นิยายแปล..........แปลแหลก แปลกนักแล Present to you by Maxmaya

"ATTITUDE" The pleasure you get from your life is equal to the "ATTITUDE" you put into it
Group Blog
 
All blogs
 
สามีดีแตก บทที่ 56 - 60




Fifty six

ปู่ของผมมีที่ทำความสะอาดกระจกแต่แกเอาไปขายที่ผับเพื่อแลกกับเบียร์สามแก้ว แกมักจะทำร้ายร่างกายย่าอยู่เสมอจนกระทั่งวันหนึ่งย่าได้ใช้กระทะด้ามยาวฟาดลงไปบนหัวของปู่ในขณะที่แกกำลังกินไส้กรอกที่ย่าทำให้ และนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ปู่ก็ไม่เคยแตะต้องย่าอีกเลย
แม่ของผมพยายามสร้างชีวิตที่ดีที่สุดให้แก่ผม ให้ผมห่างจากความรุนแรง หรือความขาดแคลนที่เธอเองต้องเผชิญ ผมเป็นเด็กผมทองที่เป็นที่รักใคร่ของทุกคน การเป็นที่รักของใคร ๆ ทำให้เด็กลำพองได้ แต่ในขณะเดียวกันก็รู้สึกขาดหายจากชีวิตจริงที่ได้ประสบให้ความรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจ
แม่ได้แต่งงานกับคนที่ไม่ชอบใช้กำลัง พ่อของผมเป็นสุภาพบุรุษ ไม่เคยแสดงโทสะให้เห็น จอร์ช คือชื่อของพ่อ ผมอยากได้ความรักใคร่เมตตาจากพ่อบ้าง ผมต้องการพ่อที่เป็นที่ปรึกษา เป็นเพื่อน และเป็นคนที่ช่วยแบ่งเบาภาวะความรักล้นใจที่แม่มีต่อผมให้เบาบางลงบ้าง แต่พ่อไม่เคยได้อยู่ให้ติดบ้านเลย พ่อใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่บนถนน เป็นนักขายตัวยงที่ประสพความสำเร็จ มีเพื่อนแท้ไม่กี่คนที่ใช้เวลาส่วนใหญ่กับสาวในบาร์หรือคนที่หย่าร้าง แม่ของผมหาทางออกให้กับหัวใจที่บอบช้ำของเธอด้วยการรักคนที่มีเวลาให้กับเธอตลอดเวลา ผู้ชายคนที่จะไม่มีวันทอดทิ้งเธอ ซึ่งก็คือผมนั่นเอง
บางครั้งในตอนที่ผมยังเป็นเด็กอยู่ แม่จะกอดผมเสียแน่นจนผมหายใจแทบไม่ออก แม่รักผมเสียขนาดนั้นเลยละ
ผมออกจากบ้านเมื่ออายุได้สิบแปดปีเพื่อไปเรียนด้านภาษาที่มหาวิทยาลัยลีดส์ ผมยังจำได้ตอนที่แม่สะอื้นซบลงบนบ่าผมตอนไปส่งผมที่สถานีรถไฟ มันเหมือนกับการแยกออกจากปลาหมึกที่เกาะติดแน่นอะไรทำนองนั้น
ผมมีความรักใคร่ต่อผู้หญิงเสมอ แต่ประสบการณ์มันสอนให้ผมรู้ว่าผู้หญิงนั้นอันตราย มีทางเดียวที่รับมือกับเธอได้ เหมือนกับที่ผมรับมือกับแม่ของผม คือรักตอบเธอ แต่อย่าให้เธอเข้าถึงจนเกินไป
ความรักก็คือความรับผิดชอบต่อความสุขของคนที่เรารัก ความรักคือภาวะยุ่งยากที่เกินจะรับไหว แต่ผมไม่อยากอยู่คนเดียว และผมก็ไม่อยากที่จะต้องรับผิดชอบใครด้วย แน่นอนมันฟังดูขัดกัน ซึ่งผลก็คือชีวิตผมที่ตกอยู่ในความยุ่งเหยิงอยู่ทุกวันนี้
ผมว่าผมคิดถูกมาตลอดเกี่ยวกับความรักนะ เพราะซูซานได้แสดงให้เห็นแล้วว่าการรักใครสักคนนั้นเป็นอย่างไร
คุณจะวิ่งหนีไปตลอดชีวิตไม่ได้หรอก มันต้องมีสักวันนึงที่คุณจะต้องหันหน้ามาเผชิญกับมัน


