All Blog
ยากล่อมใจในคืนฝัน / โนเอะรุและเทราสเฟียร์
 

ยากล่อมใจในคืนฝัน / โนเอะรุและเทราสเฟียร์
A tranquilizer for Your Christmas Eve


นิยาย “แนวๆ” ที่อ่านแล้ว “หน่วงๆ”

จิตแพทย์หนุ่มผู้พรั่งพร้อมด้วยรูปสมบัติและคุณสมบัติ แต่มีบางอย่างขาดหายไป...

เด็กสาวผู้งดงาม แต่มีอดีตอันเลวร้าย ทำให้ไม่ยอมพูดกับใคร
เขากับเธอต่างมีบาดแผลในใจและความลับที่เปิดเผยต่ออีกฝ่ายไม่ได้...

จิตติรับทัตตวาเป็นคนไข้เนื่องจากเธอไม่ได้เป็นใบ้แต่ไม่ยอมพูด เขาทดลองทำทุกอย่างแต่ทัตตวาก็ไม่ยอมเอ่ยสักคำ ทำให้เขาต้องการสืบหาอดีตที่เธอซ่อนไว้อย่างมิดชิด

เขามักระบายอารมณ์ผ่าน ‘การวิเคราะห์ตนเอง’ ในโลกไซเบอร์โดยแต่งเรื่องหลอกลวงว่าตนเป็นหญิงสาวผู้น่าสงสารเพื่อให้ผู้คนแสดงความเห็นใจ เขาสรุปว่าคนเหล่านั้นเป็นพวกหน้าไหว้หลังหลอก ขณะที่แสดงความคิดเห็นต่างๆ นานา ราวกับเทวดานางฟ้ามาโปรด แต่ตัวตนในโลกความจริงก็ประณามเขาไม่มีชิ้นดี

กระทั่งเขาได้แชตกับ เรคต์ ซึ่งฉลาดเหลือร้าย สามารถจับได้ว่าจิตติโกหก เรคต์ปั่นหัวเขาด้วยอารมณ์ขันแกมทะลึ่ง และคอยช่วยจิตติค้นหาความลับอันดำมืดในอดีตของทัตตวา แต่ยิ่งค้นจิตติก็พบว่าเบื้องหลังการไม่ยอมพูดของทัตตวาน่ากลัวเพียงไร เรื่องราวของเธอสะกิดบาดแผลในใจเขาเช่นกัน ในที่สุดจิตติก็รู้ตัวว่าเขาไม่ได้ช่วยเหลือเธอจริงๆ แต่กลับทำร้ายเธอโดยไม่รู้ตัว เขาสับสนระหว่างต้องการเหนี่ยวรั้งเธอไว้หรือผลักเธอออกไปจากชีวิต ขณะเดียวกันก็หวั่นไหวไปกับถ้อยคำของเรคต์ จนคิดว่าตัวเองคงชอบเพศเดียวกัน

 

หลังจากอ่านนิยายเล่มนี้จบ ตอนแรกไม่แน่ใจว่าจะรีวิวดีหรือไม่ (เพราะเกรงจะมือไม่ถึงจะรีวิวเรื่องแปลกแหวกแนวขนาดนี้) แต่ก็ขอเอ่ยถึงสักหน่อยเพราะเป็นพัฒนาการของนิยายไทยที่กล้าเปิดกว้างดี แต่นี่ก็อาจไม่ใช่รีวิวที่ดีนักเพราะคนอ่านคนนี้ไม่ได้เป็นนักอ่านตัวยงที่เข้าใจองค์ประกอบทุกอย่างในเล่มนี้ จึงบอกตรงนี้ได้เลยว่าสรุปไม่ถูกจริงๆ ว่านิยายเล่มนี้ถูกจริตเราหรือไม่

