Group Blog
 
All blogs
 
แผนลวงรัก (คู่แค้นแสนลวง) บทที่ 1

สวัสดีค่ะ

ยังพอจำปันปันญาติสาวของสดับพิณ จาก “คู่ร้ายหมายรัก” ได้ไหมคะ มีใครรออ่านเรื่องของปันปันอยู่บ้างไหมคะ

ปันปันมีบทบาทมาตั้งแต่เรื่อง“คู่ร้ายหมายรัก” จนถึง “คู่จุ้นวุ่นรัก” มิถุนาเขียนเกริ่นถึงปันปันไว้มากและปันปันจะเป็นตัวละครสุดท้ายที่มิถุนาจะปิดชุดนิยายนี้ โดยนิยายชุดนี้เริ่มที่“คืนปรารถนา” หรือตีพิมพ์ในชื่อ “ปรารถนารัก”

เรื่องนี้เป็นแนวรอมฯคอมฯ หรือโรแมนติกคอเมดี เบาๆ น่ารักๆ ค่ะ นิยายเรื่องนี้มีราวยี่สิบบท ชื่อเรื่องที่ต้องใส่วงเล็บเพราะนั่นเป็นชื่อแรกที่ตั้ง แต่ยังไม่ถูกใจ คิดว่าถ้าตีพิมพ์คงจะใช้ชื่อแรก(ที่อยู่นอกวงเล็บ)

ผังตัวละคร


ฝากผลงานเช่นเคยนะคะเรื่องของพี่เมฆยังไม่ลืม และใครอยากอ่านเรื่องของอากิระ จากใต้เงาพยัคฆ์ก็เตรียมรอได้เลยนะคะ

มิถุนา

คลิก Like แฟนเพจจะได้ไม่ตกข่าวนะคะ https://www.facebook.com/MithunaNiyay

บล็อกรวมนิยาย (และเรื่องจิปาถะ) //mithuna.bloggang.com

อ่านนิยายตัวโตๆ สะใจได้ที่ //my.dek-d.com/Mithuna

ถ้าอยากอ่านแบบต่อเนื่อง คลิกที่นี่ เพื่อเข้าไปอ่านในเว็บเด็กดีนะคะ บล็อกมันรับตัวอักษรได้ไม่พอน่ะค่ะ ต้องมาเคาะบรรทัดเองด้วย อาจจะดูไม่เรียบร้อยเท่าไหร่

แผนลวงรัก บทที่ 1

ฤดูแห่งความมืดหม่นสำหรับใครบางคนหมุนเวียนมาบรรจบอีกคราหญิงสาวผมสั้นกุดในชุดกระโปรงสั้นสีเขียวน้ำทะเลคว้านหลังลึกจนเห็นแผ่นหลังเนียนผ่องยืนจิบไวน์แดงอยู่คนเดียว ณ มุมหนึ่งของบ้านที่สามารถมองเห็นบรรยากาศรอบๆได้ถ้วนทั่ว รอบกายอวลไปด้วยความหวานซึ้งซึ่งเจ้าตัวดูจะไม่สำเหนียกสักเท่าไหร่แถมยังทำหน้าเหม็นเบื่อด้วยซ้ำ นอกจากภาพของคู่รักที่ประดับประดาไปทั่วบริเวณบ้านเสียงเพลงบรรเลงท่วงทำนองโรแมนติก ดอกไม้สดสีโทนขาวและครีม รวมไปถึงแสงเทียนวอมแวมก็ช่วยเสริมความหวานได้มากขอบคุณพระเจ้าที่พี่ชายและพี่สะใภ้เลือกธีมงานแต่งงานสีเขียวแทนที่จะเป็นสีชมพูไม่งั้นเธอคงเลี่ยนตายแหง

ให้ตายสิเธอเกลียดงานแต่งงานจริงๆ

ใช่ว่าปัณณธรอยากจะต่อต้านงานแต่งงานของพี่ชายเธอเคยชอบงานแต่งงาน...ชอบมาก เพียงแต่เธอกำลังเซ็งกับเรื่องความรักเต็มที่ตั้งแต่เกิดเรื่อง...ถูกอดีตคนรักคนล่าสุดหลอกลวงและเกือบจะทำมิดีมิร้ายได้สำเร็จเธอก็กลายเป็นคนหมดความมั่นใจไปเสียสนิท ไม่กล้าวางใจเพศชายคนไหนอีก ทั้งที่มันไม่ใช่นิสัยของเธอเลยหัวใจของเธอไม่เคยว่างนาน เธอเคยเชื่อมั่นในความรักและการดูคน แต่กับเมธาวุธนั้นเธอพลาดจังเบ้อเร่อเธออยากจะเข้มแข็งกว่านี้แต่ก็ทำไม่ได้เหตุการณ์ที่แม้จะผ่านมาสองปีแล้วยังคงฝังแน่นในความทรงจำ

