นิยายแปล..........แปลแหลก แปลกนักแล Present to you by Maxmaya

"ATTITUDE" The pleasure you get from your life is equal to the "ATTITUDE" you put into it
Group Blog
 
All blogs
 
สามีดีแตก บทที่ 1 - 5

สามีดีแตก

One



แอนนาเสียชีวิตในวันที่เธอกำลังขับรถยนต์ บีเอ็มดับเบิลยูสีดำกลับบ้านจากที่ทำงาน ที่เบาะหลังรถมีโครงร่างของสคริปสำหรับทีวี ในเรื่องเกี่ยวกับชีวิตการแต่งงาน และ การนอกใจ ผมพอจะนึกภาพเธอในตอนนั้นได้ว่า เธออาจจะกำลัง ใช้มือควานหาแผ่นดิสก์ เพื่อเลือกเพลงที่ถูกใจฟัง หันไปเห็นสคริปที่อยู่ข้างหลังทำให้เธอรู้สึกเหมือนกับว่าเธอกำลังลักพาตัวเจ้าสคริปนั้นอยู่อะไรประมาณนั้น
บางครั้งผมก็จิตนาการไปว่าผมอยู่ในรถกับเธอด้วย ทางฝั่งผู้โดยสาร ซึ่งผมก็เคยอยู่หลายครั้งแล้ว ผมได้กลิ่นน้ำหอมของเธอ Lancôme Tresor มือข้างขวาของผมวางอยู่บนเข่าของเธอ เธอสวมเสื้อสีดำ และกางเกงเอวต่ำแบบผูกเชือกสีเขียวทหาร การจราจรบนถนนฟูลแฮมบรอดเวย์ เบี่ยงความสนใจของเธอ และปั้นสีหน้าขณะที่เธอเลี้ยวขวาเพื่อดูรถคันที่ตามมาข้างหลัง แต่ในวันที่เธอเสียชีวิตนั้น เธอคงจะไม่ได้เช็คดูอย่างละเอียด
เพื่อนของเธอ แซลลี่ ขับตามหลังรถอีกสองคันถัดจากแอนนา เห็นเหตุการอุบัติเหตุในครั้งนั้นด้วย แซลลี่บอกกับผมภายหลังว่าเธอไม่เข้าใจว่ามันเกิดขึ้นได้อย่างไร จู่ ๆ รถของแอนนาก็พุ่งทยานเข้าสู่ถนนและถูกบดทางด้านข้างด้วยรถรับจ้างขนย้าย
รถของแอนนา ถูกชนติดขอบถนน ในผั่งคนขับบุบฝังตัวเข้ากับเสาไฟฟ้า แซลลี่ เห็นแอนนาอยู่ในสภาพที่หมดสติอยู่ที่ด้านคนขับ ติดอยู่กับแท่นหน้าปัดรถ ซึ่งได้งอทับขาของแอนนาอยู่ ผมดำยาวของเธอเริ่มกรังไปด้วยเลือด
แซลลี่ไม่สามารถอธิบายได้ว่ามันเกิดขึ้นได้อย่างไร แต่ผมคิดว่าผมสามารถอธิบายได้ ผมว่าในสถานการณ์นั้นเธอคงกำลังมองการจราจรบนถนนอยู่ สายตาของเธอทอดไปไกลกว่าสิ่งตรงหน้า อาจจะคิดถึง พอล หรือ ผม อยู่ก็ได้ เธอมักจะอยู่ในระหว่างสองโลกของเธอในเวลาเดียวกันเสมอ ระหว่างโลกที่เป็นจริงกับ โลกจินตนาการณ์ ขนานกันไปในจิตนาการณ์ของเธอ แต่โลกในจินตนาการของเธออาจจะสำคัญกว่าโลกแห่งความเป็นจริงสำหรับเธอก็ได้
เธอได้เคยบอกผมเกี่ยวกับอุบัติเหตุซึ่งเธอรู้สึกเหมือนได้รับรู้ล่วงหน้าหลายครั้งแล้ว ว่ารถของเธอพุ่งเข้าสู่ช่องทางของรถที่กำลังวิ่งมา เสียงระเบิดกระหึ่มของกระจกและโลหะ นี่คือทางออกของเธอ
แอนนาเสียชีวิตไม่กี่อึดใจก่อนที่รถพยาบาลฉุกเฉินจะมาถึง เวลา ห้าโมงสิบสี่นาที ของวันศุกร์ และนั่นก็เป็นวันสิ้นสุดของความสัมพันธ์ระหว่างแอนนากับผม


