"คนที่มีความฝันให้ตามหา มีความทรงจำให้คิดถึง คือคนที่โชคดีที่สุด" ๐ จิมมี่ เลี่ยว ๐ http://twitter.com/nopsukda

พรเก้าประการ
Location :
กรุงเทพ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




ทำระบบการเงิน
๐ เริ่มแล้ว

สร้างสรรค์งานเขียน และ ถ่ายภาพ
๐ เริ่มแล้ว

รักใครสักคน
๐ เริ่มใหม่ได้เรื่อยๆ

Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add พรเก้าประการ's blog to your web]
Links
 

 

ในที่สุดก็ออกเดินเสียที

วันนี้มีน้องคนหนึ่งมาถามว่าทำอย่างไรถึงได้เป็นพิธีกร
เราตอบไปด้วยความรู้เท่าหนวดมดว่า
ทำไปเรื่อยๆครับ
ไม่รู้วิธีจริงๆครับ
เพราะกว่าที่เราจะได้ 8 นาทีนี้มา เราก็ลุยมามั่วซั่วมาก
ลองจนเกือบทุกวิธีแล้ว จนแทบจะทำใจแล้วว่า ไม่ได้เป็นก็ช่างมัน
ทำไปเรื่อยๆอย่างนี้ก็สนุกดี

หลังจากคราวที่แล้วเราเล่าว่าต้องเสียไปร้อยห้าสิบถึงจะได้ขึ้นเวที 555
เราก็ทำงานฟรีอีกเยอะมาก
ในศูนย์การพูดรามคำแหง อาทิ
ออกค่าย ไปปลูกป่า สร้างห้องสมุด สร้างโรงเรียน อบรมการพูดให้รุ่นน้อง
หน้าที่หลักๆของเราก็คือ ฝ่ายสันทนาการ
เล่นเกม โชว์ตลก นานๆทีถึงได้เป็นทางการ

และตอนนั้นเราก็ทำงานเป็นนักข่าวบันเทิงอยู่ในเว็บเล็กๆ แห่งหนึ่ง
เรียกว่าทั้งการเรียนและการทำงานนั้น
เป็นงานที่เราต้องใช้ทักษะการพูดคุยกับคนเยอะมาก
มันก็เลยได้ฝึกการพูดไปเรื่อยๆ

เรารู้สึกว่าสะสมประสบการณ์ได้มาเกือบปี
น่าจะเอาจริงกับงานด้านพิธีกรบ้างได้แล้ว
เราเริ่มหางานจากอินเตอร์เน็ต
และก็ไปเจองานหนึ่งที่เขาต้องการ mc ในงาน pet expo ที่ศูนย์ประชุมแห่งชาติ
ซึ่งตอนนั้นก็ยังไม่เข้าใจดีว่าไอ้mcเนี่ยเป็นอย่างไร
พี่ที่ทำงานเขาอธิบา่ยว่ามันก็คือพิธีกรในงานอีเว้นต์
แล้วงานอีเว้นต์คืออะไรหว่า พี่เขาบอกว่าถ้ามึงมึนอย่างนี้อย่าทำดีกว่าไหม เอิ๊ก...

พอรู้คร่าวๆเราก็ลองโทรไปสอบถามรายละเอียดดูว่างานเป็นอย่างไร
ทางบริษัทก็บอกว่าไปเจอกันแถวสุขุมวิท
เราถามต่อว่าแล้วต้องเตรียมตัวอย่างไรบ้างครับ
พี่เขาบอกว่าพูดคล่องๆไว้ละกัน

พอวันนัดมาถึงเราก็ได้เจอพี่ท่านแรกที่พาเข้ามาสู่วงการ mc คือพี่เพ็ญ
(และในวันนั้นมีพี่ที่มีพระคุณอีกท่านคือพี่ชมพู่ เดี๋ยวจะเล่าให้ฟังในตอนต่อๆไปครับ)
งานนั้นเราต้องมาพรีเซ็นต์ยาฆ่าพยาธิในหัวใจน้องหมา (ไม่บอกยี่ห้อนะครับ เพราะจำไม่ได้แล้วเอิ๊ก)
ตอนนั้นจำได้ว่าในห้องยังมีคนที่มาเทส mc อีกประมาณ 5 คนเป็นชาย 2 หญิง 3 เพราะเขาต้องการ mc 1 คู่
เขาก็ให้ลองสลับคู่ไปเรื่อยๆ เพื่อที่จะหาคู่ที่เหมาะที่สุด