Fifty seven

ในคืนก่อนวันฝังศพซูซานผมได้ฝันถึงเธอว่า เราไปพักผ่อนเล่นสกีกันที่อินส์บรัค พร้อมด้วยเดวิดและเด็บ พี่สาวของซูซาน ที่มีอายุมากกว่าเธอสองปี เรานั่งอยู่ในสปากลางสวนด้วยกัน โดยมีทัศนียภาพซับซ้อนของภูเขาอยู่รายรอบ
ผมมีบันทึกเก่าของเธออยู่ด้วย :
บ่าของฉันเหมือนจะแตกหักเป็นเสี่ยง ๆ เพราะภาระอันหนักหน่วงที่แบกอยู่
บ่าของฉันมันกำลังจะแตกหักลงไปเพราะฉันไม่สามารถที่จะแบกภาระนี้ไว้ได้อีกต่อไปแล้ว....
- เป็นอะไรไปหรือค๊ะมาร์ค
ผมไม่อยากจะมองหน้าเธอเลย และผมก็ไม่รู้ว่าเพราะอะไรผมถึงได้โกรธเธอเสียมากมาย
- ผมรู้สึกหนาวน่ะ ผมบอกกับเธอ
- อะไรกันค๊ะ
อะไรกันนะหรือ มันก็เพราะเสื้อผ้าเชย ๆ ที่เธอใส่นะซิ มันเหมือนเธอสละแล้วทุกอย่าง เธอไม่เคยคิดที่จะทำอะไรให้ผมรู้สึกอิจฉาเธอบ้างเลย แต่เธอกลับรู้ที่จะทำให้ผมรู้สึกผิด และเราก็ไม่เคยหัวเราะด้วยกันมานานแล้ว มันทำให้ผมรู้สึกเหมือนเราแก่ล่วงหน้ากว่าอายุจริงถึงยี่สิบปีเห็นจะได้
- ผมไม่รู้ว่ามันเป็นอะไร ผมบอกกับเธอไปอย่างนั้นเพราะผมไม่สามารถบอกความจริงไปโดยที่ผมไม่รู้ทางแก้ปัญหานี้ได้
ฉันรู้สึกไม่มีคุณค่าและไม่ชอบตัวตนที่ฉันเป็นอยู่เลย
ผมไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าเธอจะรู้สึกแบบนี้ แม้ว่าถ้าผมจะมีบันทึกนี้อยู่ในมือด้วยแล้วก็คงจะไม่มีอะไรแตกต่าง ผมยังจำที่เราทะเลาะกันได้ มันไม่เคยไปถึงไหนเลย วกวนอยู่อย่างนั้นตลอด แต่เราเรียกมันว่าการก้าวไปข้างหน้า
ฉันรู้สึกกลัวที่จะแบ่งปันเรื่องเหล่านี้กับมาร์ค เพราะฉันรู้สึกว่าเค้าไม่เคยฟังฉันเลย เค้าไม่เคยตั้งใจฟังจริง ๆ ฉันว่าสิ่งที่ฉันต้องทำคือทำใจให้มันผ่านไปเสียดีกว่า
เรื่องนี้มันกระทบตลอดความสัมพันธ์ของเรา มันเริ่มชัดเจนขึ้นเมื่อเรามีเดวิด แต่ฉันรู้สึกอยู่เสมอว่ามันได้เริ่มก่อตัวขึ้นมาพร้อม ๆ กับความสัมพันธ์ของเรานั่นแหละ
ฉันรู้สึกอ่อนแอและแพ้พ่ายเพราะฉันไม่สามารถอธิบายต่อมาร์คได้ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นนี้มันทำร้ายจิตใจฉันขนาดไหน เพื่อความสุขของเขาฉันยอมทำให้ตัวเองเจ็บโดยปล่อยให้เค้าทำอย่างนั้น มันเจ็บกว่าที่เค้าทำกับฉันเสียอีก
ดูเหมือนว่าตลอดชีวิตของฉัน ฉันอยู่ก็เพื่อทำให้ทุกคนที่ฉันรักมีความสุขเท่านั้นเอง


