New Zealand Trip: สรุปค่าใช้จ่ายและรีวิวที่พักในทริปนี้


สวัสดีค่ะ

บลอกนี้ก็คงจะเป็นบลอกสุดท้ายในซีรี่ย์ Autumn in NZ แล้ว ก็จะขอมาแจกแจงรายละเอียดค่าใช้จ่ายหลักๆในทริปนี้ เผื่อใครกำลังวางแผนจะไปเที่ยว จะได้เตรียมเก็บเงินกันถูก

เกาะใต้ นิวซีแลนด์
ระหว่างวันที่ 10-19 เมษายน 52

โดยจะขอแยกเป็นค่าใช้จ่ายรายบุคคลและค่าใช้จ่ายส่วนรวม เพื่อให้ง่ายต่อการแจกแจงนะคะ
ค่าใช้จ่ายรายบุคคล ก็จะมี
- ค่าตั๋วเครื่องบิน สานการบินเอมิเรตส์ กทม.-ไคร์สเชิร์ช 29,100 บาท
- ค่าทำวีซ่ากรุ๊ป คนละ 1,200 บาท
- ค่าทำใบขับขี่สากล 505 บาท
- ประกันภัยการเดินทาง (จำไม่ได้) ประมาณ 450 บาท
- ค่าทำกิจกรรม
-----Puzzling world 9 NZD
-----Shotover jet 109 NZD
-----Deer Park Height 20 NZD (ค่อรถ 1 คัน)
-----Milford cruises 54 NZD
-----Gondola& luge 29 NZD
-----Heli-flight 210 NZD
-----Avon punting 20 NZD

ค่าใช้จ่ายส่วนรวม
- ค่าพาหนะ
---รถเช่าฟอร์ดโฟกัส 7วัน+ประกันภัยแบบ full excess 448 NZD
---ค่าน้ำมันประมาณ 350 NZD
---รถเมล์ 21 NZD
---ชัตเทิลบัสกลับสนามบิน 25 NZD
- ค่าอาหาร ทั้งทริปประมาณ 600 NZD
- ค่าที่พัก
---11 Apr YMCA CHC 81 NZD
---12 Apr South Beach Motel& Motor Park 75 NZD
---13 Apr Fox Glacier Holiday Park 94 NZD
---14 Apr Pinewood 80 NZD
---15 Apr Parkland Motel 105 NZD
---16 Apr YHA QT Lakefront 85 NZD
---17 Apr YHA Mt.Cook 102 NZD
---18 Apr YMCA CHC 100 NZD
รวม 1,566 NZD พอเอามาหารสามเป็นค่าใช้จ่ายต่อคน ก็จะเหลือ 522 NZD

ดังนั้นเมื่อเอาค่าใช้จ่ายทั้งหมดที่แจกแจง มารวมกัน ก็จะเท่ากับ 50,700 บาท (คิดอัตราแลกเปลี่ยนที่ 20.30 บาทต่อ 1 นิวซีแลนด์ดอลล่าร์) นอกนั้นก็เป็นค่าชอปปิ้งซื้อข้าวซื้อของ รวมๆแล้วทริปนี้ก็ใช้เงินไปประมาณหกหมื่นบาทนั่นแหละค่ะ

ต่อไปก็เป็นการรีวิวที่พักในทริปนี้อย่างย่อๆ หลักการในการเลือกที่พักก็จะเอาราคาถูกๆไว้ก่อน แบบห้องน้ำรวม ครัวรวม เป็นส่วนใหญ่(มากๆ 55)

คืนแรกและคืนสุดท้าย พักกันที่ YMCA Christchurch ทำเลดีมาก ถือเป็นตัวเมืองชั้นในของ CHC ด้านหน้าติดกับ Art Centre ส่วนด้านข้างติดกับ Botanic garden มีบริการที่จอดรถฟรีอยู่ด้านหลัง จอดได้ซัก 30 คันได้ ที่จอดเหลือเฟือเลยค่ะ มีห้องครัว ห้องอาหาร คาเฟ่อยู่ด้านล่าง

คืนแรก เรานอนแบบ triple room ไม่มีห้องน้ำในตัว ห้องเละขนาดนี้ก็ยังกล้าเอามาลงเนาะ...


ส่วนคืนสุดท้าย ตังเหลือ เลยอัพมานอนห้อง triple ensuite ก็คือมีห้องน้ำ และมีทีวีภายในห้อง


คืนวันที่ 2 นอนที่เมือง Greymouth ที่พักชื่อ South Beach Motor Park ราคาที่พัก 75 เหรียญ แยกออกมาเป็น ค่าห้อง 60 เหรียญ และค่าเช่า bedding หรืออุปกรณ์ในการนอน จำพวก ผ้าห่ม ผ้าปูที่นอน อีกคนละ 5 เหรียญ จองห้องไว้พักกัน 3 คน แต่ห้องมีเตียงสำหรับ 6 คน แม่เจ้า!!! เลือกที่นอนกันสนุกเลยค่ะ แต่มีข้อเสียที่ห้องน้ำรวมต้องเดินออกจากตัวอาคาร ห่างพอสมควร แล้วไฟห้องน้ำมันจะดับเองทุกๆ 10 นาที แบบว่าอาบน้ำหรือทำธุระอยู่ไฟก็จะปิดเอง อย่างเนี่ยอ่ะค่ะ ส่วนห้องครัวขนาดเล็กไปหน่อย ภาชนะในครัว มีแต่หม้อ ถ้าจะพักที่นี่ต้องเอาจานชามช้อนส้อมไปกันเองแหละ (เราไม่ได้เตรียมไปด้วย ก็เลยต้องกินมาม่าและโจ๊กคัพเอา)


วันต่อมา พักที่ Fox Glacier Holiday Park ห้องแบบ standard cabin ใช้ห้องส่วนรวมเหมือนเดิม ที่นี่เสียค่าเช่า bedding 6 เหรียญ ถ้าไม่ได้เตรียมอุปกรณ์ครัวมาเองเค้าก็มีให้เช่าในราคา หักมัดจำแล้วเหลือ 5 เหรียญค่ะ แต่เราไม่ได้ใช้บริการครัว เพราะทานพิซซ่าจากร้านอาหารด้านนอกมาแล้ว ครัวที่นี่ใหญ่ดีนะ แต่คนใช้ก็เยอะมากกกเช่นกัน ตอนวันที่เราไปมีเด็กนักเรียนมาทัศนศึกษางี้ด้วย คนใช้ครัวก็หลายสิบคนอ่ะ ที่นี่ห้องนอนก็มีเตียงสำหรับ 6 คนเช่นกัน แต่ว่าห้องเล็กกว่าที่ south beach เยอะเลยค่ะ




คืนที่ 4 ที่ QT เป็นที่พักที่น่ารักมาก จะมีอาคารแยกกันไปหลายๆหลัง สร้างลดหลั่นไปตามภูมิประเทศที่เป็นเขาของเมืองควีนส์ทาวน์ ห้องนอนดูดีมาก ห้องครัวมีอุปกรณ์ให้ทุกอย่าง ไม่ต้องแย่งกันเลย แต่ละยูนิตก็จะมีห้องส่วนรวมของตัวเอง ทำให้ไม่ต้องไปแชร์กับคนอื่นมาก ห้องน้ำสะอาด มีฮีตเตอร์ในห้องน้ำด้วย สรุปว่าที่นี่ น่าเลิฟมากๆ ราคาถูกด้วยค่ะ แค่ 80 NZD เชียร์เลยค่ะสำหรับ Pinewood




สำหรับที่พักในเมือง Te Anau ถือว่าเป็นห้องพักสุดหรูในทริปนี้ของเรา เนื่องจากเป็นห้องแบบโมเต็ล มีห้องครัวอุปกรณ์ครบทุกอย่าง ห้องดูทีวี และห้องน้ำส่วนตัว ราคาไม่แพงเมื่อเทียบกับสภาพห้อง ชื่อที่พัก Parklands Motel


ตอนเช็คอินเค้าจะให้นมเหยือกเล็กๆมาด้วย


ทำอาหารชุดใหญ่กินกันเอง มีไก่กระเทียม ลาบไก่ และข้าวหุงจากไมโครเวฟ อร่อยม๊ากก.. รสชาติที่คุ้นเคย ส่วนอาหารอีกอย่างที่หวังจะพึ่งพาสุดๆ คือไส้กรอก กลับเป็นว่าไม่อร่อยเลย ซื้อไส้กรอกที่ซูเปอร์ที่นู้นทานอยู่ 2 ครั้ง ก็ไม่อร่อยทั้ง 2 ครั้งเลย รสแปลกน่ะค่ะ


กลับมาที่ QT คราวนี้เปลี่ยนที่นอน นอนที่ YHA QT lakefront ห้องเล็กมาก แออัด ทางเดินก็ได้กลิ่นอาหาร ดีอยู่อย่างคือ วิวหลังห้องสวย มองเห็นทะเลสาป ส่วนห้องครัวไม่ได้ไปใช้บริการ แต่ดูแล้วอุปกรณ์น่าจะมีครบทุกอย่าง เป็นคืนแรกที่เราได้เจอคนเอเชีย (รวมถึงคนไทย)ในโรงแรมที่พัก ก่อนหน้านี้ไม่เคยเจอเลย


วันนี้ไปทานอาหารข้างนอกชุดใหญ่ ในตัวเมือง QT อาหาร 3 อย่างจานเบ้อเริ่ม ราคารวม 80 NZD นี่คือ แพงสุดในทริปนี้แล้ว


สำหรับที่พักที่สุดท้าย ก็คือ YHA Mt.Cook ก็ยังคงคอนเซ็ปท์ของ YHA คือห้องเล็กมากกก แออัด แต่ที่นี่บรรยากาศดีกว่าที่ QT ห้องราคาแพงเหมือนกันถ้าเทียบกับสภาพที่อยู่(แพงเป็นอันดับสองรองจากที่ Te Anau) คงเป็นเพราะเมืองนี้มันเล็กมาก ไม่มีคู่แข่งการค้าอย่างพวก BBH ด้วยแหละ


ทำอาหารชุดใหญ่กินกันอีกแล้ว ครัววันนี้มีหม้อหุงข้าว เลยสบายขึ้นมาอีกหน่อย


หวังว่าคงจะได้ไอเดียที่พักใหม่ๆไปบ้าง สำหรับคนเที่ยวนิวซีแลนด์แบบงบน้อยๆ นอกจาก YHA แล้วก็ยังมีที่พักราคาถูกที่น่าอยู่อีกเยอะแยะ ลองค้นจากในเวบจองห้องพัก แล้วอาจจะเจอเพชรในตม เช่น Pinewood หรือ Parklands motel แบบเราก็ได้นะ

ก็ขอจบแบบดื้อๆสำหรับรีวิวการเที่ยว รวมถึงรายละเอียดทริปเที่ยวนิวซีแลนด์ของเรา
ขอบคุณทุกท่านที่มาเข้าชมนะคะ
สวัสดีค่ะ




 

Create Date : 16 พฤษภาคม 2552    
Last Update : 21 สิงหาคม 2552 21:49:13 น.
Counter : 18597 Pageviews.  

Autumn in NZ: วันสุดท้ายเดินเล่นใน Christchurch


Christchurch- Bangkok

สำหรับวันนี้ก็จะเป็นวันสุดท้ายในทริปเที่ยวเกาะใต้นิวซีแลนด์ของ khimyo& friends แล้วนะคะ

เชคเอาท์ออกจากที่พักประมาณแปดโมงครึ่ง ขอฝากกระเป๋าทิ้งไว้ที่ YMCA แล้วก็เอารถไปคืนที่ออฟฟิศของเอเพ็กซ์ เช้านี้รถน้อยมาก เพราะเป็นเช้าวันอาทิตย์ ส่วนใหญ่ชาวเมืองเค้าก็ยังไม่มีใครออกจากบ้านกัน ขับรถหลงไปบ้างนิดหน่อยแต่ยังกู้กลับคืนมาตามเส้นทางเดิมได้ มีเพื่อนเป็นเนฯที่แสนดี ทริปนี้เวลาเที่ยวก็ดูแผนที่เอาค่ะ เส้นทางขับง่ายมาก เราใช้แผนที่กันจริงๆจังๆเพื่อหาทางไปต่อ อยู่สองเมือง คือ ที่ควีนส์ทาวน์และไคร์สเชิร์ชนี่แหละค่ะ ก่อนจะคืนรถก็เติมน้ำมันให้เต็มถังก่อน ตอนคืนก็ไม่มีขั้นตอนยุ่งยาก คืนกุญแจ แค่นี้...ก็เสร็จเรียบร้อยค่ะ

จากนั้นก็ใช้วิธีเดินกลับเข้ามาที่ตัวเมือง ใช้เวลาเดินไปถ่ายรูปไปก็ซัก 20 นาทีได้ ตอนนั้นยังไม่มีร้านรวงเปิดเท่าไหร่ ก็เลยกลับมาถ่ายรูปกันที่ Cathedral square กันอีกครั้ง