“ทำไมปันปันมาหลบตรงนี้ไม่ไปช่วยงานข้างหน้า”

มีเพียงคนเดียวที่เรียกเธอด้วยชื่อเล่นสมัยเด็ก...ปันปัน

ปัณณธรหันไปพบกับสดับพิณลูกพี่ลูกน้องคนสนิทที่อายุห่างจากเธอสี่ปียืนอยู่ตรงหน้า เบื้องหลังร่างเล็กเหมือนตุ๊กตาคือร่างสูงและหน้าตาคมเข้มของดนัยภัทรคู่รักของสดับพิณ แม้ทั้งสองจะไม่ได้จับมือกันดังคู่รักอื่นๆเนื่องจากกลัวคุณแม่จอมหวงของสดับพิณจะเข้ามาห้ามหากดวงตายามมองกันเจือด้วยความรักชัดเจนเสียจนคนนอกอย่างปัณณธรได้แต่อิจฉา

“ก็...เพื่อนๆของเจ๊อันกับพี่ดาวทยอยกันมาช่วยแล้ว ปันก็ไม่จำเป็นต้องอยู่แล้วนี่” เธอพยักพเยิดไปยังโต๊ะรับแขกรับของขวัญ แจกของชำร่วยด้านหน้า สาวๆ มากหน้าหลายตาในชุดสวยงามซึ่งเป็นเพื่อนของพี่สาวเธอและเจ้าสาวช่วยกันต้อนรับแขกผู้มีเกียรติอย่างแข็งขันแทบจะไม่มีที่ให้เธอไปยืนเบียดเสียด้วยซ้ำ

“ยังไม่เลิกคิดถึงเรื่องเมื่อก่อนอีกเหรอ”สดับพิณขยับมายืนข้างๆ ปัณณธรแล้วบีบมืออีกฝ่ายเบาๆ ดนัยภัทรดูจะรู้งานรีบเดินเลี่ยงไปอีกทาง

“พิณก็น่าจะรู้”ริมฝีปากของคนเจ็บแล้วจำเหยียดออกอย่างเย้ยหยัน

สดับพิณถอนหายใจ “พิณเสียใจนะที่ปันปันต้องมาเจอเรื่องนั้นจนกลายมาเป็นแบบนี้ แต่พิณไม่อยากให้ปันปันเศร้าตลอดไป”

“ก็ไม่ได้เศร้าหรอกนะแค่เซ็งๆ น่ะ เห็นคนอื่นเขาแต่งงานกันโครมๆ ปันกลับได้แต่มอง จะกระโดดเข้าหาความรักอีกครั้งก็กลัว...ไม่กล้า”ดวงตาสีเข้มช้อนสบดวงตากลมโตของญาติสาวราวกับจะตอกย้ำ

“ปันกลัวจริงๆนะพิณ” กลัวจะโดนหลอกเหมือนครั้งเมธาวุธ กลัวจะเจ็บตัวไม่พอแล้วต้องมาเจ็บใจกลัวไปหมด

“อืมพิณเข้าใจนะ ถึงพิณจะไม่ได้กลัวเรื่องความรัก แต่ความกลัวที่พิณเคยมีก็ไม่ต่างกับปันปันนักหรอกปันปันก็รู้ใช่ไหม กว่าพิณจะออกมาจากกรงทองของครอบครัวกว่าพิณจะปฏิวัติตัวเองจนได้ชีวิตใหม่ กว่าพิณจะกลายเป็นพิณอย่างเช่นทุกวันนี้ มันใช้เวลาเหมือนกัน”

สดับพิณเคยถูกพ่อแม่เลี้ยงดูประคบประหงมดังไข่ในหินเสียจนแทบไม่ได้กระดิกตัวไปไหนได้แต่เดินตามเส้นทางที่พวกเขาขีด ไม่มีชีวิตเป็นของตัวเอง แต่สุดท้ายเธอก็รวบรวมความกล้าถึงขนาดต่อต้านปฏิวัติจนได้ชีวิตที่ตัวเองต้องการ ปัจจุบันเธอยังคงทำงานกับร้านกาแฟแฟรนไชส์ยี่ห้อดังวอร์มแอนด์โคซีเหมือนเดิมตำแหน่งและประสบการณ์เพิ่มขึ้น เช่นเดียวกับอนาคตที่สดใสของเธอ

