|
เอเอสทีวี - พีทีวี สื่อนี้เพื่อใคร ?
จุดกำเนิดของหนังชุดที่ชื่อว่า เอเอสทีวี- พีทีวี สื่อนี้เพื่อใคร ? เริ่มมาจากหัวเรือใหญ่อย่างนายสนธิ ลิ้มทองกุล จากที่หลังคดหลังแข็ง ขึ้นเวทีปราศรัยโจมตีรัฐบาลอยู่พักใหญ่ ได้ผุดไอเดียในการล้มล้างรัฐบาลของแฟร้งค์ขึ้นมาใหม่นั่น ก็คือ สถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมเอเอสทีวี ซึ่งระหว่างนั้นรัฐบาลของแฟร้งค์ ได้ให้กรมประชาสัมพันธ์ ดำเนินคดีกับ เอเอสทีวี เพียงรายเดียว เพราะ ต้องการสั่งปิดเอเอสทีวี ที่พาดพิงถึงการทำงานของรัฐบาลชุดนั้น โดยในขณะนั้นก็ยังมีสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียม อีกหลายเจ้าที่ดำเนินการอยู่เช่นกัน ซึ่ง บริษัทเหล่านั้นเป็นของแฟร้งค์และพวกพ้องทั้งสิ้น เลยทำเป็น เอาหูไปนาเอาตาไปไร่ ในกรณีสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมของตนที่เข้าข่ายผิดกฎหมายเช่นเดียวกับเอเอสทีวี ซึ่งเอเอสทีวีเห็นทีท่าไม่ดี ก็เลยไปยื่นขอต่อศาลปกครองสูงสุด จนศาลมีคำสั่งให้คุ้มครองเอเอสทีวี เป็นการ ชั่วคราวด้วยเหตุนี้จึงทำให้เอเอสทีวี สามารถที่จะแพร่ภาพออกอากาศเรื่อยมาถึงปัจจุบันนี้ เรื่องนี้ก็ยิ่งแดงขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อ รายการยามเฝ้าแผ่นดิน ที่ปกติแพร่ภาพทางเอเอสทีวีไปโผล่ใน ช่อง 11 กรมประชาสัมพันธ์ ซึ่งเป็นฟรีทีวี ที่สามารถเปิดโปงเรื่องที่ไม่ดีของรัฐบาล ให้กับประชาชนทั้งประเทศได้รับรู้ ถึงแม้จะเป็นช่วงเวลาแค่ 10 วัน แต่ก็สร้างความไม่พอใจให้กับรัฐบาลจนเกือบจะมีการยกเลิกรายการ ซึ่งนายสนธิก็ได้ถอยทัพกลับฐาน ก่อนที่เรื่องจะบานปลาย จากนั้นไม่นานนัก สถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมพีทีวี ได้ฤกษ์เปิดตัว ในวันที่ 1 มีนาคม ที่ผ่านมา โดยกลุ่มองค์รักษ์พิทักษ์( ษิณ ) แต่ก็ไม่สามารถแพร่ภาพออกอากาศได้ เพราะถูกกรมประชาสัมพันธ์เบรกเสียก่อน และเมื่อถูกห้าม ทำให้แกนนำพีทีวี ได้ออกมาเรียกร้องความยุติธรรมจากรัฐบาล ว่าพีทีวีทำไมไม่ได้รับอนุญาตให้ออกอากาศส่วนทางเอเอสทีวีกลับได้ออกอากาศหน้าตาเฉย ซึ่งนี่คือหนึ่งในสาเหตุการชุมนุมประท้วงของกลุ่มพีทีวีอยู่เป็นระยะ ๆ จะว่าไปแล้วก็เหมือนเป็นการเลือกที่รักมักที่ชัง ถ้าจะให้ขาวสะอาดก็ต้องให้พีทีวี ออกอากาศได้เช่นเดียวกัน แต่โดยส่วนตัวน่าจะปิดไปทั้ง 2 สถานี เพราะสื่อที่ออกมาจากทั้งสองสถานีอาจจะขาดซึ่งความเป็นกลางในการนำเสนอ เพราะต่างฝ่ายต่างมุ่งโจมตีฝ่ายตรงข้าม