งานเข้าทางเราพอดีเพราะต้องมีการเล่นเกมกันคนที่เข้าร่วมงาน
ซึ่งสบายเรา เพราะตอนที่เราฝึกที่ศูนย์การพูดนั้นเป็นงานแนวนี้พอดี
เราเล่นฮามาในวันนั้น เล่นคู่กับสาวคนไหนก็ได้
ก็เลยทำให้ลูกค้าเขาเลือกเรา
ชายหนุ่มสองคนที่ตกรอบไปเราก็ขออภัยด้วยนะคร้าบ
ซึ่งทำให้เรามีความมั่นใจเพิ่มขึ้นเพราะทั้งสองคนนั้นหล่อกว่าเราเยอะ
ตอนนั้นเราอ้วนๆ แต่งตัวเชยโคตร
ทำให้เรารู้ว่า งานแบบนี้หล่อมากไปแต่พูดไม่เวิร์คก็ช่วยอะไรไม่ได้

ซึ่งตอนนั้นโคตรดีใจเลยที่ได้งานนี้ (ตอนนี้ก็ยังดีใจอยู่นะ)
พอได้เริ่มงานจริงก็สบายใจแต่ก็เห็นจุดบอดของเราเลยก็คือ
เราไม่ค่อยได้ให้น้องผู้หญิงโชว์เลย
น้องเขายืนนิ่งและรับมุขเราไม่ทัน ยืนแห้งคาเวทีเลย
อย่างไรก็ขอโทษน้องสาวด้วยนะค้าบ
พอจบงานครั้งนั้นได้มา 5 พันทำแค่ 5วันเอง
โอ้งานmcมันเงินดีขนาดนี้เลยหรือเนี่ย

ตอนนั้นเราคิดว่า น่าจะมาถูกทางละ
ส่วนพิธีรายการทีวีเราไม่ทิ้งหรอก
เราขอเก็บประสบการณ์การเป็นพิธีกรจากเวทีอย่างนี้ไปก่อน
ซึ่งตอนนั้นวางแผนไว้ว่าเก็บประสบการณ์แบบนี้ไปสักปี
แล้วเดี๋ยวค่อยหาทางไปต่อ
และตอนนั้นคิดว่า ถ้ามันจะได้เป็นเดี๋ยวมันก็ได้เป็นน่า
ก็เลยยาวไป......




 

Create Date : 25 พฤษภาคม 2553    
Last Update : 25 พฤษภาคม 2553 1:46:49 น.
Counter : 633 Pageviews.  

22>5>10

*** อย่างที่เคยเล่าไปแล้วว่ากรุ๊ปนี้มันนจะเล่าไม่ลำดับเวลานะครับ
อยู่ๆก็เล่าเรื่องอดีต อยู่ๆก็เอางานปัจจุบันมาเล่าให้ฟัง
เพราะฉะนั้นถ้าตอนไหนขึ้นวันที่ก็คือเป็นช่วงสถานการณ์ทำงานปัจจุบันนะครับ ***

๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐

"พี่พรุ่งนี้มีกล้องสามมิติมาเมืองไทย พี่เล้งเขาอยากให้เราไปดู
ผมคิดว่าเราน่าจะไปทำสกู๊ปด้วยเลยดีกว่า บ่ายสองเจอกันที่สยามนิริมิตรนะพี่" ไอ้แอคครีเอทีฟช่วงเราบอก
(ตอนนี้เราได้เป็นพิธีกรช่วง ฟิ้ว ในรายการไบโอสโคปทีวี ออกอากาศทางช่องแมงโก้ เครือเนชั่น ทุกวันเสาร์ สามทุ่มเริ่ม 5มิถุนานี้แล้ว)

"มึงไม่ให้กระผมเตรียมตัวเลยเหรอ กรูไม่รู้อะไรเลย" เราตอบมันไป

"ไม่เป็นไรพี่ พรุ่งนี้ปรีฟก่อนถ่าย" มึงดูมั่นใจ แต่กรูไม่เลย


บ่ายสองหน้าโรงละครสยามนิริมิตร
"เนี่ยพี่พูดไม่ต้องเยอะ เดี๋ยวผมว่าจะถ่ายเปิดคิวพี่แล้วเดี๋ยวผมเก็บฟุตเยอะๆแล้วเอาไปตัด" แอคเล่าวิธีการทำงานให้ฟัง

