Group Blog
 
All Blogs
 
ฮองเฮา สุดอนาถ ถูกย่ำยี สุดสมเพช

ฮองเฮา สุดอนาถ ถูกย่ำยี สุดสมเพช

พระนาง จูสี ฮองเฮา

ในพระเจ้า ซ่งจินจง (ซ้องคิมจง) จ้าวหวน (เตียวฮ้วง)

เดือนที่ 11 ศักราช ชินคัน (เช็งคัง) ปีที่ 2 ในรัชสมัยของพระเจ้า ซ่งจินจง เป็นสถานภาพที่เลวร้ายที่สุดของราชวงศ์ เป่ยซ่ง ตระกูล แซ่จ้าว ทหารราชวงศ์ จิน บุกเข้าเมืองหลวงนคร เปี้ยนจิน บีบบังคับราชวงศ์ประมาณ 3,000 กว่าคน กวาดต้อนไปสู่ทางเหนือ ไม่ว่าพ่อลูกภรรยาและสามีล้วนแตกแยกจากกัน ความเศร้าโศกโสกาอาดูร เสียงร้องไห้ดังระงมไปทั่วพระราชสำนัก
พระเจ้า ซ่งเฟยจง จ้าวจี้ (พ.ศ. 1643 – พ.ศ. 1668), พระเจ้า ซ่งจินจง จ้าวหวน (พ.ศ. 1668 – พ.ศ. 1670), พระนางเจิ้น ฮองเฮา, และพระนาง จู ฮองเฮา, ต่างถูกส่งตามเสด็จ ทรงถูกขังรวมกันอยู่ในห้อง ๆ หนึ่งของคืนลมหนาวโชยมาจนเย็นยะเยือกหนาวเข้ากระดูก 4 กษัตริย์ทรงหนาวสั่นทั่วพระวรกาย ยามราตรีทรงมิสามารถข่มพระเนตรหลับตาลงนอนหลับได้ วันรุ่งขึ้นจึ่งมีเพียงข้าวต้มส่งยื่นเข้ามา 4 ชาม ยามสมบูรณ์พูลสุขในฐานะ ฮ่องเต้ และ ฮองเฮา ไฉนเลยทรงเสวยกายาหารเช่นนี้ลง ทรงเพียงแค่เสวยลงไม่กี่คำ เมื่อถึงเวลาเที่ยง 4 กษัตริย์ก็ทรงถูกนำมาขัง ณ หน้าค่ายของแม่ทัพ ซานฮาน แม่ทัพ ซานฮาน มีบัญชาให้เปลี่ยนชุดฉลองพระองค์ของ 4 กษัตริย์ เป็นชุดนักโทษสีเขียว แล้วส่งคนควบคุมไปส่ง ณ เมืองหลวงของราชวงศ์ จิน นคร เยี่ยนจิน
มีทหารคนหนึ่ง จูงม้ามา 4 ตัว เพื่อให้ 4 กษัตริย์ทรงขี่ พระนาง เจิ้น ฮองเฮา และพระนาง จู ฮองเฮา ปกติมิเคยทรงขี่ม้ามาก่อน บวกกับรูปลักษณ์ทรงพระอรชร จึ่งทรงมิอาจก้าวข้ามหลังม้าไปได้ เป็นเหตุให้พวกทหารป่าเถื่อนโกรธร้องตวาดว่า แม้ขี่ม้ามิเป็น ก็จำต้องขี่ให้ได้ ข้ามิอาจประคับประคองพวกท่านไปไกลได้ตลอดทาง แล้วก็เข้าบีบกระหนาบ 2 ฮองเฮา ขึ้นกระหนาบบนหลังม้าทรงขี่จนได้
พระนาง จู ฮองเฮา ในพระวัย 24 พรรษา ทั้งทรงอับอายทั้งทรงขายพระพักตร์ แต่ก็ทรงมิมีอะไรทำที่ดีกว่าส่งสายพระเนตรอันละห้อย พร้อมด้วยพระพักตร์ทรงนองด้วยน้ำพระเนตรไปยังพระราชสวามี พระเจ้า ซ่งจินจง พระนางนั้น พื้นแพทรงเป็นชาวเมือง ไคฟง พระบิดา เป็นข้าหลวงในกองทัพ อู่คัน (บู่คัง) จูเป๋อ (จูเปะ) พระเจ้า ซ่งจินจง ยามสมัยดำรงค์ตำแหน่งเป็นองค์รัชทายาท พระเจ้า ซ่งเฟยจง ทรงทอดพระเนตรเห็นความงดงามเฉลียวฉลาดของพระนาง จึ่งทรงเลือกพระนางเป็นชายาขององค์รัชทายาท เมื่อพระเจ้า ซ่งจินจง ทรงรับตำแหน่งเป็น ฮ่องเต้ พระนางก็ทรงถูกแต่งตั้งในตำแหน่ง ฮองเฮา พระนางทรงเป็น ฮองเฮา ที่น่าสงสารที่สุในราชวงศ์ ซ่ง แม้นกระทั่งในประวัติศาสตร์จีน น้อยครั้งที่พระนางทรงได้รับความสุขสมบูรณ์ในฐานะ ฮองเฮา เมื่อประเทศชาติล่มจม พระนางก็ต้องรับเคราะห์ทรงทนทุกข์ยากติดตาม ฮ่องเต้ ไปในฐานะเชลยตัวประกัน ทรงติดตามพระราชสวามี เริ่มต้นใช้ชีวิตที่ถูกกดขี่เยี่ยงข้าทาษในพระราชอาณาจักร จิน