“ใช่มันใช้เวลา” ปัณณธรเอ่ยลอยๆ เธอไม่แน่ใจเหมือนกันว่าเธอจะทลายกรงความกลัวของเธอได้เมื่อไหร่...และได้ไหมเพราะดูมันจะเป็นไปได้ยากเหลือเกิน

“ดังนั้นอย่าเพิ่งท้อใจไปเสียละ”

“อืม”ปัณณธรทำเสียงในลำคออย่างไม่แน่ใจ ตรงข้ามกับสดับพิณที่มั่นใจเต็มเปี่ยม

“พิณเชื่อว่าสักวันปันปันจะผ่านมันไปได้...เหมือนที่พิณเองก็ผ่านมาได้มันใช้เวลานะ แต่มันก็คุ้มค่า คุ้มค่ามากๆ” เธอยิ้มทั้งปากและตาจนคนที่ซึมๆอดยิ้มตามไม่ได้

“ขอบใจนะพิณปันก็หวังว่าจะเป็นอย่างนั้น”

“งั้นก็ยิ้มให้กว้างๆทำหน้าให้สดชื่นเข้าไว้ เดี๋ยวคนอื่นจะพานเข้าใจผิดคิดว่าปันปันเป็นน้องที่หวงพี่ชายไม่อยากให้แต่งงาน”

“โหไม่อยากบอกว่าปันไม่เคยหวงเฮียเพียวสักนิด” ปัณณธรเอ่ยเสียงสูง “นี่ก็ดีใจจะแย่ที่เฮียเพียวขายออกตอนนี้คงต้องลำบากพี่ดาวแทนเสียแล้วละ” เธอเอ่ยถึงดาวสวรรค์ผู้เป็นพี่สะใภ้ซึ่งเป็นคู่กัดตั้งแต่เล็กจนโตของพี่ชายแต่สุดท้ายกลับมาแต่งงานกันจนได้

สดับพิณหัวเราะ“พี่ดาวคงไม่ลำบากหรอกมั้ง คนที่ลำบากจริงๆ เห็นจะเป็นเฮียเพียวเสียมากกว่าตั้งแต่เป็นแฟนกันก็เห็นเอาใจพี่ดาวจะแย่” แม้จะมีแง่งอนกันบ้างตามประสาคู่รักทว่าเอาเข้าจริงพิชัยยุทธก็ยอมแพ้ดาวสวรรค์อยู่ร่ำไป...ตามข่าวที่ปัณณธรคาบมาเมาท์ให้เธอฟังเป็นที่สนุกสนาน

“สงสัยผู้ชายตระกูลของเราจะเป็นโรคเกลียมัว...กลัวเมียกันหมดกระมังไล่มาตั้งแต่ปะป๊าของปัน อาแปะ เฮียน่าน จนมาตอนนี้ก็เฮียเพียว” คนสันนิษฐานหัวเราะคิกคัก

“ผิดละปันปันมีอยู่คนนึงที่ไม่กลัวแน่ๆ” ญาติผู้น้องแย้ง ดวงตากลมโตสีนิลเหล่ไปทางแฟนหนุ่มร่างโย่งที่ยืนอยู่ไม่ไกล“สงสัยเพราะไม่ใช่คนในตระกูลธรรมาภิรักษาแหงๆ”

ปัณณธรยิ้มกว้างอย่างมีเลศนัย“แน่ใจเหรอว่าไม่กลัว ขานั้นออกจะตามใจพิณจะตายไป”

“ก็ตามใจหรอกแต่บางทีก็ชอบแกล้งพิณเหลือเกิน” ล้อเธอบ้างละ แกล้งเธอเป็นเด็กๆ บ้างละทั้งที่เธอก็อายุยี่สิบห้าปีแล้ว

“ก็พิณน่าแกล้งนี่นา”

เสียงทุ้มของผู้ถูกนินทาที่แทรกขึ้นมาทำเอาสาวเจ้าสะดุ้ง

“ภัทรมาแอบฟังพวกเราคุยกันเหรอ”

“ไม่ได้แอบเล้ยอยู่ใกล้กันแค่นี้ ได้ยินโม้ด กลัวมงกลัวเมีย ขี้แกล้งอะไรงี้หัวเราะกันดังไปถึงสามบ้านแปดบ้าน นี่ถ้าปะป๊าพิณอยู่ใกล้ๆพิณมีหวังโดนเช็กบิลแน่ๆ ล้อเลียนถึงปะป๊าเลยนะนั่น”

“ภัทรนะ”พอเถียงไม่ได้ สดับพิณก็ได้แต่ทำปากยื่น “เวอร์ไปแล้วไม่ได้ดังขนาดสามบ้านแปดบ้านสักหน่อย”

ครั้นพูดถึงไก่ไก่ก็มา...


