|
|
|
+ทราเวลน่าจดจำ+
ทราเวล - แอดเวนเจอร์ - เอกพรีเรี่ยน = เขาค้อ
(ภูทับเบิก)
ใครที่เคยไปสัมผัสกับบรรยากาศของเขาค้อ ก็คงรู้สึกเหมือนๆกันว่าว่า มันสวยงามมาก
เขาค้อสถานที่ท่องเที่ยวที่มีนักท่องเที่ยวนิยมมาสัมผัสกับอากาศหนาวเย็นทุกๆปี ผมก็เพิ่งได้ไปสัมผัสบรรยากาศแบบนี้มาได้ไม่นาน เพราะส่วนตัวเป็นคนชอบเที่ยว เลยอยากเดินทางไปทุกๆที่ในเมืองไทย (ก็หวังจะเป็นเช่นนั้น)
เขาค้อสถานที่หมู่นักท่องเที่ยวที่ต้องการความสงบและการผจญภัยนิยมมาพัก เพราะกิจกรรมต่างๆที่นี่มีให้เลือกมาก ทั้งปีนเขา น้ำตก ล่องแก่ง ฯลฯ
สัมผัสแรกที่เหยียบลงบนพื้นจังหวัดเพชรบูรณ์ ความรู้สึกแรกขึ้นมาทันทีว่า นี่หรือที่เค้าเรียกกันว่า สวิสเซอร์แลนด์เมืองไทย เพราะมันเป็นภูเขาสลับกัน หมอกหนา น้ำค้างตามใบหญ้า และที่พักที่พักแรมนั่นดีมากๆ บรรยากาศอยู่บนภูเขาทอดสายตามองบรรยากาศได้โดยรอบ มันรู้สึกตื่นเต้นมาก ไม่รู้ทำไมถึงรู้สึกอย่างนั้น เพราะภาคเหนือก็ไปมาบ่อยเคยสัมผัสหมอกหนาอากาศเย็นมาแล้ว คงเป็นเพราะเป็นเพราะเพิ่งมาสัมผัสเป็นครั้งแรก
เมื่อถึงเวลาอาหารเย็นผมเดินทางไปทานอาหารที่ไร่แจ่มจันทร์ เป็นสถานที่ที่อยู่บนภูเขา สามารถมองเห็นภูกระดึงได้ไกลๆ มันสวยงามมาก นักท่องเที่ยวที่มากางเต๊นท์ที่นี่ก็เยอะ เพราะอากาศเย็นและตอนเช้าก็ได้สัมผัสกับทะเลหมอกได้ชัดเจนมาก ส่วนเรื่องอาหารก็ไม่แพ้กับร้านอาหารหรูที่อยู่ในเมือนกรุง อาจจะดีกว่าด้วย เพราะกินไปชมบรรยากาศไป ทำให้กินได้เยอะอีกด้วย เพราะมันเพลินตามาก
เมื่อขึ้นวันที่ 2 ไปสัมผัสแหล่งท่องเที่ยวที่กลายเป็นของคู่กับเขาค้อก็คือ ภูทับเบิก เป็นภูไร่กะหล่ำปีที่ใหญ่มากเป็นขั้นบันได ใครมาที่เขาค้อและไม่ได้มาเยือนที่ภูทับเบิกคงจะเสียเที่ยวน่าดู เพราะเป็นสถานที่ท้าทายนักท่องเที่ยวก็ว่าได้ เพราะอากาศหนาวเย็นมาก ใครจะไปเยือนต้องเตรียมเสื้อกันหนาวไปนะไม่งั้นแย่แน่ เพราะที่นี่เป็นภูเขาสูงที่สุดของจังหวัดเพชรบูรณ์ เมื่อผมชมความงามและสัมผัสความหนาวเย็นเสร็จผมกลับมาที่พัก เพื่อเตรียมเดินทางไปภูหินร่องกล้าในพรุ่งนี้
นอกจากภูทับเบิกแล้ว ยังมีภูหินร่องกล้าที่ท้าทายความสามารถ เพราะเป็นภูเขาที่มีหินเกิดขึ้นมาเป็นตุ่มๆ ท้าทายผมมากเพราะต้องเดินไปให้ถึงจุดชมวิวให้ได้ ภูหินร่องกล้านี้ถ้านักท่องเที่ยวใครจะมาต้องใส่รองเท้าผ้าใบไปนะ ไม่งั้นแย่แน่ เพราะกว่าจะเดินไปก็ลำบากแล้ว ถ้ายิ่งคุณผู้หญิงใส่รองเท้ามีส้น มีหวังไปไม่ถึงแน่ๆ แต่เมื่อผมมาถึงจุดหมายแล้ว มันหายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้ง เพราะวิวตรงหน้าทำไมมันช่างงดงามอย่างนี้
ทุกที่ที่ผมไปสัมผัส มันคือประสบการณ์ชีวิตที่หาได้ยากมากสำหรับคนกรุง ใครที่อยากไปสัมผัสบรรยากาศแบบนี้ จงรีบเก็บเสื้อผ้าใส่กระเป๋าแล้วออกเดินทางทันที เพราะมันจะทำให้พวกคุณได้อะไรที่ไม่เคยสัมผัสกลับมาด้วย......
