"เราควรใช้ชีวิตอย่างไรจึงจะมีคุณธรรมและยุติธรรมมากที่สุด"
Group Blog
 
All blogs
 

รถไฟ

อาหารของคนบนเส้นทางรถไฟ



"ท่านผู้โดยสาร ที่จะเดินทางกับ ขบวนรถดีเซลราง ขบวนที่ 201 กรุงเทพฯ ปลายทางพิษณุโลก มีตั๋วโดยสารแล้ว กรุณาขึ้นรถในชานชาลาที่1 ขอบคุณครับ"

วันนี้! ในรอบปี ได้ไปสัมผัสกับรถไฟอีกครั้งเพื่อจะมุ่งหน้าไป “พระราชวังบางประอิน” รู้สึกตื่นเต้นอย่างบอกไม่ถูก แต่! ความตื่นเต้นจบลงทันทีเมื่อก้าวลงจากรถแท็กซี่ มองซ้ายมองขวา ทำไมมันเงียบอย่างนี้ ที่นี่สถานีดอนเมือง หรือสถานีผีสิง

ในยามนี้บริเวณที่พักผู้โดยสาร ผู้คนไม่พลุกพล่านสักเท่าไร เพราะช่วงนี้ยังไม่มีเทศกาลให้ผู้คนพากันหลั่งไหลออกต่างจังหวัด หากเป็นช่วงวันสงกรานต์หรือปีใหม่ จะเห็นผู้คนจำนวนมากต้องนั่งรอรถไฟที่พื้นและทางเดินจนไม่สามารถขยับตัวได้ แต่ก็นั่นแหละตอนนี้มันช่างเงียบเหลือเกิน

พี่คะ บางประอิน 2 คนเท่าไหร่?
16 บาทครับ....
(ทำไมตั๋วมันช่างราคาถูกเหลือเกิน)
ค่าโดยสารของยานพาหนะที่เรียกว่า “รถไฟ” ทำไมราคาถูกกว่ายานพาหนะอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็น รถทัวร์ เครื่องบิน ทั้งๆที่มันก็สามารถเดินทางไปถึงจุดหมายปลายทางได้เหมือนกัน พูดถึงความรวดเร็ว รถไฟก็เป็นยานพาหนะที่รวดเร็วไม่ต่างอะไรกับรถทัวร์ หรือเครื่องบิน
แล้วแต่ใครจะเลือกใช้บริการ เพราะมีให้เลือกอยู่ 3 ชั้น มีทั้งรถเร็ว-ธรรมดา-สปิ้นเตอร์

แต่ปัจจุบันยานพาหนะชนิดอื่นได้รับความนิยมมากกว่ารถไฟมาก อาจเพราะประเทศไทยก้าวสู่ยุคโลกาภิวัฒน์ มนุษย์จึงต้องหันมาใช้บริการสิ่งอำนวยความสะดวกเพื่อตัวเองมากขึ้น ยอมที่จ่ายในราคาแพง เพราะคิดเพียงว่าถึงจุดหมายปลายทางเร็วกว่ารถไฟ แต่ถ้าลองมองซักนิดว่าเวลาที่เล็กน้อยแต่สูญเสียเงินจำนวนมากคุ้มหรือไม่ ถ้าไม่รีบเรงเกินไป

เวลานั่งรถไฟทำให้นึกถึงหลายสิ่งหลายอย่างมากมาย ทั้งชีวิตของชาวบ้านตามเส้นทางรถไฟ ทุ่งนาเขียวขจีทอดยาวปลิวไสวเป็นระยะๆตามคลื่นลม พ่อค้าแม่ค้าหาบเร่ขายของพากันตะโกนขาย หรือเดินตามขบวนรถไฟที่กำลังเดินอยู่ หรือชีวิตของผู้โดยสารด้วยกันทั้งหลับ หรือกำลังพูดคุยอย่างเมามันกับเพื่อนร่วมขบวน สิ่งเหล่านี้เป็นการดำเนินที่ชีวิตที่ผู้โดยสารที่ต้องการความสะดวกรวดเร็วแทบไม่เคยได้เห็น จนลืมไปแล้วว่าบางอย่างที่รวดเร็ว และแพงกว่านั้นทำให้หลงลืมไปหรือเปล่าว่า การดำเนินชีวิตแบบนี้มีคุณค่ายิ่ง เพราะชีวิตบนขบวนรถไฟสะท้อนเรื่องราวชีวิตที่อบอุ่นเพราะการได้พูด ได้คุยกับผู้โดยสารที่อยู่ตรงหน้า ส่วนถ้าเทียบกับสังคมบนรถทัวร์และเครื่องบินชีวิตเหล่านั้นไม่ค่อยจะได้ปริปากพูดกันเลย นอกจาก “ขอโทษ-ขอบคุณ”