“เฮียว่าเฮียได้กลิ่นการนินทาแถวๆ นี้นะ” ชลน่านพาณัฐทินีผู้เป็นภรรยาซึ่งบัดนี้แสดงสภาพชัดเจนว่ากำลังจะเป็นแม่คนเดินเข้ามาในวงเมาท์ สายตากวาดมองไปทั่วราวกับจะจับพิรุธยังไงยังงั้น

“มีที่ไหน มั่วแล้วเฮียน่าน” ปัณณธรปฏิเสธ

“ไม่มั่วเลยเฮียน่าน ภัทรได้ยินเต็มสองหูว่าสองสาวเขาเมาท์ว่าเฮียน่านเป็นโรคกลัวเมีย” พอมีพวกดนัยภัทรก็ผสมโรงใหญ่

คนที่ถูกกล่าวอ้างว่าเป็นคนป่วยโรคพิเศษถึงกับสะดุ้ง หันไปมอง ‘เมีย’ ตาปริบๆ

“ว่าไงเฮียน่าน สรุปว่าเฮียน่านน่ะกลัวเมียจริงๆ หรือเปล่า” สดับพิณช่วยถามซ้ำด้วยหน้าตาท่าทางใสซื่อ

“ตอบไปสิคะน่าน ไม่ว่าจะตอบยังไง ณัฐก็ไม่โกรธหรอก” ณัฐทินียิ้มหวาน...หวานมากกว่าปรกติ หวานแบบที่ผู้เป็นสามีเข้าใจดี...

ชลน่านเหงื่อแตกซิก ลองพูดมาแบบนี้ คำตอบเหลืออยู่เพียงคำตอบเดียวเท่านั้นแหละ...

“กลัวจ้า กลัวมากๆ เลย เมียบังเกิดเกล้า กลัวเสียยิ่งกว่ากลัวหม่าม้าอีก” เขาตอบเสียงสูงเกินจริง สองมือชูขึ้นบ่งบอกทำนองว่ายอมแพ้ราบคาบ

ทุกคนในที่นั้นเลยหัวเราะกันยกใหญ่ ณัฐทินีสำทับปิดท้ายว่า

“ดีมาก ไม่งั้นคืนนี้เตรียมขนหมอนขนผ้าห่มไปนอนที่ห้องรับแขกได้เลย”

“ฮาฮ่า นี่เอาจริงใช่ไหมพี่ณัฐ”

“แน่นอน ลองถามเจ้าตัวดูสิ”

ชลน่านทำหน้าแหย “แหม พอเลยๆ เปลี่ยนเรื่องได้แล้ว เอะอะอะไรมารุมเฮียคนเดียว ภัทรก็ไม่ต้องหัวเราะชอบใจไปนะ ตัวเองก็ตามใจยายพิณพอกันนั่นแหละ พอยายพิณพูดอ้อนๆ หวานๆ เข้าหน่อย จะเอาอะไรก็ประเคนให้โม้ด” ได้ทีก็โยนไฟกองใหญ่ส่งต่อให้ว่าที่น้องเขย

“โอ๊ย เฮียน่านครับ ระดับนี้แล้ว เป็นลูกไก่อยู่ในกำมือภัทร” เขาไม่พูดเปล่าแต่เอามือใหญ่ลูบศีรษะเล็กอย่างเอ็นดู

“ภัทรนะ” สดับพิณร้องโวยพลางปัดมือเขาออกอย่างหงุดหงิด “บอกแล้วว่าไม่ชอบให้เล่นหัว พูดกี่ทีไม่เคยจำ เดี๋ยวพิณก็ไม่รับโทรศัพท์เวลาโทรฯ มาเลยนี่ เริ่มตั้งแต่คืนนี้เป็นต้นไปเลยดีไหม”