Two

ผมยืนอยู่ที่ประตูทางเข้าห้อง ไอซียู จำได้แต่เพียงชื่อของเธอซึ่งเขียนไว้ที่แผ่นกระดานที่หัวเตียง ผมของเธอได้ถูกเกรียนออกไป ใบหน้าบวมเป่ง ตาทั้งสองข้างถูกปิดไว้ด้วยไมโครโปร์ เธออยู่ในระหว่างการรักษาขั้นโคม่า เธอเคยต้องใช้เครื่องช่วยในการหายใจในตอนแรก แต่ในตอนนี้เธอสามารถหายใจโดยไม่ต้องใช้เครื่องมือช่วย แต่กระนั้นระดับการหายใจของเธอสังเกตุจากเครื่องบอกระดับ ผมแทบจะไม่เห็นความแตกต่างมากนัก เสียงจะหวะการเต้นของหัวใจของเธอจากเครื่องวัดซึ่งเป็นเสียงที่ไม่น่าฟัง เสมือนเสียงที่บอกให้รู้ว่าคนเรานั้นจะตายเสียตอนไหนก็ได้
เจ้าหน้าที่ผู้ช่วยแพทย์ได้ช่วยให้เธอหายใจขึ้นมาอีกครั้งภายในรถพยาบาลนั่นเอง ตอนที่เจ้าหน้าที่นำตัวเธอออกจากรถนั้น เธอได้หยุดหายใจไปแล้ว หากเจ้าหน้าที่ช้าไปอีกอึดใจเดียวเธออาจจะเสียชีวิตไปแล้วอย่างช่วยไม่ได้
เธออยู่ในห้องผ่าตัดประมาณสิบชั่วโมงเข้าไปแล้ว หมอกำลังทำการผ่าตัดที่ซับซ้อนในสมองของเธอ ห้าชั่วโมงในระหว่างขับรถ ผมยิ้มออกมาได้นิดหนึ่งด้วยความคิดที่ว่าหมออาจจะเข้าใจความซับซ้อนซ่อนเงื่อนในสมองของเธอได้ง่าย ๆ ซึ่งผมเองไม่เคยเข้าใจได้เลย
ผมหลับตาลงและได้เห็นรอยยิ้มนั้นอีกครั้ง รอยยิ้มที่แทบจะทำให้หัวใจผมหยุดเต้นทุกครั้งที่ได้เจอ ไม่เหมือนกับเธอในตอนนี้ ที่ซีดเซียว บวม และไม่สามารถบอกได้เลยว่าเป็นเธอ
ที่แขนข้างขวาของเธอมีสายส่งยาติดอยู่ ซึ่งสามารถเห็นเส้นเลือดได้ ต่างจากแขนข้างซ้ายที่ดูซูบซีดไม่มีเรี่ยวแรงเหมือนนกปีกหัก เธอดูเย็นชาไร้ความรู้สึกใด ๆ ผมอยากจะนอนเคียงข้างเพื่อให้ความอบอุ่นแก่เธอ เพราะว่าเธอไวต่อความหนาว และเคยบอกกับผมว่า ผมอุ่นเหมือนเครื่องปิ้งขนมปัง ผมยังจำได้ครั้งหนึ่งที่ รีมส์ ผมให้เธอสอดเท้าของเธอไว้ไต้แผ่นหลังของผมเพื่อทำให้เท้าเธออุ่นขึ้นจากความหนาวของอากาศ
เธอคิดว่ามือของเธอเล็กเกินไปเหมือนมือเด็ก แต่ผมก็ชอบ เพราะมือคู่นี้ที่จับมือของผมที่ห้องโถงในโรงแรมเมื่อสองปีที่แล้วได้จับเอาหัวใจของผมไปด้วยเลย
ทุกคนเรียงรายกันอยู่รอบ ๆ เตียงของเธอ มี พ่อ แม่ น้องชาย น้องสาว แล้วก็ สามีของเธออีกคน ทุกคนจ้องมองมาที่ผม สีหน้ากังวลและงุนงง แล้วพ่อของเธอก็เป็นคนพูดขึ้นมาก่อนว่า “แล้วคุณเป็นใครกันล่ะ เนี่ย”


