|
สามีดีแตก บทที่ 96 - 100
Ninety six
ผมเช่ากระต๊อบเล็ก ๆ ไว้ที่ชายฝั่งไอริช ซึ่งเป็นที่ ๆ ผมกับแอนนาใช้เป็นที่ปลีกตัวไปอยู่ด้วยกันเพื่อเป็นส่วนตัว จดหมายลาของเธอได้ถูกส่งมาที่นี่จากแฮนฟอร์ด ผมอ่านมันที่ริมฝั่งน้ำ มองดูผิวน้ำสีเทาเงิน ที่กำลังปั่นป่วน ต่อมาผมตะโกนใส่นกทะเลตีนเป็ดที่กำลังร่อนร้องส่งเสียงกรี๊ดกร๊าดกันอยู่ อย่างน่ารำคาญ ผมไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเธอจะเขียนอะไรอย่างนี้ ฉันรักคุณหมดทั้งตัวและหัวใจ... ถ้าหากจริงอย่างที่เธอว่า แล้วส่วนไหนของตัวและหัวใจเธอที่มีให้กับพอลล่ะ โกหกทั้งเพ หรือว่าบางทีนี่อาจจะเป็นแอนนาคนที่ผมหลงรักก็ได้ ซึ่งมันเป็นคนละตัวและหัวใจที่ให้กับพอล ...มีหลายครั้งที่ฉันอยู่ในอีกชีวิตหนึ่ง ชีวิตที่หลบหนีจากความทุกข์ตรม เวลาที่เราได้อยู่ด้วยกัน มันเป็นช่วงเวลาที่ฉันไม่เคยมีมาก่อน... ...คุณเป็นคนที่มหัศจรรย์ที่สุด โรแมนติก, เป็นห่วงเป็นใย และเป็นผู้ชายที่มีแต่ให้เท่าที่ฉันเคยพบ ความรักของคุณทำให้ฉันซาบซึ้งถึงแก่นแท้ ฉันอยากได้คุณเป็นชีวิตลับของฉัน ชีวิตที่ไม่มีใครสัมผัสได้ ฉันไม่ได้คาดหวังที่จะหลงรักคุณหรือให้คุณหลงรักฉันหรอกนะ... ถ้าหากว่าคนเราต้องการที่พำนักใจ แล้วละก็ การมีสามีภรรยาเป็นเรื่องของอะไรกัน ผมตะโกนใส่เรือตกปลาที่กำลังล่องลอยอยู่ในน้ำ คุณคือคนที่วิเศษที่สุดที่ได้สัมผัสถึงส่วนลึกในจิตวิญญาณของฉันและก็ยังคงเป็นเช่นนั้นตลอดไป สิ่งที่คุณเขียนมันช่างน่าอ่านเสียจริง เวลาที่คุณหัวเราะจากใจมันเป็นเหมือนมนต์วิเศษ ฉันคิดถึงคุณทุกวันค่ะ... ผมไม่เข้าใจว่าอะไรกำลังเกิดขึ้นกันแน่ มันงงงวยบอกไม่ถูก ถ้าหากว่าจดหมายฉบับนี้เป็นจริงละก็ แล้วพอลจะได้อะไรจากเธอ เขาจะต้องรู้ได้ซิว่าเธอไม่ได้เป็นเธอที่เค้าอยู่ด้วย เค้าทำได้อย่างไรกัน นี่มันไม่ใช่ชีวิตที่เธอต้องการให้มันเป็นไปหรอก เธอไม่ต้องการให้ชีวิตต้องทรมานเพราะต้องรักผู้ชายสองคนในเวลาเดียวกัน เธอไม่สามารถเหยียบเรือสองแคมได้ในขณะที่เรือกำลังจะออกจากท่า และเธอก็ยังลังเลอยู่อีก แล้วผมล่ะ ผมจะรักอีกครั้งได้อย่างไร ผมจะล้างใจจากเธอได้ยังไง ในเมื่อผมรู้ว่าผู้หญิงที่ผมรักที่สุดยังมีความรู้สึกต่อผมเช่นนี้ แม้ว่าก่อนนี้เธอเคยบอกว่าเธออาจจะไม่ได้รักผมมากพอ ผมสับสน มืดมนไปหมด ผมจะหยุดความรักสุดยอดในชีวิตผมได้หรือ ในเมื่อเธอบอกว่าเธอยังรักผมอยู่ เมื่อวานนี้ ผมได้โน้มน้าวใจตัวเองให้เชื่อว่าเธอได้เปลี่ยนใจไปแล้ว เพราะความโกรธและการบ่นหาเรื่องอย่างไร้เหตุผลของผมได้กัดกร่อนความรักที่ครั้งหนึ่งเธอเคยมีต่อผม แต่จากจดหมายฉบับนี้ ผมรู้สึกเหมือนจิตวิญญานของผมกำลังถูกปล้อนออกมาทีละชิ้นทีละชิ้นเหมือนใครดึงเส้นด้ายออกจากเสื้อถักที่มันจะคลายออกไปเรื่อย ๆ จนหมดตัว จดหมายนั้นตามหลอกหลอนผมอยู่เกือบสองเดือน แล้วคืนหนึ่งผมก็ได้รับโทรศัพท์จากเพื่อนคนหนึ่งของเธอชื่อแซลลี่ บอกผมว่าแอนนาได้ประสบอุบัติเหตุ และอาจจะอยู่ไม่รอดพ้นคืนนี้ได้ ผมขับรถตรงไปยังลอนดอนทันที
Ninety seven
มันเป็นช่วงเวลาที่ผมกลัวเป็นที่สุด ช่วงเวลาที่เธอบอกผมว่าเธอจะไม่ให้อภัยแก่ผมได้เลย มันจะเป็นช่วงเวลาที่ผมเผชิญกับความเป็นจริงที่สุด ซูซานนั่งอยู่ที่ขอบเตียงคนไข้ ไม่มีใครในห้องนั้นมองเห็นเธอได้นอกจากผม เธอกำลังจับมือของแอนนาอยู่ ผู้หญิงสองคนนี้กำลังเข้าถึงกันหว่างโลกของความเป็นและโลกของความตาย ตอนที่ยังเป็นเด็ก ฉันจะตัดสินใจด้วยเหตุผลอะไรก็ได้ที่จะทำให้ฉันได้เป็นส่วนหนึ่ง และรู้สึกเป็นคนพิเศษ เป็นที่ยอมรับ และต้องการ มันทำให้ฉันรู้สึกเหมือนได้รับรางวัลที่ได้ทำอย่างนั้น ฉันก็เลยดำเนินชีวิตแบบนั้นมาตลอด