ชีวิตบนรถไฟจึงเหมือนกับอาหารชีวิตที่ทำให้พบเจอประสบการณ์มากมายตามเส้นทางที่ทอดยาว ลองมองดูซิว่า “คุณเคยสละเวลามาสัมผัสการดำเนินชีวิตรูปแบบนี้หรือไม่”




 

Create Date : 28 กันยายน 2550    
Last Update : 29 กันยายน 2550 14:03:52 น.
Counter : 1080 Pageviews.  

ผลผลิตเพื่อมิตรภาพ

ลองกองใต้... ผลผลิตเพื่อมิตรภาพ



นี่! ก็เกือบ 2 อาทิตย์ หลังจากที่พวกเราไปลงคะแนนเสียงประชามติ รับ-ไม่รับรัฐธรรมนูญ บวกกับคะแนนเสียงที่ออกมานั้นอาจจะสร้างความพอใจหรือความไม่พอใจกับใคร เพราะบัดนี้เสียง “ยอมรับ” กับรัฐธรรมนูญ ชนะเสียงไม่ยอมรับไปเรียบร้อยแล้ว แม้คะแนนจะไม่ขาดลอยมากนักก็ตาม

แต่ก็ต้องยอมรับมัน เพราะประเทศของเรานั้นปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตย

ระหว่างที่การเมืองไทยกำลังเกิดการเปลี่ยนแปลงเรื่อง การกำหนดวันเลือกตั้งนั้น ก็มีโฆษณาชิ้นหนึ่งออกตามวิทยุ โทรทัศน์แม้กระทั่ง หนังสือพิมพ์ เรื่อง ลองกองใต้ ผลไม้แห่งมิตรภาพ


โดยมีหน่วยงานราชการกรมประชาสัมพันธ์ ประชาสัมพันธ์ไปทั่วประเทศให้อุดหนุนลองกองใต้ เพื่อแทนสายใยมิตรภาพ อีกทั่งยังสร้างขวัญกำลังใจแก่เกษตรพี่น้องชาวใต้ของเราอีกด้วย เพราะปีนี้ดูเหมือนว่าผลไม้ชนิดไหนๆ ต่างพากันออกลูกออกผลได้มากมายเหลือเกินทั้ง เงาะ มังคุด ลำไย จนเป็นเหตุให้ราคาตกต่ำเป็นอย่างมาก อีกอย่างเกษตรกรส่งขายออกนอนพื้นที่ไม่ทัน เพราะตัวเองต้องขนมาขายเองบ้างซึ่งได้เพียงไม่กี่บาท และต้องให้พ่อค้าคนกลางรับซื้อไปบ้าง แต่ก็ยังขายไม่ทันเพราะจำนวนผลผลิตนั้นมากเหลือเกิน

ทางด้านลองกองนั้นเป็นผลผลิตของ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งใครๆต่างรู้ว่า สถานการณ์ทั้ง 3 จังหวัดนี้ ยังมีความรุนแรงของความขัดแย้งอยู่ ทำให้พ่อค้าแม่ค้าหรือพ่อค้าคนกลางก็ตามพากันเข้าไปซื้อไม่สะดวก เพราะไม่รู้ว่าจะเอาชีวิต ทรัพย์สินไปเสี่ยงทำไม ส่งผลให้ไม่มีคนเข้าไปซื้ออย่างที่เคย ผลที่ตามมาคือ ความเน่าเสีย และขาดรายได้อย่างที่เกษตรกรชาวใต้ไม่เคยคิดมาก่อน จึงต้องรับความทุกข์อย่างแสนสาหัสมากทีเดียว

จึงเห็นว่า พวกเราน่าจะไปอุดหนุนผลไม้ของคนไทยด้วยกัน เพราะน้ำใจที่คนไทยมีนั้นมันมักจะแสดงออกมาเสมอๆเมื่อเห็นคนตกทุกข์ได้ยาก ถึงแม้ว่าแต่ละภาคจะต่างวัฒนธรรม ประเพณี กันก็ตามแต่พวกเราก็คือพี่น้องกัน ช่วยกันไปซื้อเถอะ ถึงซื้อไม่มากก็ขอให้ซื้อ เพราะพี่น้องเกษตรกรชาวใต้กำลังรอความหวังจากน้ำใจของพี่น้องชาวไทยทั่วประเทศเสมอ