"อ่ะก็ได้เดี๋ยว กรูไปซ้อมคิวก่อน" ในใจก็โล่งอกที่ไม่ต้องสัมภาษณ์อะไรเพราะโง่เทคโนโลยีมาก

สักพักมันเดินมาบอกว่า
"พี่ตะกี้ผมคุยกับพี่นิคมาแล้ว ว่าน่าจะมีสัมภาษณ์ด้วยดีกว่า มันจะได้มีเนื้อหาเอาไปใช้ด้วย"
(พี่นิคเป็นโปรดิวซ์รายการดูภาพรวมทั้งหมด)

"ชิดแล้ว แล้ว แล้ว กรูไม่มีข้อมูลนะคับมึง" เราบอกมัน

"ก็ไม่เป็นไรพี่ ถามแบบคนไม่รู้เลยไงพี่ พี่อยากรู้อะไรถามเลยพี่ คนดูเขาจะได้รู้ไปพร้อมๆพี่" เอ้าน้องกรูเล่นง่าย

เอากับมันหน่อยละกัน

"สวัสดีครับ ผมนพพร กับช่วงออกไปเดิน วันนี้ผมจะพาทุกท่านมาพบกับกองถ่ายภาพยนตร์สามมิติเรื่องแรกของไทย
แต่น่าเสียดายที่คนไทยส่วนใหญ่จะไม่ได้ดู เพราะหนังเรื่องนี้จะนำไปฉายในงาน
"บอรดคลาส เอเชีย" ที่ประเทศ สิงคโปร์ ครับ
อยากรู้ว่ากล้องตัวนี้มันเจ๋งแค่ไหน ตามผมมาเลยครับ"

สคิปสั้นๆแค่นี้เราล่อไป สิบกว่าเทค ส่วนใหญ่จะหนักไปทางพูดผิด ลิ้นพัน และสติไม่ค่อยนิ่งเลย

หลังจากนั้นเราก็ต้องมาวางโครงสร้างคำถาม เพราะนิสัยของเราชอบแหกสคิปจนพี่โปรดิวซ์เซ่อร์เหนื่อยใจ เพราะถ้าเราพูดตามสคิปทีไรวิญญาณหุ่นขี้ผึ้งสิงทุกที

จนพี่ดาที่เป็นทั้งเจ้านาย พี่ที่เคารพ คนจ่ายตังค์ และดูภาพรวมรายการ เคยเรียกเราเข้าไปสอนการเป็นพิธีกรฉบับย่อว่า

"นพแกอย่าท่องสคิป แต่ขอให้รู้ว่า ประเด็นที่เราจะถามนั้นมีอยู่ประมาณไหน
และป้อนคำถามให้อยู่ในประเด็นที่เราวางไว้ และตั้งใจฟังคำตอบ
และต้องทำการบ้านมาบ้างก่อนที่จะสัมภาษณ์ใคร
จะยาวจะสั้นไม่เป็นไรเดี๋ยวทีมตัดเขาไปจัดการเอง
แต่พิธีกรต้องคุมประเด็นให้อยู่ ถามในสิ่งที่คนดูเขาอยากจะรู้"

และพอลองใช้ไปกับเทปที่แล้วมันเวิร์ค
คราวนี้ก็ต้องนำมาเลยมาประยุกต์ดูซะหน่อย
จะขาดก็เรื่องทำการบ้านนี้แหละ
ข้อมูลเรื่องเทคโนโลยีสามมิติไม่มีในหัวเลย

พอมานั่งทำประเด็นกันก็สรุปได้ สี่ ข้อหลักๆ
สามมิติคืออะไร
กล้องตัวนี้เป็นอย่างไร
เมื่อเสร็จแล้วจะดูได้ในรูปแบบไหนบ้าง
และหนังเรื่องนี้จะไปฉายที่ไหน

พอได้สโคปถามลื่นเลย แต่เราเองก็ยังรู้สึกว่ายังไม่ค่อยพอใจเท่าไรนัก
แต่ครีเอทีฟน้องรักมันบอกว่า
พี่คุยลื่นและโอเคมากช่วงนี้ สี่นาที พี่คุยไป ห้านาที ตัดสบาย
ไม่รู้มันปลอบใจเราหรือมันอยากรีบกลับก่อนเคอร์ฟิวกันแน่
เอ๊ะหรือว่ามันแอบด่าเรา เอิ๊ก.....