หัวหน้ากองควบคุมเชลยนี้มีชื่อว่า จี้ลี่ หน้าตาหยาบกระด้าง ประกอบด้วยก้อนเนื้อที่แสดงความกักขระโหดร้ายบนใบหน้า ระหว่างทาง เขามักเสพสุราอาหารอย่างเกษมสำราญ เมื่อเสพอิ่มแล้ว ก็ให้ลูกน้องเก็บกวาดเศษอาหารที่เหลือพร้อมด้วยข้าวที่เย็นชืดมาถวายแก่ 4 กษัตริย์ 4 กษัตริย์ไฉนจักทรงกลืนลงพระศอ จี้ลี่ มองเห็นพระนาง จู ฮองเฮา ยังทรงวัยพระเยาว์ อีกทั้งสิริโฉมทรงงดงามยิ่ง จึงหยอกเย้าเกี้ยวพาราสีพระนางเสมอ ๆ แม้นพระนางสุดที่จักทรงอับอาย แต่ก็มิกล้าแสดงความขุนเคืองพิโรธ ได้แต่ทรงอดทนเก็บกลั้นไว้ในพระทัย เมื่อเดินทางไปได้ 20 กว่าวัน ก็ถึงตำบล ซิ่นอันเซี่ยน ปัจจุบันอยู่ภายในตัวเมือง ป้าเซี่ยน ในมณฑล เหอเป่ย ในระหว่างทางหยุดแรมพักผ่อนการเดินทาง จี้ลี่ ได้ตั้งวงเสพสุราด้วยความคลื้มใจ จึ่งมีคำสั่งบังคับให้พระนาง จู ฮองเฮา ทรงร้องเพลงให้ฟัง พระนาง จู ฮองเฮา ทรงปฏิเสธเป็นพลันวัน
“ข้าน้อย แต่ไหนแต่ไรมามิเคยร้องเพลง”
จี้ลี่ บันดาลโทษะ ชักดาบเล่มโตพาดบนพระศอของพระเจ้า ซ่งจินจง ขู่ตะคอกว่า
“ชีวิตของเจ้าทั้งสี่ ล้วนตกอยู่ในกำมือของข้า เจ้าจักร้องเพลงหรือมิร้อง หากเจ้ามิร้อง ข้าจักให้สามีของเจ้าลองชิมคมดาบของข้า”
พระนาง จู ฮองเฮา ทรงสุดสิ้นหนทางอื่น จำทรงผินพระพักตร์ไปทางอื่น ทรงกรรแสงร้องเพลงด้วยน้ำพระเนตรนองพระพักตร์
เมื่อ จี้ลี่ เสพสุราได้ที่ มีความเมามายครองสติเทบมิได้ จึ่งมีจิตคิดกำเริบ บีบบังคับสั้งพระนาง จู ฮองเฮา มาทรงประทับเคียงข้างกาย ปรนนิบัติการเสพสุราของตน พระนาง จู ฮองเฮา ไหนเลยทรงจักทรงปฏิบัติตาม จี้ลี่ จึ่งลุกขึนจากวงสุรา ฉุดรั้งพระกรของพระนางลากเข้ามาหา พระนาง จู ฮองเฮา ทรงยื้อยึดฉุดพระฉลองของพระเจ้า ซ่งจินจง ด้วยพระกรอีกข้าง จี้ลี่ บันดาลโทษะ ใช้ฝ่ามืออันใหญ่หยาบกระด้าง ตบพระพักตร์ของพระนาง จู ฮองเฮา หนึ่งที พระนางทรงล้มฟุบลงไปกองกับพื้นดิน
พระเจ้า ซ่งจินจง ทรงสิ้นพระขันติ ทรงลุขึ้นชี้หน้าด่า จี้ลี่ มากมาย จนกระทั่ง จี้ลี่ บันดาลโทษะขึ้นมาอีก คราวนี้ ได้ชักดาบออกมา หมายปลงพระชนม์พระเจ้า ซ่งจินจง พระนาง จู ฮองเฮา ทรงทอดพระเนตรเช่นนั้น พระนางทรงโถมพระวรกายของพระนางเข้าคล่อมปกป้องพระเจ้า ซ่งจินจง พอดีขณะนั้น ทหารที่ร่วมวงดื่มสุรากับ จี้ลี่ คนหนึ่ง รีบลุกขึ้นมากล่าวกับ จี้ลี่ ว่า
“ท่านนายทัพ โปรดระงับโทษะ ฮ่องเต้ ทรงมีพระราชโองการให้นำเขาทั้งสี่ ส่งถึงนครเยี่ยนจิน โดยมีชีวิต หากพวกเขาเป็นอะไรสักคน ท่านจักมีคำกราบทูลต่อ ฮ่องเต้ ว่ากระไร”
จี้ลี่ จึ่งค่อยคลายโทษะวางดาบลง