“ไม่ว่าจะต่าง ศาสนา วัฒนธรรม ประเพณี “พวกเราก็คือคนไทยด้วยกัน”

“ลองกองใต้ สายใยแทนมิตรภาพ”

ขอบคุณ ไทยรัฐ
ขอบคุณ ku e-magazine




 

Create Date : 25 สิงหาคม 2550    
Last Update : 25 สิงหาคม 2550 19:05:52 น.
Counter : 3514 Pageviews.  

สมานฉันท์กลับคืนมา

สังคมไทยทั้งในอดีตและปัจจุบันมีธรรมเนียมการนับถือผีบรรพบุรุษ แล้วยังมีรากฐานทางวัฒนธรรมคือการถือพระพุทธศาสนาเป็นรากฐานผสมกับความเชื่อแบบพราหมณ์ที่ว่า ไม่เชื่อว่าทุกคนเกิดมาเท่าเทียมกันขึ้นอยู่กับสภาพที่มีติดตัวมาแต่กำเนิด

สภาพแวดล้อมที่เอื้ออำนวยทำให้ผู้น้อยต้องให้ความเคารพผู้ใหญ่ ขณะเดียวกันผู้ใหญ่ต้องให้ความคุ้มครองดูแลผู้น้อยให้มีความสุขตามอัตภาพ สังคมไทยจึงเป็นสังคมอุปถัมภ์และช่วยให้สังคมไทยดำรงอยู่อย่างสงบสุขมาช้านาน



แต่ความเชื่อดังกล่าวได้เริ่มหมดไป เพราะมีการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญทางด้านเทคโนโลยี ที่ในอดีตมีเทคโนโลยีที่ทำให้ชาติตะวันตกสามารถเดินทาง ทางทะเลได้และใช้ปืนเป็นเครื่องมือแสดงแสนยานุภาพ ตลอดจนมีการพัฒนาวิทยาศาสตร์ทางเทคโนโลยี เพื่อนำมาใช้ในชีวิตประจำวัน

ทำให้เป็นการบีบบังคับให้ผู้นำไทยต้องศึกษาเรียนรู้ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี รวมถึงการเลียนแบบแนวคิดทางด้านกฎหมายและการปกครอง การบริหารแบบตะวันตกเข้าไปด้วย นอกจากนั้นยังมีความคิดในเรื่องเสรีภาพและความเสมอภาค ทำให้นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงการปกครองจากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราช มาเป็นการปกครองในระบอบประชาธิปไตย

การที่ประเทศไทยเอาความคิดและวิธีการแบบตะวันตกมาประยุกต์ใช้ทางการเมืองและการปกครอง โดยในขณะที่รากฐานของระบบอุปถัมภ์ยังมีความเข้มแข็งในสังคมไทย เป็นสาเหตุสำคัญอย่างหนึ่งของความไม่สอดคล้องทางความคิดและชีวิตความเป็นอยู่ จึงทำให้ระบอบประชาธิปไตยไม่ค่อยมั่นคง

สิ่งเหล่านี้ถือว่าเป็นภารกิจที่สำคัญของรัฐบาลทุกชุดที่ทำการบริหารประเทศ ทั้งรัฐบาลของทักษิณ รวมถึงรัฐบาลชุดปัจจุบันของ พล.อ. สรุยุทธ์ จุลานนท์ที่ต้องดำเนินการแก้ไขปัญหาทางเมือง ซึ่งรัฐบาลชุดนี้เข้ามาบริหารประเทศในช่วงเวลาที่เปลี่ยนมือทางการเมืองที่สำคัญยิ่ง โดยมีหน้าที่หลักคือการวางรากฐานทางประชาธิปไตยให้แก่ประเทศอย่างยั่งยืน



จึงมีนโยบายหลักคือการสร้างความสมานฉันท์ในสังคมกลับคืนมา สร้างความเป็นประชาธิปไตยให้เกิดขึ้นอย่างแท้จริง รวมถึงการมีส่วนร่วมของประชาชนในการร่างรัฐธรรมนูญ และการกำหนดการลงประชามติ การเลือกตั้ง เพื่อสร้างความสมานฉันท์แก่ประเทศต่อไป

