ปักกิ่งหนาวมาก วันที่ 4 และ 5 สะพานมาร์โคโปโล หอศตวรรษ หอฟ้าเทียนถาน


วันที่ 25 ตุลาคม 51

วันนี้เราไปเที่ยวกันหลายที่ๆมาก ที่เป็นไฮไลต์สำหรับเราในวันนี้ก็คงเป็นหอฟ้าเทียนถาน ซึ่งจะไปกันในตอนเย็น

ตัดกลับมาตอนเช้าก่อน วันนี้เราก็ตื่นแต่เช้าตรู่เหมือนเดิม ถ้าใครเคยไปเที่ยวกับทัวร์ ก็คงเข้าใจสูตรนี้ดี 6-7-8 (ไม่ได้ใบ้หวยนะ) ตื่น 6 โมง กินข้าว 7 โมง ออกตัว 8 โมง ปกติเราเป็นคนตื่นสาย เลยรู้สึกอิดออดเวลาตื่นมากไปหน่อย อาศัยความเร็วช่วงแต่งตัว กะตอนทานข้าว ทำให้ไม่มาขึ้นรถสายเอาน่ะคะ แต่ข้อเสียของการลงมาทานอาหารช้าก็คือ มันมักจะไม่ค่อยเหลืออะไรให้ทานในไลน์บุฟเฟ่ต์ซักเท่าไหร่ เท่าที่เราดูมาจากโรงแรมที่เราพัก ไข่ต้มเนี่ย จะเป็นอย่างแรกที่หมดก่อนเสมอ แล้วเราคิดว่าคนไทยเนี่ยทานอาหารปริมาณน้อยกว่าคนประเทศอื่นรึปล่าว เพราะเวลาเห็นคนชาติอื่นทาน ไม่ว่าจะไปที่ไหนมักจะรู้สึกว่าทำไมเค้ากินกันเยอะจัง(วะ)

กลับมาเข้าเรื่องไปเที่ยวดีกว่า เริ่มออกทะเลแล้ว ที่แรกที่ไป สะพานมาร์โคโปโล มีความสำคัญอย่างไร...จำไม่ได้แล้ว (เห็นด้วยว่าไปกับทัวร์ไม่ได้เตรียมข้อมูล เวลาไกด์พูดก็เข้าหูซ้ายทะลุหูขวา จำอะไรไม่ค่อยได้เลยอ่ะ)



ต่อจากนั้นก็ไปเที่ยว หอศตวรรษ เป็นพิพิธภัณฑ์จัดแสดงสิ่งที่เกี่ยวกับการจัดโอลิมปิก พาราลิมปิก แต่ก็มีส่วนหนึ่งของพิพิธภัณฑ์ที่เปลี่ยนหัวข้อไปเรื่อยๆ ตอนที่เราไปมีจัดแสดงวัฒนธรรมในยุคอียิปต์ด้วย ที่ชั้นดาดฟ้ามีนาฬิกาแดด



แล้วก็ไปอะควาเรี่ยม อันนี้ไม่ค่อยตื่นตาตื่นใจเท่าไหร่ เราว่าพารากอนหรือที่สวนสัตว์เชียงใหม่น่าจะดีกว่าเยอะ



ประตูชัย ที่นี้ไม่เน้นสถานที่เท่าไหร่ ไปเน้นเกี่ยวกับความเป็นมาของปี่เซี่ยะมากกว่า ใครอยากเช่าบูชาก็มาที่นี่แหละค่ะ


มาถึงไฮไลต์ที่กล่าวถึงตอนต้น..หอฟ้าเทียนถาน ในอดีตที่นี่เคยใช้ประกอบพิธีบูชาเทวดาฟ้าฝน เนื่องจากมีอยู่ยุคนึง ปักกิ่งแห้งแล้งมาก ชาวนาชาวไร่เดือดร้อน ฮ่องเต้ก็เลยให้สร้างที่นี้ขึ้นเพื่อทำพิธี ในปัจจุบันที่นี่ มีส่วนเป็นสวนสาธารณะด้วย เราชอบบรรยากาศมากๆ ชาวจีนที่มาจะมีกิจกรรมของตัวเอง แล้วไม่ได้มาแบบ อ๊ะ..ชั้นมาพักผ่อนสบายๆ แต่จะมาแบบเต็มสูบ เช่น การร้องเพลง ก็จะมาแบบทั้งวง มีคอนดักเตอร์ด้วย กลุ่มนึงจะมีคนร้องก็ประมาณ 30 คนขึ้นไปได้ มีหลายกลุ่ม หลายแนวเพลงด้วย บ้างก็มาเขียนตัวอักษรจีนด้วยพู่กันน้ำ บ้างก็มาตีไพ่กัน บ้างก็มาเต้นรำ แต่ไม่มีรูปมาให้ดูนะ..

หอฟ้าเทียนถานตั้งอยู่ในแนวเส้นมังกร ซึ่งเป็นเส้นแกนกลางสำคัญที่อยู่แนวเดียวกับพระราชวังต้องห้าม



บรรยากาศรอบๆ ร่มรื่นมาก ต้นไม้อายุเก่าแก่ก็เยอะ



พอออกจากหอฟ้าเทียนถาน ไกด์ก็พาเราไปที่ตลาดรัสเซียเพื่อซื้อของฝากกันตามอัธยาศัย พาไป 2 วันเลย เช้าวันถัดมาก็ไปตลาดรัสเซียเหมือนเดิม แต่เปลี่ยนไปคนละที่ บรรยากาศเหมือนมาบุญครองบวกแพลตตินั่ม เราไม่สันทัดเรื่องการต่อของ เลยไม่ค่อยได้ซื้ออะไร ซื้อมาแต่ของฝาก มีเคล็ดลับสำหรับคนต่อของไม่เก่งมาฝาก (ซึ่งมักจะไม่ใช่นักช้อปตัวยง) คือให้รอก่อน คนซื้อคนสุดท้ายจะเป็นผู้ที่ได้ของในราคาที่สมเหตุสมผลที่สุด แค่เดินไปบอกเค้าว่า เพื่อนเราได้ราคาเท่านี้ หรือว่าร้านนั้นให้ราคาเราเท่านี้ ก็ไม่ต้องต่อของให้เครียดแล้ว 555

วันที่ 26 ตุลา วันสุดท้ายของโปรแกรม ไม่มีอะไรมาก ไปตลาดรัสเซียอย่างเดียว กลับกรุงเทพด้วยสายการบินศรีลังกัน วันนั้นดีเลย์ไป 3 ชั่วโมง กลับถึงกทม.โดยสวัสดิภาพตอนสามทุ่ม

พอเดินออกจากอาคารสนามบิน ลมร้อนก็พัดปะทะเข้าหน้า
โอว.... กรุงเทพก็ยังร้อนมากเหมือนเดิม
กลับสู่ความเป็นจริงซะที

ก่อนจะจบ มีรูปแถม
ตึกขนาดใหญ่ในปักกิ่งมีเยอะมาก ระหว่างทางที่นั่งรถก็จะเจอตึกงามๆเยอะแยะ



เผอิญว่าเราไม่ค่อยรักเด็ก แต่รักหมามากกก.. ไปปักกิ่งคราวนี้เจอหมาเยอะแยะหลายตัว แต่ที่เค้ายอมให้ถ่ายมีสามตัว
ตัวขาวเจอตอนไปสนามกีฬารังนก ภาพมัวๆ เพราะไม่รักดีไม่ยอมอยู่นิ่งให้ถ่ายรูปเล้ย
สีน้ำตาลเจอหน้าโรงแรม เจ้าของพามาเดินเล่น ตัวนี้เป็นหมาสังคม เข้ากับคนง่าย
ส่วนตัวสีดำเป็นหมาธิเบต ถูกขังในกรงแถวๆสะพานมาร์โคโปโล ไม่รู้เค้าขังทำไม น่าสงสาร เห่าเค้าไปทั่วเลยมันคงเก็บกดแหละ



คราวนี้จบบลอกซีรี่ย์ ตอนปักกิ่งหนาวมาก จริงๆแล้วจ้ะ




 

Create Date : 14 พฤศจิกายน 2551    
Last Update : 17 พฤษภาคม 2552 11:27:23 น.
Counter : 2800 Pageviews.  

ปักกิ่งหนาวมาก วันที่ 3 กำแพงเมืองจีน ศูนย์กีฬาโอลิมปิก หวังฟู่จิ่ง


24 ตุลา 51

โปรแกรมเที่ยววันนี้ถือว่าเป็นไฮไลท์ของการมาปักกิ่งของเราเลยค่ะ เพราะจะได้ไปกำแพงเมืองจีนแล้ว โดยที่จะไปคือด่านจวีหยงกวาน ก่อนถึงกำแพงเมืองจีนก็แวะไปร้านขายหยกก่อน เจอกรุ๊ปทัวร์ชาวไทยเยอะเลย เสร็จแล้วก็มุ่งหน้าเพื่อไปสู่จุดหมายของเราต่อ มองไปสองข้างทางก็เป็นชนบทแล้วล่ะ มีสวนพลับ แอ๊ปเปิ้ล (ก็เพิ่งเคยเห็นต้นแอปเปิ้ลตัวเป็นๆครั้งแรก กินมาตั้งนาน) ชาวจีนเค้าบอกว่า ถ้าหากผู้ใดมาเมืองจีนแล้วได้มายืนที่กำแพงเมืองจีน ก็ถือว่าเป็นวีรบุรุษแล้ว ถ้าเป็นสมัยก่อนคงจะจริงเพราะกว่าจะฝ่าฟันมาถึงได้คงลำบาก ส่วนวันที่เรามาแค่นั่งรถชิวๆ บนถนน 8 เลน มา 1 ชั่วโมง ก็ได้มาเหยียบกำแพงเมืองจีนแล้วล่ะ



กำแพงเมืองจีนถูกสร้างขึ้นในหลายยุคหลายสมัย มีการซ่อมแซมอยู่ตลอด อันที่จริงแล้วกำแพงเมืองจีนไม่ได้มองเห็นได้จากนอกโลกนะ เพราะสีของกำแพงซึ่งเป็นสีอิฐก็กลืนไปกับสีของสิ่งแวดล้อมแล้ว ที่ด่านจวีหยงกวานจะมีทางขึ้นให้เลือกสองด้าน ด้านซ้ายจะเป็นกำแพงแนวราบ อีกด้านจะเป็นแบบชันๆเลย ซึ่งคนส่วนใหญ่เค้าจะมาปีนด้านชันกัน(ต้องใช้คำว่าปีนนะ ไม่ได้เดิน) มีป้อมไว้ให้พิชิตเป็นด่านอยู่หลายสิบป้อม แต่ละป้อมห่างกันประมาณ 150 เมตร วันนั้นเราปีนได้แค่ 2 ป้อมก็แฮ่กแล้ว ไปไม่ไหว ที่ยากเพราะมันชันมาก แถมบันได้แต่ละขั้นก็สูงต่ำไม่เท่ากัน แต่อ้างกับคนอื่นว่าต้องดูแลแม่ แม่ขึ้นไม่ไหวแล้ว 55



ออกจากกำแพงเมืองจีนไปทานอาหารสุกี้มองโกล ซึ่งไม่อร่อยเลย ในความคิดเรา แต่ก็นะ...มาเปลี่ยนรสชาติบ้าง แล้วก็ไปซื้อบัวหิมะ มาถึงอีกหนึ่งไฮไลท์ที่ใครมาปักกิ่งช่วงปีสองปีนี้คงต้องมาเที่ยว ก็คือ ศูนย์กีฬาโอลิมปิก เหมือนกับทุกอาคารในบริเวณนี้เค้าจะแข่งการออกแบบกันน่าดูเลย แต่ละที่แนวๆทั้งนั้น



แต่ดาวเด่นก็คงไม่พ้น สนามกีฬารังนกและสระว่ายน้ำวอเตอร์คิวบ์



วันนี้กรุ๊ปทัวร์พาไปซื้อของเยอะหน่อย ออกจากที่นี้ก็ไปซื้อชากันค่ะ แล้วก็ต่อด้วยไปเดินถนนคนเดินหวังฟู่จิ่ง ก็เป็นบริเวณที่มีห้างใหญ่หลายๆห้างอยู่ติดๆกัน แล้วปิดทางไม่ให้รถเข้า ของที่ขายก็เป็นของแบรนด์เนม ร้านหนังสือ ซีดี มีซอยที่ขายอาหาร เปิดร้านเป็นซุ้มๆให้คนเดินไปซื้อ เราก็เดินไปดูแฟชั่นหนุ่มสาวชาวปักกิ่งเพลินๆ แล้วก็กลับโรงแรมพักผ่อนตอนสี่ทุ่มกว่าๆ เป็นอันจบการเที่ยววันที่สามของเราค่ะ




 

Create Date : 09 พฤศจิกายน 2551    
Last Update : 17 พฤษภาคม 2552 11:27:01 น.
Counter : 1207 Pageviews.  

ปักกิ่งหนาวมาก วันที่ 2 กู้กง-โรงละครแห่งชาติ-อวี้เหอหยวน


23 ตุลาคม 51

วันนี้อากาศที่ปักกิ่งแจ่มใสต่างจากเมื่อวานสุดๆ สังเกตดูความใสของท้องฟ้าในรูป อากาศเย็นลงกว่าเดิม เห็นไกด์บอกว่าสูงสุด 12 องศา สำหรับคนไทยอย่างเราก็ถือว่า(โคดจะ)หนาวแล้วล่ะค่ะ แถมลมก็แรงอย่างคาดไม่ถึง ขนาดว่าถ้าไม่ยืนตั้งหลักนี่เซเลย เสื้อผ้าหน้าผมกระจุยกระจายค่ะงานนี้



โปรแกรมเที่ยวตอนเช้า เราก็ไปเที่ยวที่พระราชวังต้องห้ามหรือกู้กงกัน โดยที่จะเข้าจากประตูด้านหลังของวัง ที่ติดกับสวนโหวไห่ แล้วเดินย้อนขึ้นไปเรื่อยๆจนถึงประตูด้านหน้า การวางทิศการสร้างสิ่งก่อสร้างที่สำคัญจะวางในแนวทิศเหนือใต้ โดยมีเส้นมังกรเป็นเส้นแกนกลางสำคัญ ตัวอาคารที่มีความสำคัญก็จะตั้งอยู่บนเส้นมังกรนี่แหละค่ะ ช่วงที่ไปก็ต้องเดินเกาะกลุ่มกันดีๆค่ะ เป็นทัวร์ลูกเป็ดเลย มิเช่นนั้นอาจพลัดหลงไปอยู่กับเป็ดฝูงอื่นได้



พื้นที่กว้างและยิ่งใหญ่มาก



เราเดินมาจนทะลุทางเข้าพระราชวังต้องห้ามด้านหน้า ซึ่งติดต่อกับเขตของจัตุรัสเทียนอันเหมิน ก็พบว่าวันนี้เค้าปิดไม่ให้เข้า เพราะว่ามีประชุมอาเซ็ม มีผู้นำของหลายประเทศมาประชุมกัน(รวมทั้งไทยด้วย) ก็เลยได้แต่ถ่ายรูปจากถนนไกลๆ



คุณไกด์เลยพาเดินอ้อมๆมาตามขอบของจัตุรัส ก็เลยได้มาเห็นโรงละครแห่งชาติแห่งใหม่ ที่ถือว่าเป็นหนึ่งสถาปัตยกรรมที่สร้างเพื่อต้อนรับการเป็นเจ้าภาพโอลิมปิกของจีน อันที่จริงรอบๆโดมเค้าทำเป็นบ่อน้ำล้อมรอบ เวลาถ่ายรูปก็จะเห็นเงาสะท้อน แต่วันนี้เค้าสูบน้ำออกหมดเลย เวลาจะเข้าโรงละครก็เดินมุดอุโมงค์เข้าไป



พอช่วงบ่ายเราก็ไปเที่ยวต่อที่พระราชวังฤดูร้อน ซึ่งก่อนจะไปถึงที่นั้น เราก็ไปแวะโรงงานไข่มุก เป็นที่รู้กันว่ามาเที่ยวจีนต้องเจอแน่นอน นึกซะว่ามาทัศนศึกษาฟังไปก็เพลินดี ได้ความรู้ด้วย(บางคนอาจเสียตังด้วย)

บรรยากาศในพระราชวังฤดูร้อนก็ดูสบายๆ เหมาะกับการมาพักผ่อนจริงๆแหละ ดูอบอุ่นโคซี่กว่าที่พระราชวังต้องห้ามเยอะเลย คนในวังจะย้ายมาพักร้อนที่นี้ระหว่างเดือนเมษา-ตุลา จากนั้นก็กลับไปอยู่ที่พระราชวังต้องห้ามในเดือนที่เหลือ ที่นี้มีทั้งสวนขนาดใหญ่ ระเบียงที่เค้าว่ายาวที่สุดในโลก เลียบไปตามริมทะเลสาปคุนหมิงซึ่งเป็นทะเลสาปฝีมือคนขุด เอามาถมเป็นภูเขาสร้างภูมิทัศน์ได้อีกทาง และยังมีเรือหินอ่อนที่พระนางซูสีไทเฮาให้สร้างขึ้นเพื่อสร้างบรรยากาศการล่องเรืออีก โอ้ววว อลังการได้อีก...



หลังจากนั้นก็ไปดูโอท็อปของจีนตามระเบียบอีกค่ะ ไปนวดฝ่าเท้า รู้สึกสบายมากเลย เพราะวันนี้เดินเยอะมาทั้งวัน บางท่านก็จะมีหมอมาตรวจแมะที่ฝ่ามือ แนะนำว่าถ้าท่านใดไม่คิดจะซื้อยาอยู่แล้ว ให้หลีกเลี่ยงหมอตั้งแต่แรกเลย ไม่งั้นจะลำบากในการปฏิเสธในภายหลังค่ะ




 

Create Date : 09 พฤศจิกายน 2551    
Last Update : 17 พฤษภาคม 2552 11:26:41 น.
Counter : 876 Pageviews.  

ปักกิ่งหนาวมาก...วันที่1 วัดลามะ นั่งสามล้อ ชมกายกรรม


ได้ไปเที่ยวปักกิ่งมา เมื่อ 22-26 ตุลาที่ผ่านมา เราซื้อแพคเกจทัวร์กับบริษัทไปแบบสบายๆ เพราะว่าจะพาแม่ไปด้วย เป็นครั้งแรกที่ได้มาเที่ยวเมืองนอกกับทัวร์ ในกรุ๊ปเราก็มีคนไม่มากไม่น้อย 20 คน ถือเป็นประสบการณ์ไปเที่ยวที่น่าประทับใจ ทั้งเพื่อนร่วมกรุ๊ปทัวร์และไกด์น่ารักมาก ความรู้สึกเหมือนไปทำค่ายหรือกิจกรรมตอนเรียนเลย (แต่ไม่ได้ลำบากขนาดนั้นนะ)

วันแรก นัดกันที่สนามบินสุวรรณภูมิตอนตีห้า บินสู่เมืองปักกิ่งด้วยเครื่อง UL888 ของสายการบินศรีลังกันแอร์ไลน์ ชอบตรงที่มี PTV ให้ทุกที่นั่งเลย แป๊บๆก็ถึงปักกิ่ง เวลาท้องถิ่นประมาณบ่ายโมงครึ่ง วันนี้อากาศเย็นสบาย ใส่แจ็กเก็ตบางๆก็ได้ แต่ทัศนวิสัยไม่ค่อยดีมืดๆมัวๆ



พอมาถึงเราก็ออกเที่ยวเลย เริ่มจากวัดลามะ เป็นสถานที่เที่ยวที่มีพื้นที่เล็กที่สุดของการมาเที่ยวปักกิ่ง เดินใกล้สุด เราก็เดินตามไกด์ไปเรื่อยๆ ฟังทันมั้งไม่ทันมั้ง จับใจความได้ว่าเป็นวัดธิเบต เคยเป็นที่อยู่ขององค์ชายมาก่อนแล้วค่อยเปลี่ยนมาเป็นวัด (สาระความรู้คงไม่ค่อยมีนะบลอกนี้) แต่ที่ประทับใจก็คงจะเป็นพระพุทธรูปที่ทำมาจากไม้จันทน์หอมเพียงต้นเดียวที่ใหญ่มากกกก.. สูงบนพื้นดิน 16 เมตร ยังมีส่วนที่ฝังใต้ดินอยู่อีก 8 เมตร อะเมซซิ่งสุดๆ ว่าไปหาต้นไม้ใหญ่ขนาดนี้เจอได้ยังไง อยากถ่ายรูปมาเหมือนกัน แต่เค้าไม่อนุญาตน่ะ เราแอบสงสัยว่า ทำไมวัดลามะเค้าถึงไม่เปิดไฟในโบสถ์จะได้มองเห็นชัดๆหน่อย รึว่ากลัวคนจะแอบถ่ายรูป