ซึ่งความคิดเห็นของผมไปตรงกับผลสำรวจของสวนดุสิตโพล ใประเด็น ความคิดเห็นของประชาชน กรณี การเปิดตัวของ พีทีวี โดยสำรวจระหว่างวันที 23-25กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา อยู่ในหัวข้อที่สี่ที่ว่าประชาชนเห็นว่ารัฐบาล ควรดำเนินการอย่างไรกับเรื่องนี้ ประชาชนถึง 25.74 % จากกลุ่มตัวอย่างจำนวน 1,378 คน ในเขตกรุงเทพ ฯ และปริมณฑล ได้แสดงความคิดเห็นว่าควรที่จะปิด ทั้ง เอเอสทีวีและพีทีวี เพื่อลดความขัดแย้งและเพื่อให้เกิดความสมานฉันท์ การปรากฎตัวของสื่อทางเลือกทั้งสองสถานีที่มีวัตถุประสงค์เพื่อประชาชนตามที่กล่าวอ้างมา จะเป็นเพียงแค่การสร้างภาพขึ้นมาเพื่อใช้ประโยชน์จากสื่อที่มีอยู่ ในการเข้าไปครอบงำประชาชนเพราะสื่อโทรทัศน์เป็นสื่อที่เข้าใจได้ง่ายและเข้าถึงประชาชนได้ทุกกลุ่ม เป็นเรื่องที่ต้องพิสูจน์ต่อไปว่าสื่อใดเป็นสื่อเพื่อประโยชน์ส่วนรวมสื่อใดเป็นสื่อเพื่อประโยชน์ส่วนตน
Create Date : 18 กรกฎาคม 2550 | | |
Last Update : 18 กรกฎาคม 2550 15:25:43 น. |
Counter : 333 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
สื่อในมือ (อาชีพ)
ทุกเข็มวินาทีที่ขยับไปข้างหน้าหนึ่งก้าว หมายถึงการเพิ่มขึ้นของสิ่งที่เราไม่สามารถจับต้องได้ ที่เรียกกันว่า " ประสบการณ์ " เช่นเดียวกับ สภาการหนังสือพิมพ์แห่งชาติ ที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมาจนบรรจบครบรอบ 10 ปีพอดี และเนื่องในโอกาสนี้ทางสภาการหนังสือพิมพ์แห่งชาติ จึงได้มีการจัดงานปาฐกถาพิเศษ เพื่อให้เข้ากับสถานการณ์ ณ ปัจจุบัน ในวันที่ 4 กรกฎาคมที่ผ่านมา ที่สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์ แห่งประเทศไทย ในหัวข้อเรื่อง " การใช้เสรีภาพและความรับผิดชอบของสื่อมวลชนท่ามกลางวิกฤติประเทศ "
โดยนายไพบูลย์ วัฒนศิริธรรม รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
นอกจากนี้ยังมีการเสวนากลุ่มในหัวข้อ " ความน่าเชื่อถือของสื่อมวลชนในภาวะวิกฤติ "
เพื่อเป็นการตอกย้ำหน้าที่ของสื่อมวลชนที่พึงมีต่อสังคม
โดยผู้ที่ร่วมสนทนามี 4 ท่าน จากซ้ายไปขวา คือ
ดร.เจษฎ์ โทณะวนิก คณบดีคณะนิติศาสตร์ จากมหาวิทยาลัยสยาม เป็นผู้ดำเนินรายการ
รศ.ดร.นครินทร์ เมฆไตรรัตน์ คณบดีคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
นพ.สมศักดิ์ ชุณหรัศมิ์ เลขาธิการมูลนิธิสาธารณสุขแห่งชาติ
และ ผศ.นวลน้อย ตรีรัตน์ คณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