ดังนั้น การที่ประเทศไทยนำเอาความคิดของชาติตะวันตกมาใช้ก็ไม่ผิด เพราะจะทำให้เรียนรู้การปรับตัว และสร้างความเข้มแข็ง ถ้าความคิดดังกล่าวสามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้จริง รวมทั้งนโยบายที่เกิดขึ้นดังกล่าวในรัฐบาลชุดนี้ทำได้จริง ความสุขของประเทศและของประชาชนคงอยู่ไม่ไกลเกินเอื้อม เพราะประชาชนในประเทศกำลังต้องการผู้กล้าที่เข้มแข็งมาบริหารประเทศโดยไม่นึกถึงแต่ประโยชน์ส่วนตนหรือประโยชน์กับเครือญาติของตัวเอง

(วันนี้ 19 สิงหาคม 2550วันลงคะแนนเสียงประชามติ ใครบ้างที่ไปลงมติ ยกมือขึ้นหน่อย ถึงแม้จะมีบ้างที่ไม่มีใครไปลงคะแนนประชามติ หรือที่ไปลงแต่ไม่เห็นชอบทั้งภาคเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือบางส่วนที่ไม่เห็นชอบ อาจเพราะไม่เข้าใจรัฐธรรมนูญ หรืออาจไม่ชอบการปฏิวัติ หรือชอบระบอบเก่ามากกว่า มันก็เป็นความคิดส่วนบุคคลคงห้ามความคิดใครไม่ได้ หรือบังคับให้ไปลงคะแนนเสียง มันก็ขึ้นอยู่กับว่าจะใช้สิทธิที่มีอยู่หรือเปล่า?)
แต่ถ้าคิดอีกหน่อยว่า การลงประชามติดีอย่างไรและช่วยแก้ปัญหาประเทศชาติอย่างไรก็คงไปลงคะแนนกัน เพื่อความสุขของตัวเองและความสงบสุขของประเทศ


"สมานฉันท์จะกลับคืนมาหรือไม่ขึ้นอยู่ที่ตัวเรา"




 

Create Date : 19 สิงหาคม 2550    
Last Update : 28 กันยายน 2550 20:08:23 น.
Counter : 1167 Pageviews.  

วัฒนธรรมแผ่นบาง

วัฒนธรรมไทย (ขาวหรือดำ)

คนในอยากออก คนนอกอยากเข้า หมายถึง ความคิดสวนทางกัน




วัฒนธรรม คือ ลักษณะที่แสดงถึง ความเจริญงอกงาม ความเป็นระเบียบเรียบร้อย ความกลมเกลียวก้าวหน้าของชาติ และศีลธรรมอันดีของประชาชน



การท่องเที่ยวในเชิงศิลปวัฒนธรรมได้รับความสนใจจากประชาชนเป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นคนไทยหรือต่างประเทศ นั่นอาจเป็นเพราะการได้เดินทางท่องเที่ยวชื่นชมกับความเรียบง่ายในการดำเนินชีวิต ตลอดจนการเรียนรู้ถึงรากเหง้าของตนเองผ่านงานศิลปวัฒนธรรม ได้กลายเป็นส่วนเติมเต็มให้กับชีวิตในยุคดิจิตอล เพราะความล้ำสมัย ความรวดเร็ว ที่มากเกินไปบางครั้งก็ทำให้เรารู้สึกโหยหาอดีต สำหรับรูปแบบการท่องเที่ยวในเชิงศิลปวัฒนธรรมที่จัดกันอยู่ในปัจจุบันเท่าที่มีอยู่ มักจะเป็นการเที่ยวชมถนนสายเก่าในย่านเกาะรัตนโกสินทร์ การล่องเรือชมวิถีริมน้ำ หรือการศึกษาแหล่งประวัติศาสตร์ของประเทศสยาม
เกาะรัตนโกสินทร์นับว่าเป็นแหล่งท่องเที่ยวทางวัฒนธรรมของคนไทยที่ดำรงไว้ซึ่งเอกลักษณ์ของประเทศ เพราะเมื่อไหร่ที่นักท่องเที่ยวเดินทางมาเยือน สิ่งที่นึกถึงเป็นอันดับแรกคงไม่พ้น เกาะรัตนโกสินทร์ แต่มาวันนี้สิ่งที่เป็นเอกลักษณ์กลับถูกเมินเฉย เพราะเมื่อชีวิตของชาวสยามเริ่มเข้าสู่ยุคดิจิตอล ก็เริ่มลดความสำคัญรากเหง้าวัฒนธรรมไป



