|
Review สามีดีแตก
Review สามีดีแตก
Create Date : 22 พฤษภาคม 2554 | | |
Last Update : 14 สิงหาคม 2554 11:10:15 น. |
Counter : 383 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
สามีดีแตก บทที่ 101 บทส่งท้าย
Onehundred and one
ดังนั้นผมก็เลยต้องเดินหน้าต่อไป คืนนี้ผมคิดถึงเธอ ขณะที่ฝนกำลังสาดเข้ามาตามขอบหน้าต่าง กิ่งก้านต้นไม้แกว่งกระทบไปมากับหลังคาโลหะของกระท่อมน้อยชายหาด ผมค้นหาไปตามแฟ้มต่าง ๆ ในเครื่องโน๊ตบุ๊คของผม สุ่มเปิดดูอีเมล์ที่ผมเคยส่งให้กับเธอขึ้นมาอ่าน ผมไม่อยากจะเชื่อเนื้อความในจดหมายเล่านั้นว่ามันจะผยองและหนักแน่นได้ขนาดนั้น ในจดหมายผมบอกว่าเธอควรจะทำอย่างไร คิดอย่างไร เหมือนกับผู้ชายคนอื่นในชีวิตของเธอ ผมยังจำได้ดีเมื่อครั้งที่ชีวิตของผมเคยถูกควบคุม มันนานมาแล้ว และเมื่อแค่สามปีที่ผ่านมานี้เอง ในยุคที่มืดมนของชีวิตผม ที่ผมได้กะเกณฑ์ทุกสิ่งโดยคำนึงจากสิ่งที่ผมมีและสิ่งที่คนอื่นคิดต่อผม ผมชอบมากเวลาที่ใคร ๆ บอกว่าชีวิตของผมนั้นสมบูรณ์มาก กระนั้นความรู้สึกก็แฝงไปด้วยความเกลียดชังด้วย เพราะว่ามันจะมีเสียงจากข้างในคอยกระซิบเตือนผมอยู่ตลอดเวลาว่า คุณไม่ได้มีความสุข ผมเดินเรื่อยไปตามหน้าผา หยิบเอากล่องบุหรี่ที่ครั้งหนึ่งเธอเคยให้กับผมเนื่องในวันคล้ายวันเกิดของผม สำหรับคนรักและเพื่อนที่แสนดีของฉัน ผมลูบไล้รอยสลักนั้นเบา ๆ ด้วยนิ้ว ผมสูบบุหรี่แล้วมองลงไปดูคลื่นที่กำลังซัดสาดเข้าหาโขดหินราวกับว่ามันกำลังทำสงครามกันอยู่ ครั้งหนึ่งที่เราเคยอยู่ที่นี่ด้วยกัน ครั้งนั้นผมเคยคิดว่าเธออาจจะเปลี่ยนใจ ผมทำอาหารให้เธอกิน และเราก็ร่วมรักกันที่บนพื้นนั่นเอง เธอชโลมน้ำมันทั่วทั้งตัวแล้วคล่อมลำตัวผมไว้ ทำให้ผมได้เห็นหน้าอกของเธอเล่นกับแสงไฟจากเทียนอย่างสวยงามนัก ถ้าหากว่าแอนนาไม่ได้เข้ามาในชีวิตของผมแล้วละก็ ป่านนี้ผมคงจะยังวนเวียนกระส่ายกระสับอยู่กับการค้นหาสิ่งที่ผมเองอาจจะบอกไม่ได้ว่ามันคืออะไร ผมคงจะยังรู้สักเหมือนติดอยู่ในกับดัก ทะเลาะกับซูซานครั้งแล้วครั้งเล่า หากว่าไม่ได้ทะเลาะกันก็ยังไม่รู้สึกผ่อนคลายอยู่ดี ไม่อยากให้วันวาเลนไทน์หรือวันเกิดวนมาถึง หรือแม้แต่อนาคตที่อาจจะเหมือน ๆ กับปีเก่า ๆ ที่ผ่านมา ผมไม่อยากจะเชื่อว่าจะมีใครเหมือนกับผู้หญิงคนนี้ที่เข้ามาในชีวิตผมโดยบังเอิญในตอนที่ผมไม่ได้มองหา - ผมขอถามคำถามส่วนตัวหน่อยได้ไหมครับ ว่ามีผู้ชายหลายคน หรือว่ามีชายผู้โชคดีเพียงคนเดียวในชีวิตคุณ ตอนนี้ผมอยากรู้จังว่าเขาโชคดีแค่ไหนกัน ถ้าหากว่าเขาไม่เคยได้พบกับแอนนาคนที่ผมรู้จัก คนที่มีแรงปราถนาในเรื่องบนเตียง คนที่สามารถพูดเกี่ยวกับชีวิตได้เป็นชั่วโมง ๆ แล้วยังเรื่องของคน หรือเรื่องหนังสืออีกมากมาย เธอช่างแทรกตัวเองเข้าไปในโลกของความคิด โลกแห่งจินตนาการ เธอช่างเต้นรำได้เป็นชั่วโมง ๆ พร้อมกับดื่มแชมเปญ แล้วกลับไปเคาะประตูห้องเรียกคุณในตอนตีสองแกล้งทำเป็นหมอนวดสาวรัสเชีย สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่พอลไม่เคยต้องการจากเธอ เพราะงั้นเราก็เลยต่อสู้เพื่อผู้หญิงคนเดียวกันที่ต่างกัน ซูซานเธอก็รักผู้ชายที่ต่างออกไปเหมือนกัน ไม่ใช่ผู้ชายคนที่แอนนาหลงรักบูชา ผมได้เรียนรู้ที่จะรักเธอทั้งคู่ แต่จะอยู่กับเธอทั้งสองคนได้อย่างไรโดยที่ผมยังเป็นผม แล้วก็มาถึงตอนที่เราทุกคนจะต้องตัดสินใจว่าจะเติมเต็มความต้องการของส่วนลึกหรือว่าจะมีชีวิตต่อไปเพียงเพื่ออยู่รอด หรือเก็บมันไว้เป็นบทเรียนเพื่อครั้งหน้า ตอนนี้ผมต้องถามตัวเองด้วยคำถามเดียวกับที่ซูซานเคยถามตัวเอง ว่า ทั้งหมดทั้งเพนี้ฉันอยู่ที่ตรงไหนกัน และฉันเองเป็นใครกันแน่ บางทีมันก็ดีกว่าที่จะทำให้ตัวเองยุ่ง วุ่นวายอยู่กับเรื่องอื่นแทนที่จะค้นหาความจริง ในช่วงปลาย ๆ ฉันพยายามคลุกคลียึดติดกับผู้คนในชีวิตของฉัน ซึ่งเป็นคนที่สะท้อนถึงความเป็นฉัน คนที่ฉันคิดว่าน่าจะเผชิญกับความคาดหวังที่น่ากลัวเพื่อแสดงถึงความเป็นตัวเองเพื่อตัวเอง นักแปรธาตุในยุคกลางได้ค้นพบสิ่งที่พวกเค้าเรียกว่า Philosopherss stone หรือ สารที่สามารถแปรธาตุธรรมดาให้เป็นทองหรือเงินได้ หรือแม้แต่ทำให้อายุยืนนาน สารน่าพิศวงที่สามารถเปลี่ยนเหล็กธรรมดาให้กลายเป็นทองได้นี้ไม่เคยได้รับการอธิบายว่าทำได้อย่างไร ผู้ชายบางคนคิดว่าธาตุแท้ของมันเป็นทองอยู่แล้ว แต่ในทางลึกลับแล้วธาตุนั้นเป็นการเปรียบเทียบถึงสิ่งอื่น เป็นบางสิ่งที่สามารถทำให้ผู้ชายเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น แอนนาคือPhilosopherss stone ของผม ปฏิกิริยาที่มีต่อความผิดแผกของเธอและของผมทำให้เราได้เห็นความรักเป็นสีสรรขึ้นมาได้ และมันก็ได้ทำให้พื้นฐานที่เป็นเหล็กธรรมดาของผมให้กลายเป็นทองไปได้ อย่างน้อยก็ตอนที่ผมอยู่กับเธอ บางครั้งเราก็ทิ้งคนที่เราไม่สมควรที่จะทิ้งเขาไปเลย แต่บางครั้งเราก็อยู่ติดกับอีกคนนานจนเกินไป วันรุ่งขึ้นผมขึ้นเครื่องบินไปยังแมนเชสเตอร์ มีงานแต่งงานที่ผมจะต้องเข้าร่วม ไม่รู้ว่าทำไมผมถึงได้รู้สึกเหมือนกับว่ามีบางส่วนของผมกำลังตายลงไป ฉันกำลังตายลงไปเพราะการดำเนินชีวิตอยู่ของฉันในช่วงสี่สิบปีที่ผ่านมามันใช้ไม่ได้เสียแล้ว ฉันทำอย่างนี้เพราะผลพวงมาจากที่ฉันไม่เคยได้ทำอะไรเพื่อตัวเองเลย หรือฉันมัวแต่ยุ่งอยู่กับอย่างอื่นจนไม่เคยมีเวลาให้กับตัวเองเลย ฉันได้พยายามที่จะคลุกคลีกับคนอื่นบ้าง คนที่บ่งบอกสถานภาพที่ฉันเป็น มากกว่าที่จะเผชิญกับความจริงที่น่ากลัวที่จะเปิดเผยตัวตนที่แท้จริงของฉันออกมา งานที่ฉันทำมันก็บ่งบอกความเป็นฉันได้ และหากว่าไม่มีการงานที่ทำอยู่แล้ว ฉันเองก็ไม่รู้ว่าฉันจะเป็นใครกัน ฉันจะต้องรับฟังและเชื่อมั่นเสียงจากภายใน ฉันรู้ว่าฉันจะตายลงไปเรื่อย ๆ จากภายในและมันก็จะต่อเนื่องมาสู่ภายนอกในที่สุดหากว่าฉันไม่ทำอย่างนี้ ฉันเองก็สงสัยอยู่เหมือนกันว่าฉันจะทำได้หรือเปล่า ฉันไม่รู้ว่าฉันจะเชื่อใจ หรือ รับฟังไอ้เจ้าเสียงจากภายในที่คอบกระซิบบอกฉันอยู่ตลอดนั้นได้มั๊ย
หลังจากนั้นในบ่ายวันเสาร์ของเดือนกันยายน ผมมองผ่านกระจกรถลีมูซีนออกไปปล่อยให้ความคิดไหลไปเรื่อยกับใบไม้แห้งสีน้ำตาล กับสามปีที่ผ่านมา และพยายามที่จะทำความเข้าใจกับทุกสิ่งทุกอย่างที่ได้เกิดขึ้นมาแล้วทั้งหมด มันเป็นเหมือนภาพต่อที่ขาดหายไปหลายชิ้น มันน่าหงุดหงิดรำคาญใจจริง ๆ เพราะผมได้พยายามทุ่มเทไปอย่างมากกับผลลัพธ์ที่มีแต่บั่นทอนชีวิตของผมเอง และภาพต่อที่ว่านั้นก็ไม่มีชิ้นส่วนเหลือที่จะนำเข้าไปติดต่อให้เป็นภาพที่สมบูรณ์ได้ ทั้งที่ได้ใช้ทุกสิ้นส่วนของภาพแล้ว มันก็ยังเป็นภาพที่ไม่สมบูรณ์ ผมพลิกการ์ดเชิญสีขาวไปมาระหว่างนิ้วมือของผม นิ้วหัวแม่มือของผมไล้ไปตามรอยนูนสีทอง เขียนว่า คุณได้รับการเรียนเชิญมาร่วมฉลองงานมงคลสมรสระหว่าง... รถเบนซ์มาจอดที่หน้าโบสถ์ เกรกหันมาเลิกคิ้วและยิ้มให้กับผม พร้อมกับแตะไหล่เบา ๆ เราออกจากรถแล้วเดินไปทางด้านข้างโบสถ์เพื่อเข้าไปยังห้องทำพิธีด้านข้าง ผมหยุดเพื่อสูบซิการ์อีกสักตัวเพื่อตั้งสติก่อนที่จะเข้าไปข้างใน ผมเห็นร่างคำพูดที่เกรกเตรียมไว้โผล่ออกมาจากขอบกระเป๋ากางเกงของเขานิดหนึ่ง สายลมพัดทำให้ใบโอ๊คต้นที่หน้าสุสานส่งเสียงกระทบกับเป็นคลื่นจังหงวะ ผมสูดหายใจเข้าลึกเต็มปอด มันคงจะสายเกินไปเสียแล้ว ผมได้แต่หวังว่าผมเป็นคนที่เข้มแข็งมากกว่านี้ หรือเป็นคนที่โชคดีกับเขาบ้าง แต่ผมก็ยอมรับว่าผมเป็นคนที่ความรักไม่เคยเข้าข้าง ไม่ให้ในสิ่งที่ผมต้องการ หรือว่าสิ่งที่ผมต้องการมันมากเกินไป หรือว่าผมใจง่ายเกินไป บางทีมันอาจถึงคราวที่จะต้องฉลาดขึ้นมาบ้างได้แล้ว ...ร่วมฉลองงานมงคลสมรสระหว่าง ซิโอบาน โอเลียรี่ กับ มาร์ค ดาร์แบงวิลล์ ณ โบสถ์เซนต์แมรี่ส์ แองกริกัน ในวันที่... โทรศัพท์มือถือของผมดังขึ้น ผมจะต้องไม่ลืมที่จะปิดมันก่อนที่จะเข้าทำพิธีตอนนี้ผมก็อยู่ในโบสถ์แล้วด้วย ท้องใส้ผมเริ่มบีบรัดเมื่อเห็นชื่อของคนที่โทรมาปรากฏบนหน้าจอเครื่อง เธอชื่อแซลลี่ - หวัดดี แซลลี่ - มาร์ค คุณเป็นอย่างไรบ้างค๊ะ มันเป็นคำถามที่อยากจะรู้จริง ๆ มันแฝงไปด้วยความห่วงใย ใคร่จะรู้ ผมจะตอบว่าอย่างไรได้ล่ะ เมื่อสามเดือนหลังจากที่ผมได้พูดกับเธอแล้ว บางทีเธออาจจะไม่ได้ยินที่ผมพูดเลยก็ได้ - ผมก็สบายดี มันเป็นคำตอบที่คลุมเคลือ และไม่จริง ผมล่ะ อยากจะหัวเราะเยาะใส่ตัวเองนัก - ฉันคิดว่าคุณควรจะได้รู้ ... พระเจ้า! ภายในอกผมเหมือนกับมีมือมาบีบเค้นหัวใจของผมอยู่ - แอนนารู้สึกตัวแล้วล่ะ ค่ะ - แล้วเธอสบายดีมั๊ยครับ - เธอรู้สึกตัวมาได้อาทิตย์นึงแล้วล่ะค่ะ และตอนนี้เธอต้องการที่จะคุยกับคุณค่ะ มาร์ค เธอต้องการที่จะคุยกับคุณ ผมได้ยินเสียงคำพูดนี้กึกก้องไปทั่วทั้งสนามหน้าโบสถ์ ทับเสียงเจี๊ยวจ๊าวของผู้คนที่นั่งอยู่ที่ม้านั่งในโบสถ์เสียสนิท ผมควรจะวางสายเสียดีกว่า เพราะเรื่องนี้มันได้จบลงแล้ว มันได้จบลงไปแล้วจริง ๆ ผมสูดหายใจเข้าลึก ๆ อีกครั้ง เกรกทำหน้านิ่วคิ้วขมวดเข้าหากัน - คุณสบายดีหรือเปล่าน่ะ ผมไม่ตอบ และวางสายโทรศัพท์โดยที่ไม่ได้พูดอะไรอีก - เกิดอะไรขึ้นหรือ มาร์ค เกรกถามขึ้นอีกครั้ง เป็นอันว่าวันนี้ผมยอมประนีประนอมให้วันหนึ่ง ทำให้เรื่องมันง่ายเข้า เพราะนั่นคือสิ่งที่ทุกคนทำในไม่ช้าไม่นานไม่ใช่หรือ - พร้อมรึยังว๊ะ เพื่อน - ผมขอเวลาอีกสักแป๊บนึงเถอะน๊ะ ผมบอก พร้อมกับเดินออกไปคนเดียว มองออกไปยังหินสลักที่สนามหน้าโบสถ์ คิดไปว่าคนเรามีอายุอยู่ได้จริง ๆ แล้วสักกี่ปีกัน แล้วคนแก่อีกล่ะ จะสักกี่ปีกัน มันไม่นานเลยจริง ๆ นะ ถ้าคุณเป็นผมคุณจะทำอย่างไรล่ะ คุณจะกลับไปมั๊ย ทั้ง ๆ ที่รู้ว่าคุณไม่เคยรู้สึกอย่างนี้กับผู้หญิงคนไหนมาก่อนเลย คุณคิดว่าสิ่งที่เกิดขึ้นนี้มันเป็นมหัศจรรย์ที่เกิดกับคนอย่างคุณงั้นหรือ หรือคุณยอมรับว่าพระเจ้าไม่อยากให้เราได้มีความรักมากนัก ตัดบทซะแล้วเดินตามเกรกเข้าไปในโบสถ์ ผมลังเล สายตายังจับจ้องอยู่ที่โทรศัพท์มือถือ ในวินาทีเช่นนี้เองที่สามารถทำให้ชีวิตคุณทั้งชีวิตเปลี่ยนไปได้โดยสิ้นเชิง
.....จบ.....
