 Pageviews.  

ที่มาของลิง

ที่มาของลิง
- ว่าด้วยลักษณะของศรีษะลิง
จากการค้นคว้าลิงในธรรมชาติ โครงสร้างกระโหลกเปรียบเทียบแล้ว กระโหลกลิงวอกมีโครงสร้างใกล้เคียงกับงานเขียนมาก เมื่อเปรียบเทียบกับงานประติมากรรมเขมรซึ่งนำมาสู่การเขียนหน้าลิง ในงานจิตรกรรมไทย ดังตัวอย่างรูป



ภาพ ก เป็นภาพลิงที่มีอยู่ในธรรมชาติในที่นี้เอามาจากลิงวอกในธรรมชาติ
<
ภาพ ข เป็นภาพที่มีลักษณะตัดทอนให้เส้นกระชับขึ้นแบบงานศิลปเขมร ซึ่งเขมรเป็นครูทางศิลปะไทยอยู่แล้ว


ภาพ ค เป็นลักษณะของเส้นตัดทอนในงานไทย เป็นรูปพลทหารลิง


ภาพ ง เป็นภาพที่ประดิษฐ์เป็นงานไทยสมบูรณ์แล้วครับ

ลิงในงานจิตรกรรมไทยมีลักษณะแตกต่างกันเช่น ตาโพลง


ตาจรเข้

ส่วนปากนั้นจะมีทั้งปากขบและปากอ้านั่นเอง ส่วนเขี้ยวนั้นมีลักษณะเหมือนดอกมะลิจึงเรียกว่า เขี้ยวดอกมะลิ ลิงในจิตรกรรมไทยมีหลายแบบหลายมุมมองหลายสกุลตามแต่ครูโบราณ จะเนรมิตขึ้น จึงคัดลอกมุมมอง สกุลต่างๆที่ได้เห็นได้พบมาให้ดูพอเป็นตัวอย่าง หลายแบบหลายมุมโดยส่วนใหญ่โครงสร้างโดยรวมจะคล้ายกัน เพียงแตกต่างในรายละเอียดเล็กน้อยเพราะฉะนั้นการวาดภาพลิงให้งามนั้น จำเป็นต้องศึกษา ครูจากธรรมชาติ ครูที่เป็นงานศิลปกรรม และครูที่มีประสบการณ์เป็นผู้รู้ที่มีตัวตน และไปจนถึงครูที่มองไม่เห็น แต่รู้สึกได้
และอยู่ที่ตัวผู้ฝึกต้องศึกษางานโบราณให้มาก

การสังเกตอาจพอสังเกตเป็นแนวทางได้ดังนี้
๑. สังเกตโครงสร้างสัดส่วนโดยรวมคือดูแล้วกลม สมส่วนดี
๒. ตำแหน่งของหูตา จมูก อยู่ในตำแหน่งที่งามพอดีสมส่วน
๓. ทิศทางของ ยอดลาย ตา หู พรายปากไปในทิศทางเดียวกัน สามารถดูรื่นไหลไปทางเดียวกันไม่ขัดเขินหรือดูขัดตา
๔.ความรู้สึกและอารมณ์ อันนี้สอนกันยากเนื่องจากจำต้องอาศัยประสบการณ์
การเห็นมาก ศึกษาวิเคราะห์มาก และปฏิบัติมากและเรียนรู้ด้วยตนเองจึงจะรู้ได้เราเรียกสิ่งนี้ว่ารสนิยม


ครับเขียนมาถึงตอนนี้ งานเขียนชิ้นนี้ เป็นงานเขียนที่ผูเขียนพยามนำความรู้ของผู้เขียน มาถ่ายทอดให้เป็นขั้นตอน และสรุปออกมาเป็นหนังสือ เพื่อรวบรวมเผยเเพร่ในภายหลัง ถ้ามีข้อผิดพลาดหรือท่านผู้รู้ใด มีความอนุเคราะห์ก็ติชมหรือเพิ่มเติมความรู้ให้ข้าพเจ้าจะเป็นพระคุณกับเด็กๆรุ่นต่อไปครับ




 

Create Date : 01 เมษายน 2552    
Last Update : 1 เมษายน 2552 22:12:58 น.
Counter : 17329 Pageviews.  