Three

นั่นนะซิ แล้วผมเป็นใครกันล่ะนี่
นี่เป็นสิ่งนึงที่ผมเองก็ยังหาคำตอบไม่ได้ สำหรับสองปีที่ผ่านมากับความไม่กระจ่างในความสัมพันธ์ แต่ก่อนหน้านั้น ผมก็ไม่รู้สึกอึดอัดอะไรกับความสัมพันธ์ที่ไม่กระจ่างนี้
ไม่นานหลังจากที่ได้คบกับแอนนา ผมก็ได้ขอคำปรึกษาจากเพื่อนซี้
- แกต้องระลึกถึงความสุขในครอบครัวของแกเอาไว้ด้วยนะ เกร็กพูดในขณะที่ช้อนเอาผงชอคโกแลตจากคาปูชิโนเข้าปาก ทิ้งคราบสีน้ำตาลไว้ที่ริบฝีปากบน
- แกอย่า ให้ ซูซานรู้เรื่องเข้าก็แล้วกัน
แต่เรื่องนี้มันไม่ใช่เรื่องปกปิดการนอกใจ จาก ภรรยาของผม ไม่ใช่เรื่องที่ผมอยากจะคุยกับใครสักคนในช่วงเช้าหน้าหนาวของฤดูใบไม้ร่วง ผมรู้สึกเหมือนเดินชนกระจกใสเข้าอย่างจังโดยที่ไม่ได้สังเกตุเห็นมันมาก่อน
ที่จริงผมกับแอนนาเคยเจอกันมาก่อนเมื่อประมาณ สิบหกปีที่แล้ว ที่เทศกาลภาพยนต์ ผมเป็นหนึ่งในกลุ่มนักเขียนรุ่นใหม่ที่เต็มไปด้วยความหวังที่จะได้อะไรจากงานนี้บ้าง ตอนนั้นผมไม่ได้คุยกับเธอเลย แต่ก็จำความประทับใจในตัวเธอที่มีต่อผมจนไม่สามารถอธิบายได้
มีเหตุผลสามอย่างที่ผมไม่ได้คุยกับเธอในคืนนั้น ประการแรกก็คือ เธออยู่กับผู้ชายคนอื่น ประการที่สองคือผมไม่เชื่อในรักแรกพบ และประการที่สามก็คือผมกำลังจะแต่งงาน
สิบกว่าปีผ่านไป จนกระทั่งมาถึงที่โรงแรมหรูในลอนดอนในงานชุมนุมนักเขียนบทภาพยนต์ ผมไม่ได้เป็นหนุ่ม และก็ไม่ได้เต็มไปด้วยอุดมคติเหมือนเมื่อก่อน และแน่นอนไม่ได้อัตคัดขัดเคืองเหมือนก่อนหน้านี้แล้ว มีผู้คนในวงการ รวมทั้งโปรดิวเซอร์ ได้จองห้องเพื่อฟังการบรรยายที่สับเปลี่ยนกันไปทุกสิบห้านาที ผมเห็นเธออยู่ที่อีกด้านหนึ่งของห้อง และก็เหมือนกับครั้งแรกที่ผมเจอเธอ มันทำให้ผมหายใจไม่เป็นล่ำเป็นสันขึ้นมาทันที
เธอหายไปในฝูงชนที่คอยลงทะเบียนกันอยู่ แต่ต่อมาผมได้ได้ถูกแนะนำให้รู้จักกับเธอและโปรดิวเซอร์คนอื่น ๆ โดยเพื่อนนักเขียน ก็จับมือแสดงความรู้จักอย่างคร่าว ๆ เพราะการประชุมวาระต่อไปกำลังจะดำเนินการต่อ
แต่ผมก็ได้สัญญากับตัวเองไว้ว่า ครั้งนี้จะไม่เหมือนครั้งที่แล้ว ครั้งนี้ผมจะต้องเจอเธออีกให้ได้ ผมจะต้องรู้ให้ได้ว่าอาการใจสั่นสะท้านทุกครั้งที่เจอเป็นนั้นเป็นเพราะอะไรกัน
ซึ่งความหมายก็คือชีวิตของผมกำลังจะเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิงนับจากนี้เป็นต้นไป