รถรางวิ่งผ่านมาพอดี


Tram หรือรถรางที่ CHC มี 2 สี สีแดงเอาไว้นั่งโดยสารอย่างเดียว ส่วนสีน้ำเงินใช้เป็นห้องอาหารเคลื่อนที่ชมเมือง


กะมาดูเค้าเล่นหมากรุก แต่ว่า...ตัวหมากมันถูกล็อคอยู่


ตั้งแต่มาที่นี่ ยังไม่ได้เข้า i-site ที่ CHC เลย (ที่จริงสมควรเข้าตั้งแต่วันแรกแล้ว) ก็เลยเข้าไปสำรวจด้านใน แล้วก็เข้าไปจองรอบลงเรือถ่อ(punting) จุดบริการเรือถ่อใน CHC มี 2ที่ คือ ในเมืองและในสวน Botanic garden ซึ่งทั้งสองที่ก็ต่างถ่อเรือในแม่น้ำเอวอนเหมือนกันแหละ แต่จะได้คนละอารมณ์กัน ราคาค่าเสียหาย 20 NZDต่อคน ตอนแรกเราก็ตั้งใจว่าจะไปลงเรือที่สวน แต่เนื่องจากโลเคชั่นในสวนมันฮิตกว่า ทำให้รอบเต็ม ว่างอีกทีสี่โมงเย็น (ป่านนั้นอิชั้นก็อยู่บนฟากฟ้าซิดนีย์แล้วย่ะ) ก็เลยต้องเลือกไปขึ้นในเมืองแทน ได้รอบ 10.30น. เดินไปไม่ไกลจาก i-site 5 นาทีก็ถึงแล้ว

และแล้วก็เดินมาถึง...


ถ่ายตอนมีลำอื่นสวนมาพอดี ลักษณะ คือ จะมีชายหนุ่ม(คัดหน้าตามาแล้ว..จัดว่าหล่อ) ยืนอยู่ท้ายเรือ แล้วใช้ไม้ยาวๆดันพื้นให้เรือไปในทิศทางที่ต้องการ เค้าก็เลย เรียกว่าถ่อเรือ แม่น้ำเอวอนไม่ลึก เล็กกว่าคลองแสนแสบบ้านเราซักสี่เท่า


ทิวทัศน์สองข้างทาง สงบร่มรื่น เดี๋ยวเราก็ต้องกลับเรือกลับไปเส้นเดิมที่มาแหละค่ะ ขามายังถ่อเรือตามน้ำ แต่ขากลับนี่ทวนน้ำ ใช้แรงเยอะเหมือนกัน ยิ่งช่วงที่น้ำตื้นมากๆ ท้องเรือมันจะขูดไปกับพื้นน่ะ เรือลำของเรามีผู้โดยสาร 5 คน นึกแล้วสงสารคนถ่อเรือเลยอ่ะค่ะ


ระหว่างล่องเรือ ก็สำรวจพฤติกรรมเป็ดในแม่น้ำไปด้วย เป็ดเยอะมากๆ แถมไม่กลัวคนเลย


พอขึ้นจากเรือ ก็เดินทางต่อไปยัง Christchurch Botanic Garden เป็น the must อีกอย่างหนึ่งของเราในทริปนี้ค่ะ อยู่ข้างโรงแรมที่พักเลย เราแอบแว๊บไปใส่เสื้อหนาวเพิ่มด้วย เพราะวันนี้ลมแรงเชียว

ระหว่างการเดินทาง ก็จะผ่าน Art Gallery อยู่มุมสี่แยกตรงข้ามกับ Art Centre


วันอาทิตย์มีตลาดนัด ที่ Art Centre


แล้วก็จะมีซุ้มอาหารขายด้วย วันนี้เราก็ได้ทานอาหารรสชาติที่คุ้นเคยส่งท้ายก่อนกลับเมืองไทย นั่นก็คือ ข้าวผัดซอสแม็กกี้กับไก่ทอดแบบแห้งๆกรอบๆ (คล้ายไก่ทอดหาดใหญ่)จากซุ้มแถวนี้แหละค่ะ อร่อยมากมายสบายกระเป๋า ราคา 6 เหรียญเอง ซื้อเป็นกล่องแล้วก็เอาไปทานในห้องอาหารของ YMCA นั่นแหละค่ะ ขอทานอาหารในที่อุ่นๆหลบหนาวหน่อยนึง


มีแรงแล้วก็เดินต่อ มาถึงสวนพฤกษศาสตร์แห่งไคร์สเชิร์ชแล้วค่า
นี่คือ อนุสาวรีย์ของ William Sefton Moorhouse เป็นผู้บุกเบิกทำทางรถไฟในนิวซีแลนด์ และได้รับเกียรตินำเอาชื่อนามสกุลมาตั้งเป็นชื่อถนนสายหลักใน CHC คือ ถนน Moorhouse นั่นเอง


สีฉูดฉาดเชียว ตึกด้านหลังก็คือ พิพิธภัณฑ์เมือง CHC


ต้นไม้ใหญ่ๆทั้งนั้น


ลองเทียบกับตัวเราดูสิ...


ใบไม้เปลี่ยนสี


ขอมอบดอกไม้ในสวน ที่หอมอบอวลสู่ชน... (ขออภัยหากมีน้องๆคนใดไม่รู้จักเพลงนี้)


รู้แล้วว่า คนในเมืองเค้ามาหลบกันที่นี่นี่เอง คนในสวนคึกคักทีเดียวค่ะ มีกิจกรรมพักผ่อนหย่อนใจกันตามแต่ละคน บ้างก็นอน อ่านหนังสือ นั่งฟังเพลง พาลูกมาเล่น มาเดินออกกำลังกาย เคยไปสวนสาธารณะที่เมืองจีนนี่คนละอารมณ์กับแบบนี้เลย อันนั้นจะมีคนมาพักผ่อนเยอะเหมือนกัน แต่จะจับกลุ่มเป็นชมรม หรือกลุ่มที่มีความสนใจเหมือนกันมาทำกิจกรรมกัน แบบอลังการงานสร้างมากๆ ร้องเพลง เต้นรำ เล่นไพ่ เจี๊ยวจ๊าวสุดๆ สรุป ชอบคนละแบบ แบบที่ CHC ก็แบบเหงาๆ ที่ปักกิ่งก็สนุกสนาน


ได้เวลาอันควรก็เดินกลับไปที่โรงแรมเพื่อขนของไปสนามบินกัน ซึ่งโรงแรมที่พัก ก็คือ ตึกสีเท่าที่เห็นนั่นแหละค่ะ


สำหรับขากลับไปที่สนามบิน เราจะไม่นั่งรถเมล์แล้วนะ ขอพัฒนาคุณภาพชีวิตขึ้นมาอีกหน่อยด้วยการนั่งรถชัตเทิลบัสกลับดีกว่า นัดเค้ามารับที่โรงแรมตอนบ่ายโมง เค้าก็จะวนรถไปรับคนที่โรงแรมอื่นๆที่มีเวลานัดใกล้เคียงกับเราด้วย แล้วก็พาไปส่งสนามบิน ราคา 25 NZDต่อ3คนค่ะ สะดวกสบายมาก วิธีการจองก็บอกให้พนักงานที่เคาเตอร์โรงแรมจัดการให้

จากนั้นก็นั่งเครื่องบินของสายการบินเอมิเรตส์ EK419 กลับประเทศไทยอย่างสวัสดิภาพ แถมยังมีเรื่องดี ตอนขึ้นเครื่องที่ซิดนีย์ได้อัพเกรดไปนั่งชั้น Business โดยพร้อมเพรียงกันทั้งสามคนเลยค่ะ เรียกได้ว่ากินอิ่ม หลับสบายไม่มีสะดุด ตื่นอีกทีก็ถึงสุวรรณภูมิซะแล้ว

เดี๋ยวคราวหน้าจะมี Bonus blog รีวิวโรงแรมและค่าใช้จ่ายของทริปนี้ไว้ให้ด้วย เผื่อเป็นทางเลือกให้เพื่อนๆที่กำลังจะไปหรือมีความคิดที่จะไปเที่ยวได้ตัดสินใจง่ายขึ้น แบบที่เราเคยได้อ่านประสปการณ์ของหลายๆท่านที่ไปเที่ยวมาก่อนเราแล้วเอามารีวิวในบลอกค่ะ




 

Create Date : 14 พฤษภาคม 2552    
Last Update : 15 พฤษภาคม 2552 1:01:54 น.
Counter : 1980 Pageviews.  

Autumn in NZ: heli-flight แผนบีที่ Mt.Cook


Mt. Cook- Lake Tekapo- Geraldine- Christchurch

วันนี้เรามีโปรแกรมขึ้นเฮลิคอปเตอร์ชมทิวทัศน์จากมุมสูงและ snow landing กันค่ะ ถ้ามาขึ้นฮ.ที่นี่จะไม่ได้ดูกลาเซียร์นะคะ แต่ว่าจะเห็นเมาท์คุกแบบไกลๆแทน นอกจากว่าจะซื้อเพิ่มเค้าก็จะพาบินอ้อมไปชมกลาเซียร์ด้วย

ก่อนอื่นก็โทรไปคอนเฟิร์มเที่ยวบินของเราในวันนี้ที่บริษัทก่อน พอเค้าบอกว่าวันนี้สามารถบินได้ ก็นัดหมายเวลา ตกลงว่าทางบริษัทจะส่งคนมารับกลุ่มเราที่ YHA ในเวลาเก้าโมงเช้า ไปยังลานจอดเฮลิคอปเตอร์

ระหว่างที่รอก็ถ่ายสภาพอากาศข้างนอกมาให้ดูก่อน สดใสจริงๆด้วย เห็นยอดเม้าท์คุกเลย...


เจ้าหน้าที่ที่มารับเราเป็นผู้หญิงสาว คุยสนุกมาก คุยกันไปๆมาๆ ชียังมีความเข้าใจว่าเมืองไทยเลี้ยงช้างไว้เป็นเพื่อนแก้เหงาแบบเลี้ยงหมาอยู่เลย เราเล่าว่าเราพลาดไม่ได้ขึ้นฮ. ที่ฟรานซ์โจเซฟแบบที่ตั้งใจตอนแรก ก็เลยเปลี่ยนแผนมาขึ้นที่นี่แทน เค้าก็บอกว่าเราโชคดีแล้วนะ เพราะว่าตอนนี้ถนนเส้น ฟรานซ์โจเซฟ-ฟอกซ์ ปิดมา 2 วันแล้ว เพราะฝนตกหนัก ถนนลื่น

ตอนรอขึ้นเฮลิคอปเตอร์ ก็ถ่ายวิวด้านนอกไปพลางๆก่อน ตอนขึ้นฮ.เค้าจะไม่อนุญาตให้เรานำสัมภาระติดตัวขึ้นไป พวกกระเป๋าเป้ก็ฝากไว้ที่เคาเตอร์ นอกจากเสื้อผ้าที่ใส่อยู่ ก็พกไปเพิ่มแค่แว่นกันแดด และกล้องถ่ายรูป พอช่วงใกล้จะขึ้นฮ.ก็จะมีเจ้าหน้าที่มาบรรยายถึงข้อควรปฏิบัติขณะอยู่บนเครื่อง


ได้ขึ้นกันจริงๆแล้วค่ะ ไฟลท์นี้มีผู้โดยสาร 5 คน นอกจากกลุ่มเราแล้ว ก็มีคู่สามีภรรยาคู่หนึ่งขึ้นมาด้วย


ตอนนี้กำลังลดระดับเพื่อจอดบนหิมะ ด้านบนภูเขาแสงอาทิตย์เจิดจ้ามากๆ อากาศไม่หนาวเลยค่ะ เราเดาผิดเล่นใส่เสื้อกันหนาวมาซะเต็มสูบ


จากนั้นนักบินก็จะปล่อยเรากรี๊ดกร๊าดด้านล่างซัก 5 นาที ก่อนเรียกขึ้นเครื่อง ยังไม่ทันจะถ่ายอะไรเลยอ่ะค่ะ


ขาลงแล้ว... ได้ภาพเมาท์คุกตอนบินอยู่บนฟ้ามาหนึ่งรูป อารมณ์ตอนอยู่ในเฮลิคอปเตอร์ก็จะหวิวๆหน่อย กัปตันก็จะบรรยายนู้นนี้ไปเรื่อยๆ ผ่านทางหูฟังที่ต้องสวมตอนอยู่บนเครื่อง เพราะเสียงเครื่องยนต์มันดังมาก


ธารน้ำที่สามารถเห็นได้บ่อยๆตอนมาเที่ยวที่เกาะใต้ เกิดมาจากการละลายของน้ำแข็งบนภูเขา


แล้วก็ไหลรวมกัน เกิดเป็นทะเลสาปสีสวยอย่างที่เห็นนี้แหละค่ะ
Lake Pukaki ที่ขับรถผ่านมาเมื่อวาน