ที่มาของยักษ์

ยักษ์ คือตัวละครที่มีบทบาทอยู่ในพระพุทธศาสนา และ เรี่องรามเกียรติ์
ยักหรืออสูร (บางท่านบอกว่าอสูรแปลว่าไม่กินสุรา เนื่องจากพวกอสูรแค้นที่ตนเองดื่มสุราจนเมามายทำให้พระอินทร์องค์ใหม่(มฆมานพ)จับโยนลงมาจากสวรรค์จึงไม่ยอมดื่มสุราอีก) ยักษ์แปลได้หลายความหมาย เช่นผู้พิทักษ์ผู้ปกป้อง อำนาจ ความน่ายำเกรง ความดุร้าย อย่างไรก็ดีช่างไทยโบราณได้ นำเอาลักษณะของสิ่งเหล่านี้มาสร้างเป็นลักษณะของงานไทยขึ้นมา เช่น ตัวใหญ่น่าเกรงขาม ดูแข็งแรงคอหนา ท่าทางหน้าตาโกรธเกี้ยว คิ้วขมวด ตาโพลง ขบปากหรือแสยะปากแยกเขี้ยวดุร้ายลักษณะเหล่านี้เองที่อยู่ในงานไทยครัดังตัวอย่างคร่าวๆที่ผมนำมาให้คุณดูครับ



ลักษณะคนที่โกรธ ขมวดคิ้ว ขบปาก



ตัดทอนเหลือเพียงเส้น



ใส่ความเป็นไทยความพริ้วของลายซึ่งแทนหนวดเคราของยักษ์



เก็บลายละเอียดครับ และยักษ์อีกแบบครับ





ลักษณะคนโกรธ ตาเหลือกโพลง ปากแสยะ คางตึงเห็ยลูกกระเดือกและเส้นเอ็นที่คอชัดเจน



ตัดทอนให้เหลือเพียงเส้น



เติมความพริ้วไหว



เก็บลายละเอียด



เสร็จและกลายเป็นงานไทยครับนี่แหละครับที่มาของยักษ์ ในลายไทย
ถ้าจะสังเกตให้ดีงานของไทยนั้นเป็นงานแบบตัดทอนแต่มีกายวิภาคอยู่ครับ
มีอยู่หลายท่านว่างานไทยเป็นงานที่เขียนโดยความพริ้วไหวคืออะไรก็จะ
ไหลพริ้วสะบัดไปหมด หารู้ไม่ว่ามันมีโครงสร้างก่อนยกตัวอย่างพรายปากยักษ์ จอนหู เครา หรือคิ้วเป็นส่วนที่ช่างเพิ่มเส้นและควมพริ้วไหวไปบนโครงครับ เหมือนหน้าคนจะป่องจะอ้วนเเค่ไหน ก็อยู่บนโครงกระดูกบนใบหน้า มีศิลปินหรือช่างเขียนลายไทยหลายคนที่เขียนหลุดโครงสร้าง เพราะไม่รู้ที่มาเหล่านี้ ครูโบราณท่าน สร้างความรู้ความงามในศิลปะไทยแบบมีหลักมีเกณฑ์รองรับเพียงแต่คนปัจจุบันไม่ได้รู้ซึ้งลึกลงไป ในผลงานที่ท่านอุตสาหะสืบทอดให้แก่ลูกหลาน ช่างหรือคนที่ไม่รู้ก็เขียนลอกๆกันไปตามที่เห็นแต่ไม่รู้ว่าท่านครูโบราณเหล่านั้นท่านทิ้งอะไรไว้บ้าง บางทีก็ทำลาย
ผลงานของท่าน จนฉิบหาย โดยคำว่าอนุรักษ์นั่นแหละ ไม่รู้ว่าคนบริจาคเงินจะรู้ไหมว่ามันเป็นบุญหรือเป็นบาป ( พูดมากของขึ้นเลย ) จะพยามนำเอาศิลปะไทยเชิงลึกมาบอกเล่ากันเป็นระยะระยะแล้วกันครับ จะได้เรียนรู้วิธีการเสพงานศิลปะไทยที่ถูกต้องเสียใหม่ ไม่ใช่อะไรก็สร้างสรรค์อะไรก็ประยุกต์ แล้วก็ว่าดี เดี๋ยวนี้กรรมการที่ตัดสินงานไทยก็รู้น้อยเต็มทีเอาละครับพูดมาซะยืดยาว ก็หวังว่าจะเรียนรู้วิธีการดูงานศิลปะต่อไปนะครับ
อ้อเกือบลืมตัวละครยักษ์แต่ละตัวจะมีลักษณะไม่เหมือนกันนะครับแล้วคราวหลังจะมาบอกแล้วกันครับขอบคุณทุกคนที่เดข้ามาเยี่ยมชมนะครับ




 

Create Date : 21 กันยายน 2551    
Last Update : 21 กันยายน 2551 16:39:42 น.
Counter : 17726 Pageviews.  

งานมุก

งานออกแบบงานมุกชิ้นนี้ทำมาเมื่อปี2544    นานหลายปีแล้วเห็นว่าน่าจะเป็นประโยช์นกับคนเรียนศิลปะไทยด้วยกันด้วยงามมุกนั้นออกแบบต่างจากงานเขียน  ผู้ออกแบบต้องคำนึงถึงการตัดแผ่นหอยมุกในแต่ละชิ้น  คือออกแบบให้ตัดมุกได้เป็นชิ้นตัวๆไม่หัก   เสียดายงานออกแบบงานมุกที่วัดตรีทศเทพเนื่องจากผู้ออกแบบและผู้ทำลายมุกเป็นช่างคนลคนกัน  และเกิดความเข้าใจผิดในกรรมวิธี  คือ  ช่างออกแบบด้วยวิธีการของมุกไทย (คือการตัดตัดลายเป้นชิ้นแบบรูปที่มี  แล้วติดกาวบนกระดาษ วางไปบนไม้ที่มีรักอยู่ข้อดีคือลายละเอียดมาก  เช่นประตูมุกวัดโพธิ์      วัดราชบพิธ   พระพุทธบาทสระบุรี  วัดพระแก้ว  อันนี้เป้นวิธีการของมุกไทยทั้งสิ้น )ด้วยช่างต้องการทำงานฝากฝือมือไว้  เพราะงานมุกที่ทำขึ้นมีไม่มากนักในปัจจุบัน ยอมทำงานยาวนานจนเมื่องานออกแบบเสร็จ  จากบานละสองหมื่น  หักค่าใช้จ่ายเหลือเพียงคนละพันบาท   อันนี้ผมคงไม่ว่าเพราะหวังฝากฝีมือไว้   แต่ที่น่าเศร้าใจมากกว่าคือ ดันเอาช่างมุกที่มาทำ ทำแบบมุกจีน  (คือการแกะเซาะไม้เป็นโครงใหญ่ตามตัวแบบรวมๆและผังมุกลงไป แล้วนำเหล็กแหลมมาขีดทำลวดลายบนผิวมุกอีกที  ซึ่งทำให้ลายหยาบและใหญ๋  ที่ไม่สามารถทำแบบตัวแบบได้เพราะใช้กระบวนการของมุกจีน   ถ้าเซาะไม้ตามแบบไม้จะฉีกขาด)ช่างที่ทำมุกจีนกับอวดความฉลาดด้วยคิดว่างานไทยต้องอ่อนช้อย  เธอเลยสบัดลายซะเสียโครงรวมอันนี้เป็นที่น่เศร้าใจ  งานไทยอ่อนช้อยจริงแต่ต้องรักษาโครงโดยรวมด้วย  เหมือนบ้านมันต้องมีเสาเอก  ต้องมีโครงสร้าง  ลายเป็นส่วนประดับส่วนหนึ่งซึ่งช่วยลดความแข็งของสถาปัตยกรรม ถ้ามากเกินไปก็เละ  งานไทยสวยงามด้ยโครงลองดูพระปรางค์วัดอรุณครับลายละเอียดมากมาย แต่ไม่รกกลับดูสวยงามมากมายเมื่อมองไกล  นี่คือภูมปัญญาของช่างไทยที่นับวันจะหมดไป  เอาละครับฟังผมเพ้อเจ้อมานาน