Create Date : 16 กันยายน 2553 | | |
Last Update : 28 กันยายน 2553 6:24:18 น. |
Counter : 179 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
สามีดีแตก บทที่ 96 - 100
Ninety six
ผมเช่ากระต๊อบเล็ก ๆ ไว้ที่ชายฝั่งไอริช ซึ่งเป็นที่ ๆ ผมกับแอนนาใช้เป็นที่ปลีกตัวไปอยู่ด้วยกันเพื่อเป็นส่วนตัว จดหมายลาของเธอได้ถูกส่งมาที่นี่จากแฮนฟอร์ด ผมอ่านมันที่ริมฝั่งน้ำ มองดูผิวน้ำสีเทาเงิน ที่กำลังปั่นป่วน ต่อมาผมตะโกนใส่นกทะเลตีนเป็ดที่กำลังร่อนร้องส่งเสียงกรี๊ดกร๊าดกันอยู่ อย่างน่ารำคาญ ผมไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเธอจะเขียนอะไรอย่างนี้ ฉันรักคุณหมดทั้งตัวและหัวใจ... ถ้าหากจริงอย่างที่เธอว่า แล้วส่วนไหนของตัวและหัวใจเธอที่มีให้กับพอลล่ะ โกหกทั้งเพ หรือว่าบางทีนี่อาจจะเป็นแอนนาคนที่ผมหลงรักก็ได้ ซึ่งมันเป็นคนละตัวและหัวใจที่ให้กับพอล ...มีหลายครั้งที่ฉันอยู่ในอีกชีวิตหนึ่ง ชีวิตที่หลบหนีจากความทุกข์ตรม เวลาที่เราได้อยู่ด้วยกัน มันเป็นช่วงเวลาที่ฉันไม่เคยมีมาก่อน... ...คุณเป็นคนที่มหัศจรรย์ที่สุด โรแมนติก, เป็นห่วงเป็นใย และเป็นผู้ชายที่มีแต่ให้เท่าที่ฉันเคยพบ ความรักของคุณทำให้ฉันซาบซึ้งถึงแก่นแท้ ฉันอยากได้คุณเป็นชีวิตลับของฉัน ชีวิตที่ไม่มีใครสัมผัสได้ ฉันไม่ได้คาดหวังที่จะหลงรักคุณหรือให้คุณหลงรักฉันหรอกนะ... ถ้าหากว่าคนเราต้องการที่พำนักใจ แล้วละก็ การมีสามีภรรยาเป็นเรื่องของอะไรกัน ผมตะโกนใส่เรือตกปลาที่กำลังล่องลอยอยู่ในน้ำ คุณคือคนที่วิเศษที่สุดที่ได้สัมผัสถึงส่วนลึกในจิตวิญญาณของฉันและก็ยังคงเป็นเช่นนั้นตลอดไป สิ่งที่คุณเขียนมันช่างน่าอ่านเสียจริง เวลาที่คุณหัวเราะจากใจมันเป็นเหมือนมนต์วิเศษ ฉันคิดถึงคุณทุกวันค่ะ... ผมไม่เข้าใจว่าอะไรกำลังเกิดขึ้นกันแน่ มันงงงวยบอกไม่ถูก ถ้าหากว่าจดหมายฉบับนี้เป็นจริงละก็ แล้วพอลจะได้อะไรจากเธอ เขาจะต้องรู้ได้ซิว่าเธอไม่ได้เป็นเธอที่เค้าอยู่ด้วย เค้าทำได้อย่างไรกัน นี่มันไม่ใช่ชีวิตที่เธอต้องการให้มันเป็นไปหรอก เธอไม่ต้องการให้ชีวิตต้องทรมานเพราะต้องรักผู้ชายสองคนในเวลาเดียวกัน เธอไม่สามารถเหยียบเรือสองแคมได้ในขณะที่เรือกำลังจะออกจากท่า และเธอก็ยังลังเลอยู่อีก แล้วผมล่ะ ผมจะรักอีกครั้งได้อย่างไร ผมจะล้างใจจากเธอได้ยังไง ในเมื่อผมรู้ว่าผู้หญิงที่ผมรักที่สุดยังมีความรู้สึกต่อผมเช่นนี้ แม้ว่าก่อนนี้เธอเคยบอกว่าเธออาจจะไม่ได้รักผมมากพอ ผมสับสน มืดมนไปหมด ผมจะหยุดความรักสุดยอดในชีวิตผมได้หรือ ในเมื่อเธอบอกว่าเธอยังรักผมอยู่ เมื่อวานนี้ ผมได้โน้มน้าวใจตัวเองให้เชื่อว่าเธอได้เปลี่ยนใจไปแล้ว เพราะความโกรธและการบ่นหาเรื่องอย่างไร้เหตุผลของผมได้กัดกร่อนความรักที่ครั้งหนึ่งเธอเคยมีต่อผม แต่จากจดหมายฉบับนี้ ผมรู้สึกเหมือนจิตวิญญานของผมกำลังถูกปล้อนออกมาทีละชิ้นทีละชิ้นเหมือนใครดึงเส้นด้ายออกจากเสื้อถักที่มันจะคลายออกไปเรื่อย ๆ จนหมดตัว จดหมายนั้นตามหลอกหลอนผมอยู่เกือบสองเดือน แล้วคืนหนึ่งผมก็ได้รับโทรศัพท์จากเพื่อนคนหนึ่งของเธอชื่อแซลลี่ บอกผมว่าแอนนาได้ประสบอุบัติเหตุ และอาจจะอยู่ไม่รอดพ้นคืนนี้ได้ ผมขับรถตรงไปยังลอนดอนทันที
Ninety seven
มันเป็นช่วงเวลาที่ผมกลัวเป็นที่สุด ช่วงเวลาที่เธอบอกผมว่าเธอจะไม่ให้อภัยแก่ผมได้เลย มันจะเป็นช่วงเวลาที่ผมเผชิญกับความเป็นจริงที่สุด ซูซานนั่งอยู่ที่ขอบเตียงคนไข้ ไม่มีใครในห้องนั้นมองเห็นเธอได้นอกจากผม เธอกำลังจับมือของแอนนาอยู่ ผู้หญิงสองคนนี้กำลังเข้าถึงกันหว่างโลกของความเป็นและโลกของความตาย ตอนที่ยังเป็นเด็ก ฉันจะตัดสินใจด้วยเหตุผลอะไรก็ได้ที่จะทำให้ฉันได้เป็นส่วนหนึ่ง และรู้สึกเป็นคนพิเศษ เป็นที่ยอมรับ และต้องการ มันทำให้ฉันรู้สึกเหมือนได้รับรางวัลที่ได้ทำอย่างนั้น ฉันก็เลยดำเนินชีวิตแบบนั้นมาตลอด นี่คือภรรยาผู้มีความรับผิดชอบในหน้าที่หรือลูกสาวที่ดีของพ่อแม่ เธอโผล่ออกมาเผชิญกับรถขนย้ายโดยอุบัติเหตุหรือว่าเธอตั้งใจที่จะไม่เหยียบเบรครถกันแน่ ทุกคนในครอบครัวของเธอต่างมองผมเป็นตาเดียว เป็นทุกคนที่ผมรู้จักจากการบอกเล่าของแอนนา วันนี้ผมได้พบกับตัวจริงของทุกคน ผมมองไปรอบ ๆ ห้อง เห็นพอล เค้าเหมือนกับที่ผมคิดเอาไว้ เดริค พ่อของแอนนาดูท่าทางงง ๆ แม่กับน้องของเธอโอบอยู่ด้วยกันไม่ห่าง ผมคาดเดาว่าพวกเค้าคงรู้แล้วว่าผมเป็นใคร ผมจะเปิดเผยทุกอย่างเสียตอนนี้ก็ได้ และผมก็คิดว่านี่เป็นสิ่งที่ผมต้องการทำ นี่ไม่ใช่เป็นแค่เรื่องของผมหรือพอล ถ้าหากว่าเธอไม่ยอมเผชิญกับมันในตอนนี้ด้วยตัวเองแล้ว ไม่มีทางที่เธอหรือผมจะหลุดพ้นจากความทุกข์นี้ได้ บางทีเธออาจจะปกปิดความเจ็บปวดของเธอไม่ให้ครอบครัวได้เห็น ซึ่งผมคิดว่าเป็นสิ่งที่เธอทำเป็นประจำอยู่แล้ว แต่ไม่ว่าเธอจะได้บอกพวกเค้าไปแล้วหรือยัง หรือว่าใครที่เธออยากจะใช้ชีวิตอยู่ด้วย นี่มันเป็นส่วนของเธอ เธอคงจะต้องตัดสินใจด้วยตัวเอง เหมือนกับที่ผม หรือซูซานได้ทำลงไปแล้ว แต่ฉันไม่รู้ว่าฉันอยู่ที่ตำแหน่งไหน ไม่แน่ใจแม้กระทั่งตัวเองเป็นใคร มันจะดีเสียกว่าหากว่าต้องปล่อยให้ตัวเองยุ่ง ๆ อยู่กับงานแทนการค้นหาความจริง ช่วงหลังมานี้ฉันได้พยายามอย่างที่สุดที่จะคลุกคลีอยู่กับคนที่ไกล้ชิดฉันที่สุด คนที่ทำให้ฉันรู้จักตัวเองมากขึ้นแทนที่จะเผชิญหน้ากับความน่าหวาดกลัวที่จะค้นหาตัวเองด้วยตัวเอง ฉันปล่อยให้สามีเป็นคนตัดสินใจว่าฉันเป็นใคร แล้วฉันก็ตกลงปลงใจคล้อยตามและเป็นไปตามนั้น เพื่อเค้าจะได้อยู่ดูแลฉัน และฉันก็จะได้ไม่โดดเดี่ยวอีกต่อไป ฉันจำต้องไว้ใจและเชื่อฟังเสียงจากหัวใจของฉันเองด้วย ฉันรู้ว่าความตายจะบั่นทอนชีวิตฉันลงไปเรื่อย ๆ จากภายในจนสู่ภายนอกในที่สุดหากว่าฉันไม่ทำอย่างนี้ ทุกคนจ้องมาที่ผม สงสัยว่าผมจะพูดอะไร - นี่คือมาร์คค่ะ แซลลี่แนะนำ พร้อมกับมายืนข้างผม เขาเป็นเพื่อนของฉันค่ะ แซลลี่สอดแขนของเธอคล้องแขนผมไว้แต่พองาม เธอเป็นผู้หญิงมีไหวพริบคนนึง รู้ทันสถานการณ์ - แล้วเค้ามาทำอะไรที่นี่ล่ะ พ่อของแอนนาถาม - เขาก็รู้จักกับแอนนาค่ะ เขาก็นิยมชมชอบเธอเหมือนกัน ผมเห็นได้จากสายตาของทุกคน ว่าทุกคนรู้ว่าผมคือใคร ยกเว้นพ่อของแอนนาคนเดียว แต่ก็ไม่มีใครอยากจะชักใบให้เรือเสียในตอนนี้ แซลลี่หันมาทางผมแล้วบอกว่าเธอจะไปรอผมอยู่ที่โรงอาหาร แล้วเธอก็เดินออกไปอย่างเศร้าซึม - หมอบอกว่าเธอพ้นขีดอันตรายแล้ว แต่ไม่รู้ว่าเธอได้รับความกระทบกระเทือนมากน้อยแค่ไหน เธออาจจะไม่ตื่นขึ้นมาอีก หรือหากว่าตื่นหมอก็ไม่รู้ว่าเธอจะเป็นอย่างไร เธออาจจะจำอะไรไม่ได้เลย แอนนาจะเป็นคนที่ไม่มีอดีตให้ต้องจำ มันเป็นเรื่องที่น่าคิด ผมยังอดนึกเยาะในความคิดไม่ได้ แอนนาจะทำอะไรต่อไป เธอจะดำเนินชีวิตอย่างไรโดยไม่มีอดีตให้คิดถึง กลายเป็นแอนนาคนใหม่เอี่ยมอ่อง แล้วเธอจะทำอย่างไรกับพอล กับครอบครัวของเธอ หรือกับผม แต่เธอก็จะจำผมไม่ได้ เพราะผมจะไม่อยู่ที่นี่ให้เธอเห็นเพื่อระลึกถึง หรือบางทีผมอาจจะเจอเธออีกครั้งที่งานการชุมนุมภาพยนต์ที่ไหนสักแห่ง และเธอก็จะเห็นผมอีกครั้งหนึ่ง เป็นอีกครั้งแรก แล้วต่อไปจะเกิดอะไรขึ้นนะ - คุณเป็นอะไรไปหรือเปล่าค๊ะ แซลลี่ถาม ผมส่ายหน้า แต่ไม่ไว้ใจตัวเองที่จะพูดอะไรออกไปทันที ก่อนที่จะผมพูดออกไป - ขอบคุณที่บอกให้ผมทราบนะ แซลลี่ - คุณไม่ควรที่จะบอกพวกเค้าว่าคุณเป็นใครนะคะ แซลลี่พูด ผมพยักหน้าแสดงความเข้าใจ ผมยังคงเป็นความลับของเธออีกต่อไป เหมือนกับที่เธอยังเป็นแอนนาคนที่รักผมซึ่งไม่มีใครรู้จักเธอ ผมยกแก้วกาแฟขึ้นเพื่อดื่มแต่มือของผมมันสั่นเสียเหลือเกิน กาแฟก็เลยหก ผมจึงวางแก้วลงที่เดิม - คุณอยู่ในเหตุการณ์หรือเปล่าครับตอนที่มันเกิดขึ้น - ฉันอยู่ในรถอีกคันนึงขับตามเธอมาค่ะ - คุณว่ามันเป็นการจงใจหรือเปล่าครับ เธอยักไหล่ คนที่รู้คำตอบจริง ๆ นั้นจะเก็บคำตอบเอาไว้กับเธออย่างมิดชิดเหมือนอย่างที่เธอเป็นมาตลอด ผมรู้สึกชาไปหมดทั้งตัว ความทุกข์นี้มันชักจะเกินกว่าที่จะรับไหวแล้วจริง ๆ ผมรักผู้หญิงคนนี้จริง ๆ อย่างที่ไม่เคยรักใครอย่างนี้มาก่อน - คุณเป็นอย่างไรบ้างล่ะ แซลลี่ ริมฝีปากล่างของเธอมีอาการสั่นเล็กน้อย - ฉันไม่เข้าใจเลยจริง ๆ เธอเป็นคนน่ารักมาก ทำไมเธอถึงไม่มีความสุข - เธออาจจะมีความลับของเธอก็ได้ ผมพูด - ฉันหวังว่าเธอน่าจะได้ปล่อยเผยให้มันออกมาบ้าง อะไรมันจะหนักหนาปานนั้นเชียว - ผมเองก็รู้สึกเช่นเดียวกับคุณนั่นแหละ คาดไม่ถึงว่าเธอจะทำอย่างนั้น ต่อมาเมื่อเรากลับไปที่ห้อง ไอซียู ครอบครัวของเธอไม่ได้อยู่ที่นั่นแล้ว พวกเค้าอยู่อีกห้องหนึ่งคุยอยู่กับแพทย์ศัลยกรรม มีพยาบาลคนหนึ่งยืนจดอะไรบางอย่างอยู่ที่ปลายเตียงของแอนนา พระเจ้า อย่าให้เธอต้องตายลงเลย ถึงแม้ว่าผมจะไม่ได้พบกับเธออีก แต่ขออย่าให้เธอต้องตายเลย - ฉันจะปล่อยให้คุณอยู่กันตามลำพังนะค๊ะ แซลลี่กระซิบบอกผมก่อนเดินออกไป หลังจากที่พยาบาลออกไปแล้ว ผมนั่งลงข้างเตียงแล้วจับมือของเธอข้างหนึ่งกุมไว้เหมือนกับที่เธอเคยทำกับผมครั้งหนึ่งในโรงแรมแห่งหนึ่งในลอนดอนเมื่อนานมาแล้ว - ที่รัก ผมกระซิบ พระเจ้า ดูซิมันยุ่งเหยิงไปหมด เค้าบอกว่าคุณจะจำอะไรไม่ได้อีกเมื่อคุณตื่นขึ้นมา พวกเค้าจะบอกคุณว่าชีวิตที่ผ่านมาของคุณเป็นอย่างไร คุณแต่งงานกับใคร ใครคือครอบครัวของคุณบ้าง หรือแม้แต่อะไรคือสิ่งที่คุณทำหรือต้องการ ผมไต่นิ้วไปตามแขนและหลังมือเล็ก ๆ และซีดเซียวของเธอ แล้วบรรจงจูบนิ้วของเธอ - แต่คุณจะต้องจำไว้อย่างหนึ่งนะแอนนา คุณจะต้องจำมันทุกสิ่ง หากว่าคุณลืมมันไปมันจะเป็นสิ่งที่คอยทรมานคุณ มันจะซ่อนอยู่ที่ไหนสักแห่งภายใน และคุณจะไม่รู้เลยว่าอะไรที่มันคอยกวนใจคุณอยู่ ผมจะยังอยู่ได้แม้ไม่มีเธอแล้ว แต่มันก็แค่นั้นเอง ผ่านไปวัน ๆ อย่างไม่มีความหมาย ไม่มีสีสรรเหมือนที่เธอเคยนำมาสู่ชีวิตผม ชีวิตจะเป็นโทนสีเดียว บางคนได้รับรู้ถึงความรู้สึกของรักแรกพบ ผมไม่รู้ว่าจะคิดว่าพวกเค้าโชคดีหรือ โชคร้ายกันแน่ - ลาก่อน ที่รักของผม ผมเงยหน้าขึ้น พอลกำลังยืนอยู่ที่ประตูทางออก ผมไม่รู้ว่าเค้าได้ยินอะไรบ้าง ผมปล่อยมือของเธอ เราจ้องหน้ากันอยู่ครู่หนึ่ง ผมลุกขึ้นยืน แขนข้างที่อยู่ทางเขาปล่อยวางอย่างไร้เรี่ยวแรง ส่วนอีกข้างหนึ่งกำลังกำหมัดสลับกับคลาย ผมไม่รู้ว่าจะพูดอะไรกับพอลดี เขาผงกศรีษะเล็กน้อยก่อนที่จะยิ้มเล็ก ๆ เหมือนกำลังจะปล่อยให้ผมออกไปโดยไม่ต้องพูดอะไร เขาจะแกล้งทำเป็นว่าผมเป็นเพื่อนของแซลลี่จริง ๆ หากว่าเขาพูดออกมา ผมอาจจะกลายเป็นตัวจริงไปได้ - คุณรู้อยู่แล้วว่าผมเป็นใคร พอล เขาส่ายหน้า ไม่ตัดสินใจว่าจะทำอะไรดีกับเรื่องนี้ - ผมรักเธอ เขาพูดแค่นั้น แน่นอนเขารักเธอ แต่ว่าแอนนาที่เขารักนั้นอาจจะไม่ใช่แอนนาตัวจริงก็ได้ เหมือนกับผู้ชายที่ซูซานรักก็ไม่ใช่ตัวตนจริง ๆ ของผมเลย - ผมเคยอยากจะฆ่าคุณมานานแล้ว เขาพูด - แล้วทำไมคุณไม่เคยพูดเกี่ยวกับผมกับเธอซะเลยล่ะ เขาไม่ตอบ - เพราะว่าหากว่าคุณพูดกับเธอเกี่ยวกับผม คุณอาจจะได้รู้ความจริงที่ว่าเธอไม่ใช่ผู้หญิงคนที่คุณกำลังรักอยู่ก็ได้ ทั้งคุณและแอนนาต่างก็ไม่อยากให้มันเป็นอย่างนั้น - คุณไม่น่ามาที่นี่เลยจริง ๆ ผมแปลกใจที่ผมไม่รู้สึกอิจฉาหรือโกรธเขาเลย ครั้งหนึ่งผมเคยคิดว่าเค้าเป็นผู้ชายที่โชคดีที่สุดคนนึง ถ้าเขาต้องสูญเสียเธอไป ผมรู้ดีว่าเค้าจะรู้สึกอย่างไร เพราะผมเคยสูญเสียเธอมาแล้วหลายครั้ง บ่อเกิดของความทุกข์เศร้าทั้งปวงทำให้ผมเคว้งคว้างไปหมด แต่ถึงแม้ว่าเขาจะยังมีเธออยู่ต่อไป เขาก็ไม่ต้องการเธอในส่วนที่เธอเป็นของผม เขาต้องการเธออย่างที่เธอเคยเป็นเหมือนเมื่อก่อน ดังนั้นเขาไม่ได้รักเธอทั้งหมดเหมือนกับที่ผมรัก เขาไม่ได้เป็นคนที่โชคดีเลยสักนิด ผมคาดว่าเขาคงจะพลาดถึงส่วนที่ดีที่สุดของเธอไปด้วย เพราะมันไม่ใช่ส่วนที่เขาต้องการ - แล้วคุณจะทำอย่างไรต่อไป เขาถามผม - ผมคิดว่าจะกลับบ้าน - เธอจะไม่ไปไหนทั้งนั้น - เพื่อน ๆ ผมต่างก็พูดอย่างนั้นเหมือนกัน ผมยืนลังเลอยู่ที่ประตู - ผมเสียใจ พอล ผมไม่ได้ตั้งใจที่จะทำให้คุณเจ็บอย่างนี้ ผมรู้ว่าคุณรักเธอ แต่ถ้าหากไม่ใช่เพราะผม บางสิ่งอาจจะเข้ามาแทรกระหว่างคุณกับเธอก็ได้ เธอไม่ใช่ผู้หญิงแบบที่คุณคิด ในใจเธอยังมีอะไรอีกหลายอย่างนักที่คุณไม่รู้ เสียงสัญญานจากเครื่อง อีซีจีของแอนนาดังขึ้น พยาบาลและแพทย์ฝึกหัดต่างวิ่งเข้าไปในห้องของเธอ จัดตั้งเครื่องใหม่และเตรียมที่จะทำให้เธอฟื้นขึ้นมาอีกครั้ง ผมและพอลยืนดูแข็งทื่ออยู่ที่นั่น ระยะจากเพียงประตูกั้น แต่มันเป็นเพียงสัญญานที่ผิด ไม่ว่าอะไรไปกระทบต่อเครื่องมอนิเตอร์มันจะส่งเสียงทันที ระดับการเต้นของหัวใจก็จะปรับระดับโดยตัวของมันเอง แม่ของแอนนารออยู่ที่ตรงระเบียงข้างนอกพร้อมกับน้องสาวของเธอ สิ่งเดียวที่ผมทำได้ตอนนี้ก็คือเดินจากไป พวกเค้าอาจจะคิดว่าไปว่าพวกเค้าแค่จินตนาการเห็นผมเท่านั้นเอง หรือไม่ก็ แอนนาเป็นคนคิดไปเอง และผมก็คิดว่ามันเป็นอย่างนั้นจริง ๆ คนเราทุกคนต่างก็บอกกับตัวเองว่าเราจะอยู่ตลอดไปและเรามีเวลาเหลือเฟือ แต่จริง ๆ แล้วเราไม่มีเวลาเลยด้วยซ้ำไป ไม่มีพอที่จะให้มันสูญไปเสียเฉย ๆ ความตายมันรออยู่ข้างหน้าอย่างซื่อสัตย์ ถึงแม้ว่าเราจะไม่ซื่อสัตย์ต่อตัวเองก็ตาม พระเจ้าได้ให้เวลากับทุกคนเพียงพอที่จะเติมเต็ม, เปลี่ยนแปลง, หรือตายโดยไม่ต้องคิดไว้ล่วงหน้า หรือ อาจจะเลือกเองได้ และตอนนี้แอนนาเองก็กำลังเผชิญหน้าอยู่กับเจ้าความตายทมึน บางทีในความฝันที่ล่องลอยเธออาจจะมองลงมายังทางเลือกเดียว เหมือนกับที่ซูซานเคยเผชิญ ฉันกำลังจะตายลงไปเพราะว่าชีวิตที่ฉันดำเนินมากว่าสี่สิบปีที่ผ่านมามันไม่ได้ผลอีกต่อไป ฉันทำลงไปโดยรางวัลที่ฉันได้รับก็คือการที่ไม่เคยได้เป็นตัวเองที่แท้จริงเลย หรือค่าของการที่ฉันยุ่ง ๆ อยู่กับทุกสิ่ง จนไม่เคยมีเวลาให้กับตัวเอง ฉันได้พยายามอย่างที่สุดแล้วที่จะคลุกคลีกับคนอื่นที่ห่างไปจากชีวิตที่เป็นอยู่ของฉันบ้าง กับคนที่แสดงให้ฉันเห็นตัวเอง แทนที่จะเผชิญหน้าอย่างหวาดกลัวที่จะค้นหาตัวเองด้วยตัวเอง งานของฉันเป็นสิ่งที่บ่งบอกถึงตัวตนของฉันได้ หากว่าไม่มีงานแล้วฉันก็ไม่รู้ว่าฉันเป็นใครกัน แล้วแอนนาจะทำอย่างไรนะ เธอจะตื่นขึ้นมาสลัดกำจัดความตายออกไปโดยที่ไม่มีความทรงจำเหลืออยู่เลยนะหรือ หรือว่าเธอจะโบยบินออกไปไกลแสนไกลแค่ไหนก็ได้เท่าที่เธออยากจะไป หรือว่าเธอจะตื่นขึ้นมายิ้มรับทุกคนในครอบครัวกับความทรงจำที่ยังมีอยู่และกลับไปใช้ชีวิตเหมือนเดิม หรือว่าเธอจะนอนหลับอยู่อย่างนี้ตลอดไป นับวัน เดือน ปี ตลอดไป ไร้ความรู้สึกใด ๆ ทั้งสิ้น เพียงคนเดียวที่รู้คำตอบเหล่านี้ และหากว่าคุณคือคนนั้นคุณก็จะรู้ทันทีว่าแอนนาจะทำอย่างไร เธอจะทำเหมือนกับที่คุณจะทำ หรือที่คุณได้ทำไปแล้ว ทุกวันในวันชีวิตที่ยังเป็น ๆ ของคุณ
Ninety eight
- แล้วคุณจะทำยังไงต่อไปค๊ะ มาร์ค คุณจะเอากับใครเป็นคนต่อไปอีกล่ะ ตอนนี้เจนกำลังเมาได้ที่ เธอชักจะพูดมากเกินไปและดังเกินไปด้วยแล้ว คนอื่น ๆที่กำลังดื่มด่ำกันอย่างมีความสุขอยู่ ต่างหันมองมาทางเจน แต่เจนไม่กลับไม่รู้สึกรู้สาอะไรเลย นี่เป็นอีกอย่างหนึ่งที่ผมทั้งชอบและหวาดหวั่นในตัวเจน - คุณหมายความถึงทางด้านศีลธรรมหรือการกระทำล่ะ เธอโบ้ยมือที่ถือแก้วไวน์อยู่ไปมาจนไวน์ชาดอนเน่ในแก้วกระเด็นลงบนโต๊ะไม้โอ๊ค - เอ่อ คุณเองก็คงรู้ดีนี่ จะอะไรก็ตามเหอะ - ผมไม่รู้เลยว่าผมจะทำยังไงต่อไปดี - คุณนี่มักจะเป็นที่ดึงดูดใจต่อผู้หญิงที่มีปัญหาทั้งนั้นเลยนะ ใช่มั๊ย ทำไมถึงเป็นอย่างนั้นล่ะ - โถ่ ถ้าผมรู้ล่วงหน้าได้ ผมก็คงจะพยายามไม่ให้มันเกิดขึ้นมาหรอก - ดูคุณซิ ใครเห็นใครก็ต้องหลงใหล ทั้งมีความรับผิดชอบ ไม่ทิ้งใครง่าย ๆ หรือจะทำร้ายใครได้ และก็ยังเป็นคนดิบนิด ๆ ที่พอจะทำให้พวกเธอพบกับความสุขสุด ๆ ก่อนที่จะถึงช่วงที่ขีดเส้นตายของคุณ นั่นเป็นวิถีชีวิตของคุณใช่มั๊ย เจนพูดถูก ความสัมพันธ์ที่ผ่าน ๆ มาของผมมันดำเนินมาในรูปแบบเดียวกัน ทั้งก่อนและหลังจากซูซาน ผมมักจะมองหาผู้หญิงที่เป็นคนดี และผู้หญิงเกเรในคน ๆ เดียวกัน แต่ผมก็ไม่เคยเจอเลยจนกระทั่งผมได้พบกับแอนนา ผู้หญิงอื่น ๆ ที่ผมเคยพบเธอมักจะเป็นแค่อย่างใดอย่างหนึ่งเท่านั้นเอง ผมไม่ชอบผู้หญิงเกเร เพราะที่สุดแล้วเธอก็จะทิ้งผมในขณะที่ผู้หญิงเรียบร้อยเธอเรียบร้อยเกินไปจนน่าเบื่อ ตอนนี้เจนเริ่มเมามากแล้ว เธอเริ่มพูดฟังไม่ได้ศัพท์ - มาร์ค ปัญหาของคุณคือ คุณมองทุกสิ่งเป็นสีขาวกับสีดำเท่านั้นเอง ทั้งที่มันไม่ใช่ คุณทั้งคู่ก็เลยพัง มาร์ค คุณทั้งคู่พยายามที่จะอยู่กับคนสองคน - ผมไม่ได้เป็นอย่างนั้นนะ ก็ตอนนี้ไม่มีซูซานแล้ว คุณก็รู้ - ฉันไม่ได้หมายถึงซูซานกันปีเตอร์ - เค้าชื่อพอล - จะชื่ออะไรก็ช่างเถอะ แต่ที่ฉันหมายถึงก็คือ คนสองคนที่อยู่ในร่างคุณเองนั่นแหละ ทั้งคู่เป็นโรคจิตอย่างหนึ่งที่ขาดการเชื่อมโยงระหว่างสิ่งที่อยู่แวดล้อมตัวคุณหรืออะไรประมาณนั้น และแอนนาเธอก็เป็นจุดสนใจระหว่างสองคนในตัวคุณ ไม่ใช่หรือ - พูดให้ดังขึ้นอีกซิเจน คนข้างนอกจะได้ได้ยินที่คุณพูดด้วย - คุณยังคิดถึงซูซานอยู่ ใช่มั๊ย และมันก็มีบางอย่างที่มีความเป็นซูซานอยู่ในตัวของแอนนาด้วย ซึ่งคุณไม่ยอมรับมัน - โอเค มีบางสิ่งที่เป็นซูซานอยู่ในแอนนาจริง แต่มันมีมากกว่านั้น และก็เจ้าสิ่งที่มากกว่านี่เองที่ผมกำลังตามหามันมาตลอด เจนหัวเราะแล้วกระแทกแก้วไวน์ของเธอลงบนโต๊ะ ไว้น์ขาวในแก้วหกเลอะโต๊ะมากขึ้นอีก แต่เธอก็ไม่ได้สนใจ - เป็นไงล่ะ นั่นละคือสิ่งที่ฉันพยายามจะบอกคุณ เจ้าทึ่มเอ๊ย สิ่งที่ผมต้องการคือการมีความรักและหัวเราะได้อีกครั้ง มันอาจจะไม่มีวันเกิดขึ้นได้อีก สิ่งที่ผมทำไปมันไม่ได้ทำให้ภรรยาของผมเป็นคนไม่ดี แต่มันก็ไม่ได้ทำให้ผมเป็นคนเลวไม่ใช่หรือ - แต่ผมต่างออกไปในตอนที่ผมพบกับซูซานนะ ตอนนั้นผมยังไม่เคยอยู่กับผู้หญิงมาก่อน ผมอยากได้ใครสักคนกอดผมไว้ยามค่ำคืน เป็นเพื่อนสนิทสำหรับผม - บ้านที่อบอุ่นปลอดภัย เพื่อคุณจะได้ตั้งหน้าตั้งตาในหน้าที่การงานเพื่อความก้าวหน้าใช่มั๊ย ไม่ใช่, ใช่, หรืออาจจะเป็นอย่างนั้น แต่ตอนนั้นซูซานเหมาะสมดีแล้ว มันเพิ่งจะเกิดขึ้นเมื่อสี่ห้าปีให้หลังมานี่เอง ที่ผมได้มองไปรอบ ๆ ตัวเพื่อค้นหาอย่างอื่นที่นอกเหนือจากการงาน การเงิน รถยนต์ บ้าน ซึ่งผมมีพร้อมหมดแล้ว - ผมคิดว่าผมเองคงจะเป็นตัวปัญหาของตัวเองด้วย เพราะผมต้องการมากเกินไป ผมเกลียดตัวเองจัง ผมว่าถ้าผมไม่คิดถึงมันมากไป มันคงจะหายไปจากความคิดของผมเสียก็ได้นะ - แล้วทำไมคุณไม่ทำอะไรกันมันซะตั้งแต่แรกล่ะ เช่นก่อนที่คุณจะแต่งงาน - ก็มันเพิ่งจะมาเกิดขึ้นตอนที่ผมสามสิบกว่า ๆ เข้าไปแล้วนี่ซิ มันเป็นตอนที่เรื่องอื่น ๆ ของผมลงตัวหมดแล้ว จนกระทั่งไอ้ความคิดบ้า ๆ เริ่มคืบคลานเข้ามาสะกิดทีละนิด