ถ้าเข้าใจไม่ผิด นิยายเรื่องนี้ต้นฉบับนั้นน่าจะเขียนเป็นภาษาอื่นที่ไม่ใช่ไทย แล้วก็มีการแปลเป็นไทย หน้าปกจึงมีชื่อคนเขียนและคนแปลอยู่ร่วมกันยาวเหยียด

สิ่งแรกที่รู้สึกว่าแปลกคือกลวิธีในการเล่าที่ไม่อิงรูปแบบนิยายไทย (ซึ่งน่าจะมาจากการที่คนเขียนเองก็คงมักจะเสพงานศิลป์และงานเขียนต่างประเทศมากกว่านิยายไทย) ทำให้ภาษาในการเล่าดูล้ำยุค มีกลิ่นอายของสำนวนแปลกแปร่ง และมีการเอ่ยถึงงานศิลป์หรืออะไรที่คนอ่านเช่นเราไม่สามารถเข้าถึงหลายอย่าง ซึ่งตอนที่อ่านรู้สึกได้อย่างหนึ่งว่า...บรรยากาศโทนเรื่องอย่างนี้มันแบบญี่ปุ๊นญี่ปุ่นมากเลย บรรยากาศที่ตัวละครเหงาเศร้าเปล่าเปลี่ยว มองทุกอย่างโดยเอาตัวเองเป็นหลัก จำกัดตัวเองอยู่ในวงแคบๆ ท่ามกลางคนมากมายในเมืองใหญ่

ตัวละครหลักที่เล่าเรื่องคือ หมอจิตติ ก็เป็นตัวละครที่เป็นสีเทาในตัวเอง เขาเป็นหมอที่ประสบความสำเร็จในหน้าที่การงานแต่เบื้องลึกก็ขาดอะไรบางอย่างในชีวิตที่ทำให้เขาเคว้งคว้างจนทุกวันนี้ เขาหน้าตาดี หน้าที่การงานดี แต่ดูเหมือนทัศนคติในการดำรงชีวิตจะทำให้เขาจ่อมจมกับตัวเองเกินไป เขาอาจเคยคบผู้หญิงมามากแต่ไม่เคยจริงจังกับใครเลย เขามีพฤติกรรมอย่างหนึ่งที่พบได้ในเวบพันทิพ คือตั้งกระทู้สร้างเรื่องยกเมฆแล้วก็มีคนกระหน่ำแสดงความเห็นจนขึ้นกระทู้แนะนำ (แต่ให้บอกตรงๆ เราก็ไม่ค่อยอ่านกระทู้แนะนำเท่าไหร่เพราะหน้าจอมันโหลดเยอะ เปลืองเวลา ดังนั้นตอนอ่านเล่มนี้ ขออภัยที่เราอ่านข้ามๆ กับเรื่องโกหกพกลมที่หมอจิตติเขียนเหมือนกัน)

จนกระทั่งจิตติได้พบเคสคนไข้กรณีแปลกอย่างเด็กสาววัยมัธยมอย่าง ทัตตวา ก็ทำให้เรื่องราวเปลี่ยนแปลงไป ทัตตวาเป็นกรณีแปลกเพราะเธอมีอาการไม่ยอมพูดกับใครทั้งที่สามารถเข้าเรียนและผลสอบทำได้ดีตามปกติ ผอมแกร็นและดูคล้ายเด็กผู้ชายมากกว่าเด็กผู้หญิง ยิ่งจิตติได้สัมผัสกับคนไข้คนนี้...คนทั้งคู่ที่มีความแปลกแยกในจิตใจก็ค่อยๆ คลี่คลายปมของตัวเองไปในตัว พร้อมกันนั้นจิตติก็ได้พบกับบุคคลในโลกไซเบอร์นามว่า เรคต์ ซึ่งเป็นคนที่จับโกหกในกระทู้เขาได้คนแรก ทั้งสองได้สนทนากันผ่านโลกออนไลน์ แล้วก็ค่อยๆ ประทับใจในกันและกัน (อันเป็นปมที่คนอ่านอย่างเรายังคงไม่เข้าใจว่า ตกลงแล้ว เรคต์ เป็นใคร มีตัวตนจริงหรือไม่ ยอมรับว่าเป็นคนอ่านที่โง่นะเนี่ย)