คิดมากน่านพ
เดี๋ยวถ้าตัดเสร็จเมื่อไรจะเอามาให้ดูกันครับ




 

Create Date : 22 พฤษภาคม 2553    
Last Update : 22 พฤษภาคม 2553 22:01:11 น.
Counter : 889 Pageviews.  

ก่อนจะขึ้นเวที

"ฝันจะเป็นจริงได้ต้องลงมือทำ" พี่โหน่งอะเดย์เขาเคยบอกไว้
งั้นถ้าเราอยากจะเป็นพิธีกรจะเริ่มอย่างไรว่ะเนี่ย
หน้าตาก็งั้นๆ
อ้วนก็อ้วน
ความรู้ก็ไม่มี
เส้นสายก็ไม่เห็น
แล้วจะขึ้นเวทีอย่างไรว่ะเนี่ย

เราก็เลยลุยแบบมวยวัดดู
ตอนนั้นมีแผนแบบนี้
สมัครไปโมเดลิ่ง 2 ที่ กรอกใบสมัครว่าอยากเป็นพิธีกร
แต่กลับได้ไปนั่งตบมือให้กับรายการของคุณไตรภพอยู่ 2 เทป ได้วันละ 80 บาท
เฮ้ย!! ไม่ใช่ละ

เอาใหม่ ตอนนั้นมีประกวดล่าฝันอะไรสักอย่าง(ยังไม่ใช่เดอะสตาร์) ของแกรมมี่ ก็เดินเข้าไปเลย ผลก็คือตกรอบแรก

เอ....ไม่ได้การละ มั่วไปไม่ดี
กลับมาตั้งสติใหม่
เราต้องวางแผนใหม่
การจะเป็นพิธีกรได้เราต้องพูดให้เป็นก่อนดิ
ใช่แล้วฝึกพูด
แล้วที่ไหนมีฝึกพูดละ
พลิกหนังสือพิมพ์ (คือเมื่อ10ปีที่แล้วเน็ตยังห่วยแตกอยู่)
หาข้อมูลตามที่ต่าง การเรียนการพูดแพงเหลือเกิน ครอสหนึ่งก็หลายพันทีเดียว จำได้ว่าแกรมมี่ก็มี ประมาณ 3,900 มั้ง

ทำไงดีฟ่ะเนี่ย
เอ๊ะ มหาวิทยาลัยไงต้องมีสอนบ้างละ
และตอนนั้นเราก็ลงทะเบียนเรียนรามด้วย
เอาว่ะ จุดใต้ตำตอ คงที่รามเนี่ยละ
เพราะมีการสอนพูด และมีนักพูดเก่งๆจบจากที่นี่เยอะทีเดียว
การพูด เท่ากับ พิธีกร
งั้นไปสมัครเลยดีก่า

ที่รามจะมีชมรมการพูดอยู่สองชมรม
ศูนย์การพูดรามคำแหง และชมรมการพูด (อะไรสักอย่างแต่ผมจำไม่ได้แล้ว)
ผมเลือกที่แรก (ในราคา 590 ต่างกับแกรมมี่ราวฟ้ากับเหว)
แต่
ที่นี่ทำให้ผมรู้ว่า ผมห่วยเรื่องการพูดมาก
ที่แห่งนี้ทำให้ผมรู้เทคนิคการพูด
ที่แห่งนี้ทำให้ผมกล้าพูดมากขึ้น (จำได้ว่าตอนเทสกับกรรมการ4 คนผมจับไมค์มือสั่นเลย)
ที่แห่งนี้ทำให้ผมพูดเป็น
และให้อะไรอีกมากมาย
ตอนแรกว่าจะเข้ามาอบรมแค่ 5 วันเท่านั้น
แต่อยู่กับที่นี่ถึง 3 ปี

และได้เริ่มงานพิธีกรงานแรกก็จากที่นี่เช่นกัน
นั้นคือ

"งานวันเด็กที่หมู่บ้านแห่งหนึ่งแถวราม"

ที่เด็ดกว่านั้นก็คือ
ต้องเสียตังค์ 150 บาทเพื่อเรวมตังค์มาเป็นของขวัญให้เด็กๆ

พิธีกรงานแรกก็เสียตังค์ให้คนที่มาร่วมงานซะแล้ว




 

Create Date : 21 พฤษภาคม 2553    
Last Update : 21 พฤษภาคม 2553 21:45:10 น.
Counter : 433 Pageviews.  

