ข้อความที่เขียนในblog นี้เป็นความเห็นส่วนตัวค่ะ โปรดใช้วิจารณญาณ
Group Blog
 
All blogs
 
อุทัยปีใหม่ 2549

เซรงเจงๆ เลย ดันไปเผลอลบบล๊อคตัวเอง ต้องมานั่งเขียนใหม่หมด เหมือนเดิมหรือเปล่าก็ไม่รู้


22 ธ.ค.48
มันเริ่มมาจากความเบื่อการฉลองปีใหม่หน้าบ้าน ที่ฉลองกันมา 10 กว่าปี ไม่เคยเปลี่ยนที่กันเลย ตัดสินใจโทรไปซาวเสียงจากลูกเกด(หลานสาวคนสวย) ลูกเกดก็คงเบื่อพอพอกัน (แสดงว่าน่าเบื่อจริงๆ) ตอบตกลงทันที แสดงว่ายังไงปีนี้ก็คงต้องหาที่ไป แต่จะไปที่ไหนกันล่ะ???

เวลาก็ล่วงเลยมาป่านนี้ ที่ท่องเที่ยวทั่วไปคนเค้าคงจองเต็มกันไปหมดแล้ว

Blue Planet เท่านั้นที่ช่วยเราได้!!


และแล้วก็จริงดั่งคาด มีกระทู้หนึ่ง (ซึ่งจำผู้ตั้งกระทู้ไม่ได้ ต้องขออำภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะคะ) ได้พูดถึงลำน้ำสะแกกรังในจังหวัดอุทัยธานีเอาไว้ ได้การละ อุทัยธานี ไม่ค่อยดังต้องยังไม่เต็มแน่เลย ก็เลยเริ่ม search หาเว็บที่พักในจังหวัดอุทัยธานี
“ริเวอร์ มารีน่า รีสอร์ท” คือสถานที่ปลายสายที่ลูกเกดติดต่อด้วย ลูกเกดเล่าว่า เจ้าของที่นั่นพูดจาดีเค้าชื่อคุณป้อง ราคาที่พักรวมอาหารเช้าแล้วด้วย แล้วเค้าก็อยากให้กินข้าวต้มตอนเช้า(เป็นข้าวต้มปลาแรดดดด) ของเค้ามากๆ

ด้วยสนนราคาที่พอไหว หลังจากคำนวณแล้ว เราเลยรีบจองที่พัก แต่พี่หน่อยมีไอเดียบรรเจิดกว่านั้นคือจะเตรียม American Breakfast ไปเบิ้ลกันให้เต็มคราบด้วย
31 ธ.ค. 48
หลังจากทำวิทยานิพนธ์เรื่องท่องเที่ยวเมืองอุทัยอยู่เกือบทั้งอาทิตย์ (คือไม่ตื่นเต้นหรอกแต่ว่ากลัวไปไม่ถูก ฮิฮิ ) ก็ถึงวันแรกของการเดินทาง เราเดินทางโดยรถ 3 คัน ออกจากบ้านใครบ้านมัน มีจุดนัดพบกินข้าวเช้าที่แถวๆ อยุธยา หม่ำข้าวเช้าเรียบแล้วต่างคนต่างออกเดินทาง เนื่องจากรถติดเล็กน้อย การขับรถตามกันอาจจะไม่สะดวก เราเลยนัดแนะจุดนับพบต่อไปว่า ไปเจอกันที่ศาลากลางจังหวัดอุทัยธานี “ตรงตัว ก”

11.15 น. เริ่มขับเข้าจ.อุทัย เราเริ่มโทรถามกันถึงจุดนัดพบอีกครั้งเราเองหา ตัว ก.ไก่ไม่เจอ เลยบอกว่างั้นไปเจอกันที่ร้านอาหารนกน้อยแล้วกัน(หาเองนะตัวใครตัวมัน)

11.30 น. รถในขบวนทั้งสามคันก็ไปพบกันอีกครั้งที่ร้านอาหารแพนกน้อย (ได้คำแนะนำจากใน Blue Planet นี่แหละ )



ซึ่งเป็นร้านอาหารสไตล์พื้นบ้าน ข้างล่างเป็นแพแต่ยังนั่งไม่ได้เราเลยนั่งข้างบนเพื่อชมบรรยากาศวิถีชาวบ้าน 2 ริมฝั่งแม่น้ำและมีลูกทัวร์บางคนเริ่มมีวิญญาณเป็นนางแบบ นายแบบเข้าสิง (ไม่น่าเชื่อวิญญาณตามมาถึงอุทัย)




พอแม่หาที่นั่งได้ปั๊บก็เริ่มทำงานถนัดทันที (สั่งอาหาร)