Fifty eight

- พ่อไม่เคยคิดว่าอยากจะแต่งงานให้กับลูกทั้งสองเลยจริง ๆ นะ
หลวงพ่อบอกอย่างนั้นด้วยความมั่นใจ โดยเฉพาะตอนนี้ ตอนนี้ผมกำลังจะเดินเข้าโบสถ์เพื่อกล่าวไว้อาลัยแก่ภรรยาของผม
- เธอเป็นคนที่ต้องการคุณเป็นอย่างมาก และคุณเองก็ไม่เคยที่จะปล่อยให้เธอได้ยืนด้วยตัวเองบ้าง พ่อไม่เคยคิดว่ามันจะไปได้ตลอดรอดฝั่ง
- แล้วทำไมหลวงพ่อไม่บอกกับเราล่ะ
- พ่อบอกแล้ว พ่อบอกกับซูซาน
ต้องการผมมากเกินไป หรือ ผมยังจำได้ ครั้งหนึ่งก่อนที่เราจะแต่งงานกัน ตอนนั้นเรายังอยู่ที่ลอนดอน ผมต้องเดินทางไปเบอร์มิงแฮมเพื่อพบลูกค้า คืนที่สอง ในขณะที่ผมกำลังทานอาหารค่ำอยู่กับผู้อำนวยการสร้างหนัง และคนที่คาดว่าจะเป็นลูกค้าในอนาคตที่ร้านอาหารในโรงแรม ผมได้รับข้อความว่าภรรยาของผมรออยู่ที่ประชาสัมพันธ์
- แต่ผมยังโสดอยู่นะ ผมพูดเบา ๆ ก่อนที่จะขอตัวลงลิฟท์ไปที่ลอบบี้
ซูซานได้ขับรถโดยเส้นทางเอ็มหนึ่ง มานั่งหน้าหม่นอยู่ที่นี่ ในมือเธอกำทิชชูที่ชื้นไปด้วยน้ำตาอยู่ แล้วบอกกับผมว่าเธอไม่สามารถอยู่โดยที่ไม่มีผมได้ ผมบอกว่าผมมาแค่สองวันเองนะ ต่อมาผมก็ได้เห็นสีหน้าของเจ้านายผมบอกในทำนองที่ว่า ผมมีปัญหาซะแล้ว
ซูซานอยู่เคียงข้างผมในตอนที่ผมลาออกจากงานเพื่อมาเป็นนักเขียนบทอิสระ เธอมีศรัทธาในตัวผมที่คนอื่นไม่เชื่อว่าผมจะสามารถทำได้ ผมต้องการเธอเป็นอย่างมากในตอนนั้น มันเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดสำหรับเรา
ผมเชื่อมาตลอดว่าการดูแลซูซานเป็นหน้าที่โดยตรงของผม เมื่อมีใครบางคนต้องการคุณ เค้าไม่สามารถขาดคุณได้ และคุณเองก็ไม่สามารถที่จะทิ้งเค้าไปได้เช่นเดียวกัน แต่ต่อมา หากว่ามันไม่ลงเอยด้วยดีมันก็จะไม่มีทางออก เมื่อตอนที่ผมอายุประมาณหกหรือเจ็ดขวบ เวลาผมไปโบสถ์ ผมเห็นไม้กางเขนที่มีพระเยซูตรึงอยู่อย่างทรมานเพื่อให้คนอื่นได้เป็นสุข ผมก็โตขึ้นมาด้วยความคิดที่ว่าการทนทุกข์นั้นเป็นสิ่งประเสริฐ เป็นสิ่งที่พระเจ้าต้องการ แต่ตอนนี้หลวงพ่อกำลังบอกกับผมว่าความเศร้าโศกและการเสียสละในความสัมพันธ์นั่นเป็นสัญญาณบอกให้รู้ว่าเรากำลังใช้ชีวิตผิดทางเสียแล้ว
- คุณจะทำให้คุณอื่นเป็นสุขได้ก็ต่อเมื่อตัวคุณเองเป็นสุขก่อนนะมาร์ค แล้วความสุขน่ะ มันจะแผ่กระจายออกไปเอง เหมือนระลอกคลื่นน้ำในสระนั่นแหละ ความทุกข์ก็เช่นกัน
คำพูดของหลวงพ่อตามหลอกหลอนผมในช่วงเวลาที่ผมเป็นทุกข์ที่สุดในชีวิต ในวันหนึ่งต้นโศกแห่งชีวิต ไม่ว่ามันจะถูกปลูกไว้นานแค่ไหน มันจะผลิดอกบานสะพรั่งออกมาจนได้