Four

จุดหักเหในชีวิตของผมเริ่มต้นขึ้นในขณะที่ผมกำลังอ่านหนังสือพิมพ์อยู่อย่างเบื่อ ๆ และล่องลอยอยู่ที่ระเบียงของห้องประชุมในขณะที่กลุ่มนักเขียนรุ่นไหม่ไฟแรงกำลังถกกันอยู่ถึงเรื่องทางเลือกในโครงสร้างของการเขียนบรรยายในบทภาพยนต์แนวใหม่ ผู้คนทยอยเข้า ออก มีทั้งชายไว้หนวดเคราสะพายย่าม, ผู้หญิงในชุดภูมิฐานสง่ากับตุ้มหูคู่ใหญ่สีแดงและกระเป๋าหนังสือ ทันใดนั้นเอง เธอก็มายืนข้าง ๆ ผม จับแขนของผมด้วยมืออันเนียนนุ่ม อบอุ่นและกรุ่นกริ่นหอมของเธอ
เธอเป็นผู้หญิงที่สวยที่สุดเท่าที่ผมเคยเจอมาในชีวิตนี้
- พวกเราจะไปด้วยกันที่ร้านกาแฟ มาด้วยกันซิคะ เธอเอ่ยปากชวนผม
หัวใจของผมเต้นตูมตามไม่เป็นจังหวะ ในใจก็คิดไปว่าเธออาจจะแค่ชวนผมด้วยมารยาท เธออาจจะไม่ได้สนใจในตัวผมเลยก็ได้
ผมนั่งรวบรวมสติอยู่ครู่นึง ไม่อยากให้เธอเห็นว่าผมตื่นเต้นกระตือรือร้นแค่ไหน ในที่สุดผมก็เดินผ่านห้องโถงของโรงแรมไป เธอยืนหันหลังให้ผมอยู่กับนักเขียนอิสระอีกสองคน หัวใจผมเต้นโครมครามอีกครั้งเหมือนเด็กนักเรียนใหม่ในชั้นที่ตื่นเต้นจนไม่รู้จะทำตัวยังไง ผมเข้าร่วมวงด้วย แต่พยายามไม่พูดกับเธอมากนัก ผมเย้าเธอเล่นเกี่ยวกับเรื่องเมาค้างที่เธอเล่าให้ฟัง แต่ก็ไม่ให้ออกนอกหน้านัก ผมรู้สึกชอบเธอเข้าแล้วอย่างจัง ผมตื่นตัวตลอดเวลาที่มีอยู่เธอ และผมก็คงจะเป็นเช่นนี้ตลอดไป



Five

ที่ลอบบี้บาร์ในโรงแรมคืนนี้ยังมีผู้คนหน้าเดิม ๆ อยู่ นักเขียนบทภาพยนต์สองคน หรือที่ในวงการเรียกกันว่าไอ้ขี้เมา สี่นักบริหารอิสระนั่งเหยียดแข้งเหยียดขาอยู่ที่กำแพงหนังในมุมหนึ่งของห้อง มีแสดงระยับจากตะกร้าหวายไวน์ แก้วไวน์ที่เปื้อนไปด้วยลิปสติก เสียงร้องเพลงเบา ๆเคล้าเสียงเปียโนดังมาจากมุมหนึ่งของห้อง
แอนนาแจกจ่ายรอยยิ้มอันทรงพลังของเธอแก่ทุกคนในห้องเท่า ๆ กันหมด ผมเลยไม่ได้คิดไปว่าเธอมีรอยยิ้มนั้นเพื่อผมเพียงคนเดียว ผมเห็นเธอพูดอย่างออกท่าทางอยู่กับนักเขียนคนนึง ในใจก็คิดไปว่าความรู้สึกสัมพันธ์ระหว่างผมกับเธอนั้นเป็นสิ่งที่ผมคิดไปเองคนเดียว มันไม่สามารถเป็นไปได้เลย เพราะเธอช่างสวยเกินไปสำหรับผม
ผมว่าผมรู้สึกได้ถึงความรู้สึกที่เธอมีต่อผมก็ไม่ต่างกัน เธอทำให้โลกนี้สั่นสะเทือนเลื่อนลั่นได้ด้วยรอยยิ้ม เธอทำได้อย่างไรกัน
ในขณะที่คนอื่น ๆ ทยอยกันกลับห้องของตน เธอยังอยู่ และแน่นอนผมก็ยังคงอยู่เช่นกัน จนกระทั่งตีสี่ตอนเช้าทั้งลอบบี้เหลือแค่เราเพียงสองคน พนักงานกะดึกก็หลับ ๆ ตื่น ๆ อยู่ที่เค้าเตอร์ต้อนรับ
ผมรู้สึกถึงความเงียบ ไม่รู้ว่าเธอจะรู้ในสิ่งที่ผมรู้สึก หรือเห็นในตาผมเป็นสิ่งเดียวกับที่ผมเห็นในตาเธอหรือเปล่า