ไม่ว่าจะเป็นปลาเนื้ออ่อนทอดกระเทียม ทอดมันปลากราย(จานนี้มีเบิ้ลเพราะน้าจิ๋มชอบมาก) ต้มยำปลาม้า ผัดกระเพราะปลา ผัดลูกชิ้นปลากราย






ถ้ามีใครได้เข้ามาอ่านเจอแล้วก็ขอบอกได้ว่า “สั่งเลยอร่อยทุกอย่าง”

หลังจากที่อิ่มหมีพีมันพวกเราก็เริมออกเดินทาง ไปยังจุดหมายต่อไปคือ ยอดเขาสะแกกรัง เพื่อไปดูวัดสังกัสรัตนคีรี หรือวัดที่เค้าตักบาทเทโวตอนออกพรรษา

13.00 น. เราเดินทางไปถึงวัดซึ่งอยู่ไม่ไกลจากที่เรากินข้าวนักซึ่งเป็นทางขึ้นเขา (เราคงไม่เดินไปจากทางเป็นกระไดแน่ๆเพราะได้ข่าวว่ามีนับร้อยขั้น)พอเรามาถึงก็พบกับทางเข้าวัดที่สามารถดูวิวได้รอบเมือง และยังมีร้านอาหารและร้านขายของฝากอยู่แถวนั้นซึ่งเราก็ได้พบกับของฝากที่ไม่ค่อยได้เจอจากที่ไหนโดยคุณครูจิ๋ม(ใหญ่) บอกพวกเราว่านี่แหละภาพยนต์กบ (หนังกบนั่นเอง) แต่พวกเราคงไม่ซื้อเพราะขี้เกียจทอด และบางคนไม่อยากกินเราเลยเดินไปทำบุญไหว้พระ พร้อมกับนมัสการพระพุทธบาทจำลอง ซึ่งคุณวีณาก็กำชับลูกหลานว่าเราเอาเงิน 3 บาท ใส่ลงไปแล้วหยิบออกมา 1 บาทไว้เป็นขวัญถุง



มีการแข่งขันกันโยนเหรียญใส่สะดือพระสังกจายกันนิดหน่อย งานนี้พี่หน่อยและพี่ตั้มโชว์ฝีมือได้จนคนแถวนั้นอึ้ง-ทึ่ง-เสียวกันเลยทีเดียว

หลังจากนั่งพักผ่อนหย่อนใจชมวิวกันสักพักเราก็เริ่มเคลื่อนขบวนกันอีกครั้ง โดยตอนแรกกะว่าจะไปไหว้พระที่วัดท่าซุงก่อนแต่เถียงกันไปมาว่าเรายังมีกิจกรรมทำในที่พักอีกหลายอย่าง เราจึงตัดสินใจเดินทางเข้าที่พักเลย

14.30 น. เราวิ่งตามป้ายทางเข้ารีสอร์ทเข้ามาเรื่อย ยิ่งวิ่งก็ยิ่งใจแป้วลง แป้วลงทุกที เพราะว่าเจอแต่ทุ่งนาสีเขียวกับคัน ตลอดทาง ไม่มีวี่แววว่า รีสอร์ทสวยๆ ดีๆ จะเข้ามาตั้งอยู่แถวนี้ได้ ในใจคิดว่า “จะถึงพม่าไหมวะเนี่ย” แต่ก็ยังทำใจดีสู้เสือขับไปเรื่อยๆ เพราะยังมีป้ายบอกทางตลอด (แสดงว่ายังไม่หลง ) คอยดูนะถ้าถึงรีสอร์ทแล้วไม่สวยนะ เรากะไอ้ลูกเกดตายแน่ ฐานะต้นคิดทิ้งบ้าน

14.45 น. ถึงจนได้ เออ ไม่แย่โว้ย ดูดีใช้ได้ทีเดียว รอดตายแล้วกรู (สงสัยลูกเกดแอบโล่งใจเหมือนกัน) ที่พักอยู่ติดกับริมแม่น้ำสะแกกรัง



บ้านพักมีให้เลือกแบบ บนดินแบบเป็นครอบครัว (มีห้องนอนใต้หลังคาด้วย) บ้านบนต้นไม้แบบทาร์ซาน



แล้วก็แพริมน้ำ ซึ่งมีทั้งหมด 4 หลัง



แต่พิจารณาดูแล้ว บ้านที่ไม่เหมาะกับวัยรุ่น(แรก)อย่างพวกเรา คือบ้านบนต้นไม้เท่านั้น เราจึงเข้าสูที่พักคือ บ้านหลังใหญ่สำหรับครอบครัวเราและพี่ตั้ม แพสองหลังสำหรับบ้านพี่หน่อยและน้าจิ๋ม

พวกเราไม่รอช้ารีบทำกิจกรรมที่หมายมั่นปั้นมือกันมาตั้งแต่กรุงเทพทันทีนั่นคือ การพายเรือคยัก