จนผมกลายเป็นเหมือนสองคนในร่างเดียว ผมได้พยายามแล้วที่จะผลักไอ้เจ้าความคิดชั่ว ๆ นั้นออกไปเสีย แต่ก็ไร้ผล ยิ่งว่าเหมือนยิ่งยุ มันเริ่มทำลายสิ่งดี ๆ ออกไปทีละนิดจนกว่ามันจะชนะครอบครองเป็นเจ้าของความคิดของผมทั้งหมด ผมเกลียดมันและละอายใจจริง ๆ แต่มันก็เป็นส่วนหนึ่งของผม และมันก็ทำให้ผมมีความรู้สึกว่ายังมีชีวิตอยู่จริง ๆ ความต้องการของมันเกินกว่าที่ซูซานจะให้ได้เสียด้วยซิ - จนกระทั่งคุณได้พบกับแอนนา - ใช่ แล้วเธอก็ตกหลุมรักมันเข้าด้วย - นั่นแหละที่ทำให้คุณได้อยากมีผู้หญิงทั้งสองคนในชีวิตคุณ เจนพูดเสียงดังจนคนทั้งผับได้ยินกันทั่ว ตอนนี้แอลกอฮอล์ได้เข้าครอบครองพฤติกรรมของเธอเสียสิ้น นั่นแหละที่ทำให้คุณอยากได้มีผู้หญิงทั้งสองคนในชีวิตคุณ! ผมยังจำอีเมล์ที่ผมส่งให้แอนนาได้เมื่อนานมาแล้วได้ ในตอนที่เธอทิ้งผมเป็นครั้งแรก มันฟังดูดีมาก ที่ผมจะมีทั้งภรรยาและภรรยาลับ ส่วนเธอก็จะมีสามีและคนรักลับ ๆ เราทั้งคู่จะไม่ทำให้ครอบครัวของทั้งสองฝ่ายต้องกระเทือน ความสัมพันธ์ของเราจะดำเนินไปเรื่อย ๆ ไม่มีใครเจ็บปวด เราจะเติมเต็มส่วนขาดให้กันและกัน - ไม่มีอะไรจะเป็นไปได้ง่าย ๆ อย่างนั้นนะซิค๊ะ ผมคิดว่าเราได้ทำให้มันพังลงไป ซูซานกับผมไม่เห็นด้วยกับมัน ผมอยากได้วิญญาณความคิดอิสระที่ผมสามารถควบคุมได้ ซูซานเสียใจกับการกระทำของผมแต่เธอก็ยอม เราก็เลยเป็นคู่ที่เหมาะกันดี แต่นั่นคือจุดเริ่มต้นซึ่งผมเองก็ไม่รู้ว่าทำไมมันเป็นแบบนั้น บางทีเธออาจจะคิดว่าเมื่อเธอกลายเป็นภรรยาและเป็นแม่ของลูกแล้วอะไร ๆ ก็จะเปลี่ยนไปด้วย เธออาจจะลืมไปว่าเธอยังเป็นผู้หญิงอยู่ดี และเป็นผู้หญิงที่ผมปล่อยให้เธอแห้งแล้ง ตัวเธอเองก็เหมือนกัน ไม่รู้ซิ บางทีมันอาจจะเป็นเรื่องเดียวกันกับพอลและแอนนาก็ได้ ไม่มีใครเป็นผู้ชนะ แต่มันก็เป็นความต้องการของผมเอง ผมไม่เห็นว่าผมจะต้องเสียใจเพื่อตัวเองทำไม - แล้วคุณกับเทอรี่เป็นอย่างไรบ้างล่ะ ผมถามเจน เค้ารักผู้หญิงทั้งสองคนในตัวคุณหรือเปล่า - เดี๋ยวนี้ชั้นมีเพียงหนึ่งฉันเท่านั้นแล้วค่ะ ขอโทษ ขอไวน์ชั้นอีกสักแก้วนะค๊ะ - คุณคิดว่าคุณน่าจะดื่มต่ออีกหรือ - เออค่ะ เจนตะโกนใส่หน้าผม ผมอยากจะบ้าตาย แล้วเจนก็กระดกไว้น์ในแก้วจนหมด - มันดึกมากแล้วนะเจน ผมน่ะ ไม่เป็นไรหรอก แต่ว่าเทอรี่เค้าจะไม่คอยห่วงว่าคุณหายไปไหนหรือ - เค้าจะยังไม่กลับบ้านหรอกค่ะ เจนพูด แล้วเธอก็เริ่มที่จะร้องไห้ พระเจ้า ! ผมจับไหล่เธอเบา ๆ เพื่อปลอบเธอ แล้วเธอก็สะอื้นซบกับอกผม ผมรู้สึกว่าอกเสื้อผมเริ่มเปียกซะแล้ว - ชีวิตฉันมันบัดซบ สับสนไปหมดแล้วล่ะค่ะ เจนพูด ชีวิตมันก็ต้องเกี่ยวข้องกับการประนีประนอมกันบ้างอย่างแน่นอน แต่คุณก็ต้องรู้ว่าอะไรคือการประนีประนอม และอะไรที่จะต้องเด็ดขาด
Ninety nine
ซิโอบานนั่งอย่างเปลือยเปล่าอยู่ที่ปลายเตียง ผมชื่นชมกับภาพที่เห็นโดยมีแสงสีเหลืองนวลจากโคมไฟหัวเตียงทำให้มันน่าดูมาก แผ่นหลังเป็นแนวยาว เส้นผมยาวตรงสีทอง เธอช่างงดงามเสียจริง เธอมีพันธะน้อยกว่าแอนนามากนัก มันจะไม่ทำให้มีเรื่องต้องหนักใจ แต่ทำไมผมถึงยังลืมแอนนาไม่ลงซะที มีเสียงจากภายในผมบอกว่านี่เป็นสิ่งที่ถูกต้องแล้วที่ผมหันไปคบหาซิโอบาน แต่อีกเสียงหนึ่งกลับบอกว่าหากว่าผมทำอย่างนั้นก็เท่ากับว่าผมกำลังทรยศเรื่องที่สำคัญที่สุดในชีวิตของตัวเอง เธอจุดกัญชาขึ้นสูบมวนนึงแล้วส่งต่อให้กับผม - เล่าให้ฉันฟังเกี่ยวกับแอนนาหน่อยซิค๊ะ เธอพูด ผมรู้สึกกังวลขึ้นมาเล็ก ๆ เมื่อถูกถามเกี่ยวกับแอนนา โดยเพื่อนผู้หญิง เธอรู้ว่าแผลใจของผมยังปิดไม่สนิท และเธอก็รู้ว่าจะเปิดมันได้อย่างไร เธอรู้ได้ยังไงกันนะ มันเป็นเพราะว่าผู้หญิงมีสัญชาตญาณพิเศษหรือว่าเป็นเพราะว่าเราเองที่ปกปิดไม่มิด - คุณอยากรู้เรื่องส่วนไหนล่ะ - เธอเป็นคนยังไงค๊ะ ผมจะตอบคำถามแบบนั้นยังไงดีล่ะ ผมยังไม่รู้จริง ๆ เลยว่าเธอเป็นคนยังไง ผมได้รู้จัก ได้เห็นแอนนาคนที่เธออยากให้ผมได้รู้จัก ได้เห็นเท่านั้นเอง และจริง ๆ แล้วมันก็เป็นส่วนที่คนอื่น ๆ ไม่ได้เห็น ถ้าถามว่าเธอเป็นคนอย่างไร ผมก็คงจะได้แต่เดาส่งเดชไปงั้นแหละ - เธอก็เหมือนผมนี่ละ ซิโอบาน ทำหน้างง ๆ สงสัยไม่หาย - เธอเป็นสองคนในร่างเดียวน่ะ ออกจะเพี้ยนนิด ๆ สับสนหน่อย ๆ และเหมือนกับว่าเธอกำลังเล่นละครอยู่ด้วย ซิโอบานหัวเราะ เธอไม่แน่ใจว่าผมกำลังล้อเธอเล่นหรือเปล่า แต่ผมก็ทำให้เธอตื่นตัวขึ้นมาบ้าง ผมอยู่กับเธอที่นี่คืนนี้บนเตียงของเธอ เพราะเธอคิดว่าผมเป็นคนที่เธอคิดว่าผมเป็น ปลอดภัยในทุกด้าน ซื่อสัตย์ มีเสน่ห์ และความนุ่มนวลที่มาพร้อมกับสำนวนอารมย์ขัน แต่เธอไม่ได้คิดว่าผมแทบจะเป็นบ้าไปแล้วและยังเหมือนกับคนหลงทางไม่รู้จะทำอย่างไร จะไปทางไหนดี - นั่นไม่ใช่คุณสักหน่อย เธอพูด แน่ละ ถ้าเป็นแอนนาอยู่ที่นี่เธอจะไม่พูดอะไรแบบนี้หรอก แต่เธอจะหัวเราะและพูดว่า ใช่ค่ะคุณดาแบงวิลล์ เราทั้งคู่เป็นบ้าไปแล้ว แอนนารู้ชีวิตของผมด้านนี้ดีพอ ๆ กับที่เธอรู้ชีวิตของตัวเองอีกด้านหนึ่งเช่นกัน และนั่นก็เป็นเหตุผลที่อธิบายได้ว่าทำไมเธอถึงรอผมจนตีสี่เมื่อสองปีที่แล้ว ไม่ใช่เพราะสวาทสัมพันธ์หรือเพื่อการผจญภัยหรอก แต่เพราะเธอรู้ดีถึงความคิดจิตวิญญานที่ผมมีเหมือนกับเธอ - แล้วถ้าหากว่าแอนนาเลิกกับสามีของเธอล่ะ คุณจะทำอย่างไร เธอถามผม พระเจ้า! ผมไม่เคยคิดถึงคำถามเหล่านี้เลยตั้งแต่ผมเริ่มหลับนอนกับซิโอบาน ผมน่าที่จะสามารถตอบคำถามนี้ได้ทันทีทันใด แต่นี่ผมกลับตกอยู่ในความเงียบงันพักหนึ่งก่อนที่ผมจะตอบเธอไปว่ามันคงจะไม่แตกต่างกันเท่าไหร่สำหรับผมหรอก เพื่อเป็นการให้รางวัล ซิโอบานจูบผมที่ปาก ผมรับรู้ถึงรสของหญ้า ไวน์ขาว น้ำหอมกัลติแยร์ และเซ็กซ์ เธอดูเหมือนเทพธิดา คงมีอะไรผิดปกติในตัวผมสักอย่างแน่ สิ่งที่ผิดปกติไปจริง ๆ แล้วมันคงจะเป็นเธอที่ไม่มีเหลี่ยมอยู่ในตัวเลย เธอยินดีกับทุกอย่างที่ผมวาดหรือสร้างขึ้นมา แต่เธอไม่ได้รักมันอย่างหลงไหล เหมือนกับที่แอนนาเป็น เราสื่อถึงกันได้อยู่ แต่กับแอนนาแล้วเธอมีความเข้าใจด้วยว่าเราเป็นคนสองคนที่เราเป็น ส่วนซิโอบานนั้นเธอเห็นผมเป็นคนอย่างที่เธอเห็น แอนนาเข้าใจผม อย่างแอนนาหรือผมจะ ต่างจากซิโอบานตรงที่เธอคอยหาแต่ความเย้ายวนจากความคุ้นเคยและความอบอุ่นจากร่างกายในยามค่ำคืนเท่านั้นเอง ถ้าหากว่าปราศจากเหลี่ยมคมบ้างแล้วผมคิดว่าผมคงจะตายไปเสียก่อนด้วยความเบื่อหน่าย แต่ยังไงซิโอบานก็อยู่ที่นี่แล้ว คืนนี้ เหมือนพอลก็อยู่กับแอนนาเช่นกัน ซิโอบานจับมือผมแล้วดึงขึ้นไปโอบหน้าอกของเธอไว้ เธอช่างสวยงามเสียจริง - บอกฉันซิค๊ะว่าคุณรักฉัน เธอกระซิบบอกผม - ผมรักคุณ ผมบอกกับเธอ นั่นไงล่ะ ไม่เห็นจะยากตรงไหนเลย ใช่มั๊ย
Onehundred
- แอนนาเป็นอย่างไรบ้างล่ะ เกรกถามผม - ผมไม่ได้โทรไป ไม่ได้ถามอะไรเลย ผมคิดว่าเธอคงอยู่ในระหว่างพักฟื้น ไม่รู้ว่าเธอลืมทุกอย่างไปหมดแล้วหรือยัง ถ้าหากว่าเป็นอย่างนั้น ผมก็เป็นประวัติศาสตร์ไปแล้ว เป็นความคิดที่น่าสนใจทีเดียว เพราะว่าจริง ๆ แล้วผมจะเป็นประวัติศาสตร์คนอื่นไปไม่ได้นอกจากประวัติศาสตร์ของตัวเอง พอล และพ่อของแอนนา และทุกคนในครอบครัวของเธอทุกคนรู้เรื่องเกี่ยวกับผมแล้วในตอนนี้ ถ้าหากว่าเธอจำอะไรได้ พวกเค้าคงจะทำทุกอย่างที่จะไม่ได้เธอได้ติดต่อพบเจอกับผมอีก ผมมันเป็นจริงเกินไปสำหรับพวกเค้า เป็นสามีที่เหลวไหล กับภรรยาที่ตายไปแล้ว และลูกชายที่กำลังไร้ที่พึ่ง ผมช่างเป็นผู้ชายที่ไม่เอาไหนเลยจริง ๆ ผมคงไม่เหมาะที่จะไปร่วมปาร์ตี้งานวันเกิดกับครอบครัว - คุณจะเป็นเพื่อนเจ้าบ่าวให้ผมได้หรือเปล่า มาร์ค - ด้วยความยินดี เกรก เกรกกับไดแอนทำได้สำเร็จแล้ว หากว่าการแต่งงานคือการที่เขาได้เอาชนะทุกอย่างตามที่พวกเขาต้องการ ผมรู้สึกยินดีกับพวกเค้าด้วยจริง ๆ เกรกมีความสุขอย่างน่าหมั่นไส้ในช่วงอายุเท่านี้ ทั้งที่น่าจะเป็นช่วงถดถอยเสียมากกว่า ความสุขนี้มันจะจีรังรึเปล่าหนอ ยังไงผมก็เอาใจช่วยเค้าทั้งสองให้มีความสุขตลอดไป สำหรับเกรกที่พรมลิขิตให้เขาได้กลับมาอยู่กับผู้หญิงที่เขารักมาตลอด แม้ว่าจะกลับมาเมื่อเวลาล่วงมาป่านนี้แล้วก็ตาม ผมก็รู้สึกว่ามันเป็นชัยชนะที่ยิ่งใหญ่ เขาเหมือนได้รับการขยายโอกาส เกรกสั่งเบียร์มาอีกรอบ - จริง ๆ แล้วนะ ผมไม่คิดว่าคุณจะกล้าเสี่ยง - คือ คุณจะต้องรู้ว่าแท้ที่จริงแล้วคุณต้องการอะไร เขาพูด คนที่ผมเคยสอนตอนนี้กลายเป็นคนที่ให้บทเรียนกับผมเสียแล้ว คุณจะต้องถามตัวเองว่าอะไรคือสิ่งที่จะประนีประนอมไม่ได้ - ผมไม่รู้ซิ เขาใช้นิ้วเคาะที่หน้าผากเบา ๆ - เธอเข้ากับผมได้ดีมาก มาร์ค คือ เธออาจจะไม่รู้จักผมดี เพราะทริช รู้จักผมดีแล้ว เธอรู้จักผมดีว่าตลอดสิบห้าปีที่ผ่านมานี้ผมได้ทำอะไรลงไปบ้าง แต่ไดแอนเข้ากับผมได้ดีกว่า ดวงตาของเขาเปล่งประกาย แรงปราถนาในตัวเขาซึ่งผมไม่เคยเห็นมาก่อนเลย - มันไม่สมบูรณ์แบบหรอก มาร์ค เพราะไม่เคยมีอะไรสมบูรณ์แบบจริง ๆหรอกนะ ผมว่า คนในครอบครัวของเธอไม่ชอบผม แต่นั่นอาจจะเปลี่นแปลงได้ในอนาคต คงต้องให้เวลากันสักหน่อย ผมไม่รู้ว่า เจย์ จะยอมรับเธอได้แค่ไหน และคริสมาสต์ก็คงจะฝืด ๆ ไปสักหน่อยในสองสามปีแรก มันไม่ใช่ครอบครัวสมบูรณ์แบบที่ผมเคยมี - คุณทำให้ผมทึ่งได้จริง ๆ เขายักไหล่ - ผมจะพูดอย่างไรดีล่ะ บางทีมันก็ได้ผล บางทีมันก็ไม่ได้ มันคงเป็นเรื่องของโชคชะตาละมั้ง - ผมไม่เชื่อในเรื่องของโชคชะตาหรอกนะ สิ่งที่ผมเชื่อก็คือ โชคชะตามันพาให้ผมพบเข้ากับผู้หญิงที่สมบูรณ์แบบคนหนึ่งที่งานประชุมนักเขียน หลังจากนั้นมันก็ปล่อยให้เป็นเรื่องของผมตามลำพัง - คุณก็แค่อย่าไปประนีประนอมกับเรื่องที่มันเป็นเรื่องซิ มาร์ค อย่างเรื่องที่มันมาจากความต้องการข้างใน เขาใช้มือตบตรงที่หน้าอก เกรก เจ้าคนโรแมนติก โชคชะตามันช่างแปรผันไปได้ ตลกเสียจริง ตอนนี้ผมเชื่อว่าผมคงจะเถลไถลออกนอกลู่นอกทางเสียแล้ว สิ่งต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นกับแอนนาได้ทำให้ผมหมดกำลังใจ จากที่ผ่านมาเนิ่นนาน ผมคิดว่าผมคงจะไม่มีกำลังพอที่จะลงเรือลำเดียวกับใครได้อีก