พิธีกรในความจำ

จำได้คร่าวๆว่า
ครั้งแรกที่อยากเป็นพิธีกรเกิดขึ้นจาก
เมื่อก่อนเราเคยเป็นนักข่าวสายบันเทิงแล้วไปงานแถลงข่าวงานหนึ่ง
ได้เจอพิธีกรคนหนึ่งดูเขามีพลังในการชักจูง พูดคุย สนุก เป็นธรรมชาติมาก
แล้วเขาสามารถสะกดคนดูให้อยู่กับเขาได้
แถมแขกรับเชิญก็ไม่ได้เป็นเพียงแค่เครื่องประดับเวที
เขาทำให้เราเริ่มสนใจงานพิธีกรขึ้นมา
เขาคือ พี่ไก่ สะมะพล

หลังจากนั้นเราก็เริ่มที่จะมองดูพิธีกรคนอื่นๆมากขึ้น

พี่ดู๋ สัญญา
เป็นพิธีกรที่เราชอบเป็นอันดับหนึ่ง
พี่เขาเป็นพิธีกรที่ธรรมชาติและยิงคำถามที่แขกรับเชิญตอบลำบากถ้าเป็นพิธีกรคนอื่น แต่พี่เขาใช้คำถามได้รื่นหูมาก
พี่โจ้ อัครพล
ฮามาก สนุกมาก พลังเหลือเฟือมาก เป็นกันเองมาก แต่พี่เขาจากเราไปแล้ว หลับให้สบายคับพี่
น้าเน็ก
แรง ตรงประเด็น คำแปลกๆเยอะ กล้าที่จะพูดในสิ่งที่คนอื่นอยากพูดแต่ไม่พูด
คุณไตรภพ
พิธีกรจอมบิ้ว เป็นคนที่หาข้อดีของแขกรับเชิญแล้วมาขยี้ บางครั้งก็ได้ผล บางครั้งก็พลาด
คุณปัญญา
จอมบิ้วอีกคน สนุกและบีบคั้นจนเหนื่อยแทน
คุณสรยุทธ
กล้าถาม ตรงประเด็น ดุเดือด เล่นเกมเก่ง ไหวพริบดีมาก


และสิ่งที่เราได้เรียนรู้จากการตามดูพิธีกรที่เราชอบ
ทำให้เรารู้สึกว่าเป็นอาชีพที่ต้องประกอบไปด้วย
สติ จิตวิทยา ศิลปะ อารมณ์ดี การจัดการ ใจเย็น ข้อมูล ไหวพริบ และอื่นๆอีกมากมาย
ที่กล่าวมาในบรรทัดข้างบนใช่ว่าตัวเองจะเก่งอะไรมากมายนะครับ
แค่อยากจะเก็บความทรงจำด้านงานที่เรารักอีกงานหนึ่งเท่านั้นเอง




 

Create Date : 18 พฤษภาคม 2553    
Last Update : 22 พฤษภาคม 2553 22:30:38 น.
Counter : 351 Pageviews.  

ก่อนจะก้าว

กรุ๊ปบล็อคใหม่ล่าสุด
แต่เป็นเรื่องที่เก่าสุด
สำหรับความฝันเราที่มีมานานมากแล้ว
อยากเป็นพิธีกรครับ
บล็อคนี้จะเป็นการเล่าที่ไม่ค่อยลำดับเวลาเท่าไรนะครับ
เหมือนจะเป็นการบันทึกความทรงจำในการทำงานพิธีกรมากกว่า
เพราะตอนนี้เราถือว่าเราทำความฝันสำเร็จในระดับหนึ่งแล้ว

เราได้เป็นพิธีกรเล็กๆช่วง ฟิ้ว อยู่ในรายการ ไบโอสโคปทีวี
ออกอากาศ ทุกวันเสาร์ สามทุ่ม
ทางช่องแมงโก้ ในเครือเนชั่น
แม้จะมีเวลาโผล่มาแค่ 8 นาที แต่ถือว่ามีค่ามาก
ถึงจะไม่โด่งดังอะไร
แต่อย่างน้อยฝันที่เราเคยมี
มันก็ได้เป็นจริงแล้ว
เราสัญญาครับว่าจะทำหน้าทีนี้ให้เต็มทีที่สุด

ตามให้กำลังใจกันด้วยนะครับ





 

Create Date : 18 พฤษภาคม 2553    
Last Update : 22 พฤษภาคม 2553 22:29:08 น.
Counter : 347 Pageviews.  

1  2  3  4  5  
 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.