(คนในอยากออก คนนอกอยากเข้า)

เหตุอาจเกิดจากการแสวงหาความแปลกใหม่ในชีวิต เช่นจากที่เรียนอยู่ในประเทศกลับอยากจะออกไปเรียนต่างประเทศ (ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าประเทศไทยระบบการศึกษาไม่ดีตรงไหน?) หรือ จากที่ท่องเที่ยวในประเทศกลับอยากจะไปเที่ยวต่างประเทศ ก็ไม่ผิดที่จะเปิดโลกกว้างให้ตัวเอง หาความรู้เข้าหาตัวเอง แต่เมื่อกลับจากต่างประเทศนั้น ได้นำความรู้ประสบการณ์มาพัฒนาประเทศตัวเองหรือไม่?

อีกมุมหนึ่งของเกาะรัตนโกสินทร์ มีรูปแบบวัฒนธรรมน่าตกใจ เพราะมี

กระแสเรียกร้องให้มีการกำหนดในรัฐธรรมนูญว่าพระพุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำชาติไทยได้เกิดขึ้นอีกครั้งเมื่อต้นปีพุทธศักราช 2550 ชาวพุทธ ๗ องค์หลัก กล่าวคือ มหามกุฏราชวิทยาลัย, มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย, องค์การพุทธศาสนิกสัมพันธ์แห่งโลก, ยุวพุทธิกสมาคมแห่งประเทศไทย, คณะสงฆ์อณัมนิกาย, คณะสงฆ์จีนนิกาย,และ พุทธสมาคมแห่งประเทศไทย ได้เริ่มต้นเรียกร้อง ต่อมา กลุ่มชาวพุทธได้ขยายเพิ่มเป็นไม่น้อยกว่า 300 องค์กรทั่วประเทศและได้ผนึกกำลังกันเรียกร้องขึ้นมา

โดยก่อนหน้านั้น เมื่อพ.ศ. 2546 สมัยรัฐบาลของพันตำรวจโท ดร.ทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี นักวิชาการชาวไทยพุทธได้เขียนตำราเรียนวิชาพระพุทธศาสนาในหลักสูตรของกระทรวงศึกษาธิการและกล่าวไว้ว่า ‘พระพุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำชาติ’ แต่ถูกนายวินัย สะมะอุน ชาวมุสลิม ท้วงติงว่ากล่าวเช่นนั้นไม่ได้ เพราะไม่มีในรัฐธรรมนูญและอาจขัดกับกฎหมายรัฐธรรมนูญด้วย
ทำให้กรมวิชาการต้องสั่งให้ตัดประโยคดังกล่าวออกไปจากหนังสือซึ่งเป็นหลักสูตรของกระทรวงศึกษาธิการ ทุกเล่ม ซึ่งหมายความว่าถ้าจะบอกว่าพระพุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำชาติของไทย ก็จะกล่าวได้แต่เฉพาะในกรณีที่ไม่เป็นทางการเท่านั้น



ในการเรียกร้องครั้งนี้ มีแกนนำพระสงฆ์หลายรูปที่ออกมาสนับสนุน อาทิ พระพรหมมังคลาจารย์ ปัญญานันทภิกขุ, พระพรหมคุณาภรณ์ (ประยุทธ์ ปยุตฺโต), พระธรรมกิตติเมธี, พระธรรมโกศาจารย์ (ประยูร), พระเทพวิสุทธิกวี (เกษม), พระศรีญาณโสภณ (สุวิทย์), พระมหาโช ทัศนีโย ฯลฯ นักวิชาการและชาวพุทธที่เขียนบทความ หรือให้สัมภาษณ์สนับสนุนได้แก่ ศ.เสฐียรพงษ์ วรรณปก ซึ่งเขียนบทความหลายชิ้นลงหนังสือพิมพ์ข่าวสดและมติชนเพื่อสนับสนุน, ดร.ปฐมพงษ์ โพธิ์ประสิทธินันท์ ซึ่งเปิดเวปไซต์ส่วนตัวชี้แจงเหตุผล, นายวรเดช อมรวรพิพัฒน์ กรรมาธิการฯ ประจำรัฐสภา, นาย บรรหาร ศิลปอาชา, พลเอก ธงชัย เกื้อสกุล, พลตรี ทองขาว พ่วงรอดพันธุ์, เปลว สีเงิน คอลัมนิสต์ชื่อดัง, นายพิเชียร อำนาจวรประเสริฐ, นายสมเกียรติ ศรลัมพ์ เป็นต้น
กลุ่มชนที่ไม่เห็นด้วยได้แก่ เมตตานันโท ภิกขุ, พระไพศาล วิสาโล, ดร.เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง, ดร.นิธิ เอียวศรีวงศ์, ภิกษุณี ธัมมนันทา, น.ต. ประสงค์ สุ่นศิริ, นาย ธงทอง จันทรางศุ