เมื่อเดินทางไปได้อีก 10 กว่าวัน ก็ถึงนครหลวง เยี่ยนจิน ของราชอาณาจัก จิน แต่ทว่าพระเจ้า จินไท่จง ฮ่องเต้ ของราชวงศ์ จิน ยังทรงอยู่ในระหว่างประพาสล่าสัตว์ 4 กษัตริย์ ทรงประทับอยู่ที่วัด หมินจงจี้ ฮุ่ยฉาน เจ้าอาวาสของวัด หมินจงจี้ เป็นคนชนชาติ ฮั่น จึงต้อนรับขับสู้ 4 กษัตริย์อย่างดียิ่ง เมื่อทรงประทับอย่างสุขสำราญได้ 4 - 5 วัน พระเจ้า จินไท่จง ทรงเสด็จกลับนิวัตสู่พระนคร 4 กษัตริย์ จึ่งทรงถูกนำตัวเข้าเฝ้า พระเจ้า จินไท่จง ทรงโปรดให้ขังรวมกันในกระท่อมดินหลังหนึ่ง แต่ละวันมีการถวายข้าวให้เสวยเพียง 2 ชาม และเนื้อเน่า ๆ อีกไม่กี่ชิ้น ส่วนภายในกระท่อมนั้น มีเพียงโต๊ะไม่กี่ตัว และมีเสื่อเพียง 4 ผืน นอกนั้นมิมีสิ่งของอำนวยความสะดวกใด ๆ
พระนาง จู ฮองเฮา ไหนเลยทรงต้องตรากตรำเดินทางลำบากมาเป็นเวลานาน เมื่อทรงมาปะทะกับอากาศอันหนาวเหน็บของดินแดนทางภาคเหนือเช่นนี้ บวกกับพระวรกายอันบอบบางของพระนาง พระนางจึ่งมิสามารถรับกับสภาพธรรมชาติอันโหดร้ายเช่นนี้ได้ ไม่กี่วันให้หลัง พระนางก็ทรงพระประชวรล้มป่วยลง ทรงบรรทมซมอยู่บนเสื่อที่บรรทม พระเจ้า ซ่งจินจง ทรงพยายามขอร้องยามที่เฝ้าควบคุมพระองค์ทั้งหลาย ขอส่งแพทย์มาตรวจพระอาการของพระมเหสี ยามที่เฝ้าอยู่ นอกจากมิทรงเรียกหมอมาตรวจพระอาการแล้ว ยังตวาดด่าว่าพระเจ้า ซ่งจินจง มากมาย อีก 2 วันหลังจากนั้น พระนาง จู ฮองเฮา ทรงทนพระอาการทรงประชวรมิได้ ทรงสิ้นพระชนเสด็จสวรรคตด้วยความทรมาน พระเจ้า ซ่งจินจง ทรงพระกรรแสงด้วยความอาลัย ยามที่เฝ้าอยู่ ได้ใช้เสื่อห่อหุ้มพระศพของพระนาง ลากร่างของพระนางออกจากกระท่อมออกไป พระเจ้า ซ่งจินจง ทรงพระกรรแสงอย่างน่าเวทนา พระองค์ทรงถึงกับลดองค์ลงคุกเข่า ขอร้องแก่ยามผู้เฝ้ากระท่อมว่า
“มเหสีของข้า มีศักดิ์ถึง ฮองเฮา ขอท่านจงไปกราบทูล ฮ่องเต้ ของท่าน ขอพระราชทานการจัดงานฝังพระศพอย่างสมพระเกียรติ์ด้วยเถิด”
พระนาง จู ฮองเฮา ผู้ทรงน่าสมเพช ทรงถูกกรรมลิขิตให้มีวิถีชีวิตในบั้นปลายเช่นนี้ ถึงทรงถูกฝังร่างพระศพ ณ นอกประเทศอย่างศพมิมีญาติเช่นนี้ ภายหลังต่อมาอีก 70 ปี ในรัชสมัยของราชวงศ์ หนานซ่ง รัชกาลของพระเจ้า ซ่งหนินจง ศักราช ซิ่นหยวน ปีที่ 3 พระนางทรงได้รับการสถาปนามีพระสิริยศว่า ฮว่ายหยิน
พระสวามีของพระนาง พระเจ้า ซ่งจินจง จ้าวหวน ทรงได้รับกรรมหนักยิ่งกว่าพระนาง พระองค์ทรงถูกขังอย่างโดดเดี่ยว ณ ตำบล อู่กว๋อเฉิน พระองค์ทรงทนทุกทรมานอีกกว่า 20 ปี จึ่งทรงสิ้นพระชนม์ ในศักราช เจ้าซิ่น ปีที่ 26 ในรัชสมัยของพระเจ้า ซ่งเกาจง ในขณะที่มีมีพระชนมายุ 56 พรรษา มีบันทึกในหนังสือ “ซวนเหอ” ว่า ในปีนั้น พระเจ้า จินปั้นหวางตี้ หยวนหยวนเลี่ยน พระองค์ทรงนำทัพมาปราบราชวงศ์ หนานซ่ง ทางใต้ พระองค์ทรงนำพระเจ้า ซ่งจินจง มาเป็นเป้าซ้อมยิงเกาทัณฑ์ เพื่อทรงเอาฤกษ์เป็นธงชัยเฉลิมพล พระเจ้า ซ่งจินจง ทรงถูกลูกเกาทัณฑ์ปลงพระชนม์ทั้ง ๆ ที่ทรงพระชนม์ ส่วนพระศพนั้น ทรง๔กองทัพทหารม้าเหยียบย่ำแหลกแหลวภายใต้อุ้งตีนกองอาชา


Create Date : 09 กรกฎาคม 2548
Last Update : 9 กรกฎาคม 2548 22:14:26 น. 10 comments
Counter : 10317 Pageviews.

 
งงไม่เข้าใจ


โดย: เต้ย IP: 125.24.89.249 วันที่: 4 มิถุนายน 2549 เวลา:17:23:05 น.  

 


โดย: ตั้ว IP: 125.24.25.73 วันที่: 15 มกราคม 2550 เวลา:13:49:33 น.  

 
น่าเศร้ามากๆ บั้นปลายชีวิตต้องมาเจอเรื่องโหดร้ายเช่นนี้

ขอบคุณสำหรับความรู้ดีๆ นะคะ


โดย: สนมทืออึน IP: 124.157.157.230 วันที่: 28 มกราคม 2550 เวลา:11:41:47 น.  

 
ทำไมชีวิตของสตีรชาวจีนช่างน่ารันทัดมากมากสงสานจริงๆ

โดย: หลี่ซือซือหหลี่ซือซือลี่ IP: 202.57.170.5 วันที่: 10 เมษายน 2550 เวลา:17:09:18 น.  

 
น่าสงสารฮองเฮานะ
ดูทีวีออนไลน์ //www.thethaitv.com


โดย: ann IP: 222.123.172.152 วันที่: 15 กันยายน 2550 เวลา:23:11:56 น.  

 
ไม่ให้เกีรติ ผู้กระทำก็ถูกผู้อี่นกระทำบ้าง


โดย: อโด IP: 124.121.118.190 วันที่: 11 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:20:58:44 น.  

 
ไม่ให้เกียรติองค์ฮองเฮาเลย


โดย: วรรณ IP: 125.25.42.13 วันที่: 9 สิงหาคม 2556 เวลา:9:18:30 น.  

 
คืออยากทราบว่ามีหนังเรื่องนี้ไหมคะ


โดย: เลน่า IP: 1.47.65.203 วันที่: 6 กรกฎาคม 2557 เวลา:11:40:07 น.  

 
เพราะความอ่อนแอในการปกครองของฮองเต้ เชื่อคนเลวสังหารคนดี ประเทศถึงไม่มีคนกล้าออกมาเป็นแม่ทัพ ถึงได้ถูกอาณาจักรจิ้น(ยรรพบุรุษของชาวแทนจู) ซึ่งเป็นชนป่าเถื่อนยึดครองแผ่นดินทางเหนือได้ แต่อาณาจักรจิ้นนี้ก็โดนมองโกลตีแตกและถอยร่นกลับไปสู่ภาคตะวันออกเฉียงเหนืออันทุรกันดารที่เดิม


โดย: วริศรา IP: 14.207.230.87 วันที่: 20 มีนาคม 2558 เวลา:9:43:53 น.  

 
โกรธอะไรนักหนา ทำกันขนาดนี้เลยหรือ


โดย: ก IP: 180.183.170.146 วันที่: 7 กันยายน 2558 เวลา:12:36:57 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

[wisc] LUNA
Location :
กรุงเทพ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add [wisc] LUNA's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.