- เราเคยเจอกันแล้วครั้งนึง ผมบอกเธอ คาดไว้ว่าเธอจะทำหน้านิ่วคิ้วขมวด
- ที่ กาลโล เดอโอโร เธอตอบด้วยชื่อของร้านอาหารอิตาเลี่ยน ใน น็อตติ้งฮิล คุณอยู่อีกด้านนึงของโต๊ะกับผู้หญิงผมสั้น
ใช่แล้ว ผมอยู่กับซูซานในคืนนั้น
ดังนั้นผมก็เลยถามคำถาม ซึ่งต่อมามันได้หลอกหลอนผมตลอดเวลาสองปี
- ผมขอถามเรื่องส่วนตัวของคุณหน่อยได้ใหม คือ คุณมี เอ่อ..... คือ คุณรู้ใช่มั๊ย คือ คุณมีแฟนเป็นร้อยคน หรือว่าคุณมีแค่คนที่โชคดีที่สุดเพียงคนเดียว
- เรื่องมันซับซ้อนค่ะ เธอพูดพลางกุมมือผมไว้ในมือของเธอแล้วบอกกับผมว่า ดิฉันแต่งงานแล้วค่ะ
มือเล็ก ๆ ที่ได้รับการดูแล แต่ไม่ได้ทาสีเคลือบเล็บไว้ มือคู่นี้ซึ่งในสองปีต่อมาจะจูงมือผมเดินไปด้วยกันบนท้องถนน นิ้วมือนี้ ที่จะลูบไล้เส้นผมของผมเวลาที่เราจูบกัน ทุกสัมผัสของเธอทำให้ผมตื่นตลอดเวลา
- คุณมีความสุขอยู่ใหม ผมถามเธอ
- แล้วคุณคิดว่าคนอื่น ๆ เค้ามีความสุขกันมั๊ยค๊ะ เธอย้อน
เราขึ้นลิฟท์ไปที่ห้องของผมด้วยกัน เธอยืนอยู่ที่หน้าต่างจ้องมองไปที่เหล่าตึกทมึนมืดและโดดเดี่ยวของเมืองนี้
เธอขอน้ำดื่มแก้วนึง มีข้อความกระพลิบจากเครื่องตอบรับโทรศัพย์ข้างเตียงผม กระพริบเหมือนสัญญาณไฟฉุกเฉิน แจ้งให้ทราบว่ามีข้อความฝาก ไว้
ผมสูดหายใจกลิ่นน้ำหอมของเธอในขณะที่เธอหมุนตัว กลิ่นไวน์เคล้าอย่างเย้ายวนกับความหอมหวานราวสตรอเบอรี่ของริมฝีปากของเธอ มันจะเป็นจูบที่ผมจะจดจำไปตลอดชีวิต ผมไม่เคยได้จูบรสชาดแบบนี้มาก่อนเลย
ผมเตลิตเหมือนกระโจนลงสระน้ำเย็นฉ่ำในช่วงหน้าร้อน ผมอยากให้มันเกิดขึ้นจริง ๆ ไม่อยากรออีกต่อไปแล้ว นี่ไม่ใช่เป็นการตกห้วงที่ตื้น ๆ เสียแล้ว แต่มันเป็นการตกห้วงเหวลึกที่ผมมึนชาไปกับความเร็วของมัน มือของผมกำรางรถไว้แน่น ไม่ว่ามันจะนำผมไปแห่งไหนก็ตาม คงจะมีแต่พระเจ้าที่รู้ สมองของผมสั่งให้หยุด แต่หัวใจของผมมันกุมอำนาจสั่งการให้เดินหน้าอย่างเดียว
ขณะที่ฟ้าเริ่มสาง เรานั่งรถแท๊กซี่ไปสนามบินด้วยกันและในขณะระหว่างเช็คอิน ผมก็ได้บอกกับเธอไปว่าผมเองก็แต่งงานแล้วเช่นกัน อีกทั้งลูกชายวัยรุ่นอีกหนึ่งคน ผมมองหน้าเธออย่างหวั่น ๆ เพราะผมไม่อยากเสียเธอไป อย่างน้อยก็ไม่ใช่ตอนนี้ ดังนั้นผมก็เลยโกหกเธอไปว่าผมได้แยกกันอยู่กับภรรยาของผม
ขณะที่ผมเดินจากเธอเพื่อเข้าไปยังประตูทางขาออกผมรู้สึกเหมือนมีแผ่นเหล็กกั้นอยู่ในอก ผมไม่เคยรู้สึกอะไรอย่างนี้มาก่อนเลย
เครื่องออกไปได้ครู่หนึ่งผมก็รู้สึกมึนชาไปหมด ผมรับรู้แต่อย่างเดียวว่าผมจะต้องเจอกับเธออีกให้ได้ ผมไม่อยากจะเชื่อเลยว่าโชคชะตาจะนำเรามาให้ได้พบกันเช่นนี้ ไม่แน่มันอาจจะเป็นการชักนำไปสู่สิ่งที่ดีกว่าสำหรับเราทั้งสองก็ได้ ผมไม่เข้าใจความรู้สึกเช่นนี้ และไม่รู้ว่ามันจะพาผมไปทางไหนกัน
แต่ถึงผมจะรู้ผมก็คงจะไม่หยุด