โปรแกรมขึ้นเฮลิคอปเตอร์ใช้เวลานับตั้งแต่เครื่องบินขึ้นจนบินกลับลงมาที่ฐานประมาณ 20 นาที ราคา 210 NZD ต่อคนค่ะ พอเสร็จแล้วเค้าก็ขับรถพาเรามาส่งกลับที่ YHA จากนั้นเราก็ขับรถไปถ่ายรูปกับโรงแรม The Hermitage พอเป็นพิธี ที่นี่มีพิพิธภัณฑ์ของ Sir Edmund Hillary ถือเป็นฮีโร่คนนึงของชาวนิวซีแลนด์เลยทีเดียว


ขับรถย้อนกลับมาทางเดิมที่เราขับมาเมื่อวาน กลับเข้าสู่ถนนหลักมุ่งหน้าสู่ไคร์สเชิร์ช คืนนี้ก็จะเป็นคืนสุดท้ายที่เราได้นอนที่นิวซีแลนด์กันแล้วค่ะ พอขับออกมาถึงถนนหลักซักพักก็เจอวิวนี้ค่ะ เราว่าสวยเหมือนภาพในจินตนาการเลย


แล้วเราก็มาถึง Lake Tekapo ได้ยินว่าเมืองนี้มีทะเลสาปสีสวยเป็นฟ้าเทอควอยซ์ พอไปเห็นจริงๆ ก็ไม่ค่อยออกสีฟ้าเท่าไหร่ สู้ Pukaki ไม่ได้ค่ะ เราว่าสีของทะเลสาปอาจขึ้นกับหลายๆปัจจัยด้วย เช่น แสง ฝนตก ฤดูกาล แต่ก็เห็นรูปถ่ายของหลายๆท่านที่เห็นทะเลสาปสีเทคาโปเป็นสีฟ้าสวยเชียว สงสัยวันนี้สีไม่ค่อยออกมั้ง...

Church of Good Shepard โบสถ์หลังน้อย ริมทะเลสาปเทคาโป มีที่นั่งด้านในบรรจุคนได้ไม่เกิน 30 คน แต่นักท่องเที่ยวถ่ายรูปด้านนอกร่วมครึ่งร้อยได้ กว่าจะหามุมสงบได้...


ใกล้ๆกันนั้น มีอนุสาวรีย์หมาเลี้ยงแกะ แผ่นป้ายที่เห็นเขียนเชิดชูความดีงามของหมาเลี้ยงแกะ พันธุ์คอลลี่ ที่ช่วยชาวบ้านแถวนี้ทำมาหากินเป็นอย่างดี เค้าเขียนไว้ซึ้งมากเลยนะ คนแถวนี้น่ารักจังเลย


ถ่ายรูปแกะไว้หลายรูป แต่ชอบรูปนี้มากที่สุดในทริปนี้ ยิ่งใกล้ไคร์สเชิร์ชก็ยิ่งมีทุ่งหญ้าเลี้ยงแกะเต็มไปหมด


แวะจอดกันที่เมือง Geraldine เพื่อไปชอปปิ้งกันที่ร้าน The Tin Shed มีชื่อเสียงเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์จากขนแกะ ไม่ว่าจะเป็นเสื้อ รองเท้า ผ้าพันคอ และของที่ระลึกแบบทั่วๆไป แต่ว่ามันน่ามหัศจรรย์ตรงที่พอเข้าร้านนี้ปุ๊บ เจอแต่คนไทยค่ะ มีหลายกรุ๊ปมาก ร่วม 20 คน ไม่ได้มาเป็นทัวร์นะคะ แต่ว่าทุกคนก็ต่างมาเที่ยวแบบขับรถเองแบบเรานี่แหละ กลายเป็นว่ามาเจอกันแบบไม่ได้นัดหมายที่ร้าน The Tin Shed

ป้ายและเครื่องหมายจราจรต่างๆ ระหว่างขับรถเข้าเมือง


ความตั้งใจอีกอย่างนึงของเราในวันนี้ คือ การแวะซื้อขนมที่โรงงานของ Cookie Time ซึ่งตั้งอยู่ในแถบชานเมืองไคร์สเชิร์ชนี่แหละ แต่ว่าเรามาถึงช้าไป ร้านเค้าปิดตอน 5 โมงเย็น ก็เลยต้องเปลี่ยนไปซื้อขนมที่นิวเวิล์ดกันแทนค่ะ

ตอนหน้าก็จะเป็นรีวิวการเที่ยวเกาะใต้นิวซีแลนด์ของเราในวันสุดท้าย.. เก็บตกชมเมืองไคร์สเชิร์ชค่ะ
สวัสดีค่ะ




 

Create Date : 14 พฤษภาคม 2552    
Last Update : 14 พฤษภาคม 2552 0:16:51 น.
Counter : 1995 Pageviews.  

Autumn in NZ: จาก Queenstown ถึง Mt. Cook


Queenstown- Cromwell- Omarama- Mt.Cook

วันนี้เราก็จะเริ่มเดินทางย้อนกลับไปทางเหนือ มุ่งหน้ากลับไคร์สเชิร์ชแล้วค่ะ เผลอแป๊บเดียวเราก็เที่ยวกันมาค่อนทริปแล้ว เช้านี้อาจเป็นเพราะว่าเราเริ่มชินกับเวลาที่นิวซีแลนด์หรือเมื่อคืนเดินช้อปปิ้งกันจนเพลีย ทำให้วันนี้กว่าจะตื่นกันก็เก้าโมงเช้าแล้ว

พอตื่นปุ๊บก็เปิดม่านถ่ายรูปวิวจากระเบียงหลังห้องมาทันที


พอเก็บของ ออกจากที่พักแล้ว เราก็มาขึ้นกระเช้าชมเมืองควีนส์ทาวน์กันที่ Skyline Gondola เมื่อขึ้นกระเช้าขึ้นไปแล้ว ด้านบนก็จะมีกิจกรรมหลายอย่างให้เลือกเสียทรัพย์ตามใจชอบ ไม่ว่าจะเป็นร้านอาหาร มีแบบบุฟเฟ่ต์มื้อเที่ยงและเย็นด้วย มีการแสดงของชาวพื้นเมือง ร้านขายของที่ระลึก บันจี้จัมพ์ และเล่นลูจหรือม้าเลื่อน สำหรับวันนี้เราซื้อเป็นแพคเกจขึ้นกระเช้าพร้อมกับลูจอีก 1 รอบ ราคา 29 NZD