Create Date : 16 กันยายน 2553 | | |
Last Update : 24 กันยายน 2553 7:49:57 น. |
Counter : 200 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
สามีดีแตก บทที่ 91 - 95
Ninety one
ผมได้ถูกเชิญให้ไปร่วมงานเลี้ยงปาร์ตี้ดินเนอร์ที่ร้านอาหารจีนแห่งหนึ่ง พวกผู้ชายยืนอยู่ข้างนอกในระหว่างที่รอให้พวกผู้หญิงทะยอยเข้าข้างในก่อน มีเสียงบ่นพึมพำเกี่ยวกับร่มและเสื้อโค้ดที่เปียกฝน และในระหว่างการแนะนำตัวกันนั้นเสียงตื่นเต้นจากการระลึกถึงกันดังขึ้นเป็นระยะ ๆ ผู้ชายคนหนึ่งในนั้นได้พาผู้หญิงที่เขาพบในสัปดาห์ก่อนมาเป็นคู่ควงเป็นครั้งแรก ขณะที่เธอนั่งอยู่นั้นสายตาของเรามาเจอกันเข้าพอดี - ดูเหมือนว่าผมจะเคยรู้จักคุณที่ไหนมาก่อนรึเปล่าครับ ผมถามเธอ - ถูกต้องค่ะ เธอตอบอย่างเป็นผู้ได้เปรียบในสถานการณ์นี้ ซิโอบาน แลรี่ เราเคยไปไหนมาไหนด้วยกันอยู่พักหนึ่ง แล้วผมก็เลิกคบกับเธอหลังจากที่ผมได้พบกับซูซาน หลายปีที่ผ่านมาเรามีเรื่องที่จะพูดถึงมากมายเหมือนไม่มีที่สิ้นสุด จนแฟนของเธอออกอาการเหนื่อยหน่ายและหาทางขอตัวออกไปก่อน หลังงานเลี้ยง ซิโอบานกับผมไปต่อกันที่ร้านกาแฟข้าง ๆ และผมก็ถามเธอว่าทำไมเธอถึงยังไม่แต่งงานเสียที เธอยิ้มแฝงไปด้วยความอายและเจ็บปวด - เอาน่า ไหนลองบอกมาซิว่ามันซับซ้อนยังไงกัน เธอถอนหายใจลึก ๆ - ฉันเคยไป ๆ มา ๆ อยู่ถึงสิบเจ็ดปีกับผู้ชายที่แต่งงานแล้วคนนึง เธอบอก ผมจ้องหน้าหล่อน สิบเจ็ดปีเชียวหรือ คุณทำได้ยังไงกันตั้งสิบเจ็ดปี แต่ผมก็ลองมานึกถึงระหว่างผมกันแอนนาดู เวลามันก็ผ่านไปเร็วจริง ๆ ผมคงจะทำอย่างนี้เหมือนกับคุณไม่ได้ - แล้วเกิดอะไรขึ้นหรือครับ - ฉันรักเค้าค่ะ เธอพูดอย่างง่ายดายชัดเจน และผมก็เข้าใจ เข้าใจอย่างถ่องแท้ในคำสามคำที่เธอพูดออกมา - ฉันคิดว่าเค้าจะเลิกกัน โทนี่เค้าก็ทำทีท่าเหมือนกับว่าจะเลิก จะเลิก และฉันก็รักเค้ามากจริง ๆ ข้างนอกแสงไฟสีน้ำเงินสลับแดงจากร้านกาแฟสะท้อนเล่นอยู่กับพื้นถนนที่เปียกฝน ความหนาวผ่านเข้ามาข้างในร้านทุกครั้งที่มีคนผลักประตูเข้าออก เสียงซู่ จากล้อรถที่รีดน้ำจากล้อบนถนนเปียกดังเข้ามาถึงในร้านในระหว่างที่ประตูเปิด หลังจากนั้นก็จะกลับมาเป็นเสียงพูดคุย ความอบอุ่นจากเครื่องทำความร้อนในร้าน - คุณคงรู้ว่ามันเป็นอย่างไร เธอพูด เราเลิกกัน แล้วกลับมาคบกันอีก หลังจากนั้นฉันขอแยกออกมาเพื่อหาทางออกสำหรับเรื่องนี้ เขาก็เหมือนกัน แต่จริง ๆ แล้วฉันแทบจะทนไม่ได้ที่จะต้องห่างจากเขา ฉันคงจะต้องกลับไปหาเขาอีกแน่ ความเงียบเข้ามาคั่นไว้ครู่ใหญ่ ก่อนที่เธอจะพูดต่อ - ฉันไม่รู้ว่าเวลามันผ่านล่วงเลยไปตอนไหนกัน ผมคิดว่านั่นแหละเป็นสิ่งที่เวลามันทำละ มันจะหายไปเสียเฉย ๆ ในขณะที่เรากำลังครุ่นคิดติดสินใจว่าจะเอายังไงกับชีวิตดี - เมื่อคริสมาสต์ที่ผ่านมาเค้าซื้อชุดสนามให้กับฉัน แล้วคุณรู้มั๊ยว่าเค้าซื้ออะไรให้เธอ ผมส่ายหน้าแทนคำตอบ - รถเบนซ์ค่ะ ผมเงยหน้าขึ้นมองเพดานแทน - แล้วมันเป็นชุดสนามที่แพงหรือเปล่า ผมถามเธอ มันเป็นคำถามโง่ ๆ ที่ผมถามขึ้นเพื่อผ่อนความตึงเครียด ผมไม่น่าถามไปอย่างนั้นเลย ตอนนี้น้ำตาเธอเริ่มเอ่อออกมา - แล้วมันจบลงอย่างไรหรือ - ภรรยาของเค้าไปมีสามีใหม่ทันทีที่ลูก ๆ ของเค้าพ้นอก ตลอดหลายปีที่ผ่านมาเธอพร่ำบอกกับเค้าเสมอมาว่าเธอต้องการเค้า เค้าจะทิ้งเธอไปได้อย่างไรกัน แต่ทันทีที่เธอมีคนใหม่เธอกลับเก็บกระเป๋าออกไปไม่ทันข้ามคืน เธอคงจะแก้แค้นเสียมากกว่า ฉันคิดว่าอย่างนั้นนะ หรือบางทีเธออาจจะแค่เป็นคนเห็นแก่ตัวเท่านั่นเอง ใครจะไปรู้ล่ะ เธอเอื้อมหยิบกระเป๋าและทิชชู - ผมเสียใจด้วยจริง ๆ นะ กาแฟผมเริ่มชืดหมดแล้ว ผมยังใช้ช้อนคนมันไปเรื่อย ๆ - ถ้างั้นคุณก็กลับมาอยู่ด้วยกันหรือ - ฉันก็กลับไปอยู่กับเขาอย่างไม่น่าเลย และมันก็เป็นปัญหามากมาย ลูก ๆของเค้าเกลียดชั้น ทุกครั้งที่เค้ากลับเข้าบ้าน เค้าจะพูดกับฉันว่า ซิโอบาน คุณจะว่าอะไรมั๊ยถ้าจะขอให้คุณออกไปข้างนอกสักครู่ เพราะอเล็กซ์กำลังจะกลับมา และเค้าก็ไม่ชอบที่มีคุณอยู่ที่นี่ เค้าไม่เคยต่อสู้เพื่อฉันเลย ความเงียบเข้ามาอีกครั้งคราวนี้เงียบงันกว่าเดิมอีกเท่าตัว ผมรู้สึกเหมือนมีใครเตะผมอย่างจังเข้าที่ท้องน้อย - แล้วนี่คุณยังเจอกับเค้าอยู่อีกหรือเปล่าครับ ผมถามเธอ - ฉันพยายามที่จะไม่พบเค้าค่ะ เธอโน้มเข้ามาไกล้ผมแล้วกระซิบ ฉันคิดว่าถ้าฉันสามารถอยู่ได้นานกว่าเธอทุกอย่างมันอาจจะลงเอยได้ด้วยดี เธอสั่งน้ำมูกลงในกระดาษทิชชู ตอนนี้เธอรู้สึกละอายขึ้นมา - คุณรู้มั๊ยว่าอีกอย่างนึงที่ฉันคิดขึ้นมาได้ ก็คือ ไม่ควรจะคบหาผู้ชายที่มีเมียแล้วเลยจริง ๆ การถูกทำร้ายจิตใจไม่ว่าใครก็ต้องเจ็บปวด หลังจากดื่มกาแฟหมดแล้ว ผมเรียกแท๊กซี่ให้เธอ แล้วเราจับมือลากันท่ามกลางสายฝน ครั้งหนึ่งผมเคยสงสัยว่าเธอจะเป็นอย่างไรกับเรื่องบนเตียง แต่ตอนนี้ผมได้แต่มองเธอขึ้นรถหายไป สิบเจ็ดปีเชียวหรือ พระเจ้า!
Ninety two
ผมไม่คิดว่าผมจะเจอกับซิโอบานอีก แต่แน่นอน ผมเจอเธออีกจนได้ ผมโทรหาเธอเพียงเพื่อคุยกับเธอ แล้วเธอก็ได้เอ่ยถึงโรงหนังอาร์ตฝรั่งเศษที่เธออยากดูขึ้นมา เธอบอกว่าเพื่อน ๆ ของเธอไม่มีใครชอบหนังที่มีสับไทเทิล และเธอก็ไม่ชอบไปดูหนังคนเดียวด้วย ผมก็เลยบอกว่าผมสนใจที่ไปกับเธอ เราก็เลยไปด้วยกัน หลายคืนต่อมาเราได้ออกไปทานอาหารค่ำด้วยกันอีก ผมขับรถไปส่งเธอที่บ้าน และเธอก็เชิญผมให้อยู่ดื่มกาแฟกันก่อน ก่อนกลับผมยืนลังเลอยู่ที่ประตูแล้วเธอก็เข้ามาประคองใบหน้าผมไว้ในมือก่อนที่จะบรรจงจูบ ผมไม่ได้คิดอะไรอย่างนี้จะเกิดขึ้น ผมกำลังคิดจะผละออกแต่คืนนี้แอนนาก็นอนกับผู้ชายคนอื่น บางทีผมอาจจะคิดอย่างนั้นเพื่อเป็นข้ออ้าง หรือบางทีอาจจะเป็นเพราะความเหงาก็ได้ และก็ไม่ใช่ว่าเพราะผมไม่มีใจต่อเธอเอาเสียเลย เธอไม่ใช่แอนนา แต่คืนนี้ผมจะคิดเสียว่าเธอคือแอนนาก็แล้วกัน
Ninety three
- แล้วนี่คุณจะทำยังไงต่อไปล่ะ เจนถามผม ปริศนาก็คือ ผมไม่มีความสุข และแอนนาก็คิดว่าผมไม่สามารถอยู่โดยไม่มีเธอได้ ผมกลายเป็นภาระอีกอย่างหนึ่งให้กับเธอ ทั้งเธอยังกังวลว่าเธอจะทำให้ผมเจ็บปวดอีก เธอก็เลยพยายามผลักไสผมออกไปเสีย ถ้าหากว่าผมเดินหน้าเธอจะถอยหลังไปสู่ชีวิตเก่า ๆ ของเธอเพื่อหย่อนสถานการณ์ เดี๋ยวนี้เธอจะอยู่ติดบ้านเสียเป็นส่วนใหญ่ เป็นความพึงพอใจในความละอายและสำนึก เธอจะประโลมใจตัวเองด้วยการทำในสิ่งที่เธอคิดว่าจะทำให้ทุกคนมีความสุข กระนั้นผมก็ยังคงคิดว่าแอนนาจะยังอยู่กับปัญหาเดิม เธอจะไม่มีความสุข แล้วผมล่ะ ผมอยู่กับเธอก็ไม่ได้ แต่หากว่าผมจะตัดใจเสีย ผมรู้ว่าส่วนหนึ่งของเธอนั้นยังต้องการให้ผมอยู่ เธอจะไม่ทำลายความหวังทั้งหมดและเธอก็จะไม่ให้ความหวังอะไรเลยด้วย นี่ไม่ใช่ชีวิตที่เธอต้องการ เพราะฉะนั้นผมรู้ว่าในไม่ช้าก็เร็ว มันจะต้องมีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นอย่างแน่นอน บางที.... - คุณกำลังคบหาใครอยู่รึเปล่าค๊ะ เจนถามผม ผมยักไหล่ - คุณต้องทำอะไรสักอย่างแล้วนะค๊ะ เธอพูดต่อ เพราะหล่อนไม่มีทางที่จะทิ้งสามีของเธอแน่ เธอติดหนึบกับเค้าซะแล้วล่ะค่ะ ฉันเชื่อว่าหล่อนคงมีความรู้สึกว่าตัวเองมีพลังอำนาจเป็นต่อที่เป็นที่ต้องการ เป็นคนสำคัญของเขา ผู้ชายที่เธอเคยเทอดทูนไม่สามารถทิ้งเธอได้ ถ้าหากว่าเธอปล่อยมันไปเสีย เธอก็จะสูญเสียการควบคุมไปอีกครั้ง - ไม่จริงหรอก คุณจะไปป้ายสีคนอื่นด้วยวิถีของคุณเองไม่ได้นะ - นี่คุณ ตลอดชีวิตของหล่อนนะ มีแต่คอยที่จะทำให้คนอื่นมีความสุข เพราะงั้นหล่อนก็จะมีความรู้สึกผิดถ้าหากว่าหล่อนต้องทิ้งทุกอย่างไปในตอนนี้ หล่อนเป็นคนของประชาชนค่ะมาร์ค หล่อนจะไม่มีทางทำอะไรเพื่อตัวเองหรอกค่ะ เพราะหล่อนไม่ชอบที่ให้ใคร ๆ มาเกลียดหล่อน ผมล่ะสงสัยจริง ๆ ว่าตอนนี้เจนกำลังพูดถึงแอนนาหรือตัวเธอเองกันแน่ และผมก็ไม่ชอบที่เจนเปรียบแอนนาว่าเป็นคนของประชาชน ถึงแม้ว่าแอนนาเองก็เคยบอกว่าตัวเองเป็นอย่างนั้นจริง ๆ - ยังไงเสีย ผู้ชายก็ไม่เคยละมือ หากว่าตัวเขาเองยังไม่มีคนใหม่มาแทนที่ ใคร ๆ ก็รู้กันทั้งนั้นล่ะค่ะมาร์ค และถ้าหากว่าหล่อนต้องการจะจบเรื่องนี้ หล่อนก็จะเป็นคนออกมาเอง หรือไม่หล่อนก็จะต้องผลักไสเขาออกไป แต่ชั้นก็ไม่คิดว่าหล่อนกล้าพอที่จะทำอย่างนั้นได้หรอกค่ะ เจนพูดถูกที่ว่าผู้ชายจะยังไม่ถอยง่าย ๆ หากว่าเขาไม่มีคนใหม่เข้ามาแทนที่ - แต่ถ้าหากว่าคุณยังหลงรักเธออยู่อย่างนี้แล้วคุณจะเปิดโอกาสให้คนอื่นเข้ามาได้อย่างไรกัน - แล้วคุณจะลืมความรักสุดยอดในชีวิตคุณได้ไง ในเมื่อเธอบอกว่าเธอยังรักคุณอยู่นะ - คุณต้องดูแลตัวของคุณเองก่อนนะค๊ะมาร์ค - คุณหมายความถึงการประณีประนอมน่ะหรือ - ใคร ๆ ก็ทำกันทั้งนั้นล่ะค่ะ เธอพูด ผมรู้ว่าเธอกำลังพูดถึงตัวเองกับเทอรี่ และผมก็รู้ว่าเธอหมายความว่าอย่างไร เธอจะไม่ยอมปล่อยให้เทอรี่หลุดไปง่าย ๆ เพราะอาจจะไม่มีใครที่ดีกว่ารอเธออยู่ข้างหน้า หรืออาจจะไม่มีใครเลยสักคนก็เป็นได้ ถ้างั้นผมจะทำอย่างไรดี จะประณีประนอมกับชีวิตเหมือนอย่างที่แอนนาแนะนำให้หาความสัมพันธ์ใหม่ ถึงแม้ว่ามันจะไม่เป็นความสัมพันธ์ที่ตราตรึงเกินบรรยายอย่างที่มีอยู่นะหรือ แอนนาได้สร้างสถิติไว้สูงเกินกว่าที่ใครจะล้มได้ง่าย ๆ เกินไป ตอนที่ผมเจอเธอ ผมเองไม่ได้ตั้งใจที่จะมองหาใครมาแทนที่ใครเลยในตอนนั้น มันเป็นเหมือนหลุมพลางที่ผมบังเอิญตกลงไปในระหว่างทางที่ผมกำลังก่อสร้างครอบครัวสมบูรณ์แบบของผม แต่ถ้าหากว่าความรักครั้งที่สองมันเกิดขึ้นได้อีกล่ะ และถ้าผมต้องประณีประนอมกับความรักจริง ๆ อย่างที่เจนสนับสนุนให้ผมกระทำในตอนนี้ ผมก็คงจะกลับไปตกอยู่ในวงจรเดิมเหมือนเมื่อตอนที่ผมเจอกับแอนนาอีกครั้งหนึ่งนะซิ หรือจะพูดอีกทีก็คือผมมันก็เป็นคนสิ้นหวังสิ้นดีคนนึงเท่านั้นเอง