ณ ปัจจุบัน สื่อถือว่าเป็นสถาบันหลัก ของสังคม ที่ทรงอิทธิพลที่สุดและสามารถที่จะกำหนดทิศทางความเป็นไปภายในสังคมได้ เพราะสื่อมีความใกล้ชิดกับแหล่งข่าวและความใกล้ชิดกับประชาชน ประชาชนจึงเลือกที่จะเชื่อสื่อ ( โดยเฉพาะประชาชนในระดับรากหญ้า ) ด้วยเหตุนี้ทำให้กลุ่มผู้มีอำนาจหรือผู้ที่หวังผลประโยชน์ ใช้สื่อเป็นช่องทางในการเสริมสร้างพลังแฝง โดยผลที่ตามมาคือปัญหาที่ไม่จบไม่สิ้น ถ้าสื่อแย่ สังคมก็ต้องแย่ตามไปด้วย มันส่งผลกระทบต่อกันเป็นห่วงโซ่
ดังนั้นสื่อที่ดี ควรมีความเป็นมืออาชีพควบคู่กับจรรยาบรรณของวิชาชีพ กล่าวคือการนำเสนอข่าวสารที่เป็นข้อเท็จจริงไม่พิเศษ ( ใส่ไข่ ) ด้วยความบ่ายโมง เอ๊ย ! เที่ยงตรง นำเสนอข่าวของทั้งฝั่งซ้ายและฝั่งขวาเพื่อความเป็นกลาง เช่น กรณี เคเบิ้ลทีวีสองเจ้าในภูมิภาคนี้ รวมถึงการพาดหัวข่าวหรือการนำเสนอภาพข่าวที่ทำ ให้บุคคลเสื่อมเสียงชื่อเสียง โดยเฉพาะเรื่องที่เกี่ยวกับเพศและเยาวชนซึ่งเป็นเรื่องละเอียดอ่อน ยิ่งต้องระมัดระวังในการนำเสนอ
ยิ่งในตอนนี้ที่มีสื่อ สมัยใหม่ หรือ อินเตอร์เน็ต เข้ามาแทรกซึม เป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันของประชาชนในยุคนี้ ข้อดีของสื่อประเภทนี้ คือ มีความรวดเร็ว ฉับไวต่อเหตุการณ์ แต่ข้อเสีย คือ อาจเป็นช่องทางให้กลุ่มผู้แอบแฝง ใช้โจมตีฝ่ายตรงข้าม ซึ่งไม่สามารถจับมือใครดมได้ เพราะเป็นสื่อในที่ลับ
นอกจากสื่อที่จะแสดงความเป็นมืออาชีพให้ประชาชนมีความเชื่อถือแล้ว ประชาชนก็ควรที่จะเปิดรับสื่อหลากหลายประเภทและนำข้อมูลเหล่านั้นมาวางไว้ที่ตราชั่งเพื่อวัดความน่าเชื่อถือก่อนที่จะตัดสินใจ
ที่สุดแล้วสื่อคือผู้ที่กุมชะตากรรมของบ้านเมืองเอาไว้ในมือ วันนี้สื่อที่อยู่ในมือคุณได้ทำอะไรเพื่อสังคมบ้าง
ขอบคุณสำหรับภาพถ่ายจากเพื่อน (photograph)
Create Date : 11 กรกฎาคม 2550 | | |
Last Update : 18 กรกฎาคม 2550 18:27:07 น. |
Counter : 189 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
สร้างสรรค์
ทะเลเลอโฉม
ฟ้าหลังฝนสีครามงามยิ่งนัก ยากจะหักห้ามใจให้เพ้อหา เหม่อมองฟ้าทีไรใจละอา ดั่งโฉมงามลอยมาตรงกลางใจ ม่านเมฆหมอกลอยละลิ่วละลิวล่อง คอยแต่จ้องว่าจะเคลื่อนไปหนใด อยากรู้จังว่าเธอมีใคนในใจ ใครหนอใครจะเป็นผู้คู่เคียงเธอ ลมโลดแล่นเล้าโลมเรือนร่าง เลื่อนเรือนลางลดละเมื่อเราเผลอ ประดุจดั่งเฉกเช่นเป็นตัวเธอ ที่ละเมอเพ้อนึกหาอยู่ร่ำไร เสียงซู่ซ่าซาซัดเข้าหาฝั่ง ไพเราะจังดังกังวาลกว่าเสียงไหน เราทั้งคู่นั้นช่างแสนห่างไกล ถึงยังไงใจก็ยังรักเพียงเธอ
Create Date : 01 กรกฎาคม 2550 | | |
Last Update : 4 กรกฎาคม 2550 18:13:08 น. |
Counter : 167 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
| |
|
|