“โอ๋ๆ พิณจ๋า ตุ๊กตาคนน่ารักของภัทร อย่าพูดจาตัดรอนภัทรอย่างนั้นสิ ไม่แกล้งแล้ว ไม่ล้อแล้ว อย่างอนเลยน่า”

สมาชิกวงเมาท์ได้แต่หัวเราะอย่างรู้ทัน...โธ่เอ๊ย สุดท้ายแล้วผู้ที่ใครๆ ฝากความหวังเอาไว้ก็ดูจะเป็นโรคเดียวกับผู้ชายคนอื่นๆ ในตระกูลธรรมาภิรักษานั่นแหละ แถมดูท่าจะเป็นมากกว่าใครเพื่อนเสียด้วยซ้ำ

“แล้วนี่ตาหนูจะคลอดเมื่อไหร่คะ” ปัณณธรถาม ตามองท้องที่ยื่นออกมาอย่างมากของญาติผู้พี่ ใบหน้าของอีกฝ่ายดูเปล่งปลั่ง ไม่เหมือนที่เขาว่ากันว่าคุณแม่ที่ตั้งท้องลูกผู้ชายจะโทรมดูไม่ได้เลยสักนิด ส่วนว่าที่คุณพ่อก็พอกัน ตั้งแต่รู้ตัวว่าจะได้เป็นพ่อคน ชลน่านก็หน้าบานเป็นจานเชิง

“อีกสองเดือน”

“ท้องพี่ณัฐโต๊โต ปันนึกว่าจะใกล้คลอดแล้วเสียอีก”

“แต่สองเดือนนี่ก็ใกล้แล้วนะ”

“เร็วเนอะ อีกไม่นานพิณก็จะได้เห็นหน้าหลานแล้ว”

“ใช่ แถมอีกไม่นานเจ๊อันก็จะตามมาติดๆ” ปัณณธรเสริม อัญชิสาก็เพิ่งจะมีทายาทคนแรกที่ยังไม่ทราบว่าเป็นเพศอะไร นับได้ว่าปีนี้เป็นปีที่อุดมสมบูรณ์ของตระกูลธรรมาภิรักษาที่จะมีสมาชิกใหม่เพิ่มถึงสามคนเลยทีเดียว

“แล้วนี่ตื่นเต้นไหมคะ” ปัณณธรถาม

ณัฐทินีสั่นหน้า นิ้วชี้ไปยังคนรักข้างกาย “คนที่ตื่นเต้นน่ะคนนี้ ไปแข่งกับต้นได้เลย” เธอเอ่ยถึงอชิระน้องชายคนละแม่อีกคน “ซื้อข้าวของเตรียมให้ลูกเยอะจนจะถมเต็มพื้นที่บ้านอยู่แล้ว แถมยังคอยขุนพี่จนพี่กลมเป็นลูกฟุตบอลขนาดนี้”

“แน่ละ คนนี้ทำมากับมือ ก็ต้องดูแลให้ดีหน่อย” มือของเขาลูบท้องโป่งนูนผลงานของตัวเองด้วยความภูมิใจ พร้อมหันไปยิ้มกรุ้มกริ่มให้ภรรยาที่บัดนี้หน้าแดงจัด เธอเลยตีไหล่เขาเข้าให้หนึ่งป้าบแก้เขินแถมท้าย

“พูดมากจริง”

“โอ๊ย ณัฐอ้ะ ใจร้าย แค่นี้ก็ต้องตีกันด้วย” หน้าหล่อเหลามุ่ยลง ยังมาซึ่งเสียงหัวเราะจากทุกฝ่าย

“เสียดายพี่ต้นไม่ได้มาด้วย คราวก่อนก็พลาดงานเจ๊อันอันเพราะยายหนูปลายป่วย คราวนี้ดันพลาดงานเฮียเพียวเพราะพี่มิลินท์คลอดน้องกลางเข้าอีก” เด็กชายกลางหรืออชิรวิชเป็นลูกคนที่สองของอชิระและมิลินท์ถัดจากอชิรญา เพิ่งออกมาเผชิญโลกครั้งแรกเมื่อคืน ทำเอาคุณพ่อคุณแม่วุ่นวายกันยกใหญ่ ญาติๆ ที่ไม่ได้ไปร่วมลุ้นที่โรงพยาบาลด้วยได้แต่ส่งกำลังใจไปให้เนืองๆ