Fifty nine

บ่ายสองโมงเป็นเวลาที่ผมฝังศพภรรยาของผม ถึงตอนนี้ผมไม่มีอะไรที่จะพูดแล้ว
โลงศพสีขาววางอยู่ที่หน้าแท่นบูชา ผมเดินเข้าสู่โบสถ์ด้วยความรู้สึกเหมือนคนทั้งหมู่บ้านจับจ้องอยู่ที่ผม เดวิดจะไม่ยอมจับมือผม เค้าจะไม่ยอมแตะต้องผมเลย
เดวิดกล่าวไว้อาลัยแม่ของเขาด้วยเกียรติและหนักแน่นจนทำให้ผมรู้สึกสั่นเทา
ผมรู้สึกว้าวุ่นและไม่อยากอยู่คนเดียว ผมเกิดมาในครอบครัวที่กำลังเติบโตขึ้น ผมโตขึ้นท่ามกลางความสุขและปลอดภัย ผมกลัวต่อความโดดเดี่ยวเสียเหลือเกิน นี่ถ้าผมให้มาร์คเป็นคนตัดสินใจว่าผมควรจะโตขึ้นเป็นคนแบบไหน เค้าก็คงจะดูแลผมและไม่ปล่อยให้ผมต้องโดดเดี่ยวตลอดไปเป็นแน่
ในขณะที่ศพกำลังเคลื่อนย้ายออกจากโรงสวด เพลง “You’ll never walk alone” ก็เริ่มบรรเลงขึ้น มันเป็นเพลงโปรดของเธอ แต่ที่สุดเธอก็ต้องเดินคนเดียว เราทุกคนก็จะเป็นอย่างนั้นเหมือนกัน
ระยะทางจากโบสถ์ถึงสุสานไม่ไกลนัก บรรยากาศช่างเงียบเชียบ ทั้งที่เป็นหน้าร้อนกลับมีเมฆคล้ำสีเทา และมีฝนประปรายลงมาเล็กน้อย
ที่ในห้องทำพิธี ผมมองดูโลงศพค่อย ๆ เคลื่อยย้ายหายเข้าไปหลังม่าน ผมออกไปรวมกับกลุ่มคนที่มาร่วมงานข้างนอก เราร่วมกันปล่อยลูกโป่งขึ้นสู่ท้องฟ้าสีหม่น ที่สะท้อนผิวน้ำในบึงให้ออกเป็นสีเทาดำ
ฉันอยากที่จะปรึกษากับมาร์คเกี่ยวกับความหวาดกลัวของฉันมาตลอด แต่มันก็ไม่เคยเกิดขึ้น ฉันก็เลยต้องทนทุกข์อยู่กับตัวเองและลงโทษมาร์คที่เขาไม่ได้เติมเต็มในส่วนของเขา ความสัมพันธ์ของเราไม่เคยราบรื่น และความดื้อดึงของฉันก็มีแต่จะทำให้ฉันว้าวุ่น เจ็บปวด โกรธเคืองและพ่ายแพ้
วันนี้สิ้นสุดลงอย่างรวดเร็ว เยือกเย็น และหม่อนหมอง การตายจากไปด้วยวิธีนี้เหมือนทิ้งเงามืดไว้กับคนข้างหลังอย่างคิดไม่ถึง
ฉันอยากจะยอมรับความจริงที่เกิดขึ้น และหาทางออกที่ดีกว่านี้ ทั้งที่รู้อยู่เต็มอกว่ามันเป็นไปไม่ได้ มันไม่เคยเป็น และก็ไม่มีทางที่จะเป็นไปได้ แต่ฉันก็ยังไม่สามารถยอมรับความจริง หรือหาทางออกได้ ฉันก็เลยต้องปล่อยให้ความสัมพันธ์จอมปลอมนี้สิ้นสุดลง รวมทั้งการพูดคุยที่เหมือนไม่ได้คุยกันระหว่างเราให้มันจบลงไปด้วย เราควรจะคุยกันอย่างเปิดอกทั้งสองฝ่าย
ถูกของซูซานที่ว่าเราควรจะพูดกันอย่างเปิดอก พูดและฟังกันอย่างจริงจัง
เพราะงั้นวันนี้อะไรคือบทเรียนที่ได้จากการจากไปของผู้หญิงสวยคนหนึ่งที่ชีวิตเต็มไปด้วยรอยร้าว ผู้หญิงที่ผมได้ร่วมชีวิตด้วย ผู้หญิงที่เป็นแม่อย่างสมบูรณ์ และเป็นเพื่อนที่แสนดี
สิ่งที่ผมได้เรียนรู้ก็คือถ้าหากว่าคุณหลอกชีวิตตัวเอง มันก็กลับมาฆ่าคุณอย่างช้า ๆ อย่างน่ากลัวพร้อมกับสร้างความเจ็บปวดให้แก่ทุกคน ถ้าคุณทำในสิ่งที่ถูกต้อง ไม่ทำร้ายจิตใจใคร สร้างความรักให้เป็นรักที่ควรจะเป็น แต่ในที่สุดมันก็จะทำร้ายคุณ กัดกร่อนจิตและวิญญาณของคุณไปเรื่อย ๆ เหมือนกรด คุณทำลายคนรอบข้างคุณที่คุณบอกว่ารัก แล้วคุณก็ค่อย ๆ ทำลายตัวคุณเองไปด้วยอย่างช้า ๆ
นั่นคือสิ่งที่เกิดขึ้นกับผม หรือบางทีเธอเองก็อาจจะทำอย่างเดียวกันนี้ด้วย และมันก็เป็นบทเรียนที่ผมได้ในวันนี้