“เพศสภาพ” ในเรื่องนี้เป็นสิ่งกลางๆ เพราะจิตติเองก็ดูจะมีความก้ำกึ่งในรสนิยมทางเพศมาตลอดแม้ว่าเขาจะคบผู้หญิงมามาก ความคิดและการกระทำเขาหลายอย่างก็ดูจุกจิกหยิบหย่ง (หมอทั่วไปเป็นอย่างนี้รึเปล่า) ยิ่งทัตตวานั้นดูมีความก้ำกึ่งของแท้เพราะเธอเติบโตมาแบบไม่สมบูรณ์ฮอร์โมนเพศทำงานได้ไม่เต็มที่ จึงดูมีลักษณะและกิริยาไม่เหมือนผู้หญิงเท่าไหร่

ดังนั้น เมื่อคนเหงาแปลกแยกสองคนโคจรมาเจอกัน คงมีอะไรบางอย่างเชื่อมโยงสองคนนี้เข้าด้วยกันทำให้เรื่องราวค่อยๆ กะเทาะเปลือกออกมา จิตติเองก็มีความเป็นมาที่แตกแยกในทางครอบครัว ทัตตวายิ่งเจอในสิ่งที่ร้ายแรงกว่าจากครอบครัว การเดินเรื่องออกโทนเหงา-เศร้า-สับสนใจหนทางชีวิต และบรรยากาศก็เป็นเช่นนี้ไปจนจบเรื่อง (แม้ว่าตอนจบจะออกแนวสูตรสำเร็จแฮปปี้เอนดิ้งไปสักนิด แต่ก็รับได้หมดล่ะคนอ่านอย่างเราน่ะ)

โอเคนะ เราชอบในความแปลกของเรื่อง เพราะอ่านนิยายไทยมาไม่เคยมีนิยายเล่มไหนพล้อตอย่างนี้และเดินเรื่องอย่างนี้ ตัวละครอย่างหมอจิตตินั้นระบบความคิดล้ำเลิศ...ลึกซึ้ง...แต่ยุ่งเหยิง คล้ายกับว่าเขาปล่อยความคิดล่องลอยและเจ็บปวดไปกับมัน จมตัวเองอยู่คนเดียว ซึ่งน่าจะเป็นลักษณะของคนเมืองหลวงในยุคปัจจุบัน ทัตตวาเองก็มีเหตุผลที่น่าสนใจที่เธอต้องกลายเป็นอย่างนี้ เบื้องลึกทางครอบครัวที่เธอเผชิญมานับว่าหนักหนา จึงไม่แปลกใจที่ทัตตวาเป็นตัวละครที่น่าสนใจ (เหมือนการ์ตูนญี่ปุ่นที่มักมีตัวละครแปลกๆ ที่มีปมหนักหนา)

 แต่.....ก็ยอมรับว่าส่วนตัวแล้วเราไม่อินกับองค์ประกอบของเรื่องเพราะห่างไกลจากชีวิตตัวเอง สังเกตได้ว่านิยายเรื่องนี้มี “ความเหงาแบบญี่ปุ่น” อยู่สูงมาก (สังคมที่มีคนป่วยทางจิต สังคมเมืองที่ไม่มีใครสนใจใคร สังคมไซเบอร์ที่ใครสร้างเรื่องยังไงก็ได้) บรรยากาศเหล่านี้น่าจะเพราะคนเขียนคงปราดเปรื่องหลายเรื่องและเห็นว่าได้ไปร่ำเรียนถึงญี่ปุ่น ตัวละครเรื่องนี้เองก็ดูมีความเจ็บปวดและป่วยทางใจกันถ้วนหน้า ไม่มีใครสมบูรณ์ แต่ก็ไม่มีใครเลวสุดกู่ ทุกอย่างอึมครึม...เป็นสีเทา เรื่องเริ่มแบบอึมๆ อึนๆ และจบลงด้วยบรรยากาศอันไม่ค่อยคลี่คลายเช่นเดิม

