|
|
Location :
กรุงเทพฯ Thailand
[Profile ทั้งหมด]
|
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 22 คน [?]

|
สวัสดีคะ หมีนะคะ เป็นผู้หญิงตัวเล็กๆ สูง152ซม. ชอบในการแต่งตัว รักของสวยๆงาม เวลาว่างชอบทำงานประดิษฐ์โน้นนี่ เข้ามาแวะทักทายโพสต์คุยกันได้นะคะ ยินดีที่รู้จักกับทุกคนคะ
ประกาศ : หากเข้ามาแล้วไม่เห็นภาพ เพราะว่าแบนด์วิดท์(bandwidth) ของรูปภาพเกินโค้วต้า ต้องรอเดือนหน้าจึงจะเห็นรูป ตอนนี้จะพยายามแก้ไขรูปภาพคะ ขออภัยมาณ.ที่นี้ด้วย
พื้นที่หน้าเวปบล็อคส่วนตัว ห้ามคอมเมนท์โฆษณาคะ ถ้าอ่านภาษาคนรู้เรื่อง ขอความกรุณาปฎิบัติตามกฎด้วยคะ
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
Roaccutane
พ.ญ. จิรพร ศรีวสันต์ศักดิ์
ถึงแม้ว่า ประเทศไทย จะด้อยพัฒนาแบบถาวร แต่พัฒนาการด้านสาธารณสุข จัดว่ามหัศจรรย์ และก้าวกระโดด เพราะคนไทยสามารถสั่งยา และบริหารยาให้ตนเองได้ อย่างไม่แพ้แพทย์ พึ่งพาตนเองได้ Ro-accutane เป็นหนึ่งในตัวอย่างนั้น บ้านเรา เป็นยารูปแคปซูล ขนาด 10 mg และ 20mg
Ro-accutane เป็นชื่อทางการค้าของกรดวิตามินเอ [ isotretinoin ] ใช้รักษาสิวที่เป็นมากและรุนแรง ดื้อต่อการรักษาด้วยยาชนิดอื่นแล้ว ผลดี คือ สิวหายได้ค่อนข้างสมบูรณ์แบบ และสงบได้เป็นระยะเวลาค่อนข้างยาว เป็นเดือน หรือเป็นปี แล้วแต่ แต่ละบุคคล ผลเสีย คือ ผลข้างเคียงจากยา ซึ่งจะได้กล่าวถึงต่อไป
กลไกการออกฤทธิ์ของยา ยังไม่ทราบ แต่เกี่ยวกับการลดการทำงานของต่อมไขมัน ขนาดของต่อมไขมันเล็กลง และมีฤทธิ์ต้านการอักเสบของผิวหนัง เชื้อ P.acne ลดลง คงจากไขมันที่เป็นอาหารลดน้อยลง
ควรกินพร้อมอาหาร จะทำให้ร่างกายนำยาไปใช้ได้เป็นสองเท่าของตอนท้องว่าง
ขนาดยาน้อยที่สุดที่ได้ผล คือ 0.1mg/kg/day [ เช่นหนัก 50kg = 5mg/day] แต่โอกาสกลับเป็นใหม่ค่อนข้างสูง ขนาดยาที่แนะนำ คือ 0.5-1mg/kg/day
สิวที่ลำตัวตอบสนองต่อยา น้อยกว่าที่หน้า อาจใช้ 2mg/kg/day
แต่สิวบริเวณลำตัวที่รุนแรง และเป็นก้อนนูน อาจกำเริบหลังได้ยา ควรลดขนาดยา เป็น 0.5mg/kg/day และให้ร่วมกับยากลุ่มสเตอรอยด์
ระยะเวลาบริหารยา ประมาณ 16-20 อาทิตย์ หรือ ขนาดยาสะสม 120mg/kg/1course ของการรักษา เริ่มจาก 0.5mg/kg/day หลังได้ยา 4 สัปดาห์ ปรับระหว่าง 0.1-1mg/kg/day บางรายสิวดีขึ้นหลังหยุดยาไป 1-2 เดือน จึงไม่จำเป็นต้องให้ยาจนสิวหายหมดจึงเลิกยา ประมาณ 10% ของคนไข้ต้องใช้ยาครั้งที่สอง โดยเฉพาะวัยรุ่นอายุต่ำกว่า 16-17 ปี ควรเว้นระยะห่างจากครั้งแรก 2-3 เดือน
สิ่งที่ควรตรวจก่อนกินยา
ตรวจเลือด ดูการทำงานของตับ และระดับไตรกลีเซอไรด์ เมื่อกินยาไป 3-4 อาทิตย์ หรือ 6-8 อาทิตย์ เจาะเลือดดูไตรกลีเซอไรด์อีกครั้ง ถ้า > 500 mg/dL ต้องคอยตรวจเป็นระยะๆ >700mg/dL ต้องหยุดยา และให้ยาลดไขมันเพราะ อาจมีอาการตับอ่อนอักเสบ และก้อนไขมันตามผิวหนัง
สิ่งที่ต้องระวังมากที่สุด
ห้ามกิน ขณะมีครรภ์ โดยเฉพาะ ช่วงท้องได้ 3อาทิตย์ เด็กจะพิการ