| Create Date : 29 กันยายน 2550 | | |
| Last Update : 29 กันยายน 2550 15:04:46 น. |
| Counter : 720 Pageviews. |
| |
|
 |
|
|
|
ปาย
ปาย เมืองเล็ก ๆดินแดนแห่งหมอกสามฤดู ซึ่งเป็นทางผ่านไปจังหวัดแม่ฮ่องสอน ได้ถูกธรรมชาติสรรสร้างให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวทางวัฒนธรรมแห่งหนึ่ง แต่ก็แฝงไว้ซึ่งความงดงามทางธรรมชาติ
ถูกโอบล้อมไปด้วยขุนเขาและมีสายน้ำไหลพาดผ่านเป็นเส้นเลือดหล่อเลี้ยงคนในชุมชนมาช้านาน ลำน้ำสายนั้นได้กลายมาเป็นชื่อที่ตั้งของเมืองแห่งนี้ ... อำเภอ ปาย
ขุนเขาสูงตระหง่านเป็นรอยต่อชายแดนไทย-พม่า ฤดูหนาวอากาศเย็นจัด เมืองเล็กๆแห่งนี้มักปกคลุมด้วยสายหมอก ละอองน้ำจางๆยามเช้า บรรยากาศอันเงียบสงบ ทุ่งนาสีเขียว ท้องฟ้าสีคราม กับแสงแดดอุ่นๆ ที่ทอดผ่านม่านหมอกหนา แลเห็นต้นสนไม้ยืนต้นเมืองหนาวสูงใหญ่เป็นทิวแถวตามเชิงเขา วิถีชีวิตที่เรียบง่ายของผู้คน ด้วยความเป็นเอกลักษณ์นี้ ปายได้ดึงดูดนักเดินทางรวมทั้งตัวชั้นอยากไปสัมผัสมนต์เสน่ห์แห่งนี้
ในชีวิตของนักเดินทางแล้ว ชั้นว่าถ้าได้เดินทางมาที่ อ.ปาย แม่ฮ่องสอน ซักครั้ง แล้วคุณจะได้รู้สึกถึง ความอบอุ่น กับวิถีชีวิตความเป็นอยู่ ของชาวบ้าน เพื่อนร่วมเดินทางที่ต่างมาหาความสงบ และธรรมชาติอันสวยงามของเมืองนี้
ขนาดภาพถ่ายด้วยกล้องดิจิตอลจากเพื่อนๆ ร่วมเดินทางรวมแล้วเกือบ 1000 พันภาพ จากฟิล์มอีกหลายม้วน คงยังไม่เพียงพอจะ สามารถถ่ายทอดภาพความประทับใจจากการได้สัมผัสด้วยตัวเองได้
ทำให้ผู้คนที่ได้ไปสัมผัสกับมนต์เสน่ห์ทางสังคมและวัฒนธรรมที่สวยงาม จึงหลงใหลเสน่ห์ของที่นี่ ด้วยประทับใจในบรรยากาศอันเงียบสงบและอัธยาศัยไมตรีของผู้คนในเมืองเล็กๆ แห่งนี้
ส่งผลให้ต่อมา ปาย กลายเป็นเมืองศิลปะและชุมชนศิลปินย่อยๆ แห่งหนึ่ง นักเดินทางที่มีโอกาสไปเยือน ปาย ต่างกลับมาเล่าขานถึงบรรยากาศที่ผสมผสานระหว่างวิถีชีวิตท้องถิ่นกับกลิ่นอายศิลปะร่วมสมัยได้อย่างลงตัว ภาพแกลลอรี่ศิลปะที่แทรกตัวอยู่ระหว่างร้านกาแฟเล็กๆ ในหมู่เรือนแถวไม้เก่าแก่ของชุมชน, ร้านหนังสือที่มีภาษาต่างประเทศครบเกือบหมดทุกภาษา ตั้งอยู่ใกล้ๆ วัดที่สร้างด้วยสถาปัตยกรรมแบบไทยใหญ่ ตลอดจนสตูดิโอปั้นเซรามิกและทำเครื่องเงินที่ซ่อนตัวอยู่ในทิวไม้ท่ามกลางอ้อมกอดของขุนเขา เหล่านี้คือความเปลี่ยนแปลงที่แต่งแต้มให้เมืองเล็กๆ แห่งนี้มีสีสันยิ่งขึ้น
| Create Date : 22 กรกฎาคม 2550 | | |
| Last Update : 26 กันยายน 2550 15:00:44 น. |
| Counter : 446 Pageviews. |
| |
|
| |
|
|
|
|
|
|
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [