คิดซะว่า"การเรียนภาษา"ก็เหมือนการคบหาดูใจกับ"แฟน"ซักคน
เรามีแนวคิดนี้มาจากครูสอนภาษาคนนึง น่าสนใจมากเราก็เลยเอามาขยายความแล้วก็เขียนไว้เผื่อว่าใครได้อ่าน จะได้เป็นแรงจูงใจในการเรียนภาษาบ้างเล็กๆน้อยๆ "ตอนนี้เธอกำลังเริ่มเรียนภาษาอื่นที่ไม่ใช่ภาษาแม่ ให้คิดซะว่าเธอกำลังเริ่มรู้จักใครคนนึง ถ้าเราเริ่มสนใจในคนๆนั้น เราก็อยากที่จะอยุ่ใกล้เค้า อยากใช้เวลาอยู่ด้วยกันมากๆ จนเวลาผ่านไประยะนึงก็จะเกิดเป็นความรัก เราพร้อมที่จะทุ่มเทให้ทั้งแรงกายแรงใจ แต่แน่นอนมันต้องมีไม่เข้าใจกันบ้าง ทะเลาะกันบ้าง มีไม่น้อยที่ตัดสินใจเลิกกันเพราะปัญหาเพียงแค่นี้ แต่ก็มีบางคนหาหนทางสู้กับปัญหา พยายามทุกวิถีทางเพื่อให้ชนะใจเค้าให้ได้ บางคนอยู่ได้อยู่กันเป็นคู่ชีวิต ช่วยกันทำมาหากิน จนชีวิตประสบความสำเร็จได้ก็มี ภาษาก็เหมือนกับคนๆนั้นนั่นแหละ" แต่สำหรับเจ้าของบลอกคนนี้ ค่อนข้างเป็นคนหลายใจซักหน่อย จับปลาหลายมือมาตลอด ยังไม่รู้เลยว่าสุดท้ายต้องนั่งร้องให้เสียใจกับการกระทำของตัวเองหรือป่าว... "ภาษาจีน" รักแรก แต่มันก็กลายเป็นแค่อดีตไปแล้ว เราเลือกคบกับภาษาจีนเป็นคนแรก เรียกได้ว่ารักมากๆ ทุ่มให้ทุกอย่าง ทั้งเงิน ทั้งเวลา ทั้งแรงกายและแรงใจ เราเข้าใจกันดี ไม่เคยมีทะเลาะกัน เราพยายามเอาใจใส่ภาษาจีนอย่างสม่ำเสมอหวังว่าซักวันเราจะชนะแบบทดสอบ ชนะใจภาษาจีนให้ได้ แต่ผลคือเราแพ้ ตอนนั้นสับสนไปหมด ทั้งที่ทุกอย่างเป็นไปด้วยดี แต่ทำไมเราต้องมาอกหักแบบนี้ ได้แต่ปลอบใจตัวเองว่า เวลาที่เรามีให้กันคงน้อยไป เราต้องพยายามต่อไป คงจะชนะใจภาษาจีนได้ จนมาวันนึงเราไปรู้จักกับภาษาญี่ปุ่น ก็รู้สึกชอบภาษาญี่ปุ่น ตอนแรกคิดว่าคบกันไปพร้อมๆคงไม่เป็นไร แต่บางทีเราแบ่งเวลาไปให้ภาษาญี่ปุ่นเยอะเกินไป จนห่างเหินกับภาษาจีนไปทีละน้อย ความพยายามที่จะเอาชนะใจภาษาจีนก็ค่อยๆหมดไป จนเลิกกันไปในที่สุด รวมแล้วก็คบกันได้ เกือบ 4 ปี "ภาษาญี่ปุ่น" รักนี้ชั่วนิรันด์ ตัดใจจากภาษาจีน มาเลือกคบกับภาษาญี่ปุ่นได้ก็ประมาณ เกือบ 2 ปีแล้ว ถึงเวลามันจะยังสั้น แต่ก็มั่นใจว่าเราจะอยู่กับภาษาญี่ปุ่นไปให้ได้ตลอดชีวิต ถึงแม้ว่าภาษาญี่ปุ่นจะเข้าใจยากกว่า มีทะเลาะ เสียใจบ้างเป็นบางครั้ง แต่เราเชื่อมั่นว่าถ้าเราชนะใจภาษาญี่ปุ่นได้ ถ้าเรามีภาษาญี่ปุ่นเป็นคู่ชีวิตเราได้ ชีวิตเราต้องดีกว่าที่เป็นอยู่นี้แน่นนอน