วิวถ่ายจากอาคารด้านบน มองเห็นเมืองควีนส์ทาวน์และทะเลสาปวาคาติปูด้านล่าง ตรงมุมขวาล่างจะเห็นแท่นกระโดดบันจี้จั้มป์ และถ้าตั้งใจมองอีกนิดจะเห็นควันลอยออกมาจากเรือกลไฟ TSS Earnslaw ที่จอดอยู่ริมทะเลสาปด้วยค่ะ


อีกมุมนึง ตั้งใจถ่ายมุมเดียวกับหน้าปกนิตยสารเที่ยวรอบโลก ฉบับนำเที่ยวนิวซีแลนด์


นี่คือ ตู้ทำเหรียญที่ระลึก มีหลายตู้เหมือนกัน แต่ละตู้จะผลิตลายเหรียญออกมาไม่เหมือนกัน บางตู้ให้หยอดเงินเหรียญเข้าไปแล้วก็จะได้เหรียญที่ระลึกกลับออกมาทันที บางตู้ก็ต้องมาหมุนแบบแม่พิมพ์เอง เสียเงินไปกับเจ้านี่หลายเหรียญเลยค่ะ


หลังจากเดินสำรวจภายในอาคารเรียบร้อยแล้ว ก็เดินไปขึ้นลูจกัน โดยต้องขึ้นกระเช้าต่อขึ้นไปอีกนิดค่ะ


เส้นทางการเล่นลูจจะมีให้เลือก 2 แบบ คือ แบบง่ายขับกินลมชมวิว กับแบบแอ๊ดว้านซ์ แน่นอนว่าเราเลือกแบบกินลมชมวิว ก่อนจะเล่นเค้าก็มีเจ้าหน้าที่แนะนำวิธีการเล่น ทดสอบตัวลูจว่าใช้การได้ หลังจากนั้นก็จะปล่อยตัวตามทางที่เห็นนี่แหละ


จากนั้นเดินทางต่อไปที่ AJ Hackett Bungy Jump ตั้งอยู่ที่ แม่น้ำคาวาราอู แม่น้ำสีสวยมากค่ะ น้ำสีฟ้าตัดกับต้นไม้ใบเหลืองๆ


ที่จริงแล้วนิวซีแลนด์มีที่ให้กระโดดบันจี้จั้มพ์เปิดให้บริการหลายที่ แต่ว่าจุดนี้จะเป็นที่นิยมมากที่สุด เป็นสถานที่กระโดดบันจี้จั้มพ์แห่งแรกของโลก เพื่อนในกลุ่มเราคนนึงตั้งใจมาโดดบันจี้จัมพ์มากๆ แต่ก็ต้องพบกับความผิดหวัง เพราะวันนี้เป็นช่วงปิดเทอมของเด็กที่นู้นพอดี เลยมีคนมาต่อคิวเต็มตลอดทั้งวัน อันที่จริงรู้มาว่าคิวเต็มตั้งแต่เมื่อวานแล้ว จากการได้ไปคุยกับคนไทยกลุ่มนึงที่พัก YHA แต่ยังไงก็มีโอกาสแค่วันเดียว เลยลองมาหาเอาดาบหน้ากันดู ก็เลยมีโอกาสแค่มองคนอื่นโดดไปก่อน ถ้าใครคิดจะไปเที่ยวนิวซีแลนด์ช่วงสงกรานต์แบบเราก็อย่าลืมจองล่วงหน้าซัก 2-3 วันนะคะ เพราะตรงกับวันหยุดของคนที่นู้นพอดี มีทั้งวันอีสเตอร์และตรงกับปิดเทอมพอดีเลย

เดินขึ้นสะพานไปยังสถานีปล่อยตัว เค้าให้คนนอก (ที่ไม่ได้โดด) ไปดูได้ใกล้ๆเลย เราชอบดูบรรยากาศตรงนี้มากกว่า เพราะว่าจะได้อารมณ์คนที่กำลังจะกระโดดด้วย บางคนก็ทำใจซะนาน คนที่อยู่รอบๆก็จะส่งเสียงเชียร์ให้โดด บางคนก็โดดก่อนเค้าจะนับถึง 3 แบบพอเค้าพูด 1 ก็กระโดดไปแล้ว ใช้เวลาไม่นานมากในการเตรียมตัวกระโดดต่อคนไม่เกิน 5 นาที แถมมี 2 ช่องให้กระโดดสลับกันอีก ขนาดนี้คิวยังเต็มทั้งวันเลยค่ะ


พอหอมปากหอมคอกับการไปดูบันจี้จัมพ์และปลอบใจเพื่อนสาวให้หายเซ็งได้ ก็ออกเดินทางต่อ จากนี้เราก็จะผ่านเมืองเล็กๆไปอีกหลายเมือง ทางช่วงนี้มีปลูกไร่องุ่นเยอะเลย บางไร่ก็จะเอาตาข่ายมาคลุมต้นเอาไว้ ไม่รู้เหตุผลเหมือนกัน อาจจะกันความหนาวเย็นมั้ง


วิวตามทางอีก...


แล้วก็มาถึงเมืองผลไม้ Cromwell แต่ก็ไม่ได้แวะซื้อแต่อย่างใด...


ทางบางช่วงก็จะมีภูมิทัศน์แปลกๆ เช่น อยู่ๆก็มีเนินทรายสามเหลี่ยมโผล่มาซะอย่างนั้น


นอกจากแกะแล้ว ที่นิวซีแลนด์ยังเป็นแหล่งผลิตนมวัวที่ดีมากอีกแหล่งนึง ต้นทุนการผลิตน้ำนมน้อยมาก อากาศดี อุณหภูมิเหมาะสม หญ้าคุณภาพดี ก็เลยมีวัวเพียบเลย ฝูงนี้น่าจะถึงร้อยตัว


เข้าเขต Lindis Pass ดูแห้งแล้งเชียว มีแต่หญ้าขึ้นเป็นพุ่ม


แต่ก็สวยในแบบแล้งๆนะ แปลกใจเห็นเป็นที่โล่งๆแห้งๆแบบนี้ ทำไมไม่มีฝุ่นเลยก็ไม่รู้


วันนี้ทางสบายมาก ส่วนใหญ่จะเป็นทางตรงยาวๆ ขับรถก็ระวังง่วงละกันค่ะ


แล้วก็มาแวะอีกเมืองนึง ตอนแรกตั้งใจจะมาแวะเข้าห้องน้ำเฉยๆ แต่ในที่สุดก็ได้ของฝากมาเพิ่ม แถมด้วยไอศครีมอีก 1 กรวย เราถือว่าเป็น The Must ถ้าใครมานิวซีแลนด์แล้วขอให้ลองทานไอศครีมรส Hokey Pokey หรือ Honey-Pokey เถอะค่ะ น่าจะหาทานได้ไม่ยาก มีขายทุกเมืองที่มีตู้ไอศครีม อร่อยมากๆ เมืองไทยน่าจะทำมาขายบ้างนะ


วิวทะเลสาปเล็กๆข้างทาง น้ำนิ่งมากเลย เห็นภาพสะท้อนภูเขาชัดมากๆ ชัดกว่า Lake Matheson หรือ Mirror Lake อีก บอกให้เพื่อนจอดรถ แต่ไม่ทัน ก็เลยได้ภาพมาแค่นี้


คืนนี้เราจะเข้าไปพักกันที่ Mt. Cook ซึ่งต้องขับรถแยกออกไปจากถนนใหญ่ เข้าไปอีก 50 กม.