Ninety four
ท้องฟ้าหม่น กลิ่นอากาศของฤดูใบไม้ผลิกับอัฐิ ลมโชยเอาอากาศที่หนาวปนเปมากับกลิ่นเผาขยะ ผู้ชายคนหนึ่งเดินออกกำลังอย่างกระฉับกระเฉง เขาใส่เสื้อกันหนาวคอเต่าพร้อมกับผ้าพันคอสดใสอีกผืนหนึ่ง เขายิ้มและทักทายกับผมว่าวันนี้สดใสดีนะ ผมอยากจะบอกเขาให้ไปให้พ้น ๆ ซะเถอะ ผมเคยเดินกับแอนนาในจังหวะก้าวย่างเดียวกันทั่วสวนสาธาระณะแห่งนี้ วันนี้มีพวกเด็ก ๆ ใส่ชุดดูอบอุ่นหัวเราะเล่นกันอย่างสนุกสนานในสนาม มีคู่รักนั่งแนบชิดติดกันบนม้านั่งในสวน มันเป็นวันที่สวยงามในวันที่แย่ที่สุดในชีวิตของผม เบอร์ของเธอยังอยู่ในปุ่มกดอัตโนมัตในเครื่องของผม ผมจะต้องไม่ลืมที่จะลบมันทิ้งไปซะ ผมโทรหาเธอ - ผมคงจะทำอย่างนี้ต่อไปไม่ได้อีกแล้วนะ แอนนา มันคงจะต้องจบลงได้แล้ว เงียบงันที่ปลายสาย เธอไม่รับหรือปฏิเสธ - คุณทำถูกแล้วล่ะค่ะ ในที่สุดเธอก็พูดออกมา มันไม่ใช่เพราะคุณหรอกค่ะ มันเป็นเพราะชั้นเอง คุณสมควรที่จะได้รับมันที่สุด คุณสมควรที่จะได้ใครที่จะทำให้คุณมีความสุขที่ฉันไม่สามารถให้ได้ ผมรู้อยู่แล้วว่าเธอจะต้องพูดแบบนี้ ไม่มีการปลอบโยนใด ๆ ผมไม่คาดหวังที่จะมีความรู้สึกแบบนี้อีกต่อไป แต่ก็จะทำยังไงได้ - ผมคิดว่าผมคงจะไม่สามารถลืมมันได้เลยจริง ๆ ผู้ชายคนหนึ่งปากิ่งไม้เล่นกับหมาของเขา ผมรู้สึกเกลียดเขาขึ้นมาทันที ผมเกลียดความสุขแบบนี้ในทุก ๆ ที่ แต่ก็ไม่รู้ว่าเกลียดแล้วมันจะได้อะไรขึ้นมา - ฉันเสียใจสำหรับทุกสิ่งค่ะ เธอพูด - ครั้งหนึ่งคุณเคยบอกว่าคุณรักผม - บางทีฉันอาจจะไม่ได้รักอย่างเพียงพอก็ได้ค่ะ ผมว่าเธอกำลังโกรธที่ผมเป็นคนจบมันเอง ผมรู้ได้ในน้ำเสียงของเธอ ตอนแรกบ่งบอกถึงความขัดแย้งในประโยคที่ว่า ฉันเสียใจสำหรับทุกสิ่ง ซึ่งความจริงมันบอกถึงความโกรธของเธอ เพราะว่าบางทีเธอยังอยากจะให้เรื่องนี้ดำเนินต่อไปอีก - ผมคงต้องหยุดเพียงแค่นี้นะแอนนา ผมพูด และวางสายไป ลบเบอร์ของเธอทิ้งเสียรวมทั้งข้อความต่าง ๆ ที่เก็บไว้ด้วย ผมเดินกลับไปที่รถแล้วขับกลับบ้านทันที ดีกว่าชู้สัมพันธ์ที่ยืดยื้อกว่าสิบเจ็ดปีแล้วต้องจบลง และบางทีชุดสนามอาจจะเหมาะกว่าเมอเซเดสก็ได้ ผมรู้สึกเหมือนจะกระอักเอาหัวใจออกมาเสียให้ได้
Ninety five
ผมไม่เคยนึกเลยว่าผมจะเป็นอย่างนี้ไปได้ ผมทำงานไม่ได้ กินไม่ได้ นอนไม่หลับ พูดเรื่อยเปื่อยทำให้ผมเหม่อมองไปอย่างไร้จุดหมาย ผมผล็อยหลับไปในระหว่างดูหนังขาวดำต่างประเทศในตอนตีสาม ใบเสร็จวางอยู่มากมายผมก็ไม่ได้ไปจ่าย ผมเดินผ่านผู้หญิงคนหนึ่งบนถนน เธอใส่น้ำหอม Lancome Tresor ผมหันไปมองจ้องเธอ ผมเหมือนจะพูดอะไรบางอย่างกับเธอ เธอมองดูผมเหมือนกับว่าผมกำลังสะกดรอยตามเธออยู่ ผมสวมเสื้อเชิ้ตตัวที่มีกลิ่นกายเธอติดอยู่ มันเป็นตัวที่เธอยืมใส่นอน ทันใดผมก็รู้สึกเหมือนหายใจไม่คล่องขึ้นมา ผมต้องลุกขึ้นนั่ง เพื่อให้หลุดพ้นจากการครอบงำในความสูญเสียของผม ผมโทรหาเธอแล้ววางสายก่อนที่เธอจะรับสาย ผมนัดดื่มกาแฟกับเพื่อนแต่ผมก็ต้องขอตัวกลับก่อนทั้งที่กาแฟลาเล้ของผมยังอุ่นอยู่เพื่อที่จะไปอยู่ตามลำพัง ผมรอให้เธอโทรกลับมาหาผมทั้งที่รู้ว่าเธอไม่มีทางที่จะโทรมาเพราะเธอไม่อยากที่จะทำให้ผมเจ็บปวดอีกต่อไป และถึงแม้ว่าเธออยากจะโทรมาเธอก็จะปฏิเสธความต้องการของตัวเอง ซึ่งเป็นสิ่งที่เธอชำนาญที่จะทำเสียด้วย เธอทำเพื่อผม และเค้าของเธอ ผมเที่ยวเดินด้อม ๆ ไปทั่วบ้านเหมือนเป็นภูติที่ไม่ปกติสุขยังผูกพันอยู่กับชีวิต จะอยู่ก็ไม่ได้ จะไปก็ไม่สุข
Create Date : 16 กันยายน 2553 | | |
Last Update : 9 ตุลาคม 2553 9:27:23 น. |
Counter : 206 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
สามีดีแตก บทที่ 86 - 90
Eighty six
- หล่อนไม่มีทางที่จะทิ้งเค้าไปได้หรอก, เจน พูดออกมาอย่างไม่อ้อมค้อม, หล่อนได้พยายามบอกกับคุณทางอ้อมแล้วแต่คุณก็ไม่ฟังเอง หล่อนบอกใบ้ให้คุณเสียกระจ่างแจ้งออกปานนั้น นี่เป็นอีกช่วงหนึ่งที่ขมขื่นสำหรับผม คือการที่คนอื่นรู้สึกอิ่มใจจากสภาวะที่ผมกำลังลำบากใจ ราวกับว่ามันเป็นการยืนยันความแย่ที่สุดที่เขาได้คาดการณ์ไว้ในเรื่องของความรักและธรรมชาติของมนุษย์ ที่ว่าการประนีประนอมกันย่อมดีกว่าที่จะเสี่ยงกับสิ่งที่สามารถทำให้หัวใจคุณหยุดเต้นได้ - ตอนนี้เค้ารักหล่อนมากกว่าที่เจ้าหล่อนรักเค้า สถานภาพมันตรงกันข้ามกับก่อนนั้น เค้ากลายเป็นคนรักขณะที่หล่อนเป็นคนที่ถูกรัก หล่อนกลายมาเป็นผู้คุมเกม แล้วเรื่องอะไรล่ะที่จะเลิกเล่นเสีย ในเมื่อหล่อนถือไพ่เหนือกว่าอยู่ในมือ
เจนพูดถูกที่ว่าแอนนาได้พยายามที่จะเตือนให้ผมรู้แล้วหลายครั้ง ผมเองเป็นคนที่ไม่ยอมปล่อยวาง ผมมันโง่เอง ผมพยายามลองวางตัวเองอยู่ในฐานะแอนนา ที่เธอรอคอยพอลให้รักเธอมาตลอดหลายปีที่ผ่านมา และตอนนี้เขาก็มาอยู่แทบเท้าเธอแล้ว พร้อมที่จะทำทุกอย่างเพื่อให้ได้เธอกลับมา ผมอยากรู้นักว่าถ้าเป็นผมแล้วผมจะทำอย่างไร หากว่าผมต้องสูญเสียสิ่งที่ผมได้พยายามอย่างที่สุดเพื่อที่จะได้มา ได้ลิ้มลองรู้รสถึงพลังของมันแล้ว แต่พลังของมันกลับกลายเป็นกับดักที่ทำให้คุณต้องพยายามอย่างหนักอีกเช่นกันเพื่อที่จะรักษามันเอาไว้ มันเป็นเรื่องราวความรักของผมเอง มันกระทบกระทั่งกับความพยศในความไม่สมปรารถนาอันเล็กน้อยอยู่เสมอ ๆ
- คุณไม่จัดอยู่ในจำพวกสมบูรณ์แบบหรอกนะ คุณเคยแต่งงานมาแล้ว มีประสพการณ์สอนและก็ยังมีลูกชายอีกคนนึงด้วย อย่างนี้แล้วคนในครอบครัวของเธอจะว่าอย่างไร เธอก็จะต้องให้มันเป็นไปได้กับเค้าเสียดีกว่า เธอเล่นไปตามเกมของพวกเค้า ซึ่งพวกเค้าก็ไม่ยอมรับคุณด้วย เค้าเป็นคนโสด คนในครอบครัวหล่อนต้องเห็นงามด้วย ส่วนคุณล่ะ จะเอาอะไรไปสู้กับเค้าได้ เจนตบมอคค่าใส่ครีมลงท้องไปอีกหนึ่งถ้วย น้ำหนักของเธอเพิ่มขึ้นสองสามปอนด์หลังจากที่เธอได้คอยให้คำปรึกษาผมอย่างนี้ - ขอโทษนะ เจนพูดหลังจากที่เห็นสีหน้าที่บ่งบอกความเจ็บปวดออกมาให้เห็น ฉันแค่เป็นคนที่พูดความจริงเก่า ๆ เท่านั้นเอง บางทีความจริง ถ้ามันเป็นอย่างนั้นจริง ๆ มันก็ได้ทำให้วันของเธอสดใสขึ้นมาได้ ผมรู้ว่าเธอคิดอย่างไร ไม่มีใครหรอกที่จะมีความสุขจริง ๆ ได้ มันต้องมีเรื่องยุ่ง ๆ ขึ้นมาบางละ หากว่าใครสักคนที่สามารถค้นหาความสุขที่แท้จริงได้กับชีวิตคู่ที่สุขสมแล้ว เจนเองอาจจะต้องกลับไปทำอะไรสักอย่างเกี่ยวกับเธอและเทอรี่แล้วละ ส่วนผม คนรักที่มองความรักจากอีกด้านหนึ่ง เหมือนผู้ลงโทษที่ต้องลงโทษให้แก่ตัวเอง ผมลองคิดว่าหากว่าซูซานอยู่ในสถานะแบบผม ที่เธอรักผมมาตลอดหลายปีที่ผ่านมา รอคอยเพื่อให้ผมรักกลับเหมือนกับที่เธอรักผมบ้าง ...กงกรรมกงเกวียน... ซูซานคงจะแอบพอใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นในขณะนี้ก็เป็นได้ ผมคิดไปเอง แต่มันไม่แฟร์สักเท่าไร ในฐานะที่ผมรู้จักเธอดีพอสมควร ผมคิดว่าสถานการณ์อย่างในวันนี้ ไม่ว่าเธอจะอยู่ในสวรรค์ชั้นไหนก็ตาม เธอคงหวังว่าให้ผมได้ค้นพบกับทางออกที่ดี แอนนาก็เหมือนกัน เพื่อให้เราทุกคนได้พบทางออกที่ดีที่สุดสำหรับเรื่องนี้ได้
Eighty seven
เดวิดกลับมาอยู่บ้านในวันหยุดช่วงคริสมาสต์ เราจ้องหน้ากันเหมือนคนแปลกหน้า เขาดูแปลกไปในชุดเสื้อโค้ดสีแดงแข้มกับกางเกงกำมะหยี่สีเทา เหมือนชายหนุ่มแต่งชุดเด็กนักเรียน ใบหน้าของเขาในอีกไม่ช้าเขาก็คงจะได้โกนหนวดเคราเป็นครั้งแรกแล้ว สายตาของเขาดูคลุมเคลือครุ่นคิดเป็นผู้ใหญ่ขึ้น เหมือนกับพ่อแม่คนอื่น ๆ ผมรู้สึกเป็นกังวล เสียใจ และหนักใจกับผลของการทำหน้าที่เป็นพ่อของผม ผมเห็นได้ถึงความร้าวราญจากดวงตาของเขา เขาไม่ชอบผมเอาเสียเลยจริง ๆ ผมเคยคิดเสมอว่าผมจะเป็นพ่อที่สมบูรณ์ได้ เป็นแบบอย่างที่ดี แต่มันกลับไม่เป็นไปตามที่คิด เขาคิดว่าผมเป็นต้นเหตุที่ทำให้แม่ของเขาต้องเสียชีวิต เวลาที่เราอยู่กันตามลำพังเขาแทบที่จะไม่สามารถเอ่ยปากพูดอะไรกับผมได้เลย เดวิดเคยเป็นเหตุผลที่ผมดำเนินชีวิตในอดีต ตอนที่ยังไม่มีเขา เขาเป็นเหมือนส่วนสำคัญที่ขาดหายไปในความสมบูรณ์แบบ ต่อมาเขากลายเป็นเหตุผลที่ไม่ให้รบกวนชีวิตที่สมบูรณ์ที่ผมได้สร้างเพื่อเขา เขากำลังที่จะเป็นสิ่งที่ทำให้ชีวิตเราทั้งคู่สมบูรณ์และสำเร็จในแง่มุมของความเป็นครอบครัวในโลกเขาเราเอง ต่อมาอีก ความสุขของเขากลายเป็นเหตุผลที่ทำให้เราต้องทนอยู่ด้วยกันด้วยความทุกข์ตรม ผมบอกกับตัวเองว่าผมอยากให้เขามีความสุขที่สุด แต่เท่าที่เห็นปรากฏว่าเขาต้องการที่จะเห็นว่ามันจะเกิดขึ้นได้อย่างไรก่อนที่เขาจะเข้าถึงได้ สำหรับเดวิด ตอนนี้ผมกลัวเหลือเกินที่จะคิดไปว่าเขากำลังเลียนแบบพฤติกรรมการเสแสร้ง การหลอกลวง และความล้มเหลวของผม - เดวิต พ่อมีอะไรจะพูดด้วยหน่อยนะ เขาดูไม่ได้สนใจใยดีอะไรกับสิ่งที่ผมกำลังจะพูด - มันสำคัญมากนะ ผมเอื้อมมือไปจับที่ไหล่ของเขาแต่เขากลับสลัดหนี ผมไม่โทษที่เขาทำอย่างนั้นหรอก เป็นเวลาสิบสี่ปีที่ผมทำให้เขาหลงเชื่อว่าผมนั้นเป็นคนที่สมบูรณ์แบบ มาตอนนี้เขาก็เลยไม่เข้าใจว่าแล้วทำไมผมถึงได้ทำลายครอบครัวที่สมบูรณ์แบบนั้นเสียได้ - ผมไปอยู่กับเจเดนในช่วงวันหยุดบ้างได้มั๊ยครับ เขาถามผมทั้ง ๆ ที่เขาเพิ่งจะเข้ามาในบ้านแท้ ๆ แต่กลับหาทางเพื่อที่จะออกไปซะแล้ว - เราจะคุยกันถึงเรื่องนั้นทีหลังนะ - สิ่งที่เราทำก็เห็นมีการคุยกัน ผมไม่อยากจะคุยอะไรอีกแล้วละ - งั้นลูกเอาข้าวของขึ้นไปเก็บไว้ในห้องนอนก่อนก็แล้วกัน ผมพูด ผมเดินนำไป เสียงฝีเท้าบนผืนพรมตามระเบียงทางเดินเป็นเสียงฝีเท้าผมเพียงลำพัง แต่ในที่สุดเดวิดก็ก้าวเดินตามผมมาด้วย