ถึงตอนแรกจะดูเห็นแก่ตัวที่เปลี่ยนใจทิ้งภาษาจีนมาคบกับภาษาญี่ปุ่น เพียงเพราะเห็นแก่ผลประโยชน์ในอนาคตของตัวเอง แต่เราก็มีภาษาญี่ปุ่นเป็นเพื่อนแก้เหงา สนุกและมีความสุขทุกครั้งที่ได้อยู่ด้วยกัน อย่างนี้จะไม่ให้รักได้อย่างไร... "ภาษาอังกฤษ" รักหลอกๆ แต่ก็ทำให้ช้ำได้ถึงทรวงใน... จริงๆเคยเห็นหน้าเห็นตาภาษาอังกฤษมานานมากๆ ตั้งแต่สมัยประถม แต่ก็ไม่เคยคิดจะทำความรู้จักแบบจริงจังซักที เพราะมันเจอกันจนชินตาล่ะมั้ง ไม่มีอะไรแปลกใหม่น่าค้นหา ก็เลยไม่ค่อยสนใจยัยดี พอโตมาก็ได้เห็นว่า ภาษาอังกฤษมันจำเป็นเป็นภาษาสากลที่ใครๆเค้าก็คบกัน มีภาษาอังกฤษอยู่กับตัวเป็นเพื่อนเป็นแฟน จะได้ไม่อายใคร เราก็เลยจำเป็นต้องคบด้วย แต่เพราะคิดว่ายังไงก็เห็นน่าเห็นตากันมานานแล้ว คงไม่มีอะไรต้องใส่ใจมากก็ได้ เจียดให้เวลานิดหน่อยก็คงจะชนะใจภาษาอังกฤษได้ไม่ยาก แต่พอถึงเวลาไปทดสอบก็แพ้ แพ้แบบไม่ได้ตั้งตัวด้วย เรื่องนี้ก็ไม่อยากโทษใคร ตัวเองนั่นแหละที่หลายใจ ไม่ได้มีใจจริงให้ภาษาอังกฤษผลมันก็ต้องเป้นแบบนี้เป็นธรรมดา จริงๆก็แค้นเหมือนกัน อยากจะกลับไปสู้ใหม่ให้รู้กันไปว่าใครเป็นใคร แต่ก็เอาเหอะตอนนี้ยังมีความสุขดีกับภาษาญี่ปุ่น ยอมแพ้ และถอยหลังออกมาก่อนดีกว่า แต่ไม่แน่นะเราอาจจะเจอกันอีกซักตั้งก็ได้ นิสัยเราอาจจะแย่ ไม่ได้ดีไม่พอใจ ก็หันไปสนใจสิ่งอื่น กลบเกลื่อนความรับผิดชอบของตัวเอง บางคนบอกว่าเราไม่มีจุดยืน ต่อให้คบอีกกี่คนกี่ภาษาก็ไม่มีทางชนะใจเค้าได้ บางคนบอกว่าเราแพ้แล้วก็ไม่สู้ แพ้แล้วหนี มันก็คงไม่มีวันชนะ เราก็ยอมรับนะ แต่ต่อไปนี้เราจะไม่ใช่คนแบบนั้นแล้วนะ "เราเลือกภาษาญี่ปุ่น" ไม่ว่าเราจะแพ้ภาษาญี่ปุ่นอีกกี่ครั่ง เราก็จะสู้จนชนะให้ได้....
จะมีใครเป็นอย่างเราบ้างนะ
Create Date : 17 ธันวาคม 2552 |
Last Update : 17 ธันวาคม 2552 21:34:25 น. |
|
10 comments
|
Counter : 2554 Pageviews. |
 |
|
คบภาษาจีนมาได้สองปี เพราะต้องมาใช้ชีวิตอยู่แดนมังกร ก็เข้าใจกันบ้างพอสมควรค่ะ คบกับภาษาเกาหลีเพราะความจำเป็นของหัวใจมันบังคับ(คุณแฟนเป็นคนเกาหลี) คบกับภาษาญี่ปุ่นเพราะครอบครัวเราเป็นinter แฮะๆ
พี่เขยคุณแฟนเป็นคนญี่ปุ่น เพราะงั้นภาษาพื้นฐานที่ที่บ้านใช้ จะมี ไทย อังกฤษ เกาหลี จีน ญี่ปุ่น ทำให้สมองเริ่มสับสน พูดไม่ได้ดีสักกะภาษาเลยยยยค่ะตอนนี้