พอเลี้ยวแยกจากถนนหลักมาซักพัก ก็เริ่มเห็น Lake Pukaki อยู่ลิบๆ น้ำเป็นสีฟ้าสวยเชียว


ขนาดว่าท้องฟ้าไม่เป็นใจ ก็ยังฟ้าได้ขนาดนี้ เป็นสีเทอควอยซ์เลยค่ะ ภาพนี้เราเดินลงมาจาก Peter’s Lookout ลงไปถ่ายรูปที่ริมทะเลสาปเลย ถ่ายกับรองเท้าคู่ใจ ใส่ดีมากไม่เจ็บเท้าเลย


แถบนี้เป็นทุ่งหญ้ากว้างใหญ่ แต่ก็มีภูเขาสูงอยู่รายล้อมด้วย ถ้ามียีราฟกับม้าลายก็เหมือนทุ่งหญ้าในแอฟริกาเลย (ไม่เคยไปนะคะ คิดเอาเอง อิอิ)


สภาพอากาศขมุกขมัวจนกลัวว่าโปรแกรมขึ้นเฮลิคอปเตอร์ที่ตั้งใจว่าจะมาแก้ตัวกันอีกทีที่ Mt.Cook ในวันพรุ่งนี้จะเป็นไปได้หรือไม่


แล้วก็มาถึงที่พัก YHA Mt.Cook


จากนั้นก็จองทัวร์ขึ้นเฮลิคอปเตอร์จากเคาเตอร์ที่ YHA ในราคา 210 NZD ซึ่งราคาแพงกว่าที่ Franz Josef ตั้ง 30 เหรียญ แต่ว่าเค้ายังไม่เก็บเงินเพราะว่ายังยืนยันไม่ได้ว่าเฮลิคอปเตอร์จะขึ้นได้หรือไม่ ต้องดูสภาพอากาศในวันพรุ่งนี้อีกทีนึง จากนั้นก็ขนของเข้าห้องพัก (ขนาดเล็กมากกก..อีกแล้ว YHA ที่ไปพักมาทั้งสองที่ห้องเล็กมากจริงๆ) แล้วก็ทำกับข้าวทานกันเอง อ่อ...ที่นี่มีหม้อหุงข้าวให้ด้วยนะคะ

ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาอ่านค่ะ




 

Create Date : 12 พฤษภาคม 2552    
Last Update : 12 พฤษภาคม 2552 20:52:47 น.
Counter : 2357 Pageviews.  

Autumn in NZ: ล่องเรือที่ Milford Sound และแวะเที่ยวสองข้างทาง


Te Anau- Milford Sound- Queenstown

วันนี้ออกเดินทางจากที่พักตั้งแต่ยังไม่ถึงหกโมงเช้า ที่ต้องออกมาเร็วขนาดนี้ เพราะว่าเราต้องขับรถเพื่อไปขึ้นเรือล่องมิลฟอร์ดซาวด์รอบเช้าสุด 9.00 น. ระยะทางจาก Te Anau ถึง Milford sound 117 กม. ใช้เวลาขับรถประมาณ 2.15 ชั่วโมง ดังนั้นเราก็เลยเผื่อๆเวลาเป็น 3 ชั่วโมง กันเหนียวค่ะ

เราจองทัวร์ล่องเรือชม Milford sound ทางอินเตอร์เนทล่วงหน้า เลือกของบริษัท Red Boat เพราะว่าถ้าจองล่วงหน้าจะลดราคาได้อีก 10% จากราคา 60 NZD เหลือคนละ 54 NZD ที่เลือกรอบเช้าสุด เพราะว่าเค้าจะจัดอาหารเช้าให้ฟรีค่ะ ประหยัดๆ อิอิ

ขาขับไปแทบจะมองไม่เห็นอะไรเลย เพราะกว่าจะเริ่มมีแสงก็เจ็ดโมงครึ่งแล้ว แถมยังมีฝนตกหนัก ลมพัดแรงตลอด ตามทางก็จะมีกิ่งไม้หล่นตามถนนเรื่อยๆ เราชนกิ่งไม้จนป้ายทะเบียนรถบุบไปนิดนึง เพราะว่ามันมองไม่เห็น แบบว่าพ้นโค้งมาก็เจอเลย หลบไม่ทัน ดีที่ทำประกันแบบครอบคลุมทุกอย่างเอาไว้แล้ว เลยไม่ต้องกังวลในส่วนนี้

เรามาถึงกันเร็วกว่าที่คิดไว้ คือกะว่าจะมาถึงซัก 8.30 น. แต่เอาเข้าจริงมาถึงตั้งแต่ยังไม่แปดโมงเลย ที่ทำเวลาได้เร็ว เพราะขามาจะไม่มีรถสวนออกไป ที่ Milford sound เหมือนเป็นทางตันค่ะ คือ เป็นเมืองที่ไม่มีคนอาศัยอยู่ ได้เวลาพนักงานก็กลับบ้าน แล้วก็มาอีกทีตอนเช้า ดังนั้นตอนเราขับเข้ามา 6-7 โมงเช้า เลยไม่เจอรถสวนซักคันเดียว แล้วก็ไม่ได้แวะถ่ายรูปตรงนี้ทำให้เซฟเวลาไปได้อีกเยอะ เพราะแสงมันน้อยสำหรับการถ่ายภาพ แต่ก็พอได้เห็นความสวยงามของสายน้ำตกที่ไหลลงจากภูเขาที่อยู่ล้อมตัวเราออกมาเป็นพันๆสายเลยค่ะ

มาถึงท่าเรือที่ Milford sound แต่ยังเข้าไปไม่ได้ เลยต้องรอข้างนอกก่อน รถบัสสีน้ำเงินนั่น คือ รถรับพนักงานของบริษัทนึงเข้ามาทำงานที่นี่ค่ะ