คุมกำเนิดก่อนกินยา 1 เดือน หลังหยุดยาคุมกำเนิดต่ออีก 1 เดือน
ทดสอบการตั้งครรภ์ว่า ให้ผลลบ ก่อนกินยา 2 อาทิตย์
สำหรับผู้ชายที่กินยาตัวนี้ แล้วมีลูก จะไม่มีผลอะไรกับลูก
ยาผ่านทางน้ำนมได้ จึงไม่ควรกินในรายที่ให้นมลูก
หลังหยุดยา 2-4 เดือน การทำงานของต่อมไขมัน จะกลับสู่ภาวะปกติ ดังนั้น จึงไม่สามารถอธิบาย ในรายที่สิวสงบเป็นระยะเวลายาวนานได้
ผลข้างเคียงของยา ผลข้างเคียงส่วนใหญ่ จะสัมพันธ์กับขนาดยาที่ให้
ปากแห้ง พบเกือบทุกราย
เยื่อบุตามช่องทวารต่างๆ แห้ง
ผิวแห้ง ตาแห้ง ใส่คอนแทคเลนส์ไม่ได้ จมูกแห้งจนเลือดกำเดาออก เยื่อเมือกหลอดคอแห้ง ทำให้เสียงแหบ และมีอาการคัน » 50%
ผมร่วง ผมน้อยลง สิวเห่อ ขนดก
ผิวหน้าร้อนแดง ผิวหนังอักเสบ ผิวคล้ำขึ้นและไวต่อแสง มีตุ่มคัน ตุ่มหนอง เนื้อรอบเล็บเป็นหนอง เล็บผิดรูปร่าง เพิ่มการสร้างเนื้อเยื่อที่ทำให้เกิดตุ่ม
ปวดกล้าม ปวดข้อ การสร้างกระดูกมากขึ้น เอ็นอักเสบ มีการจับของแคลเซี่ยมที่เส้นเอ็น มีการเปลี่ยนแปลงอื่นๆของกระดูก
พฤติกรรมผิดปกติ เครียด มีอาการทางจิตเวช พยายามฆ่าตัวตาย หรือฆ่าตัวตายในผู้ป่วยบางราย ปวดศีรษะ ความดันในกระโหลกศีรษะสูงขึ้น ชัก ผู้ป่วยจิตเวชควรปรึกษาจิตแพทย์ก่อนรับประทานยา
เห็นภาพเปลี่ยนไป กลัวแสง ลดการมองเห็นตอนกลางคืน ต้อกระจก กระจกตาอักเสบ การฟังบกพร่องในบางช่วงคลื่น
คลื่นไส้ ลำไส้อักเสบ มีเลือดออก ตับอ่อนอักเสบ ในรายไตรกลีเซอไรด์สูง ถ้ารุนแรงอาจเป็นอันตรายกับชีวิตได้ ตับอักเสบในบางราย
หลอดลมหดเกร็ง ในรายที่เป็นโรคหอบมาก่อน
มีการติดเชื้อกรัมบวก
เลือดมีเม็ดเลือดแดง เม็ดเลือดขาวลดลง เกร็ดเลือดเพิ่มขึ้น อัตราการตกตะกอนของเลือดเพิ่มขึ้น ไขมันในเลือดสูงขึ้น แต่ไขมันตัวที่ดีกับร่างกายลดลง ทำให้มีความเสี่ยงต่อโรคหลอดเลือดหัวใจตีบเพิ่มขึ้น กรดยูริคในเลือดสูงขึ้น ปัสสาวะมีเม็ดเลือดขาวเพิ่มขึ้น มีเลือดและมีโปรตีนมากผิดปกติ
ควรหลีกเลี่ยงแสงแดด ไม่ควรใช้ยาทาลอกผิว หรือลอกสิวร่วมด้วย ใช้ยาทาสิวชนิดอ่อนร่วมด้วยได้
ไม่ควรให้ร่วมกับยาวิตามินเอ และ ยาเตตร้าไซคลิน
ไม่ควรใช้ใน หญิงมีครรภ์ หรือให้นมบุตร โรคตับ โรคไต ได้วิตามินเอมากเกิน ไขมันในเลือดสูงและแพ้ยาตัวนี้ ใช้อย่างระมัดระวังในคนไข้เบาหวาน อ้วน พิษสุราเรื้อรัง และภาวะไขมันเผาผลาญผิดปกติ
สำหรับคนไข้ที่ต้องการทำศัลยกรรม ขูดผิว ขัดสิว ลอกหน้า กรอหน้าด้วยเลเซอร์ ลดรอยแผลเป็น ที่เกิดจากสิว เสริมความงาม ให้หยุดกินยาไป 6 เดือน ถึง 1 ปี จึงทำได้ เพื่อป้องกันแผลเป็นนูนหลังทำที่อาจเกิดขึ้นได้
โศกนาฏกรรม ที่หมอผิวหนังทุกคนไม่อยากพานพบ คือ วินาทีที่ทราบว่า คนไข้ท้องขณะกินยาตัวนี้อยู่ รู้สึกสลดหดหู่ใจ ที่จำต้องพิพากษา ให้ชีวิตหนึ่ง ไม่มีโอกาสได้ลืมตาดูโลกบูดๆ เบี้ยวๆ ใบนี้ ถึงจะเป็นชีวิตที่ไม่สมประกอบก็เถอะ ได้แต่ภาวนาให้แกไปเกิดใหม่ ในประเทศที่พัฒนาแล้ว จะได้ไม่พิการตั้งแต่ยังไม่ลืมตาดูโลก แบบไม่สมควรเลย