“มีแก้ตัวงานพิณไง ไม่น่าพลาดหรอก” ดนัยภัทรหน้ายิ้มแป้นยามพูดถึงสองสาวที่ยังไม่ได้แต่งงาน “ไม่งั้นก็รองานของปันอีกคน”

คนที่ถูกกล่าวถึงหน้าเครียดขึงขึ้นทันที

“อย่ารองานของปันเลย” เธอเอ่ยเรียบๆ

ดนัยภัทรเพิ่งรู้ตัวว่าพลาด พูดไพล่ไปถึงเรื่องที่เกี่ยวพันกับความรักของปัณณธร เลยรีบเปลี่ยนเรื่องโดยพลัน

“เอ่อ ไว้พรุ่งนี้ไปเยี่ยมพี่มิลินท์กันไหม”

“เอาสิ ไปกันพร้อมหน้าก็ดี เสร็จแล้วไปกินข้าวกันต่อ” สดับพิณรีบรับลูกคู่อย่างรู้งาน

ณัฐทินีกับชลน่านก็เข้ามาชักชวนแถมมัดมือชนไม่ยอมให้ปัณณธรได้พูดอะไร แถมล่วงเลยไปนัดเวลาและสถานที่เสร็จสรรพ

“พิณว่าเราขยับไปข้างหน้ากันดีกว่าค่ะ เจ้าบ่าวเจ้าสาวจะขึ้นเวทีกันแล้ว ได้ข่าวว่าเฮียเพียวภูมิใจนำเสนอพรีเซนเทชัน เพราะฮามากๆ”

“คงจะฮาเพราะเฮียเพียวสยบให้พี่ดาวน่ะสิ”

“ฮาฮ่า สงสัยจะเป็นอย่างนั้น ก็ตอนนี้โรคเกลียมัวกำลังระบาดขั้นรุนแรงนี่นา”

คนเป็นโรคเกลียมัวได้แต่ค้อนใส่สาวๆ ปะหลับปะเหลือก

พรีเซนเทชันงานแต่งงานระหว่างดาวสวรรค์กับพิชัยยุทธมิได้ทำให้ผู้รอชมผิดหวัง เจ้าบ่าวเจ้าสาวถึงกับลงทุนแสดงจริง ขำจริง เรียกเสียงหัวเราะจากแขกผู้มีเกียรติได้ถ้วนหน้า บรรดาเพื่อนสนิทที่มาร่วมงานไม่มีใครคิดว่าพิชัยยุทธจะมีคู่กัดตั้งแต่เด็ก แถมคู่กัดที่ว่าดันกลายมาเป็นภรรยาในอนาคตเข้าเสียอีก พรีเซนเทชันเลยจบลงด้วยภาพดาวสวรรค์ยืนเงยหน้าเย้ยฟ้าหัวเราะลั่นแบบตัวละครในการ์ตูนโดยมีพิชัยยุทธทำท่าจ๋องๆ ยกป้ายที่เขียนว่า ‘กลัวแล้วจ้า’ ตัวโต เป็นการยืนยันโรคเกลียมัวของหนุ่มๆ ในตระกูลธรรมาภิรักษาได้เป็นอย่างดี

พิธีกรเชิญหัวหน้างานของเจ้าสาวและพ่อของเจ้าบ่าวขึ้นเวทีในฐานะประธาน เมื่อกล่าวคำอวยพรและคล้องพวงมาลัยให้คู่บ่าวสาวเสร็จ เสียงเพลงก็บรรเลงเป็นทำนองคุ้นเคย และวุฒิทีก็ทราบดีว่าถึงเวลาสำหรับอะไร เขาชูแก้วเครื่องดื่มขึ้นสูง เอ่ยเอื้อนคำว่าไชโยสามครั้งแล้วดื่มน้ำแสดงความยินดีให้แก่เพื่อนสนิทและเจ้าสาว ระหว่างนั้นเองที่สายตาของเขาเหลือบไปเห็นร่างแบบบางในชุดคว้านหลังลึกจิบไวน์ช้าๆ ท่าทางไม่อินังขังขอบกับอะไร เหมือนจะรอคอยให้งานแต่งงานนี้จบๆ ไปเสียมากกว่า




Create Date : 28 มิถุนายน 2557
Last Update : 11 กรกฎาคม 2557 22:45:25 น. 1 comments
Counter : 1514 Pageviews.