 



งานนี้เป็นงานออกแบบกล่องใส่เครื่องดนตรีไทย  คือกล่องขิมครับนานมากแล้วตั้งแต่ปี44    ไม่ดีนักแต่เอามาแบ่งปันกันครับ








เนื่องจากเป็นการออกแบบกล่องเครื่องดนตรีไทยเลยออกแบบเป้นรูปท้าวอุเทนเล่นกระจับปี่อยู่กลางป่าโดยมีฝูงช้างและสัตว์หิมพานต์ล้อมรอบ หวังว่าคงได้ความรู้บ้างนะครับขอบคุณที่แวะเข้ามาดู









เอารูปมาเพิ่มครับเนื่องจากรูปแรกๆเล็กเกินไปขอบคุณครับ




 

Create Date : 07 กันยายน 2551    
Last Update : 7 กันยายน 2551 21:09:57 น.
Counter : 2645 Pageviews.  

ภาพจับหนุมานกับมัจฉานุ

งานนี้คัดลอกมาจากภาพเขียนแต่เปลียนและใส่ลายให้เป็นลายรดน้ำครับทีแรกว่าจะเขียนแต่ไม่มีเวลา มัวแต่ไปทำอย่างอื่นอยู่ เอามาให้ชมแก็เหงาแล้วกันครับ


ท่านี้เป็นท่าครูอีท่าหนึ่งซึ่งครูโบราณท่านเขียนได้สวยมากแม้จะตั้งใจคัดก็งามไม่ได้เท่ากับต้นฉบับครับ มาดูลายรายละเอียดดีกว่าครับ




ภาพน่ารักตรงที่ครูโบราณท่านนำดอกบัวมาเป็นอาวุธรบกันมันรู้สึกไม่รุนแรงแต่นุมนวลดีครับ อาจเพราะเป็นการรบระหว่างพ่อกับลุกก็ได้



สำหรับใครที่สนใจงานไทยนะครับลองเข้ามาแลกเปลี่ยนความรู้ ถามคำถามหรือข้อมูลหรือส่งภาพไปให้ดูได้ที่ vatsuwan00 @yahoo.com ครับขอบคุณที่แวะเข้ามาดเยี่ยมชมครับ ส่วนตัวผมตอนนี้อยากได้เทคนิคหล่อหินทรายมากเลยครับ (จะมีใครเมตตาบ้างเน้อ) ขอบคุณครับ




 

Create Date : 31 สิงหาคม 2551    
Last Update : 31 สิงหาคม 2551 9:36:49 น.
Counter : 29092 Pageviews.  

1  2  3  4  

ปุราณ
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 12 คน [?]




ผมเองนั้นมิได้เป้นศิลปิน มิใช่ช่างแต่มีความซาบซึ้ง ชื่นชมในศิลปะไทยในพระพุทธศาสนา และมีความรักในผลึกปัญญาของช่างไทยที่สืบทอดกันมานับพันปี กลั่นกรองจนมีลักษณะเฉพาะตัวและรุ่งเรืองสูงสุด ชื่นชมในบุญคุณของกษัตริย์ ทุกพระองศ์ที่รักษ์ และอุปถัมภ์ งานศิลปะไทยให้ดำรงอยู่ และขอบคุณครูช่างทั้งหลายที่สร้างผลงานงดงามเป็นทิพย์มากมาย จนตกทอดมาถึงรุ่นของข้าพเจ้า แม้บางชิ้นจะสาปสูญสิ้นไปบ้าง แต่ก็มิได้ทำให้ความรักในงานศิลปะไทยลดน้อยลงอย่างใดเลยและงานศิลปะไทยนี่แหละที่ยิ่งใหญ่ สูงค่าจนศึกษาตลอดชิวิตก็ไม่หมด ผมจึงใช้เวลาที่เหลืออยู่นี้ของชิวิตศึกษาไปจนกว่าจะผ่านชิวิตไป
New Comments
Friends' blogs
[Add ปุราณ's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.