ส่วนที่เราอ่านเรื่องนี้แล้วรู้สึก “หน่วงๆ” น่าจะเป็นพระสภาพสังคมที่เราใช้ชีวิตอยู่ไม่เหมือนกับตัวละครเท่าไหร่ แม้เราอาจเจอ “ความเหงา” เช่นกันแต่มันเป็นความเหงาแบบภูธรเพราะเราใช้ชีวิตใน ตจว และถึงจะเหงาๆ แต่ก็ต้องไปซื้อข้าวแกงกินรายวัน (อย่างน้อยก็ได้คุยกะแม่ค้าเจ้าประจำ แม่ค้าที่นี่อารมณ์แบบคนชนบทที่เจอหน้าบ่อยก็ชวนคุยจ้อ) ดังนั้นเราจึงไม่ค่อยอินกับเรื่องราวเท่าไหร่เพราะรู้สึกว่ามันห่างไกล (หนังสือเค้าดีนะ แต่อาจไม่ใช่สไตล์เราเท่านั้นเอง)

ดังที่บอกว่ารีวิวนี้ไม่ใช่รีวิวที่ดีนักเพราะคนอ่านเองก็ตอบไม่ได้ว่ารู้สึกอย่างไรกันแน่กับนิยายเรื่องนี้ กับอีกอย่าง...ใครช่วยสปอยล์ทีว่าสรุปแล้วเรคต์ มีตัวตนจริงไหมและเป็นใครกันแน่




Create Date : 14 ธันวาคม 2556
Last Update : 14 ธันวาคม 2556 15:07:28 น.
Counter : 1422 Pageviews.

11 comments
  
เรื่องนี้รู้สึกว่าอ่านแล้วไม่โดนอ่ะครับ...อ่านไม่จบด้วย พลอตดี แต่ไม่ชินกับสำนวนแบบนี้มั้ง...อันนี้เป้นที่ตัวเองเท่านั้นอะครับ ฮ่าๆๆ...
โดย: อุ้มสม วันที่: 14 ธันวาคม 2556 เวลา:16:40:43 น.
  
เราคิดว่าคนแต่งน่าจะเป็นคนไทยนะคะ เพราะเห็นชื่อไทยของคนเขียนในท้ายเล่ม แต่ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมต้องมีคนแปล

เรื่องนี้อ่านแล้ว ทีแรกไม่ชินกับสำนวนรูปแบบที่นำเสนอเหมือนกันคะ อ่านไปห้าสิบหน้าแรกก็เกือบจะวางแล้ว ถ้าไม่ติดตรงอยากรู้สาเหตุของการ 'ไม่พูด' ของทัตตวา หลังจากนั้นเราก็ติดหนึบแทบวางไม่ลงเลย รู้สึกว่าอยากเอามาอ่านใหม่เพื่อเก็บรายละเอียดอีกรอบอยู่เหมือนกันค่ะ จัดว่าชอบอยู่ มีที่เราไม่อินอยู่จุดเดียวคือตอนจบน่ะค่ะ ดูไม่น่าเชื่อว่าตัวละครจะลงเอยแบบนั้นได้เลย เราคิดว่าน่าจะจบที่ต่างฝ่ายต่างมองกันที่สถานี แล้วหลังจากนั้นก็ให้คนอ่านกลับไปคิดกันต่อกันเองจะดีกว่านะ อันนี้มันชัดเกิน คนอ่านอย่างเรางง ฮาๆ

ปล.ส่วนใครคือเรคต์ เดี๋ยวส่งส่งข้อความไปบอกละกันนะคะ
โดย: kunaom วันที่: 14 ธันวาคม 2556 เวลา:18:11:28 น.
  