Eighty eight
ประกายฟองของแชมเปญในแก้วสูง, ผู้หญิงงามสง่า, ชายผู้มาดมั่น ในงานปฐมฤกดิ์หนังเรื่องใหม่ ผมได้เห็นฮิวท์ แกรนท์ แว้ป แว้ป ท่ามกลางฝูงชนมากมาย รวมทั้งไซมอน คาลโลว์ ด้วย พร้อมทั้งผู้ทำงานในวงการหนังของอังกฤษอีกหลายคน แอนนาอยู่อีกฝั่งหนึ่งของห้องโถงได้มองสบตามาทางผม ดูเธอตระหนักถึงขอบเขตระหว่างเรา มองเห็นได้ชัดว่าเธอคอยระแวดระวังตัวอยู่ตลอดเวลา ไม่อยากวอกแวกให้เกิดประจุไฟระหว่างเราขึ้นมาได้ ตอนนี้พอลอยู่ที่ลีดส์เพื่อประชุมงานขาย แต่เธอก็ยังไม่เป็นอิสระอยู่ดีเพราะเธออาจถูกมองโดยคนทั่วไปที่อยู่ในงานวันนี้ เราได้มีโอกาสสัมผัสมือกันครั้งหนึ่ง แต่ผมก็ทำตัวอย่างดีไม่ให้ใครสังเกตุได้ จนกระทั่งเราอยู่ในแท๊กซี่เพื่อที่จะกลับด้วยกันผมเห็นได้ว่าเธอรู้สึกผ่อนคลายลงไปบ้าง อันตรายของความสัมพันธ์นี้มันดูทั้งมืดมนแสนหวานและยุ่งเหยิง - ผมรักคุณนะ ผมกระซิบบอกเธอในคืนนั้นที่เรานอนร่วมหมอนเดียวกัน ทุกครั้งที่ผมบอกเธออย่างนั้นแล้วไม่ได้รับคำตอบใด ๆ มันเหมือนบางสิ่งข้างในได้ตายไปแล้ว แม้แต่คนรักที่แสนทรหดอดทนก็รู้สึกเหนื่อยหน่ายขึ้นมาได้เมื่อดอกกุหลาบแห่งความรักของเขาถูกปล่อยให้เหี่ยวเฉาตายไป ผมอยากจะเป็นคนดีสำหรับเธอ แต่สิ่งที่ผมได้ทำคือปลุกเร้าความอับอายและความไม่แน่นอน เหมือนมีบางสิ่งสลัดออกไปจากร่างของผม ผมจำผู้หญิงคนนึงได้ คนที่ครั้งหนึ่งได้ปลุกให้คนรักตื่นขึ้นมา ตอนนี้เธอเดินสาละวนไปทั่วห้อง ดูสับสนและและหลงทาง เธอได้ปลุกให้ฉันตื่นขึ้นมาพร้อมทั้งก่อกวนให้อารมย์และความปราถนาเกิดขึ้นทั้งที่ฉันคิดว่ามันจะเกิดขึ้นได้เฉพาะในนิทานเท่านั้นเอง คนไหนที่เป็นเธอกันแน่ แอนนาคนไหนที่เธอต้องการที่จะเป็น และคนไหนกันแน่ที่เป็นเงา เธอจะเดินตามอารมย์และความปราถนาหรือว่าเธอจะทิ้งมันไว้ข้างหลังเสีย ความทรงจำต่าง ๆ ถูกเก็บไว้ภายในใจเธอ ราวกับว่าเป็นช่วงเวลาวันหยุดพักผ่อนของเธองั้นหรือ ถ้าเธอแก้ปัญหานี้เสียได้เธอก็จะมีความสุข ผมคิดว่าจะมีแค่หนึ่งแอนนาเท่านั้นที่จะอยู่รอดได้ ผมหลงรักผู้หญิงคนที่เธออาจจะกลายมาเป็นได้ในวันหนึ่ง ถ้าเธออยากที่จะเป็น สำหรับแอนนาคนอื่น ๆ ผมแค่เหลือบมองเท่านั้นเอง เพราะเธอเป็นของพอล ในอีกทางหนึ่งเธออาจจะเห็นผมเป็นผู้ชายคนหนึ่งที่วันหนึ่งผมอาจจะเป็นก็ได้ แต่มันจะไม่เป็นอย่างนั้นจนกว่าเราจะก้าวขั้นต่อไปก่อน ในตอนนี้ไม่มีที่ว่างสำหรับเราที่จะอยู่ด้วยกันได้เลย - ฉันก็รักคุณเหมือนกันค่ะ เธอกระซิบบอกในที่สุด และตามด้วยเหล็กในว่า เพียงแต่ไม่ใช่ในทางธรรมเนียมปฏิบัติเท่านั้นเอง - แล้วไอ้ธรรมเนียมปฏิบัติที่คุณว่ามันแปลว่าอะไรกันน่ะ - ฉันทำดีที่สุดแล้วนะค๊ะ - ผมไม่รู้เลยว่าคุณกำลังพูดถึงเรื่องอะไรอยู่เนี่ย - คุณมีชีวิตคู่อย่างถูกต้องตามแบบแผนแล้วคุณมีความสุขดีหรือเปล่าล่ะค๊ะ ผมลุกออกจากเตียงไปยังห้องนั่งเล่น พอผมออกห่างจากเธอผมก็คิดถึงเธอซะเหลือเกิน แต่ตอนนี้ผมทิ้งให้เธออยู่คนเดียวในห้องนอน พลิกตัวไปมาในขณะที่ผมออกมาเดินไปมาท่ามกลางความหนาว อะไรมันผิดไปหรือ นี่ไม่ใช่หรือที่ผมต้องการ ชีวิตที่นอกธรรมเนียม ความรักที่มักเกิดขึ้นในทางที่มันไม่ควรจะเกิด ผมได้ยินเสียงแล้วหันไปมอง แอนนากำลังยืนอยู่ที่ประตูห้องนอน เธอสวมเสื้อเชิ้ตของผมอยู่ - คุณเห็นมั๊ยล่ะ เธอพูด พอฉันบอกคุณในสิ่งที่ฉันคิดคุณก็ออกอาการโกรธขึ้นมา ฉันควรจะออกไปจากคุณเสียดีกว่า ฉันอยู่ก็มีแต่จะทำให้คุณไม่มีความสุข - โธ่แอนนา ได้โปรดเถอะ หยุดคิดว่าคุณจะทำให้ผม หรือคนอื่นมีความสุขหรือไม่เสียทีเถอะ ผมแค่อยากรู้ว่าคุณต้องการอะไร อะไรที่จะทำให้คุณมีความสุข เท่านั้นเองที่ผมอยากจะรู้ - แต่มันก็จริงนี่ค๊ะ คุณสมควรที่จะได้รักใครที่เค้าสามารถรักคุณได้เต็มร้อย พระเจ้า! ดูเหมือนเธอจะไม่มีความรู้สึกในเรื่องนี้เลยสักนิด แต่ผมก็รู้ได้ว่านั่นมันไม่จริง มันเหมือนกันเราพยายามจับควันนั่นแหละจับยังไงก็ไม่ติด ผมอยากให้เธอเป็นมนุษย์ธรรมดาเหมือนคนอื่นเค้าบ้าง รู้สึกถึงความอิจฉาริษยาบ้าง มีความรู้สึกรู้สา มีแรงปราถนาเพื่อตัวเธอเองบ้าง ทำอะไรตามใจตัวเองบ้าง ในขณะที่ผมจินตนาการถึงเธอ เธอมองผ่านด่านดำแพงกั้นที่เธอสร้างขึ้นมาเพื่อขวางตัวเอง ผมเห็นความงามที่น่าฉงน แต่ผมก็เอื้อมไม่ถึงเธอ - คุณจำเป็นต้องมีทุกสิ่งเพื่อที่จะได้ไกล้ชิดหรือค๊ะ - ทุกสิ่งที่คุณว่ามันแปลว่าอะไรกัน คุณหมายความว่าการอยู่ด้วยกันโดยที่ไม่มีผู้ชายคนอื่นเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยงั้นหรือ ถ้าเป็นอย่างนั้นคำตอบก็คือใช่ แล้วคุณล่ะ คุณต้องการให้มันเป็นอย่างนี้จริง ๆ นะหรือ เธอไม่ยอมตอบ - แอนนา คุณมีความสุขที่ใช้ชีวิตอยู่แบบนี้หรือ - ฉันรู้ค่ะว่ามันไม่ใช่ประเพณีนิยม แต่คุณมีชีวิตคู่ที่ถูกต้องตามธรรมเนียม แต่มันก็ไม่ได้ผลไม่ใช่หรือค๊ะ - แล้วที่เป็นอยู่อย่างนี้มันได้ผลรึไงล่ะ จินตนาการถึงกันบนเตียง คุยกันทางโทรศัพท์เป็นชั่วโมงทุกวันในขณะที่คุณอยู่กับชายอื่น - มันไม่เกี่ยวกับคุณหรอกค่ะ มันเป็นชั้นเอง นี่ก็ไม่เป็นความจริงอีก ปีศาจในตัวผมได้นำผมมาที่นี่ด้วย ผมก็เป็นส่วนหนึ่ง ความโกรธ ความชัง ความละอาย - คุณต้องการอย่างไร แอนนา - ชั้นไม่รู้ค่ะ ชั้นยังมองไม่เห็นด้วยซ้ำไปว่าพรุ่งนี้จะเป็นอย่างไร - และความหมายที่คุณพูดคือ ดวงตาเธอเริ่มดูขุ่นมัว - บางครั้งชั้นก็คิดว่าชั้นคงจะอยู่อย่างนี้ได้อีกไม่นานนักหรอก พูดแล้วเธอก็เดินกลับเข้าห้องไป ปล่อยให้ผมยืนอยู่ในความมืดตามลำพัง เธอทำให้ผมรู้สึกกลัวขึ้นมาเมื่อเธอพูดอย่างนั้น ชั้นยังมองไม่เห็นด้วยซ้ำไปว่าพรุ่งนี้จะเป็นอย่างไร มันเหมือนกับว่าเธอรู้ว่าอาจจะมีอะไรบางอย่างโผล่ออกมาในอนาคตอันไกล้ก่อนที่เธอจะตัดสินใจทำอะไร บางทีอาจจะเป็นรถบรรทุกขนย้ายก็ได้
Eighty nine
วันนี้เกรกโทรมาผม ซึ่งผมได้พยายามหลีกเลี่ยงเขาอยู่ในหลายเดือนที่ผ่านมานี้ ผมเห็นว่าเขาดูช่างอิ่มอกอิ่มใจ เชื่อมั่นไปเสียทุกอย่าง - เฮ้ หวัดดีมาร์ค - เอ้าเกรก ว่าไง - ก็อยากได้คำแนะนำอะไรหน่อยนะ พรุ่งนี้พอจะว่างดื่มกาแฟกันได้มั๊ย - อ๋อได้ซิ ฟังเสียงคุณดูเนือย ๆ ไปนะ มีอะไรหรือเปล่าล่ะ - คุณจำ ไดแอนได้มั๊ย ผมจำได้ว่าเค้าต้องใช้เวลาหลายปีทีเดียวเพื่อที่จะลืมเรื่องที่ไดแอนทิ้งเขาไป เนิ่นนาน ก่อนที่เขาจะมาพบกับทริช - ผมบังเอิญเจอเธออีกครั้งที่ในเมือง ตอนนี้เธออยู่ทางตอนใต้ เป็นผู้อำนวยการพยายาลของโรงพยาบาลแห่งหนึ่งในเดอวอน เธอมาประชุมที่แมนเชสเตอร์ ผมเจอเธอที่ฟินเนแกนกับเพื่อนสาวอีกสองสามคน - แล้วเธอเป็นอย่างไรบ้างล่ะ - ผมเห็นเธอแล้วผมแทบจะหายใจไม่คล่องเอาเสียเลย ทั้ง ๆ ที่มันยี่สิบปีมาแล้วนะมาร์ค - โอย แย่ล่ะซิท่า - ตอนนี้เธอแต่งงานไปแล้ว ผมก็เข้าใจ ผมเจอเธอเมื่ออาทิตย์ที่แล้วนี่เอง เมื่อวานนี้เธอโทรหาผมบอกว่าเธอไม่สามารถหยุดคิดถึงผมได้ เธออยากจะเจอผมก่อนที่จะกลับไปเอ๊กซ์เตอร์ เรื่องของเรื่องก็คือผมเองก็หยุดคิดถึงเธอไม่ได้ด้วย ผมแวะไปที่บังกะโลน่าอยู่ของเขาซึ่งตั้งอยู่ท้ายหมู่บ้าน มีกล่องของขวัญวางอยู่ใต้ต้นไม้ที่ประดับด้วยไฟกระพริบที่หน้าห้องด้านหน้า เราขับรถออกไปที่สวนสาธาระณะใกล้ ๆ เกรกนั่งนิ่ง ๆ ไม่ได้สักอึดใจเดียว แล้วเขาก็เอาก้อนหินปาเป็ดที่อยู่ในสวนอย่างไร้เหตุผล - คุณเคยรู้สึกอย่างนี้กับ ทริชบ้างหรือเปล่าล่ะ เขาส่ายหน้า - คือ คุณรู้มั๊ย ผมรู้สึกสบายดีมาโดยตลอดที่รู้จักกันมา - แล้วคุณไม่เคยรู้สึกอย่างนี้เลยหรือ - ไม่หรอก ไม่เคยเลย เขาดูเหมือนคนที่เพิ่งวิ่งหนีออกมาจากขบวนรถไฟชนกัน ผมชอบเห็นเขาเป็นอย่างนี้ ไม่มั่นใจในอะไร ต่อมิอะไรอีกต่อไป เขาก็เป็นแค่คนคนหนึ่ง ที่เหมือนกับคนอื่น ๆ ทั่วไปนั่นเอง - แล้วคุณจะทำยังไงต่อไปล่ะ - ไม่รู้ ผมไม่รู้ ผมไม่รู้ว่าจะทำยังไงจริง ๆ พระเจ้า! ชีวิตได้ให้โอกาสเขาอีกครั้งหนึ่งแล้ว เขายังลังเลที่จะตัดสินใจอยู่อีก มันดูเหมือนผมเองได้ต่อสู้กับเรื่องอย่างนี้มาตลอดชีวิต ทั้งกับซูซาน และแอนนา ตอนนี้เกรกอีก ผมอยากจะตะโกนใส่พวกเค้าจริง ๆ ให้พวกเค้าหันไปฟังความต้องการของหัวใจของตัวเองดูบ้าง อย่ามัวแต่ประนีประนอมกับชีวิตอยู่เลย เลี่ยงเป็นเสี่ยงกัน