Sixty

หลังจากทุกคนกลับไปแล้วผมก็อยู่คนเดียวอีกครั้งในบ้านที่วังเวง ขอบคุณพระเจ้าที่ผมอยู่คนเดียวเสียได้ คนในหมู่บ้านได้พูดกันไปต่าง ๆ นานาในเรื่องนี้ เพื่อนของซูซานคนนึงถึงกับอยากจะตัดตรงนั้นของผมทิ้งเสีย ถ้าเป็นอย่างนี้ผมก็ไม่อยากอยู่ที่นี่อีกต่อไปแล้วละ
ผมหยิบบันทึกและฉวยเอาวิสกี้บัวบันติดมาด้วยก่อนที่จะเข้าไปนั่งในห้องนั่งเล่น
หลังจากที่แม่ได้เสียชีวิตลง ฉันได้ไปนั่งปรับทุกข์กับเธอที่หลุมฝังศพถึงเรื่องความสัมพันธ์ของฉันกับมาร์ค...
นี่มันเกิดขึ้นมานานขนาดนั้นเลยหรือ ถ้าไม่ใช่เพราะบันทึกเหล่านี้ผมก็คงจะไม่มีทางได้รู้ ผมนึงถึงช่วงเวลาที่ผ่านพ้นไปอย่างสูญเปล่า รอคอยให้ทุกอย่างมันดีขึ้น และคิดว่าหากผมได้พูดคุยกับเธออย่างจริงจังผมก็คงจะแก้ปัญหานี้ได้
ฉันอยากให้เราทั้งสองคนพูดกับเดวิดถึงสถานะของเราที่เป็นอยู่ในขณะนี้ด้วยกัน รวมถึงเรื่องที่เราแยกห้องกันนอนชั่วคราวด้วย แต่มาร์คไม่ยอมพูด ฉันก็เลยต้องพูดกับเดวิดตามลำพัง แน่นอนละ เดวิดเขาก็รู้เรื่องดีอยู่แล้ว และเค้าก็สามารถปรับตัวได้ แต่มาร์คกลับโกรธเคืองเป็นฟืนเป็นไฟ
ใช่ ผมโกรธ เพราะมันไม่ใช่ภาพครอบครัวที่สมบูรณ์ที่ผมวาดไว้ ผมไม่อยากให้มันเป็นจริง ผมเป็นคนที่คอยแก้ปัญหาให้กับทุกคนได้ ผมไม่อยากถูกตำหนิจากคนในครอบครัว เพื่อนฝูง และโดยเฉพาะกับลูกชายของผมเอง
ฉันรู้สึกว่าตัวเองได้มาถึงจุดที่ฉันจะต้องสูญสิ้นความเป็นตัวเอง ความมั่นคง และสิ่งที่เป็นตัวฉัน หากว่าฉันไม่พูดออกไปว่า “พอกันที”
ผมดูวันที่ที่ลงไว้ มันเป็นเวลาสามปีมาแล้วที่เธอเขียนบันทึกหน้านี้ แต่เธอก็ยังไม่ได้พูดมันออกมา กลับไปคอยหาทางเพื่อให้ได้ใจที่ไขว้เขวของผมคืน
นั่นคือความหมายของการแยกห้องนอนสำหรับฉัน ฉันได้บอกกับมาร์คอย่างชัดเจนแล้วว่าฉันไม่ได้เตรียมตัวที่จะยินยอมกับเรื่องใด ๆได้มากกว่าที่ฉันเคยได้ยินยอมไปแล้ว ฉันจำเป็นที่จะต้องเลือกทางที่ดีที่สุดสำหรับตัวเอง และนั่นก็อาจจะกระทบหรือไม่กระทบต่อผลลัพธ์ของชีวิตคู่ของฉันก็ได้ แต่ไม่ว่าจะเลือกทางใด ที่สำคัญที่สุดฉันจะต้องคำนึงถึงความอยู่รอดของตัวเองด้วย