นี่คือภรรยาผู้มีความรับผิดชอบในหน้าที่หรือลูกสาวที่ดีของพ่อแม่ เธอโผล่ออกมาเผชิญกับรถขนย้ายโดยอุบัติเหตุหรือว่าเธอตั้งใจที่จะไม่เหยียบเบรครถกันแน่ ทุกคนในครอบครัวของเธอต่างมองผมเป็นตาเดียว เป็นทุกคนที่ผมรู้จักจากการบอกเล่าของแอนนา วันนี้ผมได้พบกับตัวจริงของทุกคน ผมมองไปรอบ ๆ ห้อง เห็นพอล เค้าเหมือนกับที่ผมคิดเอาไว้ เดริค พ่อของแอนนาดูท่าทางงง ๆ แม่กับน้องของเธอโอบอยู่ด้วยกันไม่ห่าง ผมคาดเดาว่าพวกเค้าคงรู้แล้วว่าผมเป็นใคร ผมจะเปิดเผยทุกอย่างเสียตอนนี้ก็ได้ และผมก็คิดว่านี่เป็นสิ่งที่ผมต้องการทำ นี่ไม่ใช่เป็นแค่เรื่องของผมหรือพอล ถ้าหากว่าเธอไม่ยอมเผชิญกับมันในตอนนี้ด้วยตัวเองแล้ว ไม่มีทางที่เธอหรือผมจะหลุดพ้นจากความทุกข์นี้ได้ บางทีเธออาจจะปกปิดความเจ็บปวดของเธอไม่ให้ครอบครัวได้เห็น ซึ่งผมคิดว่าเป็นสิ่งที่เธอทำเป็นประจำอยู่แล้ว แต่ไม่ว่าเธอจะได้บอกพวกเค้าไปแล้วหรือยัง หรือว่าใครที่เธออยากจะใช้ชีวิตอยู่ด้วย นี่มันเป็นส่วนของเธอ เธอคงจะต้องตัดสินใจด้วยตัวเอง เหมือนกับที่ผม หรือซูซานได้ทำลงไปแล้ว แต่ฉันไม่รู้ว่าฉันอยู่ที่ตำแหน่งไหน ไม่แน่ใจแม้กระทั่งตัวเองเป็นใคร มันจะดีเสียกว่าหากว่าต้องปล่อยให้ตัวเองยุ่ง ๆ อยู่กับงานแทนการค้นหาความจริง ช่วงหลังมานี้ฉันได้พยายามอย่างที่สุดที่จะคลุกคลีอยู่กับคนที่ไกล้ชิดฉันที่สุด คนที่ทำให้ฉันรู้จักตัวเองมากขึ้นแทนที่จะเผชิญหน้ากับความน่าหวาดกลัวที่จะค้นหาตัวเองด้วยตัวเอง ฉันปล่อยให้สามีเป็นคนตัดสินใจว่าฉันเป็นใคร แล้วฉันก็ตกลงปลงใจคล้อยตามและเป็นไปตามนั้น เพื่อเค้าจะได้อยู่ดูแลฉัน และฉันก็จะได้ไม่โดดเดี่ยวอีกต่อไป ฉันจำต้องไว้ใจและเชื่อฟังเสียงจากหัวใจของฉันเองด้วย ฉันรู้ว่าความตายจะบั่นทอนชีวิตฉันลงไปเรื่อย ๆ จากภายในจนสู่ภายนอกในที่สุดหากว่าฉันไม่ทำอย่างนี้ ทุกคนจ้องมาที่ผม สงสัยว่าผมจะพูดอะไร - นี่คือมาร์คค่ะ แซลลี่แนะนำ พร้อมกับมายืนข้างผม เขาเป็นเพื่อนของฉันค่ะ แซลลี่สอดแขนของเธอคล้องแขนผมไว้แต่พองาม เธอเป็นผู้หญิงมีไหวพริบคนนึง รู้ทันสถานการณ์ - แล้วเค้ามาทำอะไรที่นี่ล่ะ พ่อของแอนนาถาม - เขาก็รู้จักกับแอนนาค่ะ เขาก็นิยมชมชอบเธอเหมือนกัน ผมเห็นได้จากสายตาของทุกคน ว่าทุกคนรู้ว่าผมคือใคร ยกเว้นพ่อของแอนนาคนเดียว แต่ก็ไม่มีใครอยากจะชักใบให้เรือเสียในตอนนี้ แซลลี่หันมาทางผมแล้วบอกว่าเธอจะไปรอผมอยู่ที่โรงอาหาร แล้วเธอก็เดินออกไปอย่างเศร้าซึม - หมอบอกว่าเธอพ้นขีดอันตรายแล้ว แต่ไม่รู้ว่าเธอได้รับความกระทบกระเทือนมากน้อยแค่ไหน เธออาจจะไม่ตื่นขึ้นมาอีก หรือหากว่าตื่นหมอก็ไม่รู้ว่าเธอจะเป็นอย่างไร เธออาจจะจำอะไรไม่ได้เลย แอนนาจะเป็นคนที่ไม่มีอดีตให้ต้องจำ มันเป็นเรื่องที่น่าคิด ผมยังอดนึกเยาะในความคิดไม่ได้ แอนนาจะทำอะไรต่อไป เธอจะดำเนินชีวิตอย่างไรโดยไม่มีอดีตให้คิดถึง กลายเป็นแอนนาคนใหม่เอี่ยมอ่อง แล้วเธอจะทำอย่างไรกับพอล กับครอบครัวของเธอ หรือกับผม แต่เธอก็จะจำผมไม่ได้ เพราะผมจะไม่อยู่ที่นี่ให้เธอเห็นเพื่อระลึกถึง หรือบางทีผมอาจจะเจอเธออีกครั้งที่งานการชุมนุมภาพยนต์ที่ไหนสักแห่ง และเธอก็จะเห็นผมอีกครั้งหนึ่ง เป็นอีกครั้งแรก แล้วต่อไปจะเกิดอะไรขึ้นนะ - คุณเป็นอะไรไปหรือเปล่าค๊ะ แซลลี่ถาม ผมส่ายหน้า แต่ไม่ไว้ใจตัวเองที่จะพูดอะไรออกไปทันที ก่อนที่จะผมพูดออกไป - ขอบคุณที่บอกให้ผมทราบนะ แซลลี่ - คุณไม่ควรที่จะบอกพวกเค้าว่าคุณเป็นใครนะคะ แซลลี่พูด ผมพยักหน้าแสดงความเข้าใจ ผมยังคงเป็นความลับของเธออีกต่อไป เหมือนกับที่เธอยังเป็นแอนนาคนที่รักผมซึ่งไม่มีใครรู้จักเธอ ผมยกแก้วกาแฟขึ้นเพื่อดื่มแต่มือของผมมันสั่นเสียเหลือเกิน กาแฟก็เลยหก