แต่นี่มันไม่ใช่เรื่องของผม และอีกอย่าง ผมเองก็เคยเป็นแบบนี้เหมือนกัน มัวแต่ลังเลจนกระทั่งซูซานเปลี่ยนไป ผมได้ให้คำปรึกษาเขาไป และได้แต่หวังว่าใครได้เคยให้คำปรึกษากับผมแบบนี้บ้างในตอนที่ผมต้องการ มันเป็นเรื่องของความต้องการของตัวเขาเอง - ก่อนอื่น คุณต้องตัดสินใจเรื่องระหว่างคุณกับทริชก่อน ลืมเรื่องของไดแอนไปก่อนเลย และสี่งที่คุณมีอยู่มันพอแล้วหรือยัง - ผมไม่รู้ซิมาร์ค ผมยักไหล่แทนคำตอบ ถ้าผมได้เรียนรู้อะไรต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในสองปีที่ผ่านมานี้ ผมก็คงไม่มีคำตอบให้ทั้งหมดหรอก - มันจะทำให้ทริชเจ็บปวดได้นะซิ เกรกพูด - ถ้างั้นหน้าที่ของคุณก็คือคอยปกป้องไม่ให้คนอื่นเจ็บปวดงั้นหรือ - ผมแคร์เธอมากนะมาร์ค - ผมเองก็แคร์ซูซานมากเหมือนกัน แต่พอคิดถึงการที่ต้องคอยปกป้องเธอมันทำให้ผมกลายเป็นคนที่โกหกที่สุดในโลกไปเลย ผมต้องคอยโกหกเธอตลอดเวลาทั้ง ๆ ที่ผมกำลังรอคอยคนอื่นอยู่ ผมทำให้เธอตกอยู่ในความมืด และตัวเองกลายเป็นไอ้งั่งไป เกรกคว้าบุหรี่ออกมาสูบ ใบหน้าครุ่นคิดหนัก มือไม้เริ่มสั่น - แล้วก็ยังมี เจย์ อีกล่ะ เขาเอ่ยถึงลูกชายซึ่งตอนนี้อายุสิบเก้าปีแล้ว - เกรก ผมบอกให้คุณตัดสินใจอย่างไรไม่ได้หรอกนะ - ก็ลองดูคุณกับเดวิดซิ เขายังไม่ได้ให้อภัยคุณเลย - แต่เค้าก็อาจจะให้อภัยผมได้ในวันนึง หรืออาจจะไม่เลยก็ได้ แต่ชีวิตมันก็เป็นของผม ไม่ใช่ของเค้า ผมเป็นพ่อของเค้าก็จริง แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเค้าจะเป็นคนบอกให้ผมใช้ชีวิตอย่างไร ละอองฝนเม็ดเล็ก ๆ เริ่มโปรยลงมา เรายังนั่งกันอยู่ที่นั่น - ผมไม่รู้ซิ เขาพูดออกมาอีกครั้งนึงแล้ว บุหรี่ในมือของเค้าได้ไหม้เป็นเถ้าไปแล้วในขณะที่เขายังเหม่อมองไปยังท้องฟ้ากว้างอย่างล่องลอย - คุณรู้สึกเสียใจบ้างมั๊ย มาร์ค - เกรก คุณเกือบจะสี่สิบห้าแล้วนะ คุณไม่มีเวลามากพอที่จะมาฟังเรื่องความล้มเหลวไร้สาระของผมหรอก - เฮ่อ มาร์ค ผมไม่เคยรู้สึกอะไรอย่างนี้มาก่อนในชีวิตเลยจริง ๆ แค่เห็นเธอเดินเข้ามาก็ทำเอาผมหายใจหายคอไม่คล่องเอาทันที ผมลุกขึ้นยืนทันที นี่มันเกินไปแล้ว เพราะนี่เป็นความรู้สึกที่ผมมีต่อแอนนา ผมคิดว่าผมเป็นคนอ่อนไหวเกินไป ตอนนี้ผมได้ฟังเรื่องราวทำนองเดียวกันจากคนจริงจังที่ผมรู้จักดีที่สุด - เรื่องนี้มันไม่น่าจะมาเกิดขึ้นกับผมในตอนนี้เลยจริง ๆ ผมได้ตั้งรากฐานชีวิตไว้แล้วอย่างดี มันกำลังจะถูกทำลายลงไปหมด - คุณเตรียมพร้อมชีวิตไว้แค่ไหนที่จะรับมือกับความเสี่ยงของชีวิตที่คุณไม่กล้าเสี่ยง - คุณคิดว่าอย่างนั้นหรือ คุณคิดว่าเรื่องของเรื่องเป็นเพราะผมไม่กล้าเสี่ยงงั้นหรือ - ใช่ ผมตอบไปทื่อ ๆ แบบนั้นเอง เขาไตร่ตรองอยู่ครู่หนึ่ง ผมพูดได้ถึงเรื่องนี้ ผมยึดติดอยู่กับซูซานนานเท่าที่ผมทำได้ โดยที่ผมไม่ได้กลัว - คุณคิดว่าคุณสามารถเปลี่ยนชีวิตและความรู้สึกได้โดยที่ไม่ต้องเปลี่ยนอะไรเลยงั้นหรือ - ผมคิดว่าไม่นะ - ไม่มีทางหรอก ผมพูด เยาะนิด ๆ ที่เขาไม่สามารถตัดสินใจได้ เขาเงียบไปพักหนึ่ง - คุณจะรักผู้หญิงสองคนในเวลาเดียวกันได้มั๊ย เขาพูดขึ้นมาในฉับพลัน และการที่ได้ยินที่เขาพูดอย่างนี้ จากที่ผมเพิ่งได้ยินแอนนาพูดมาเมื่อเร็ว ๆ นี้เอง มันทำให้ผมสะดุ้งเหมือนไฟช็อตเข้าให้ - แน่นอน ผมเองก็ยังรักซูซานอยู่ แต่นั่นมันไม่ใช่จุดสำคัญหรอก เขามองผมอย่างแปลกใจ ราวกับว่าเขาคิดว่าผมได้หยุดรักซูซานไปแล้ว - ผมจะยังรักเธออยู่เสมอไป ถ้าหากว่าความรักคือการที่เราแคร์ใครสักคน คุณก็สามารถรักใครก็ได้หลาย ๆ คนในเวลาเดียวกัน อย่าว่าแต่สองคนเลย แต่นั่นมันเป็นเรื่องของการอยู่ในความรัก การอยู่ในความสัมพันธ์ การอยู่ด้วยกัน แล้วคุณได้ในสิ่งที่คุณต้องการจากทริชแล้วหรือ และคุณได้ให้ในสิ่งที่เธอต้องการแล้วหรือยังล่ะ เขาครุ่นคิดอีก - ผมคิดว่าผู้ชายทุกคนย่อมมีรางวัลสำหรับชีวิต เกรกพูด และเขาหมายถึงไดแอนที่เป็นรางวัลสำหรับชีวิตของเขา ซึ่งอาจจะเป็นผู้หญิงที่เขาต้องสละความต้องการและความหนักแน่นในชีวิตเพื่อเธอ - คุณจะไม่ให้เหตุผลในทางออกของคุณในเรื่องนี้หน่อยหรือ - แล้วคำตอบมันคืออะไรกันล่ะ - ไม่รู้ซิ บางทีคุณอาจจะถามคำถามกับตัวเอง กับคำถามเดียวกับที่ผมถามตัวเองหากว่าผมต้องอยู่ในสถานะเช่นคุณ - แล้วคำถามที่ว่านั่นคืออะไรหรือ - คือ ผมอยากจะมีชีวิตอยู่หรืออยู่อย่างมีชีวิตไง เขาจุดบุหรี่ขึ้นมาอีกตัวหนึ่ง สายตาของเขาดูหวาดหวั่นและครุ่นคิด อาจจะคิดว่าเขาจะต้องสูญเสียเท่าไหร่ หรือบางทีมันอาจจะปลอดภัยกว่าและง่ายกว่าหากว่าไม่ต้องตัดสินใจทำอะไรเลย ปล่อยให้มันเป็นไปอย่างนั้น คิดแล้วผมอยากจะบีบคอเขาเสียให้รู้แล้วรู้รอดไป นี่เป็นโอกาสที่ดีที่สุดของเขา มันเป็นโอกาสทองของชีวิตเขาเอง และเขากำลังจะปล่อยให้มันหลุดหายไปเสียเฉย ๆ ทุกคนกลัวความเจ็บปวดและการเปลี่ยนแปลง แต่ยังไงสำหรับแล้วผมคิดว่ามันเป็นหนทางที่จะนำเราไปสู่ชีวิตที่ดีกว่า แต่ผมจะไปรู้อะไรล่ะ เพราะนี่มันไม่ใช่ชีวิตของผม บางทีผมอาจจะคิดผิดก็ได้ และมันจะไม่ใช่ความผิดครั้งแรกด้วยซิ ผมเดินออกจากสวนสาธารณะไป ในวันสดใสของฤดูใบไม้ผลิอย่างนี้ผมกลับอยากจะเตะหมาใครสักที ความรักมากมายที่เสียไปเปล่า ๆ คุณอาจจะคิดว่ามันพอเพียงพอแล้วที่ทำให้โลกเราหมุนไปเรื่อย ๆ ได้
Ninety
ในวันคริสมาสต์ผมพาเดวิดไปทานอาหารเที่ยงที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง มองไปรอบ ๆ ภายในร้าน ผมเห็นครอบครัวอื่น ๆ ที่พ่อ หรือ แม่ขาดหายไป มันดูสับสนพิกล เผยให้เห็นได้ถึงความหม่นหมองของวันหยุดที่ไม่สมบูรณ์ ในร้านตกแต่งไปด้วยบรรยากาศของคริสมาสต์ เสียงเพลงดังอยู่ตลอดยิ่งทำให้อารมย์ความรู้สึกต่อต้านไม่คล้อยตามไปกับบรรยากาศเท่าไรนัก เค้าน่าจะตัดเอาหัวของคนมาประดับฝาผนังเสียเลยน่าจะดีกว่ามั๊ง - นี่มันตลกสิ้นดี เดวิดพูด ผมเห็นด้วยกับที่เขาพูด จะทำไงได้ ผมคงจะไม่สามารถอยู่ในบ้านสะท้อนกึกก้องนั่นเพื่อทานอาหารในวันคริสมาสต์หรอก เราก็เลยมาที่นี่กันเพื่อร่วมกับครอบครัวอื่นที่แตกแยกหรือมีปัญหาประมาณเดียวกัน เดวิดอยากจะให้ผมพูดว่ายังไงได้ล่ะ - นี่มันเป็นความผิดของพ่อแท้ ๆ ผมเห็นด้วยอีก มันเป็นความผิดของผมเอง หรืออย่างน้อย ผมก็เป็นคนที่ทำให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นในครอบครัวของเรา เดวิดดูบึ้งตึงและเงียบ ความโกรธของเขาแผ่กระจายไปทั่วในบรรยากาศเหมือนแก๊ส ผมจะพูดอะไรกับเขาได้ล่ะ เขาต้องสูญเสียแม่ของเขาไป และยังรู้สึกว่าพ่อของเขาทำให้เขาผิดหวัง เขารู้สึกถดถอย เศร้าซึมและคงอยากจะเตะใครสักคนด้วย และคนนั้นคงไม่มีใครเหมาะไปกว่าผม ถ้าผมอายุเท่ากับเค้าผมเองก็คงอยากจะทำอย่างนั้นเหมือนกัน ผมรู้ว่าผมควรจะปล่อยให้มันเป็นไปอย่างนี้สักพัก แต่ความเจ็บปวดของผมเข้าครอบงำทำให้ผมพูดออกไปว่าผมเสียใจกับทุกสิ่งที่เกิดขึ้น แต่ผมก็ไม่สามารถอยู่กับแม่ของเขาเพียงเพื่อตัวเขาเองได้หรอก มันไม่ใช่สิ่งที่ผมต้องทำ คนส่วนใหญ่คงจะไม่เห็นด้วย ผัวเมียหลายคู่ทนอยู่ด้วยกันทั้ง ๆ ที่ไม่ได้รักกันแล้วเพื่อเห็นแก่ลูก ๆ ของเขา พวกเขาคงจะคาดหวังว่าผมจะทำอย่างนั้นเหมือนกัน - แม่จะไม่มีทางทำอย่างนี้กับพ่อหรอก - ไม่ แม่เค้าจะไม่ทำแน่ คุณเห็นมั๊ย ผมล่ะ อยากจะตะโกนใส่เขาจริง ๆ ว่าผมเห็นด้วยกับทุกสิ่งที่เขาคิดและพูดออกมา แล้วเค้าอยากจะให้ผมทำอย่างไรหรือ ผมไม่ได้เป็นแค่สามี หรือ พ่อ เท่านั้น นั่นมันเป็นบทบาทที่ผมต้องรับ แต่นอกจากนั้นผมก็ยังเป็นผมนี่ไง มันก็ไม่ได้แปลว่าพ่อไม่รักลูก - พ่อพูดว่าอะไรนะ ผมเพิ่งรู้ตัวว่าสิ่งที่ผมคิดนั้นผมเพิ่งพูดดังออกไปแล้ว - พ่อบอกว่ามันไม่ได้หมายความว่าพ่อไม่รักลูก เขาเงียบไป น้ำตาเริ่มคลอเบ้า เขากำลังจะร้องไห้ ผมไม่เคยได้เห็นเขาร้องไห้อีกตั้งแต่เขายังเล็ก ๆ อยู่ เขาปาดน้ำตาทิ้งอย่างลวก ๆ ด้วยหลังมือ - ผมเกลียดพ่อ เขาพูด แต่ผมก็รู้ว่าที่เขาพูดนั้นจริง ๆ แล้วหมายความว่าอย่างไร หลังจากนั้นไก่งวงมื้อค่ำก็เริ่มเสริฟ ใส้ที่ยัดข้างในรสชาดอร่อยใช้ได้ ส่วนมันฝรั่งจะสุกเกินไปหน่อย และนี่ก็เป็นครั้งที่สองที่เราฉลองคริสมาสต์ด้วยกันโดยที่ไม่มีซูซาน
Create Date : 14 กันยายน 2553 | | |
Last Update : 9 ตุลาคม 2553 9:33:58 น. |
Counter : 241 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
| |
|
|
Location :
กรุงเทพฯ Thailand
[Profile ทั้งหมด]
|
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]
|
แม๊กซ์ ครับ อยากเขียนนิยายแต่ไม่เก่ง ก็เลยอาศัยการแปลจากที่คนอื่นเขียนไว้แล้วไปก่อน รวมทั้งงานเขียนอื่น ๆ แล้วแต่อยากจะเขียน ลองติดตามกันดูนะครับ
|
|
เปลือย...ใจ ใส่บันทึก เป็นเรื่องราวของ
ผู้หญิงคนหนึ่งที่มีสามีแล้ว
แต่โชคชะตาพาเธอ ให้ไปพบกับผู้ชายอีกคนหนึ่ง ซึ่งชักนำชีวิต ของเธอ
ให้ต้องเจอกับเรื่องราวต่าง ๆ มากมาย ที่พูดไม่ได้ห้ามใจไม่อยู่
เลยต้องเปลือยใจใส่ ไว้ในบันทึก.....อาจเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นกับใคร หลายคน
แตกต่างกันไปในรายละเอียด และ จุดจบ....... |
| สิทธิพิเศษสำหรับผู้ที่สนใจผลิตภันณ์จาก Dream Cosmetique จาก Link เวชสำอาง ข้างล่างนี้ ท่านจะได้รับส่วนลด 10% ทันที เพียงท่านแจ้งการสั่งซื้อผลิตภัณฑ์ว่าได้ข้อมูลจาก Maxmaya http://www.dreamcosmetique.com/ |
|
|
|
|
|
|
|