ใครพายก็พายไป ไอ้คนไม่ได้พายก็เริ่มหาสุรา และกับแกล้มกันไปพลาง เด็ดสุดเห็นจะเป็นคุณวีณา (แม่กรูเอง) ทำบาร์บีคิวมาด้วย แต่ดูแล้วคงหาคนย่างลำบาก ก็เลยไปจ้างน้องในรีสอร์ทให้เค้าย่างให้ แหมน้องๆ ก็น่ารักทำให้อย่างดีไม่มีอิดออด (แต่คิดตังค์)

หลังจากพายเรือกันพอได้เมื่อย แดดก็เริ่มร่ม 4 สาว (สาวมั่งไม่สาวมั่ง) ก็เริ่มลงเล่นน้ำ หน้าแพนั่นแหละ แหมมีความรู้สึกเหมือนได้กลับไปเป็นเด็กอีกครั้ง



พอพระอาทิตย์เริ่มจะลาแล้วเราก็ทยอยขึ้นจากน้ำ และเริ่มตั้งวงกินเหล้ารอฉลองปีใหม่กันอย่างเป็นล่ำเป็น



23.45 ได้เวลาที่จะมาเคาท์ดาวน์ด้วยกัน งานนี้ลูกเกดเตรียมเค้กปีใหม่มาด้วย




พวกเราทุกคนร่วมกันเค้าท์ดาวน์ผ่านเข้าสู่ปีใหม่ไปด้วยกันอีกปี แม้จะแปลกที่ไปบ้าง แต่ก็รู้สึกว่าคิดไม่ผิดที่มาที่นี่ เพราะบรรยากาศในตอนกลางคืน เงียบและสงบมาก บรรยากาศเป็นธรรมชาติสุดๆ ถือว่าเป็นที่เที่ยวอีกที่ ที่ยังสดมาก

1 ม.ค. 2549
6.30 น. ชาวบ้านเค้าตื่นกันหมดแล้ว (ยกเว้นตรู) เมื่อคืนหนักไปหน่อย พวกที่ตื่นแล้วก็พากันไปเดินเล่นและถ่ายรูปบรรยากาศรีสอร์ทไว้เป็นที่ระลึก ไอเดีย American Breakfast สุดบรรเจิดของพี่หน่อยไม่มีคนทำ ก็ต้องหันหน้าไปพึ่งเด็กในครัวเหมือนเดิม และก็ทำได้ดี ไม่ผิดหวังเลยทีเดียว



เช้านั้นเราทุกคนเลยได้หม่ำอาหารเช้ากันเป็นข้าวต้มปลาแรด และ American Breakfast คนละชุด (จุกกันเป็นแถว)
9.30 น. เราเริ่มเก็บข้าวของสัมภาระ เพื่อเตรียมออกเดินทางงานนี้มีการถ่ายรูปกันและคุยกับเจ้าของรีสอร์ทสักพักก็เตรียมพร้อมล้อหมุน

10.00 น. ล้อหมุนออกเพื่อเดินทางไปยังจุดหมายแรกของเราในวันนี้คือวัดท่าซุงที่ยิ่งใหญ่และอลังการมาก วันนี้ค่อนข้างมีคนเยอะพอสมควร (นี่ขนาดจังหวัดไม่ค่อยดังนะเนี่ย) พวกเราพากันไปนมัสการ และเก็บรูปอีกนิดหน่อยก็เดินทางไปยังจุดหมายต่อไปคือ “หุบป่าตาด Unseen Thailand”

11.30 เราเดินทางมาถึงหุบป่าตาด ซึ่งกว่าจะเดินทางมาถึงก็ต้องหากันนิดหน่อยเพราะมีป้ายบอกทางอยู่น้อยมาก



ทางเข้าต้องเดินทางผ่าถ้ำมืด เพื่อไปเจอหุบเขาที่มีต้นตาด หน้าตาเหมือนต้นไม้ยุคจูราสิคปาร์ค



ด้านในยังมีหุบซึ่งเป็นถ้ำ (ยังไงฟระ เรียกไม่ถูก) เป็นเหมือนท้องพระโรงมีหินงอกหินย้อยอยู่สวยงามมาก



พอแวะถ่ายรูปกันซักพักเราก็เดินทางออกจากหุบป่าตาด โดยเก็บไปเพียงภาพถ่ายและความประทับใจอย่างมาก สมกับเป็น อันซีน อินไทยแลนด์ จริงๆ จากนั้นเราก็ออกเดินทางเพื่อไปวัดถ้ำยังเขาวง



15.30 น. เราเดินทางเพื่อไปสู่ถ้าเขาวงแวะถ่ายรูปเล็กน้อยเพราะที่นั่นไม่มีอะไรเที่ยว (และทุกคนหมดแรงมาจากหุบป่าตาดด้วย) แค่ผ่านไปถ่ายรูป แล้วเราก็เลยไปเที่ยวต่อที่ถ้ำผุหวาย