ผมจึงวางแก้วลงที่เดิม - คุณอยู่ในเหตุการณ์หรือเปล่าครับตอนที่มันเกิดขึ้น - ฉันอยู่ในรถอีกคันนึงขับตามเธอมาค่ะ - คุณว่ามันเป็นการจงใจหรือเปล่าครับ เธอยักไหล่ คนที่รู้คำตอบจริง ๆ นั้นจะเก็บคำตอบเอาไว้กับเธออย่างมิดชิดเหมือนอย่างที่เธอเป็นมาตลอด ผมรู้สึกชาไปหมดทั้งตัว ความทุกข์นี้มันชักจะเกินกว่าที่จะรับไหวแล้วจริง ๆ ผมรักผู้หญิงคนนี้จริง ๆ อย่างที่ไม่เคยรักใครอย่างนี้มาก่อน - คุณเป็นอย่างไรบ้างล่ะ แซลลี่ ริมฝีปากล่างของเธอมีอาการสั่นเล็กน้อย - ฉันไม่เข้าใจเลยจริง ๆ เธอเป็นคนน่ารักมาก ทำไมเธอถึงไม่มีความสุข - เธออาจจะมีความลับของเธอก็ได้ ผมพูด - ฉันหวังว่าเธอน่าจะได้ปล่อยเผยให้มันออกมาบ้าง อะไรมันจะหนักหนาปานนั้นเชียว - ผมเองก็รู้สึกเช่นเดียวกับคุณนั่นแหละ คาดไม่ถึงว่าเธอจะทำอย่างนั้น ต่อมาเมื่อเรากลับไปที่ห้อง ไอซียู ครอบครัวของเธอไม่ได้อยู่ที่นั่นแล้ว พวกเค้าอยู่อีกห้องหนึ่งคุยอยู่กับแพทย์ศัลยกรรม มีพยาบาลคนหนึ่งยืนจดอะไรบางอย่างอยู่ที่ปลายเตียงของแอนนา พระเจ้า อย่าให้เธอต้องตายลงเลย ถึงแม้ว่าผมจะไม่ได้พบกับเธออีก แต่ขออย่าให้เธอต้องตายเลย - ฉันจะปล่อยให้คุณอยู่กันตามลำพังนะค๊ะ แซลลี่กระซิบบอกผมก่อนเดินออกไป หลังจากที่พยาบาลออกไปแล้ว ผมนั่งลงข้างเตียงแล้วจับมือของเธอข้างหนึ่งกุมไว้เหมือนกับที่เธอเคยทำกับผมครั้งหนึ่งในโรงแรมแห่งหนึ่งในลอนดอนเมื่อนานมาแล้ว - ที่รัก ผมกระซิบ พระเจ้า ดูซิมันยุ่งเหยิงไปหมด เค้าบอกว่าคุณจะจำอะไรไม่ได้อีกเมื่อคุณตื่นขึ้นมา พวกเค้าจะบอกคุณว่าชีวิตที่ผ่านมาของคุณเป็นอย่างไร คุณแต่งงานกับใคร ใครคือครอบครัวของคุณบ้าง หรือแม้แต่อะไรคือสิ่งที่คุณทำหรือต้องการ ผมไต่นิ้วไปตามแขนและหลังมือเล็ก ๆ และซีดเซียวของเธอ แล้วบรรจงจูบนิ้วของเธอ - แต่คุณจะต้องจำไว้อย่างหนึ่งนะแอนนา คุณจะต้องจำมันทุกสิ่ง หากว่าคุณลืมมันไปมันจะเป็นสิ่งที่คอยทรมานคุณ มันจะซ่อนอยู่ที่ไหนสักแห่งภายใน และคุณจะไม่รู้เลยว่าอะไรที่มันคอยกวนใจคุณอยู่ ผมจะยังอยู่ได้แม้ไม่มีเธอแล้ว แต่มันก็แค่นั้นเอง ผ่านไปวัน ๆ อย่างไม่มีความหมาย ไม่มีสีสรรเหมือนที่เธอเคยนำมาสู่ชีวิตผม ชีวิตจะเป็นโทนสีเดียว บางคนได้รับรู้ถึงความรู้สึกของรักแรกพบ ผมไม่รู้ว่าจะคิดว่าพวกเค้าโชคดีหรือ โชคร้ายกันแน่ - ลาก่อน ที่รักของผม ผมเงยหน้าขึ้น พอลกำลังยืนอยู่ที่ประตูทางออก ผมไม่รู้ว่าเค้าได้ยินอะไรบ้าง ผมปล่อยมือของเธอ เราจ้องหน้ากันอยู่ครู่หนึ่ง ผมลุกขึ้นยืน แขนข้างที่อยู่ทางเขาปล่อยวางอย่างไร้เรี่ยวแรง ส่วนอีกข้างหนึ่งกำลังกำหมัดสลับกับคลาย ผมไม่รู้ว่าจะพูดอะไรกับพอลดี เขาผงกศรีษะเล็กน้อยก่อนที่จะยิ้มเล็ก ๆ เหมือนกำลังจะปล่อยให้ผมออกไปโดยไม่ต้องพูดอะไร เขาจะแกล้งทำเป็นว่าผมเป็นเพื่อนของแซลลี่จริง ๆ หากว่าเขาพูดออกมา ผมอาจจะกลายเป็นตัวจริงไปได้ - คุณรู้อยู่แล้วว่าผมเป็นใคร พอล เขาส่ายหน้า ไม่ตัดสินใจว่าจะทำอะไรดีกับเรื่องนี้ - ผมรักเธอ เขาพูดแค่นั้น แน่นอนเขารักเธอ แต่ว่าแอนนาที่เขารักนั้นอาจจะไม่ใช่แอนนาตัวจริงก็ได้ เหมือนกับผู้ชายที่ซูซานรักก็ไม่ใช่ตัวตนจริง ๆ ของผมเลย - ผมเคยอยากจะฆ่าคุณมานานแล้ว เขาพูด - แล้วทำไมคุณไม่เคยพูดเกี่ยวกับผมกับเธอซะเลยล่ะ เขาไม่ตอบ - เพราะว่าหากว่าคุณพูดกับเธอเกี่ยวกับผม คุณอาจจะได้รู้ความจริงที่ว่าเธอไม่ใช่ผู้หญิงคนที่คุณกำลังรักอยู่ก็ได้ ทั้งคุณและแอนนาต่างก็ไม่อยากให้มันเป็นอย่างนั้น - คุณไม่น่ามาที่นี่เลยจริง ๆ ผมแปลกใจที่ผมไม่รู้สึกอิจฉาหรือโกรธเขาเลย ครั้งหนึ่งผมเคยคิดว่าเค้าเป็นผู้ชายที่โชคดีที่สุดคนนึง ถ้าเขาต้องสูญเสียเธอไป ผมรู้ดีว่าเค้าจะรู้สึกอย่างไร