Free TextEditor



Create Date : 22 กรกฎาคม 2553
Last Update : 1 ตุลาคม 2553 21:33:34 น. 3 comments
Counter : 198 Pageviews.

 
ชอบนิยายแปลค่ะ

สนุกดี แปลให้จบนะคะ


โดย: คุณแม่ลูกสอง IP: 115.87.207.168 วันที่: 1 สิงหาคม 2553 เวลา:1:41:37 น.  

 
ขอบคุณครับ ขอให้ติดตามไปเรื่อย ๆ นะครับ
ยังมีอีกเรื่องที่ respond กัน แต่ให้เรื่องนี้จบก่อน
สนุกไม่แพ้กัน


โดย: Maxmaya วันที่: 1 สิงหาคม 2553 เวลา:7:50:46 น.  

 
ยินดีด้วย ที่ขยันแปลจนจบค่ะ

ลืมไปเลยนะนี่ เพิ่งเข้ามาใหม่คืนนี้เอง

จะอ่านจนจบค่ะ


โดย: คุณแม่ลูกสอง IP: 58.8.107.28 วันที่: 2 ตุลาคม 2553 เวลา:1:01:33 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Maxmaya
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




แม๊กซ์ ครับ อยากเขียนนิยายแต่ไม่เก่ง ก็เลยอาศัยการแปลจากที่คนอื่นเขียนไว้แล้วไปก่อน รวมทั้งงานเขียนอื่น ๆ แล้วแต่อยากจะเขียน ลองติดตามกันดูนะครับ

เปลือย...ใจ ใส่บันทึก เป็นเรื่องราวของ

ผู้หญิงคนหนึ่งที่มีสามีแล้ว แต่โชคชะตาพาเธอ

ให้ไปพบกับผู้ชายอีกคนหนึ่ง ซึ่งชักนำชีวิต

ของเธอ ให้ต้องเจอกับเรื่องราวต่าง ๆ มากมาย

ที่พูดไม่ได้ห้ามใจไม่อยู่ เลยต้องเปลือยใจใส่

ไว้ในบันทึก.....อาจเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นกับใคร

หลายคน แตกต่างกันไปในรายละเอียด และ

จุดจบ.......

สิทธิพิเศษสำหรับผู้ที่สนใจผลิตภันณ์จาก Dream Cosmetique จาก Link เวชสำอาง ข้างล่างนี้ ท่านจะได้รับส่วนลด 10% ทันที เพียงท่านแจ้งการสั่งซื้อผลิตภัณฑ์ว่าได้ข้อมูลจาก Maxmaya http://www.dreamcosmetique.com/

New Comments
Friends' blogs
[Add Maxmaya's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.