แต่เธอก็ไม่ได้ตัดสินใจทำอะไรเลย จนกระทั้งสามปีกับอีกห้าเดือนต่อมาผมก็กู่ไม่กลับ และอีกแปดเดือนต่อมาเธอก็เสียชีวิต
ฉันหมดความมั่นใจ อยากจะอยู่แต่ในบ้าน เกลียดการเข้าสังคม รู้สึกเหนื่อยหน่ายตลอดเวลา ฉันชอบตอนที่ฉันนอนหลับเป็นที่สุดเพราะมันเป็นเวลาที่ฉันไม่ต้องคิดเรื่องใด ๆ ทั้งสิ้น ฉันพยายามที่จะทำตัวเองให้เป็นคนอื่นที่ฉันไม่อยากเป็น รู้สึกอึดอัดและไม่เข้าใจว่าทำไมตัวเองปล่อยให้เป็นอย่างนั้น เพราะในที่สุดแล้วมันไม่มีทางที่จะออกมาในทางที่ดีได้ ไม่ว่าฉันจะพยายามแค่ไหนก็ตาม ในความสัมพันธ์หากว่าความต้องการของคนหนึ่งทำให้อีกคนต้องเจ็บปวด มันก็คงจะไปกันไม่ได้ ซึ่งฉันก็เห็นได้ว่ามันกำลังเกิดขึ้นอยู่กับเรา แต่คืนนี้นับว่าเป็นครั้งแรกที่ฉันเข้าใจว่าเพราะอะไร
ไม่มีอีกแล้วไม่ว่าเดวิดหรือมาร์คคนที่ฉันนึกถึงเหนือสิ่งอื่นใด หรือตัวฉันเอง ไม่อย่างนั้นแล้วฉันก็จะไม่เป็นฉันอีกต่อไป
ประโยคสุดท้ายดังก้องอยู่ในหัวของผมเหมือนโดนกระหน่ำโดยพายุร้าย
มาร์คกับฉันอยู่บ้านเดียวกัน แต่ไม่มีความรู้สึกใกล้ชิดสนิทสนมเลย จริง ๆ แล้วฉันไม่มีอะไรที่ชอบเหมือน ๆ กับเค้าเลย ความชอบของเรามันต่างกันมากจริง ๆ แม้ว่าเราจะอยู่ด้วยกันแต่ความสนิทสนมลึกซึ้งก็ไม่เกิด เมื่อวานนี้หากว่าฉันจะกลับบ้านเร็วหน่อยก็ได้ แต่เพราะว่าตอนนี้เดวิดได้งานทำที่ซูเปอร์มาเก็ตแล้ว ฉันก็รู้สึกหวั่น ๆ ที่จะอยู่บ้านตามลำพังกับมาร์ค
พระเจ้า นี่มันตั้งสองปีก่อนที่เราจะแยกกันเสียอีก
ฉันรู้ว่ามีเรื่องต่าง ๆ ที่ฉันควรจะพูดออกมาให้เสียสิ้น แต่แทนที่จะพูดมันออกมาฉันกลับเขียนมันลงไปในกระดาษแทน เพราะฉันรู้สึกมีอิสระที่จะปลดปล่อยมันออกมามากกว่าที่จะพูดกับมาร์ค