อ่านรีวิวแล้วเราเข้าใจคุณ ณ พิชานะคะ จริงๆตอนนี้เวปพันทิพก็มีเรื่องโด่งดังประมาณนี้นะคะ เกี่ยวกับหมอจิตเวชที่อุปโลกเรื่องขึ้นมา มีแฟนคลับมากพอสมควร แต่พอดีมันยาวเราก็เลยขี้เกียจตามอ่านค่ะ (รู้แต่มีคนจับได้ว่าเขาโกหกค่ะ)
โดย: Sab Zab' วันที่: 14 ธันวาคม 2556 เวลา:21:41:08 น.
  

ยังอ่านไม่จบเลยค่ะ *_*
แต่เท่าที่เข้าใจ ผู้เขียนเป็นคนไทยนะคะ เป็นคนไทยทั้ง 2 คนที่เขียนงานร่วมกัน
[เอ๊ะ หรือยังไง พอดีไม่มีหนังสืออยู่กับตัว ไม่แน่ใจว่าด้านหลังที่เขียนแนะนำผู้เขียนเขียนว่ายังไง]
คาดว่าผู้แต่งได้รับอิทธิพลจากสื่อหรือวัฒนธรรมญี่ปุ่นพอสมควร
ดังนั้นในงานเขียนจึงอวลไปด้วยความเป็นญี่ปุ่นสูง
แอบขำนิดนึงตรงหมอโรคจิตกับกระทู้แนะนำ ไม่รู้ว่าได้แรงบันดาลใจมาจากพันทิปหรือว่ามันบังเอิญ ก็บังเอิญได้ตลกดีนะ XD
โดย: a murder suicide วันที่: 14 ธันวาคม 2556 เวลา:21:42:18 น.
  
คุณอุ้มสม -- เข้าใจค่ะเรื่องรสนิยมการอ่าน เราถึงได้บอกว่าจริงๆ นิยายเค้าก็ดีอยู่แต่ไม่ใช่สไตล์ที่เราจะอ่านแล้วอิน เรื่องสำนวนมันสวิงสวายจริงๆ ด้วยนั่นล่ะ บางทีอ่านแล้วก็เพลียนิดหน่อย โดยเฉพาะเวลาคนเขียนเอ่ยถึงงานศิลป์หรือสิ่งที่เราไม่เข้าใจ ก็เราไม่get ในสิ่งนั้นก็เลยตามไม่ทันในบางครั้งน่ะค่ะ

kunaom -- อ่านปกหลังก็ทราบว่าคนเขียนน่ะคนไทยค่ะ ให้เดาคงจะเก่งภาษาอังกฤษไม่ก็ญี่ปุ่นก็เลยเขียนเป็นภาษานั้นมั้งคะ (เมพขิงๆ) ถ้าให้เดาก็คิดว่าต้นฉบับเป็นญี่ปุ่น บรรยากาศมันจึงญี่ปุ่นมากๆ ทั้งที่เรื่องราวเกิดในประเทศไทย ส่วนตอนจบ...ก็พอรับได้ค่ะถึงแม้จะรู้สึกว่าจิตติดูไม่ค่อยแมนเท่าไหร่
ปล. ได้รับข้อความหลังไมค์แล้วค่ะ เรื่องมันโคตรซับซ้อนจังนะเนี่ย
Sab Zab' -- ตอนอ่านก็นึกถึงกระทู้ดังๆ ในพันทิพเหมือนกันค่ะที่คนพากันถล่มความเห็นแต่สุดท้ายเป็นเรื่องยกเมฆ เราว่าบางทีคนเราเวลาอ่านกระทู้นี้ก็อินกันเกินไปเนอะ เป็นไปได้เราจะอ่านเฉพาะกระทู้ที่สนใจจริงๆ อ่ะค่ะ