 
วุฒิทีจำได้ทันทีว่าสาวชุดเขียวคนนี้คือใคร ปัณณธร น้องสาวคนเล็กของพิชัยยุทธเพื่อนของเขานั่นเอง เขาเคยเจอเธอในงานแต่งงานของอัญชิสาและนะโม แต่จำไม่ได้ว่าเธอเป็นคนเดียวกับยายเปี๊ยกที่เคยพบเมื่อครั้งยังเป็นเด็ก ยายตัวแสบที่เคยแกล้งเขาแล้วหัวเราะซ้ำเติม หน้าของเธอเปลี่ยนไปเพราะการแต่งหน้า แต่ลองลบเครื่องสำอางออก เธอก็ยังมีเค้าของตัวเปี๊ยกสุดซ่าที่เขาเคยรู้จักเมื่อสิบเอ็ดปีก่อน เสียดายที่เธอจำเขาไม่ได้ อาจเป็นเพราะตอนนั้นเธอยังเด็กเกินไป...

เขาหวนนึกถึงการปะทะกันระหว่างเขากับเธอครั้งล่าสุด เธอไม่พอใจเขา โทษฐานที่เขาถูกคนเบียดมาชนเธอ จนไวน์ที่เธอถือกระฉอกเลอะชุด นอกจากนี้เขายังแย่งช่อดอกไม้เจ้าสาวมาจากเธอโดยมิได้ตั้งใจอีกต่างหาก ซึ่งถ้าดูจากปฏิกิริยาที่เธอมีต่อคนแปลกหน้าอย่างเขา ท่าทางเธอจะโกรธมากทีเดียว...โกรธเหมือนในตอนนี้เลย

ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าเธอเป็นอะไรหนักหนากับงานแต่งนี่ ไม่ชอบที่พี่ชายแต่งงานหรือไง หรือไม่อีกที เป็นเพราะพี่สาวและพี่ชายแต่งงานกันไปหมดแล้ว เหลือเธอน้องเล็กของบ้านไว้บนคานคนเดียว...

คำถามค้างคาในใจเมื่อเธอหมุนตัวกลับมาและจะเดินตรงมาทางเขา แรกสบตานั้นเธอจดจำเขาไม่ได้สักนิด เขารู้สึกเหมือนถูกเมิน...ถูกลืม เลยปากไวเตือนความทรงจำยามเธอเดินผ่าน

“คราวนี้ไม่รอรับช่อดอกไม้แล้วหรือ”

คนเจ้าอารมณ์มองหน้าเขาทำนองว่าเขามายุ่งอะไรด้วย ก่อนจะถลึงตาใส่ดุๆ ใส่ ปัณณธรแทบจะจำเขาไม่ได้ถ้าเขาไม่พูดต่อว่า

“ระวังไวน์เลอะชุดอีกนะ” วุฒิทีพยักพเยิดไปอีกทาง

หญิงสาวหันไปเห็นข้อศอกของคนข้างๆ เดินเซมาใกล้ เกือบจะชนถ้าเธอหลบไม่ทันเพราะคำเตือนของชายแปลกหน้าที่เธอเริ่มจำได้ว่าเคยเจอเขาในงานแต่งงานของอัญชิสา ที่สำคัญเขาทำชุดสวยราคาแพงของเธอเลอะชนิดที่แก้ไขอะไรไม่ได้ด้วย

เพราะเหตุนี้...และเพราะหงุดหงิดที่เขาพูดทิ่มแทงเธอเรื่องการแต่งงาน ปัณณธรจึงไม่เอ่ยคำขอบคุณเขาสักนิด เธอกำลังจะเดินเลี่ยงไปเมื่อเขาเอ่ยขึ้น

“เป็นลูกแหง่หรือไง ถึงต้องทำหน้าบูดหน้าบึ้งไม่พอใจในงานแต่งทั้งของอันและของเพียว” ใบหน้าคมเข้มยิ้มน้อยๆ ราวกับจะล้อเล่นมากกว่าพูดจริง ทว่าคนที่ถูกกล่าวถึงดูจะไม่เห็นด้วยสักเท่าไหร่

“เอ๊ะ! แล้วคุณมายุ่งอะไรด้วย”

คำกล่าวที่เขาใช้เรียกพี่สาวและพี่ชายทำให้เธอรู้ว่าเขารู้จักเธอ...รู้จักครอบครัวของเธอมากกว่าที่เห็น

เขารู้จักเจ๊อันกับเฮียเพียว นี่เธอพลาดอะไรไปใช่ไหม เขารู้จักเธอแต่เธอไม่รู้จักเขา...แบบนี้ออกจะเสียเปรียบไปสักหน่อยละ