16.00 น. พอไปถึงถ้ำพุหวายงานนี้คุณวีณาขอบายเพราะเริ่มเมื่อยขอนั่งรอดูภาพถ่ายอยู่ด้านล่าง ส่วนที่เหลือเกาะกับกลุ่มอื่นๆขึ้นไปพร้อมกับเจ้าหน้าที่ ซึ่งที่นี่เพิ่งได้เป็นวนอุทยานแห่งชาติเมื่อปี 42 เอง ไม่เก็บค่าเข้าชม เก็บแต่ค่าเช่าไฟฉาย พอครบกลุ่มเราก็เดินขึ้นไปยังบนถ้ำ ทางเดินข้อนค่างชันแต่ทุกคนก็ขึ้นไปถึง จากนั้นก็เดินทางเข้าชมความสวยงานของถ้ำ งานนี้เก่งที่สุดขอยกนิ้วให้ลูกนัท เพราะเดินดูทั่วถ้ำ ไม่ร้องไห้และ ไม่ต้องให้ใครอุ้มอีกต่างหากสนุกสนากลับมาเราก็ถ่ายภาพร่วมกันก่อนจะเดินทางไปยังจุดหมายสุดท้ายคือต้นไม้ยักษ์



17.45 น. เราเดินทางมาถึงต้นไม้ยักษ์พอจอดรถต้องเดินเท้าเข้าไปอีกปะมาณ 200 เมตร งานนี้เรากำลังคิดว่าจะโดยหลอกให้ไปดูต้นไม่มียักษ์อยู่หรือเปล่า แต่พอเดินไปถึงก็ถึงกับอึ้งไปเลยที่เดียวเพราะต้นไม้ที่เราเห็นนั้นมีความสูงและใหญ่ยักษ์สมกับชื่อเรียกจริงๆ ซึ่งเรียกว่าต้นเลียบ เค้าบอกว่ามีอายุ 500 ปี จากนั้นเราก็ถ่ายภาพและเดินทางกลับ



18.00 น. รีบบึ่งรถออกจากอุทัยเพื่อยังเดินทางไปสุพรรณบุรีเพื่อหาอาหารเย็นกินที่นั่น(เรื่องกินเรื่องใหญ่)

19.30 น. เดินทางเกือบถึงตัวเมืองสุพรรณ พวกเราแวะกินข้าวที่ร้านข้าวต้มแห่งหนึ่งซึ่งไม่น่าเชื่ออาหารอร่อยทุกอย่าง (หรือว่าหิวก็ไม่รุ) อิ่มข้าวกันแล้วก็แยกย้ายต่างคนต่างจุดหมาย บ้านใครบ้านมัน

ต้องบอกว่าทริปนี้เป็นทริปที่ประทับใจจริงๆ ไม่ว่าจะเป็นที่พักอาหาร สถานที่ท่องเที่ยวถูกใจทั้งนั้น ไม่น่าเชื่อว่าเวลา 2 วัน 1 คืน กับจังหวัดที่ไม่ได้โด่งดังอะไร จะสร้างความประทับใจให้กับเราขนาดนี้

ทุกคนติดใจ ทริปหน้าคงต้องมีอีกแน่ๆ

ทริปต่อไป กรุงเทพ-ห้วยน้ำดัง-ปาย-ปางอุ๋ง-เชียงใหม่-พืชสวนโลก

To be continue


Create Date : 03 พฤศจิกายน 2549
Last Update : 24 เมษายน 2550 15:34:37 น. 4 comments
Counter : 2062 Pageviews.

 
เคยไปเที่ยวอุทัย ไปเที่ยวห้วยขาแข้งมา

วัดถ้ำเขาวงเคยไป ตอนยังสร้างไม่เสร็จด้วย

ปล. ต้มยำน่ากินมากกกกกกกกกกกกกก


โดย: Ta Pling วันที่: 3 พฤศจิกายน 2549 เวลา:17:53:17 น.  

 
ตามมาเที่ยวอุทัยค่ะ น่าสนุกจังค่ะ


โดย: Sweety-around-the-world วันที่: 3 พฤศจิกายน 2549 เวลา:19:37:32 น.  

 


sweety มาเยี่ยมค้า สบายดีนะคะ



โดย: Sweety-around-the-world วันที่: 5 ธันวาคม 2549 เวลา:3:21:46 น.  

 
เเวะเอาBlog Tag มาฝากค่ะ


โดย: MikaRin (MikaRin ) วันที่: 14 มกราคม 2550 เวลา:0:05:34 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ปลาตะป๋อน
Location :
กรุงเทพ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add ปลาตะป๋อน's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.