เพราะผมเคยสูญเสียเธอมาแล้วหลายครั้ง บ่อเกิดของความทุกข์เศร้าทั้งปวงทำให้ผมเคว้งคว้างไปหมด แต่ถึงแม้ว่าเขาจะยังมีเธออยู่ต่อไป เขาก็ไม่ต้องการเธอในส่วนที่เธอเป็นของผม เขาต้องการเธออย่างที่เธอเคยเป็นเหมือนเมื่อก่อน ดังนั้นเขาไม่ได้รักเธอทั้งหมดเหมือนกับที่ผมรัก เขาไม่ได้เป็นคนที่โชคดีเลยสักนิด ผมคาดว่าเขาคงจะพลาดถึงส่วนที่ดีที่สุดของเธอไปด้วย เพราะมันไม่ใช่ส่วนที่เขาต้องการ - แล้วคุณจะทำอย่างไรต่อไป เขาถามผม - ผมคิดว่าจะกลับบ้าน - เธอจะไม่ไปไหนทั้งนั้น - เพื่อน ๆ ผมต่างก็พูดอย่างนั้นเหมือนกัน ผมยืนลังเลอยู่ที่ประตู - ผมเสียใจ พอล ผมไม่ได้ตั้งใจที่จะทำให้คุณเจ็บอย่างนี้ ผมรู้ว่าคุณรักเธอ แต่ถ้าหากไม่ใช่เพราะผม บางสิ่งอาจจะเข้ามาแทรกระหว่างคุณกับเธอก็ได้ เธอไม่ใช่ผู้หญิงแบบที่คุณคิด ในใจเธอยังมีอะไรอีกหลายอย่างนักที่คุณไม่รู้ เสียงสัญญานจากเครื่อง อีซีจีของแอนนาดังขึ้น พยาบาลและแพทย์ฝึกหัดต่างวิ่งเข้าไปในห้องของเธอ จัดตั้งเครื่องใหม่และเตรียมที่จะทำให้เธอฟื้นขึ้นมาอีกครั้ง ผมและพอลยืนดูแข็งทื่ออยู่ที่นั่น ระยะจากเพียงประตูกั้น แต่มันเป็นเพียงสัญญานที่ผิด ไม่ว่าอะไรไปกระทบต่อเครื่องมอนิเตอร์มันจะส่งเสียงทันที ระดับการเต้นของหัวใจก็จะปรับระดับโดยตัวของมันเอง แม่ของแอนนารออยู่ที่ตรงระเบียงข้างนอกพร้อมกับน้องสาวของเธอ สิ่งเดียวที่ผมทำได้ตอนนี้ก็คือเดินจากไป พวกเค้าอาจจะคิดว่าไปว่าพวกเค้าแค่จินตนาการเห็นผมเท่านั้นเอง หรือไม่ก็ แอนนาเป็นคนคิดไปเอง และผมก็คิดว่ามันเป็นอย่างนั้นจริง ๆ คนเราทุกคนต่างก็บอกกับตัวเองว่าเราจะอยู่ตลอดไปและเรามีเวลาเหลือเฟือ แต่จริง ๆ แล้วเราไม่มีเวลาเลยด้วยซ้ำไป ไม่มีพอที่จะให้มันสูญไปเสียเฉย ๆ ความตายมันรออยู่ข้างหน้าอย่างซื่อสัตย์ ถึงแม้ว่าเราจะไม่ซื่อสัตย์ต่อตัวเองก็ตาม พระเจ้าได้ให้เวลากับทุกคนเพียงพอที่จะเติมเต็ม, เปลี่ยนแปลง, หรือตายโดยไม่ต้องคิดไว้ล่วงหน้า หรือ อาจจะเลือกเองได้ และตอนนี้แอนนาเองก็กำลังเผชิญหน้าอยู่กับเจ้าความตายทมึน บางทีในความฝันที่ล่องลอยเธออาจจะมองลงมายังทางเลือกเดียว เหมือนกับที่ซูซานเคยเผชิญ ฉันกำลังจะตายลงไปเพราะว่าชีวิตที่ฉันดำเนินมากว่าสี่สิบปีที่ผ่านมามันไม่ได้ผลอีกต่อไป ฉันทำลงไปโดยรางวัลที่ฉันได้รับก็คือการที่ไม่เคยได้เป็นตัวเองที่แท้จริงเลย หรือค่าของการที่ฉันยุ่ง ๆ อยู่กับทุกสิ่ง จนไม่เคยมีเวลาให้กับตัวเอง ฉันได้พยายามอย่างที่สุดแล้วที่จะคลุกคลีกับคนอื่นที่ห่างไปจากชีวิตที่เป็นอยู่ของฉันบ้าง กับคนที่แสดงให้ฉันเห็นตัวเอง แทนที่จะเผชิญหน้าอย่างหวาดกลัวที่จะค้นหาตัวเองด้วยตัวเอง งานของฉันเป็นสิ่งที่บ่งบอกถึงตัวตนของฉันได้ หากว่าไม่มีงานแล้วฉันก็ไม่รู้ว่าฉันเป็นใครกัน แล้วแอนนาจะทำอย่างไรนะ เธอจะตื่นขึ้นมาสลัดกำจัดความตายออกไปโดยที่ไม่มีความทรงจำเหลืออยู่เลยนะหรือ หรือว่าเธอจะโบยบินออกไปไกลแสนไกลแค่ไหนก็ได้เท่าที่เธออยากจะไป หรือว่าเธอจะตื่นขึ้นมายิ้มรับทุกคนในครอบครัวกับความทรงจำที่ยังมีอยู่และกลับไปใช้ชีวิตเหมือนเดิม หรือว่าเธอจะนอนหลับอยู่อย่างนี้ตลอดไป นับวัน เดือน ปี ตลอดไป ไร้ความรู้สึกใด ๆ ทั้งสิ้น เพียงคนเดียวที่รู้คำตอบเหล่านี้ และหากว่าคุณคือคนนั้นคุณก็จะรู้ทันทีว่าแอนนาจะทำอย่างไร เธอจะทำเหมือนกับที่คุณจะทำ หรือที่คุณได้ทำไปแล้ว ทุกวันในวันชีวิตที่ยังเป็น ๆ ของคุณ
Ninety eight