เรื่องนี้ได้ยุติลงที่ร่างรัฐธรรมนูญ ปี พ.ศ. 2550 ไม่ได้ระบุว่าพระพุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำชาติ

(ข้อมูลบางส่วนขอขอบคุณวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี)

วัฒนธรรม ยังหมายถึง ความเจริญงอกงาม ความเป็นระเบียบเรียบร้อย ความกลมเกลียวก้าวหน้าของชาติ และศีลธรรมอันดีของประชาชน อยู่หรือเปล่า?




 

Create Date : 09 สิงหาคม 2550    
Last Update : 26 กันยายน 2550 15:10:48 น.
Counter : 655 Pageviews.  

“จิตใจมนุษย์โลเลไม่แท้เที่ยง”

สามัญอันผันแปร
“จิตใจมนุษย์โลเลไม่แท้เที่ยง” คำจำกัดความของมนุษย์โดยแท้ เพราะบนโลกใบนี้สิ่งมีชีวิตทุกชนิดไม่ว่าจะเป็นคน สัตว์ มีการแข่งขันตลอดเวลาทั้งเรื่องงาน ความรัก ครอบครัว สังคม เพื่อให้ตัวเองอยู่รอดและเป็นที่ยอมรับในสังคม จิตใจมนุษย์ก็เหมือนกันจะโลเลอยู่ตลอดเวลา จะมีน้อยส่วนที่ไม่โลเล ดังกลอนสี่สุภาพ บทนี้

โอ้สามัญผันแปรไม่แท้เที่ยง
เหมือนอย่างเยี่ยงชายหญิงทั้งวิสัย
นั่นหรือจิตคิดหมายมีหลายใจ
ที่จิตใครจะเป็นหนึ่งอย่าพึงคิด



** ปกติสิ่งมีชีวิตจะมีจิตใจที่ไม่อยู่กับที่เหมือนกับจิตใจของมนุษย์ไม่ว่าจะเป็นชายหรือหญิง เพราะมีความคิดจะนอกใจคนรัก ทำให้หาคนที่มีใจเป็นหนึ่งเป็นไปได้น้อยมาก

จิตใจมนุษย์จะโลเลได้นั้นมีปัจจัยหลายอย่างที่ชวนให้คิดให้ติดตาม เพราะมนุษย์มีนิสัยอยากรู้อยากเห็นอยากสัมผัสสิ่งแปลกใหม่ด้วยกันทั้งสิ้น ซึ่งจะมีวิธีการที่ต่างกันออกไปเพื่อให้ได้มาความสุขของตัวเอง เหตุที่มนุษย์ต้องค้นหาสิ่งใหม่ๆนั้นก็เพื่อให้ตัวเองเป็นที่ยอมรับ นับหน้าถือตาของคนในสังคมโดยไม่มองหันหลังกลับมาหรือไตร่ตรองสักนิดว่าความไม่เที่ยงแท้แน่นอนนั้นจะมีบทสรุปอย่างไร ซึ่งมนุษย์ส่วนใหญ่จะมีจิตใจโลเลเรื่องความรัก เพราะความรักสามารถทำให้ได้หลายอย่างทั้ง การให้ การอภัย และความสุข

ทั้งหมดนี้มนุษย์จึงต้องขวนขวายความรักอยู่ตลอดเวลา ชายหญิงที่รักกันให้สัญญากันว่าจะมีกันตลอดไปหารู้ไม่ว่าอนาคตมีการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอเหมือนกับจิตใจที่เปลี่ยนแปลงอยู่ทุกเวลา วันนี้ให้สัญญากันวันหน้าผิดสัญญา สุดท้ายก็เหลือแต่ความเสียใจ เพราะความเปลี่ยนแปลงของจิตใจมนุษย์เท่านั้นที่ทำให้ความเสียใจเกิดขึ้น

สิ่งใหม่ๆที่อยู่รอบตัวทำให้จิตใจมนุษย์เรียกร้องถึงความต้องการ ทั้งเรื่องการมีคนรักเพราะสังคมไทยปัจจุบันจะมีคู่รักเดินด้วยกันทุกตรอก ซอก ซอยบนถนน มองไปมุมไหนก็เจอ ทั้งความรักในชุดนักเรียน ความรักในชุดมหาวิทยาลัย ความรักในชุดทำงาน มองได้ว่าความรักแบบใดที่ยืนยาวที่สุดนอกจากความรักในชุดทำงาน เพราะความรักประเภทนี้ถือว่าเป็นความรักที่มีความคิด มีงาน หาเลี้ยงด้วยตัวเองได้ซึ่งเริ่มมีรากฐานที่แน่นอน เพราะประสบการณ์ที่ผ่านมาคอยสอนให้ทำอย่างไรเมื่อมีความรัก ถึงแม้จิตใจมนุษย์จะโลเลอยู่ทุกวินาทีก็ตามแต่ความคิดสามารถทำให้ความโลเลหมดไป

ส่วนความรักในชุดนักเรียนนักศึกษาจะเป็นความรักที่มนุษย์มีจิตใจโลเลมากที่สุด เพราะสังคมของวัยเรียนนั้นคือการเลียนแบบ เลียนแบบที่จะมีรัก คิดถึงความสุขของตัวเองโดยไม่มองว่าความรักที่มีอยู่นี้มันจะยืนยาวหรือไม่ เพราะไม่ว่าวัยรุ่นชายหรือหญิงเมื่อเจอคนใหม่ๆที่มากหน้าหลายตาจะทำให้จิตใจเริ่มเอนเอียงหาความสุขที่ตัวเองอยากครอบครอง ความโลเลจึงเกิดขึ้นมากในวัยเรียน

เพียงมนุษย์คิดถึงแต่ความสุขของตัวเอง จิตใจจะคล้อยตามความคิดนั้นทันที สิ่งนั้นคือ “ความโลเล” ซึ่งหมายถึงการมีจิตใจไม่อยู่กับที่พร้อมจะเปลี่ยนแปลงเสมอ เปลี่ยนแปลงพร้อมความทุกข์ ถ้าคนใดคนหนึ่งมีจิตใจโลเล อีกคนหนึ่งจะเสียใจ นอกจากความเสียใจแล้วอาจมีความคิดฟุ้งซ่านทำอะไรพลาดพลั้ง เช่นการทำร้ายตัวเอง ผลที่เกิดขึ้นจึงไม่ดีนักถ้าจิตใจยังไม่พร้อมจะมีความรัก ความรักจึงเป็นบทพิสูจน์บทหนึ่งของจิตใจมนุษย์ เพื่อพิสูจน์ความยั่งยืน การดูแลเอาใจใส่กัน

ส่วนตัวจึงมีความคิดเรื่อง “จิตใจมนุษย์โลเลไม่แท้เที่ยง” ว่าเป็นธรรมชาติความรู้สึกนึกคิดของตัวมนุษย์เอง เป็นด้านที่สะท้อนความเป็นตัวของตัวเองออกมา เพราะความโลเลเปรียบเสมือนเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของมนุษย์ เป็นความเห็นแก่ตัวเห็นเห็นแก่ได้ โดยไม่คำนึงถึงความรู้สึกของคนรอบข้างเมื่อเขาสัมผัสความรู้สึกนี้กับคนที่เขารัก เมื่อจิตใจมนุษย์มีความโลเลมีความต้องการที่ไม่สิ้นสุด ความขัดแย้งและความล้มเหลวในชีวิตจะเกิดขึ้นทันที ส่งผลให้หมดความศรัทธาไม่เป็นที่ยอมรับนับถือ อีกทั้งความรู้สึกดีดีก็จะหมดไปกับบุคคลที่มีจิตใจโลเล




 

Create Date : 07 สิงหาคม 2550    
Last Update : 28 กันยายน 2550 20:07:18 น.
Counter : 1506 Pageviews.  

1  2  

Ice PureZA
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]


ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




^^คิดถึงเพื่อน...คิดถึงเพื่อน...แล้วเจอกันนะ^^


Friends' blogs
[Add Ice PureZA's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.