มันไม่เกี่ยวกับการแยกออกไปของมาร์ค หรือเดวิด หรือ การตายของแม่หรอก แต่มันเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นเองในตัวของฉัน ฉันกำลังจะตายไปเพราะชีวิตตามแบบที่ฉันดำเนินมาตลอดสี่สิบปีนี้มันใช้ไม่ได้อีกแล้ว
ถ้าเธอทิ้งผมไปเสียตั้งแต่ตอนนั้นป่านนี้เธออาจจะยังมีชีวิตอยู่ก็ได้ ทำไมเธอถึงทนอยู่ได้นะ แม้ว่ากระทั่งหลังจากที่ผมได้พบกับแอนนาแล้ว หรือ ตอนที่ผมแยกออกไปเธอก็ยังทนอยู่ได้ แล้วทำไมเธอต้องโทรหาแอนนาบอกว่าเรามีชีวิตคู่ที่มีความสุขดี ทั้ง ๆ เธออยู่อย่างไม่มีความสุขมาโดยตลอด
หรือว่าสำหรับเธอแล้วไม่มีอะไรดีไปกว่าการเป็นเด็กดีของแม่ เธอทำเหมือนกับที่แม่ของเธอทำโดยทนอยู่กับชีวิตคู่ที่ไม่สุขสม เพราะคิดว่านั่นเป็นสิ่งที่คนดีต้องกระทำ
ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตาม เธอได้หน่วงเหนี่ยวการตัดสินใจของเธอเอาไว้จนกระทั่งมันสายเกินไป
ซูซานเป็นคนดี เป็นเพื่อนแท้ เป็นแม่ที่ทุ่มเท คนเดียวที่เธอทำร้ายได้ก็คือตัวของเธอเอง คืนนี้ผมรู้สึกเหมือนเธอได้พูดแทนผู้หญิงที่แต่งงานแล้วทุกคน เสียงกระซิบความเศร้าโศกของเธอติดตามผมไปทั่วบ้าน
สิบห้าปีกับเดวิด กับมาร์คก่อนหน้านั้น และกับพ่อแม่ก่อนหน้ามาร์ค ฉันได้ดำเนินชีวิตอย่างที่ฉันคิดว่ามันคือชีวิตที่ฉันควรจะเป็น แม่ที่ไกล้ชิดลูก ภรรยาที่เคียงข้างสามีอยู่เสมอ เป็นลูกที่แม่คาดหวังได้ ฉันเป็นได้ทุกอย่างเพื่อทุกคน แต่ฉันไม่สามารถเป็นฉันเพื่อตัวฉันเองได้ ฉันมีเวลาให้กับทุกสิ่งนอกจากตัวเอง ฉันพยายามอย่างยิ่งที่จะเป็นคนที่คนอื่นเห็นว่าฉันควรจะเป็น แทนที่จะเผชิญหน้ากับความเป็นตัวเองที่แท้จริง งานทำให้ชิวิตฉันมีความหมายขึ้น หากว่าไม่มีงานแล้วฉันก็ไม่รู้ว่าฉันจะเป็นอย่างไร ฉันได้ยินและเชื่อมั่นในเสียงที่ออกมาจากภวังค์ ฉันรู้ว่าจะต้องตายลงไปอย่างช้า ๆ จากข้างใน และมันก็จะเริ่มจากภายนอกด้วยหากว่าฉันไม่ทำอย่างนี้
ผมปิดบันทึก ผมไม่มีอะไรที่จะพูดอีกแล้ว