วุฒิทีไหวไหล่ “แหม นี่มันงานแต่งงานนะ ไม่ยิ้มแย้มก็ดูจะขวางโลกเกินไปสักหน่อย”

“มาทำเป็นรู้ดีได้ยังไงว่าฉันไม่ยิ้ม” หญิงสาวแย้ง

“ไม่รู้สิ เจอกันทีไร เห็นทำหน้าเหมือนโลกกำลังจะถล่มทลายทุกที”
ปัณณธรกำลังจะอ้าปากเถียงกับเขาต่อ หากระฆังพักยกจะมาได้จังหวะ...ตกใส่มือเธอพอดิบพอดี

“ว้าว คราวนี้โชคดีแฮะ รับได้พอดีเลย” ชายหนุ่มออกความเห็น
หญิงสาวยังคงงงๆ เธอมองช่อดอกกุหลาบสีขาวในมือเหมือนไม่แน่ใจว่ามันมาได้อย่างไร

“ไม่ไปเหรอ เพียวกวักมือเรียกอยู่นั่นแล้ว”

ปัณณธรหันตามที่ชายแปลกหน้าบอก เห็นทั้งพี่ชายและดาวสวรรค์พี่สะใภ้ใหม่หมาดโบกมือเรียกให้เธอขึ้นไปบนเวที เธอหันมาสบตาชายที่เธอยังไม่รู้จักชื่อแต่ก็คุยกับเธอเป็นนานสองนานด้วยสายตาอาฆาตทำนองว่าฝากไว้ก่อนเถอะ

“คราวนี้ได้รับกับมือจริงๆ คงจะไม่มีปัญหาหน้าบึ้งอีกแล้วกระมัง”

เสียงที่ไล่หลังมาทำเอาปัณณธรแทบจะหมดความอดกลั้น ที่เขาบอกว่าจะไม่หน้าบึ้งอีกแล้วเห็นจะกลับตาลปัตรอย่างสิ้นเชิง ตอนนี้ใบหน้าน่ารักบึ้งเสียยิ่งกว่าบึ้ง

เขาเป็นใคร มารู้ดีกว่าตัวเธอเองได้ยังไง เขาจะเข้าใจความรู้สึกของเธอได้ยังไง ในเมื่อผ่านมากว่าสองปีแล้ว เธอก็ยังกำจัดความกลัวออกไปไม่ได้เลย
ใช่ ไม่มีใครเข้าใจเธอจริงๆ


โดย: มิถุนายน วันที่: 28 มิถุนายน 2557 เวลา:0:06:29 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

มิถุนายน
Location :
กรุงเทพ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 33 คน [?]





บล็อกนี้เริ่มต้นจากการเก็บรวบรวมนิยายของมิถุนาให้เป็นหลักแหล่ง และต่อมาได้เพิ่มความชอบเกี่ยวกับเครื่องสำอาง การท่องเกี่ยว การกิน และเรื่องจิปาถะอื่นๆ ค่ะ ว่างๆ ก็แวะมาทักทายกันบ้างนะคะ

มิถุนา (busaba401แอตhotmail.com)

แวะทักทาย/ฝากคำถามได้ที่ cbox นะคะ แล้วจะมาตอบให้ทุกคนค่า








Fanpage นิยายของมิถุนา
(เฉพาะนิยายนะคะ ไม่ได้อัพเรื่องเครื่องสำอางค่ะ)
มิถุนา Mithuna นิยาย

โฆษณาหน้าของคุณด้วยเลยสิ



E-book ของมิถุนา
คืนปรารถนา
มิถุนายน
www.mebmarket.com
ทั้งหมดเริ่มต้นจากความเข้าใจผิด...อชิระคิดว่ามิลินท์หักหลังเขา เขาจึงใช้ความรักที่เธอมีให้เขาเป็นเครื่องมือในการแก้แค้น มิลินท์จาก...
ร้ายนัก(ไม่)รักเสียดีไหม
มิถุนายน
www.mebmarket.com
เมื่อยอดคุณป๊า ที่ถือคติที่ว่า “เรือล่มในหนอง ทองจะไปไหน” พยายามจับคู่ลูกๆ ที่เหลือให้ครบ อดีตคู่กัดสมัยละอ่อนเลยได้โคจรมาพบกันอีกครั้งในฐานะเจ้าบ่าวและเจ้าสาว...
New Comments
Friends' blogs
[Add มิถุนายน's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.