- แล้วคุณจะทำยังไงต่อไปค๊ะ มาร์ค คุณจะเอากับใครเป็นคนต่อไปอีกล่ะ ตอนนี้เจนกำลังเมาได้ที่ เธอชักจะพูดมากเกินไปและดังเกินไปด้วยแล้ว คนอื่น ๆที่กำลังดื่มด่ำกันอย่างมีความสุขอยู่ ต่างหันมองมาทางเจน แต่เจนไม่กลับไม่รู้สึกรู้สาอะไรเลย นี่เป็นอีกอย่างหนึ่งที่ผมทั้งชอบและหวาดหวั่นในตัวเจน - คุณหมายความถึงทางด้านศีลธรรมหรือการกระทำล่ะ เธอโบ้ยมือที่ถือแก้วไวน์อยู่ไปมาจนไวน์ชาดอนเน่ในแก้วกระเด็นลงบนโต๊ะไม้โอ๊ค - เอ่อ คุณเองก็คงรู้ดีนี่ จะอะไรก็ตามเหอะ - ผมไม่รู้เลยว่าผมจะทำยังไงต่อไปดี - คุณนี่มักจะเป็นที่ดึงดูดใจต่อผู้หญิงที่มีปัญหาทั้งนั้นเลยนะ ใช่มั๊ย ทำไมถึงเป็นอย่างนั้นล่ะ - โถ่ ถ้าผมรู้ล่วงหน้าได้ ผมก็คงจะพยายามไม่ให้มันเกิดขึ้นมาหรอก - ดูคุณซิ ใครเห็นใครก็ต้องหลงใหล ทั้งมีความรับผิดชอบ ไม่ทิ้งใครง่าย ๆ หรือจะทำร้ายใครได้ และก็ยังเป็นคนดิบนิด ๆ ที่พอจะทำให้พวกเธอพบกับความสุขสุด ๆ ก่อนที่จะถึงช่วงที่ขีดเส้นตายของคุณ นั่นเป็นวิถีชีวิตของคุณใช่มั๊ย เจนพูดถูก ความสัมพันธ์ที่ผ่าน ๆ มาของผมมันดำเนินมาในรูปแบบเดียวกัน ทั้งก่อนและหลังจากซูซาน ผมมักจะมองหาผู้หญิงที่เป็นคนดี และผู้หญิงเกเรในคน ๆ เดียวกัน แต่ผมก็ไม่เคยเจอเลยจนกระทั่งผมได้พบกับแอนนา ผู้หญิงอื่น ๆ ที่ผมเคยพบเธอมักจะเป็นแค่อย่างใดอย่างหนึ่งเท่านั้นเอง ผมไม่ชอบผู้หญิงเกเร เพราะที่สุดแล้วเธอก็จะทิ้งผมในขณะที่ผู้หญิงเรียบร้อยเธอเรียบร้อยเกินไปจนน่าเบื่อ ตอนนี้เจนเริ่มเมามากแล้ว เธอเริ่มพูดฟังไม่ได้ศัพท์ - มาร์ค ปัญหาของคุณคือ คุณมองทุกสิ่งเป็นสีขาวกับสีดำเท่านั้นเอง ทั้งที่มันไม่ใช่ คุณทั้งคู่ก็เลยพัง มาร์ค คุณทั้งคู่พยายามที่จะอยู่กับคนสองคน - ผมไม่ได้เป็นอย่างนั้นนะ ก็ตอนนี้ไม่มีซูซานแล้ว คุณก็รู้ - ฉันไม่ได้หมายถึงซูซานกันปีเตอร์ - เค้าชื่อพอล - จะชื่ออะไรก็ช่างเถอะ แต่ที่ฉันหมายถึงก็คือ คนสองคนที่อยู่ในร่างคุณเองนั่นแหละ ทั้งคู่เป็นโรคจิตอย่างหนึ่งที่ขาดการเชื่อมโยงระหว่างสิ่งที่อยู่แวดล้อมตัวคุณหรืออะไรประมาณนั้น และแอนนาเธอก็เป็นจุดสนใจระหว่างสองคนในตัวคุณ ไม่ใช่หรือ - พูดให้ดังขึ้นอีกซิเจน คนข้างนอกจะได้ได้ยินที่คุณพูดด้วย - คุณยังคิดถึงซูซานอยู่ ใช่มั๊ย และมันก็มีบางอย่างที่มีความเป็นซูซานอยู่ในตัวของแอนนาด้วย ซึ่งคุณไม่ยอมรับมัน - โอเค มีบางสิ่งที่เป็นซูซานอยู่ในแอนนาจริง แต่มันมีมากกว่านั้น และก็เจ้าสิ่งที่มากกว่านี่เองที่ผมกำลังตามหามันมาตลอด เจนหัวเราะแล้วกระแทกแก้วไวน์ของเธอลงบนโต๊ะ ไว้น์ขาวในแก้วหกเลอะโต๊ะมากขึ้นอีก แต่เธอก็ไม่ได้สนใจ - เป็นไงล่ะ นั่นละคือสิ่งที่ฉันพยายามจะบอกคุณ เจ้าทึ่มเอ๊ย สิ่งที่ผมต้องการคือการมีความรักและหัวเราะได้อีกครั้ง มันอาจจะไม่มีวันเกิดขึ้นได้อีก สิ่งที่ผมทำไปมันไม่ได้ทำให้ภรรยาของผมเป็นคนไม่ดี แต่มันก็ไม่ได้ทำให้ผมเป็นคนเลวไม่ใช่หรือ - แต่ผมต่างออกไปในตอนที่ผมพบกับซูซานนะ ตอนนั้นผมยังไม่เคยอยู่กับผู้หญิงมาก่อน ผมอยากได้ใครสักคนกอดผมไว้ยามค่ำคืน เป็นเพื่อนสนิทสำหรับผม - บ้านที่อบอุ่นปลอดภัย เพื่อคุณจะได้ตั้งหน้าตั้งตาในหน้าที่การงานเพื่อความก้าวหน้าใช่มั๊ย ไม่ใช่, ใช่, หรืออาจจะเป็นอย่างนั้น แต่ตอนนั้นซูซานเหมาะสมดีแล้ว มันเพิ่งจะเกิดขึ้นเมื่อสี่ห้าปีให้หลังมานี่เอง ที่ผมได้มองไปรอบ ๆ ตัวเพื่อค้นหาอย่างอื่นที่นอกเหนือจากการงาน การเงิน รถยนต์ บ้าน ซึ่งผมมีพร้อมหมดแล้ว - ผมคิดว่าผมเองคงจะเป็นตัวปัญหาของตัวเองด้วย เพราะผมต้องการมากเกินไป ผมเกลียดตัวเองจัง ผมว่าถ้าผมไม่คิดถึงมันมากไป มันคงจะหายไปจากความคิดของผมเสียก็ได้นะ - แล้วทำไมคุณไม่ทำอะไรกันมันซะตั้งแต่แรกล่ะ เช่นก่อนที่คุณจะแต่งงาน - ก็มันเพิ่งจะมาเกิดขึ้นตอนที่ผมสามสิบกว่า ๆ เข้าไปแล้วนี่ซิ มันเป็นตอนที่เรื่องอื่น ๆ ของผมลงตัวหมดแล้ว จนกระทั่งไอ้ความคิดบ้า ๆ เริ่มคืบคลานเข้ามาสะกิดทีละนิด จนผมกลายเป็นเหมือนสองคนในร่างเดียว