Create Date : 26 สิงหาคม 2553
Last Update : 9 ตุลาคม 2553 11:43:17 น. 1 comments
Counter : 235 Pageviews.

 
เศร้าจังค่ะ ชีวิตคู่คนทั่วไปเกือบ 80% ในปัจจุบันก็คงเป็นแบบนี้ อาจจะไม่ร้ายเท่าในนิยายที่ตัวละครแก้ปัญหาไม่ได้ถึงกับต้องตายไปข้างหนึ่ง แต่ในความเป็นจริง ครอบครัวที่แก้ปัญหาไม่ได้ก็แตกแยก พังทลายลงไป อยากให้คนที่เจอกับปัญหานี้ทุก ๆ คน ได้อ่านจังเลยค่ะ ชอบผลงานของคุณจัง จะติดตามเรื่อย ๆ นะคะ


โดย: pp IP: 118.175.107.47 วันที่: 29 สิงหาคม 2553 เวลา:19:04:42 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Maxmaya
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




แม๊กซ์ ครับ อยากเขียนนิยายแต่ไม่เก่ง ก็เลยอาศัยการแปลจากที่คนอื่นเขียนไว้แล้วไปก่อน รวมทั้งงานเขียนอื่น ๆ แล้วแต่อยากจะเขียน ลองติดตามกันดูนะครับ

เปลือย...ใจ ใส่บันทึก เป็นเรื่องราวของ

ผู้หญิงคนหนึ่งที่มีสามีแล้ว แต่โชคชะตาพาเธอ

ให้ไปพบกับผู้ชายอีกคนหนึ่ง ซึ่งชักนำชีวิต

ของเธอ ให้ต้องเจอกับเรื่องราวต่าง ๆ มากมาย

ที่พูดไม่ได้ห้ามใจไม่อยู่ เลยต้องเปลือยใจใส่

ไว้ในบันทึก.....อาจเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นกับใคร

หลายคน แตกต่างกันไปในรายละเอียด และ

จุดจบ.......

สิทธิพิเศษสำหรับผู้ที่สนใจผลิตภันณ์จาก Dream Cosmetique จาก Link เวชสำอาง ข้างล่างนี้ ท่านจะได้รับส่วนลด 10% ทันที เพียงท่านแจ้งการสั่งซื้อผลิตภัณฑ์ว่าได้ข้อมูลจาก Maxmaya http://www.dreamcosmetique.com/

New Comments
Friends' blogs
[Add Maxmaya's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.