จากนั้นเราก็ไปนั่งสามล้อชมหูถ้ง หรือว่าตรอกซอกซอยเล็กๆในเมืองกัน โปรแกรมนี้เราชอบมาก เพราะไม่ต้องเดิน555 คนถีบสามล้อก็จะพาเราลัดเลาะไปตามซอกซอย เป็นเขตเมืองเก่า การจราจรพลุกพล่านมากทั้งรถยนต์ จักรยาน สามล้อถีบ (ซอยกว้างสุดซัก 4 เมตรได้) ได้เห็นทักษะการปั่นจักรยานขั้นเทพ ได้ชมชีวิตความเป็นอยู่ของชาวปักกิ่ง จะผ่านลานกิจกรรม ที่มีคนมาเล่นไพ่ หมากรุก ร้านค้า บ้านคน โรงเรียน ห้องน้ำสาธารณะ ที่รัฐบาลจีนเค้าปรับปรุงทัศนียภาพให้สวยงาม คือ ห้องน้ำมันจะมีแบบมาตรฐานของมันเลย ทุกที่เหมือนกันหมด



พูดถึงเรื่องห้องน้ำ ใครมาเมืองจีนก็ต้องวิตกกันมั้งล่ะ แต่ครั้งนี้ที่มาห้องน้ำปักกิ่งถือว่าไม่เลวร้ายนะ คือ มีฝากั้นปิดมิดชิด ส่วนใหญ่ก็เป็นแบบคอห่านแล้วชักโครก แต่กลิ่นนี้มีทุกที่รับรอง เราว่าเป็นเพราะไม่ค่อยมีคนเข้าไปเช็ดส่วนเกินที่มันกระเด็นไปตามพื้นน่ะ รางวัลห้องน้ำยอดเยี่ยมของเรา (ไม่นับรวมห้องน้ำที่ห้องของโรงแรมนะ) ได้แก่ ห้องน้ำที่กำแพงเมืองจีนด่านจีหยงกวาน สภาพก็คล้ายๆที่อื่นแหละ แต่ไม่มีกลิ่นให้เก็บไปจินตนาการต่อ ส่วนที่อี๊สุด เป็นที่ศูนย์การแพทย์ที่เค้าพาไปนวด ไม่บอกละกันว่าเป็นยังไง

กลับมาที่โปรแกรมทัวร์ต่อ... อาหารเย็นไปกินเป็ดปักกิ่ง อร่อยดี เราว่าอร่อยกว่าที่ไทย เค้าจะฝานเป็นชิ้นบางๆเอาทั้งเนื้อทั้งหนังมาด้วยกันเลย ทานกับแผ่นแป้ง และเครื่องเคียงอื่นๆ ทานเสร็จ ก็ไปดูกายกรรมปักกิ่ง ตอนออกมามีฝนตกด้วย อากาศหนาวแล้วค่ะตอนกลางคืน (ไกด์บอกว่าต่ำสุด 4 องศา) เป็นอันจบการเที่ยวปักกิ่งในวันแรกของเราค่ะ


ปล. ขอบคุณโปรแกรมแต่งรูป photoscape ที่ได้มากจากคุณ Lucky in Lifeเวบ tkt ด้วยค่ะ




 

Create Date : 02 พฤศจิกายน 2551    
Last Update : 17 พฤษภาคม 2552 11:26:08 น.
Counter : 1087 Pageviews.  


khimyo
Location :
ลำพูน Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 8 คน [?]




Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add khimyo's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.