a murder suicide -- คนเขียน คนแปล คงทำงานร่วมกันน่ะค่ะ ไอ้เราก็ไม่รู้นอกรู้ในเหมือนกันเน้อ (แต่อ่านประวัติแล้วทั้งคู่น่าจะเป็นรุ่นน้องรั้วมหาวิทยาลัยเดียวกับเราเลย) แต่เรื่องกระทู้ที่หมอจิตติในเรื่องเขียนเป็นนิยายเนี่ย...เราว่ามันเป็นเหตุการณ์ที่เห็นได้ในเวปทั่วไปเลย สงสัยต่อจากนี้ไปเว้นจากกระทู้ที่มันเนื้อหาเว่อร์ๆ ดีกว่า (ปกติถ้าเนื้อหากระทู้ยาวเราก็ไม่อ่านแล้ว เปลืองเวลาส่วนตัว)
โดย: ณ พิชา วันที่: 15 ธันวาคม 2556 เวลา:10:08:18 น.
  
ยังไม่ได้อ่านเลยค่ะเล่มนี้ จด ๆ จ้อง ๆ ไม่ได้อ่านสักทีอะค่ะ
โดย: หวานเย็นผสมโซดา วันที่: 15 ธันวาคม 2556 เวลา:18:50:32 น.
  
ยังไม่มีโอกาสได้อ่านเลยครับ เห็นแต่โปรยหน้าปกแล้วรู้สึกว่าน่าอ่านมาก
โดย: สามปอยหลวง วันที่: 16 ธันวาคม 2556 เวลา:8:10:59 น.
  
ลึกซึ้ง .... และ ... เข้าไม่ถึง
โดย: Pdจิงกุเบล วันที่: 16 ธันวาคม 2556 เวลา:13:00:53 น.
  
หวานเย็นผสมโซดา -- ลองอ่านแล้วแต่รสนิยมของแต่ละคนค่ะ คนอื่นอาจชอบ ถูกจริต มากกว่านี้ก็ได้

สามปอยหลวง-- ค่ะ หน้าปก คำโปรย ชวนให้สนใจอ่านมาก ด้วยเรื่องก็น่าสนใจดี เพียงแต่วิธีการเล่า...อาจไม่ใช่แนวที่เราคุ้น มันเป็นเรื่องรสนิยมน่ะค่ะ (ถ้าเสพอะไรที่เป็นญี่ปุ่นมากๆ อาจชอบแนวนี้ก็ได้)

Pdจิงกุเบล --

รู้สึกคล้ายกันค่ะ บางส่วนของเรื่อง....คนธรรมดาอย่างเราเข้าไม่ถึง สิ่งที่เราเผชิญ....มันดูต่างจากรูปแบบที่ตัวละครพบเจอ เราเลยเข้าไม่ถึงตัวละครเขาเท่าไหร่
โดย: ณ พิชา วันที่: 16 ธันวาคม 2556 เวลา:18:55:40 น.
  
อ่านรีวิวแล้วนึกถึงงานของ โอตสึ อิจิเลยค่ะ
ชักสนใจนะคะ เพราะ หนึ่งชอบลองของแปลก สองมีการพูดถึงงานศิลป์ สามมีความซับซ้อนของเรื่องราว

ก่อนหน้านี้ไม่เคยสนใจเลยค่ะ...เพราะหน้าปกและโปรยปกแท้ ๆ เชียว

หวังว่าสำนวนคงน่าจะพออ่านได้นะคะ
โดย: Serverlus วันที่: 16 ธันวาคม 2556 เวลา:22:39:36 น.
  
โดยส่วนตัวแล้ว ชอบเรื่องนี้ค่ะ ^ ^
โดย: วิรตี วันที่: 19 ธันวาคม 2556 เวลา:16:00:45 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ณ พิชา
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 4 คน [?]



I think, therefore, I am