ผมได้พยายามแล้วที่จะผลักไอ้เจ้าความคิดชั่ว ๆ นั้นออกไปเสีย แต่ก็ไร้ผล ยิ่งว่าเหมือนยิ่งยุ มันเริ่มทำลายสิ่งดี ๆ ออกไปทีละนิดจนกว่ามันจะชนะครอบครองเป็นเจ้าของความคิดของผมทั้งหมด ผมเกลียดมันและละอายใจจริง ๆ แต่มันก็เป็นส่วนหนึ่งของผม และมันก็ทำให้ผมมีความรู้สึกว่ายังมีชีวิตอยู่จริง ๆ ความต้องการของมันเกินกว่าที่ซูซานจะให้ได้เสียด้วยซิ - จนกระทั่งคุณได้พบกับแอนนา - ใช่ แล้วเธอก็ตกหลุมรักมันเข้าด้วย - นั่นแหละที่ทำให้คุณได้อยากมีผู้หญิงทั้งสองคนในชีวิตคุณ เจนพูดเสียงดังจนคนทั้งผับได้ยินกันทั่ว ตอนนี้แอลกอฮอล์ได้เข้าครอบครองพฤติกรรมของเธอเสียสิ้น นั่นแหละที่ทำให้คุณอยากได้มีผู้หญิงทั้งสองคนในชีวิตคุณ! ผมยังจำอีเมล์ที่ผมส่งให้แอนนาได้เมื่อนานมาแล้วได้ ในตอนที่เธอทิ้งผมเป็นครั้งแรก มันฟังดูดีมาก ที่ผมจะมีทั้งภรรยาและภรรยาลับ ส่วนเธอก็จะมีสามีและคนรักลับ ๆ เราทั้งคู่จะไม่ทำให้ครอบครัวของทั้งสองฝ่ายต้องกระเทือน ความสัมพันธ์ของเราจะดำเนินไปเรื่อย ๆ ไม่มีใครเจ็บปวด เราจะเติมเต็มส่วนขาดให้กันและกัน - ไม่มีอะไรจะเป็นไปได้ง่าย ๆ อย่างนั้นนะซิค๊ะ ผมคิดว่าเราได้ทำให้มันพังลงไป ซูซานกับผมไม่เห็นด้วยกับมัน ผมอยากได้วิญญาณความคิดอิสระที่ผมสามารถควบคุมได้ ซูซานเสียใจกับการกระทำของผมแต่เธอก็ยอม เราก็เลยเป็นคู่ที่เหมาะกันดี แต่นั่นคือจุดเริ่มต้นซึ่งผมเองก็ไม่รู้ว่าทำไมมันเป็นแบบนั้น บางทีเธออาจจะคิดว่าเมื่อเธอกลายเป็นภรรยาและเป็นแม่ของลูกแล้วอะไร ๆ ก็จะเปลี่ยนไปด้วย เธออาจจะลืมไปว่าเธอยังเป็นผู้หญิงอยู่ดี และเป็นผู้หญิงที่ผมปล่อยให้เธอแห้งแล้ง ตัวเธอเองก็เหมือนกัน ไม่รู้ซิ บางทีมันอาจจะเป็นเรื่องเดียวกันกับพอลและแอนนาก็ได้ ไม่มีใครเป็นผู้ชนะ แต่มันก็เป็นความต้องการของผมเอง ผมไม่เห็นว่าผมจะต้องเสียใจเพื่อตัวเองทำไม - แล้วคุณกับเทอรี่เป็นอย่างไรบ้างล่ะ ผมถามเจน เค้ารักผู้หญิงทั้งสองคนในตัวคุณหรือเปล่า - เดี๋ยวนี้ชั้นมีเพียงหนึ่งฉันเท่านั้นแล้วค่ะ ขอโทษ ขอไวน์ชั้นอีกสักแก้วนะค๊ะ - คุณคิดว่าคุณน่าจะดื่มต่ออีกหรือ - เออค่ะ เจนตะโกนใส่หน้าผม ผมอยากจะบ้าตาย แล้วเจนก็กระดกไว้น์ในแก้วจนหมด - มันดึกมากแล้วนะเจน ผมน่ะ ไม่เป็นไรหรอก แต่ว่าเทอรี่เค้าจะไม่คอยห่วงว่าคุณหายไปไหนหรือ - เค้าจะยังไม่กลับบ้านหรอกค่ะ เจนพูด แล้วเธอก็เริ่มที่จะร้องไห้ พระเจ้า ! ผมจับไหล่เธอเบา ๆ เพื่อปลอบเธอ แล้วเธอก็สะอื้นซบกับอกผม ผมรู้สึกว่าอกเสื้อผมเริ่มเปียกซะแล้ว - ชีวิตฉันมันบัดซบ สับสนไปหมดแล้วล่ะค่ะ เจนพูด ชีวิตมันก็ต้องเกี่ยวข้องกับการประนีประนอมกันบ้างอย่างแน่นอน แต่คุณก็ต้องรู้ว่าอะไรคือการประนีประนอม และอะไรที่จะต้องเด็ดขาด
Ninety nine
ซิโอบานนั่งอย่างเปลือยเปล่าอยู่ที่ปลายเตียง ผมชื่นชมกับภาพที่เห็นโดยมีแสงสีเหลืองนวลจากโคมไฟหัวเตียงทำให้มันน่าดูมาก แผ่นหลังเป็นแนวยาว เส้นผมยาวตรงสีทอง เธอช่างงดงามเสียจริง เธอมีพันธะน้อยกว่าแอนนามากนัก มันจะไม่ทำให้มีเรื่องต้องหนักใจ แต่ทำไมผมถึงยังลืมแอนนาไม่ลงซะที มีเสียงจากภายในผมบอกว่านี่เป็นสิ่งที่ถูกต้องแล้วที่ผมหันไปคบหาซิโอบาน แต่อีกเสียงหนึ่งกลับบอกว่าหากว่าผมทำอย่างนั้นก็เท่ากับว่าผมกำลังทรยศเรื่องที่สำคัญที่สุดในชีวิตของตัวเอง เธอจุดกัญชาขึ้นสูบมวนนึงแล้วส่งต่อให้กับผม - เล่าให้ฉันฟังเกี่ยวกับแอนนาหน่อยซิค๊ะ เธอพูด ผมรู้สึกกังวลขึ้นมาเล็ก ๆ เมื่อถูกถามเกี่ยวกับแอนนา โดยเพื่อนผู้หญิง เธอรู้ว่าแผลใจของผมยังปิดไม่สนิท และเธอก็รู้ว่าจะเปิดมันได้อย่างไร เธอรู้ได้ยังไงกันนะ มันเป็นเพราะว่าผู้หญิงมีสัญชาตญาณพิเศษหรือว่าเป็นเพราะว่าเราเองที่ปกปิดไม่มิด - คุณอยากรู้เรื่องส่วนไหนล่ะ - เธอเป็นคนยังไงค๊ะ ผมจะตอบคำถามแบบนั้นยังไงดีล่ะ ผมยังไม่รู้จริง ๆ เลยว่าเธอเป็นคนยังไง ผมได้รู้จัก ได้เห็นแอนนาคนที่เธออยากให้ผมได้รู้จัก ได้เห็นเท่านั้นเอง และจริง ๆ แล้วมันก็เป็นส่วนที่คนอื่น ๆ ไม่ได้เห็น ถ้าถามว่าเธอเป็นคนอย่างไร ผมก็คงจะได้แต่เดาส่งเดชไปงั้นแหละ - เธอก็เหมือนผมนี่ละ ซิโอบาน ทำหน้างง ๆ สงสัยไม่หาย - เธอเป็นสองคนในร่างเดียวน่ะ ออกจะเพี้ยนนิด ๆ สับสนหน่อย ๆ และเหมือนกับว่าเธอกำลังเล่นละครอยู่ด้วย ซิโอบานหัวเราะ เธอไม่แน่ใจว่าผมกำลังล้อเธอเล่นหรือเปล่า แต่ผมก็ทำให้เธอตื่นตัวขึ้นมาบ้าง ผมอยู่กับเธอที่นี่คืนนี้บนเตียงของเธอ เพราะเธอคิดว่าผมเป็นคนที่เธอคิดว่าผมเป็น ปลอดภัยในทุกด้าน ซื่อสัตย์ มีเสน่ห์ และความนุ่มนวลที่มาพร้อมกับสำนวนอารมย์ขัน แต่เธอไม่ได้คิดว่าผมแทบจะเป็นบ้าไปแล้วและยังเหมือนกับคนหลงทางไม่รู้จะทำอย่างไร จะไปทางไหนดี - นั่นไม่ใช่คุณสักหน่อย เธอพูด แน่ละ ถ้าเป็นแอนนาอยู่ที่นี่เธอจะไม่พูดอะไรแบบนี้หรอก แต่เธอจะหัวเราะและพูดว่า ใช่ค่ะคุณดาแบงวิลล์ เราทั้งคู่เป็นบ้าไปแล้ว แอนนารู้ชีวิตของผมด้านนี้ดีพอ ๆ กับที่เธอรู้ชีวิตของตัวเองอีกด้านหนึ่งเช่นกัน และนั่นก็เป็นเหตุผลที่อธิบายได้ว่าทำไมเธอถึงรอผมจนตีสี่เมื่อสองปีที่แล้ว ไม่ใช่เพราะสวาทสัมพันธ์หรือเพื่อการผจญภัยหรอก แต่เพราะเธอรู้ดีถึงความคิดจิตวิญญานที่ผมมีเหมือนกับเธอ - แล้วถ้าหากว่าแอนนาเลิกกับสามีของเธอล่ะ คุณจะทำอย่างไร เธอถามผม พระเจ้า! ผมไม่เคยคิดถึงคำถามเหล่านี้เลยตั้งแต่ผมเริ่มหลับนอนกับซิโอบาน ผมน่าที่จะสามารถตอบคำถามนี้ได้ทันทีทันใด แต่นี่ผมกลับตกอยู่ในความเงียบงันพักหนึ่งก่อนที่ผมจะตอบเธอไปว่ามันคงจะไม่แตกต่างกันเท่าไหร่สำหรับผมหรอก เพื่อเป็นการให้รางวัล ซิโอบานจูบผมที่ปาก ผมรับรู้ถึงรสของหญ้า ไวน์ขาว น้ำหอมกัลติแยร์ และเซ็กซ์ เธอดูเหมือนเทพธิดา คงมีอะไรผิดปกติในตัวผมสักอย่างแน่ สิ่งที่ผิดปกติไปจริง ๆ แล้วมันคงจะเป็นเธอที่ไม่มีเหลี่ยมอยู่ในตัวเลย เธอยินดีกับทุกอย่างที่ผมวาดหรือสร้างขึ้นมา แต่เธอไม่ได้รักมันอย่างหลงไหล เหมือนกับที่แอนนาเป็น เราสื่อถึงกันได้อยู่ แต่กับแอนนาแล้วเธอมีความเข้าใจด้วยว่าเราเป็นคนสองคนที่เราเป็น ส่วนซิโอบานนั้นเธอเห็นผมเป็นคนอย่างที่เธอเห็น แอนนาเข้าใจผม อย่างแอนนาหรือผมจะ ต่างจากซิโอบานตรงที่เธอคอยหาแต่ความเย้ายวนจากความคุ้นเคยและความอบอุ่นจากร่างกายในยามค่ำคืนเท่านั้นเอง ถ้าหากว่าปราศจากเหลี่ยมคมบ้างแล้วผมคิดว่าผมคงจะตายไปเสียก่อนด้วยความเบื่อหน่าย แต่ยังไงซิโอบานก็อยู่ที่นี่แล้ว คืนนี้ เหมือนพอลก็อยู่กับแอนนาเช่นกัน ซิโอบานจับมือผมแล้วดึงขึ้นไปโอบหน้าอกของเธอไว้ เธอช่างสวยงามเสียจริง - บอกฉันซิค๊ะว่าคุณรักฉัน เธอกระซิบบอกผม - ผมรักคุณ ผมบอกกับเธอ นั่นไงล่ะ ไม่เห็นจะยากตรงไหนเลย ใช่มั๊ย
Onehundred
- แอนนาเป็นอย่างไรบ้างล่ะ เกรกถามผม - ผมไม่ได้โทรไป ไม่ได้ถามอะไรเลย ผมคิดว่าเธอคงอยู่ในระหว่างพักฟื้น ไม่รู้ว่าเธอลืมทุกอย่างไปหมดแล้วหรือยัง ถ้าหากว่าเป็นอย่างนั้น ผมก็เป็นประวัติศาสตร์ไปแล้ว เป็นความคิดที่น่าสนใจทีเดียว เพราะว่าจริง ๆ แล้วผมจะเป็นประวัติศาสตร์คนอื่นไปไม่ได้นอกจากประวัติศาสตร์ของตัวเอง พอล และพ่อของแอนนา และทุกคนในครอบครัวของเธอทุกคนรู้เรื่องเกี่ยวกับผมแล้วในตอนนี้ ถ้าหากว่าเธอจำอะไรได้ พวกเค้าคงจะทำทุกอย่างที่จะไม่ได้เธอได้ติดต่อพบเจอกับผมอีก ผมมันเป็นจริงเกินไปสำหรับพวกเค้า เป็นสามีที่เหลวไหล กับภรรยาที่ตายไปแล้ว และลูกชายที่กำลังไร้ที่พึ่ง ผมช่างเป็นผู้ชายที่ไม่เอาไหนเลยจริง ๆ ผมคงไม่เหมาะที่จะไปร่วมปาร์ตี้งานวันเกิดกับครอบครัว - คุณจะเป็นเพื่อนเจ้าบ่าวให้ผมได้หรือเปล่า มาร์ค - ด้วยความยินดี เกรก เกรกกับไดแอนทำได้สำเร็จแล้ว หากว่าการแต่งงานคือการที่เขาได้เอาชนะทุกอย่างตามที่พวกเขาต้องการ ผมรู้สึกยินดีกับพวกเค้าด้วยจริง ๆ เกรกมีความสุขอย่างน่าหมั่นไส้ในช่วงอายุเท่านี้ ทั้งที่น่าจะเป็นช่วงถดถอยเสียมากกว่า ความสุขนี้มันจะจีรังรึเปล่าหนอ ยังไงผมก็เอาใจช่วยเค้าทั้งสองให้มีความสุขตลอดไป สำหรับเกรกที่พรมลิขิตให้เขาได้กลับมาอยู่กับผู้หญิงที่เขารักมาตลอด แม้ว่าจะกลับมาเมื่อเวลาล่วงมาป่านนี้แล้วก็ตาม ผมก็รู้สึกว่ามันเป็นชัยชนะที่ยิ่งใหญ่ เขาเหมือนได้รับการขยายโอกาส เกรกสั่งเบียร์มาอีกรอบ - จริง ๆ แล้วนะ ผมไม่คิดว่าคุณจะกล้าเสี่ยง - คือ คุณจะต้องรู้ว่าแท้ที่จริงแล้วคุณต้องการอะไร เขาพูด คนที่ผมเคยสอนตอนนี้กลายเป็นคนที่ให้บทเรียนกับผมเสียแล้ว คุณจะต้องถามตัวเองว่าอะไรคือสิ่งที่จะประนีประนอมไม่ได้ - ผมไม่รู้ซิ เขาใช้นิ้วเคาะที่หน้าผากเบา ๆ - เธอเข้ากับผมได้ดีมาก มาร์ค คือ เธออาจจะไม่รู้จักผมดี เพราะทริช รู้จักผมดีแล้ว เธอรู้จักผมดีว่าตลอดสิบห้าปีที่ผ่านมานี้ผมได้ทำอะไรลงไปบ้าง แต่ไดแอนเข้ากับผมได้ดีกว่า ดวงตาของเขาเปล่งประกาย แรงปราถนาในตัวเขาซึ่งผมไม่เคยเห็นมาก่อนเลย - มันไม่สมบูรณ์แบบหรอก มาร์ค เพราะไม่เคยมีอะไรสมบูรณ์แบบจริง ๆหรอกนะ ผมว่า คนในครอบครัวของเธอไม่ชอบผม แต่นั่นอาจจะเปลี่นแปลงได้ในอนาคต คงต้องให้เวลากันสักหน่อย ผมไม่รู้ว่า เจย์ จะยอมรับเธอได้แค่ไหน และคริสมาสต์ก็คงจะฝืด ๆ ไปสักหน่อยในสองสามปีแรก มันไม่ใช่ครอบครัวสมบูรณ์แบบที่ผมเคยมี - คุณทำให้ผมทึ่งได้จริง ๆ เขายักไหล่ - ผมจะพูดอย่างไรดีล่ะ บางทีมันก็ได้ผล บางทีมันก็ไม่ได้ มันคงเป็นเรื่องของโชคชะตาละมั้ง - ผมไม่เชื่อในเรื่องของโชคชะตาหรอกนะ สิ่งที่ผมเชื่อก็คือ โชคชะตามันพาให้ผมพบเข้ากับผู้หญิงที่สมบูรณ์แบบคนหนึ่งที่งานประชุมนักเขียน หลังจากนั้นมันก็ปล่อยให้เป็นเรื่องของผมตามลำพัง - คุณก็แค่อย่าไปประนีประนอมกับเรื่องที่มันเป็นเรื่องซิ มาร์ค อย่างเรื่องที่มันมาจากความต้องการข้างใน เขาใช้มือตบตรงที่หน้าอก เกรก เจ้าคนโรแมนติก โชคชะตามันช่างแปรผันไปได้ ตลกเสียจริง ตอนนี้ผมเชื่อว่าผมคงจะเถลไถลออกนอกลู่นอกทางเสียแล้ว สิ่งต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นกับแอนนาได้ทำให้ผมหมดกำลังใจ จากที่ผ่านมาเนิ่นนาน ผมคิดว่าผมคงจะไม่มีกำลังพอที่จะลงเรือลำเดียวกับใครได้อีก
Create Date : 16 กันยายน 2553 |
Last Update : 24 กันยายน 2553 7:49:57 น. |
|
0 comments
|
Counter : 201 Pageviews. |
|
|
|
| |
|
|
Location :
กรุงเทพฯ Thailand
[Profile ทั้งหมด]
|
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]
|
แม๊กซ์ ครับ อยากเขียนนิยายแต่ไม่เก่ง ก็เลยอาศัยการแปลจากที่คนอื่นเขียนไว้แล้วไปก่อน รวมทั้งงานเขียนอื่น ๆ แล้วแต่อยากจะเขียน ลองติดตามกันดูนะครับ
|
|
เปลือย...ใจ ใส่บันทึก เป็นเรื่องราวของ
ผู้หญิงคนหนึ่งที่มีสามีแล้ว
แต่โชคชะตาพาเธอ ให้ไปพบกับผู้ชายอีกคนหนึ่ง ซึ่งชักนำชีวิต ของเธอ
ให้ต้องเจอกับเรื่องราวต่าง ๆ มากมาย ที่พูดไม่ได้ห้ามใจไม่อยู่
เลยต้องเปลือยใจใส่ ไว้ในบันทึก.....อาจเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นกับใคร หลายคน
แตกต่างกันไปในรายละเอียด และ จุดจบ....... |
| สิทธิพิเศษสำหรับผู้ที่สนใจผลิตภันณ์จาก Dream Cosmetique จาก Link เวชสำอาง ข้างล่างนี้ ท่านจะได้รับส่วนลด 10% ทันที เพียงท่านแจ้งการสั่งซื้อผลิตภัณฑ์ว่าได้ข้อมูลจาก Maxmaya http://www.dreamcosmetique.com/ |
|
|
|
|
|
|
|