สำหรับท่านที่จะมาล่องเรือที่ Milford sound ต้องเผื่อเวลาเดินจากที่จอดรถมายังท่าเรือ ประมาณ 10 นาทีค่ะ

พอเข้ามาได้ ก็ไปเชคอินที่เคาเตอร์ ซึ่งจะมีแยกเป็นของแต่ละบริษัท ส่วนของเราก็เคาเตอร์แดงๆนี่แหละค่ะ


ได้ บอร์ดดิ้งพาสมา เหมือนขึ้นเครื่องเลย แล้วเค้าก็จะบอกหมายเลขท่าเรือที่ต้องไปขึ้นเรือ


ในระหว่างรอเวลาขึ้นเรือ บริเวณโถงก็จะมีการจัดซุ้มให้ความรู้ อย่างอันนี้ ก็จะบอกว่าที่ Milford sound มีสิ่งมีชีวิตอะไรอาศัยอยู่มั้ง


อ้ะ....ได้เวลาล่องเรือแล้ว เราไปกับเรือลำนี้ค่ะ.... Lady of the Sounds


ภายในเรือมีสองชั้น ชั้นล่างก็จะมีไลน์อาหารเช้าตั้งไว้ให้ มี ซีเรียล นม ขนมปัง แยม เนย ชา กาแฟ น้ำส้ม ถ้าเลือกไปเรือรอบเช้าสุด ก็จะฟรีค่ะ สามารถหยิบทานได้ตามสะดวก เราเลือกที่จะมานั่งชั้นบน เพราะคิดว่าน่าจะเห็นวิวดีกว่า (ก็ไม่เห็นมีใครนั่งด้านล่างนะ) แล้วก็มีชั้นดาดฟ้าให้ไปรับลมแรงๆข้างบนได้ค่ะ

บรรยากาศที่นั่งชั้นบนของเรือ


ตอนแรก ยังมีฝนตกอยู่ มืดเชียว เส้นขาวๆเล็กๆที่เห็นที่ภูเขา คือ เส้นน้ำตกที่ไหลลงมา


เข้าไปดูใกล้ๆ ก็จะเห็นประมาณนี้...


วิวบนดาดฟ้าเรือ บางช่วงลมจะแรงมาก แรงจนยืนไม่อยู่เลยค่ะ เราว่าลมพัดที่เมืองจีนแรงแล้วนะ เจอที่นี้แรงกว่าอีกแฮะ แต่บางช่วงก็จะลมสงบ ตามแนวลมที่ผ่านเข้าช่องเขาแหละค่ะ


วิวแปลกดี เพื่อนเราบอกเหมือนกุ้ยหลิน -_-“


นี่คือแมวน้ำ เห็นแบบไกลๆ ซูมกล้องเข้าไปสุดๆแล้ว ฝูงนี้อยู่กันประมาณสิบตัว เห็นอยู่ฝูงเดียวนี่แหละค่ะ


เรือจะพาเรือล่องไปตามช่องเขาเรื่อยๆ จนออกไปยัง Tasman sea แล้วก็วกกลับมาที่ท่าเรืออีกครั้ง ช่วงที่ออกทะเล คลื่นลมแรงมาก เราก็ยิ่งเป็นคนเมารถเมาเรือง่ายๆอยู่ ก็เลยสลบไปตามระเบียบ แต่มีเรื่องตลกเกิดขึ้น ขณะที่เรากะลังสลึมสะลืออยู่ในเรือ คือ เจ้าหน้าที่เค้าประกาศว่า จะพาเรือเข้าไปชมน้ำตกใกล้ๆ ให้ระมัดระวังด้วยสำหรับคนที่จะขึ้นไปชมบนดาดฟ้า เพราะว่ามันจะทำให้คุณเปียก และหนาว กล้องคุณอาจจะเจ๊ง แต่เจ๊เพื่อนเราคนนึง มันก็ยังอยู่บนดาดฟ้าไม่ยอมลงมา จนพนักงานเค้าขับพาเรือไปอยู่ใต้น้ำตก ให้น้ำตกมันไหลมาอยู่บนเรือเลย เราก็เห็นนักท่องเที่ยวคนอื่นๆวิ่งหลบน้ำลงมาข้างล่างกันหมดละ เหลือแต่เพื่อนเราที่ยังไม่แสดงตัว นึกว่าหล่นทะเลไปแล้ว แต่สุดท้ายชีก็ลงมาด้วยร่างกายที่เปียกปอน บอกว่าที่ลงมาช้าเพราะว่าพยายามถ่ายน้ำตอนที่ตกลงมาใส่หน้าอยู่ กรรม...

นี่คือ น้ำตกที่ว่า... หน้าต่างเรือเปียกหมดเลย


ระหว่างทาง เรือจะแวะจอดที่จุดชมสิ่งแวดล้อมใต้น้ำของ Milford sound สำหรับนักท่องเที่ยวที่สนใจด้วย แต่ก็ต้องเสียเงินค่าเข้าชมเพิ่มด้วย ซึ่งเราไม่ได้แวะลงไปค่ะ

Mitre Peak ถ่ายตอนจะกลับแล้ว แต่ก็ยังมีเมฆบังยอดอยู่ดี พยายามจะถ่ายให้เหมือนหน้าปกหนังสือนำเที่ยวนิวซีแลนด์เล่มนึง


พอขากลับ ก็แวะเที่ยวตามสถานที่ข้างทางไปเรื่อย
เริ่มจาก The Chasm..... คำบรรยายสำหรับผู้ที่ดูภาพแล้วนึกไม่ออก มันคือน้ำตกที่ไหลกัดเซาะหินจนเป็นรูเยี่ยงนี้ ก็เลยได้ชื่อนี้มาค่ะ


Homer Tunnel อุโมงค์ที่เจาะผ่านเขาไป ทำให้สะดวกในการไปเที่ยว Milford sound มากขึ้น มีช่องจราจรเพียงหนึ่งเลน จะปล่อยรถสลับกันไปทีละด้าน โดยเค้าจะปล่อยสัญญาณไฟเขียวด้านละ 15 นาที ขามาเราไม่ต้องรอสัญญาณ เพราะเค้าจะมาเปิดไฟเขียวไฟแดงตอนเก้าโมงเช้า สวนขากลับเราเจอไฟเขียวพอดี เลยมาจอดถ่ายรูปอีกด้านนึงแทน ด้านหลังจะเห็นรถต่อคิวผ่านอุโมงค์อยู่


วิวสองข้างถนน ขับไปตามหุบเขา บางช่วงก็จะมีน้ำตกไหลลงมาจากภูเขาแบบที่เจอที่ Milford sound ค่ะ


ส่วนที่นี้ ก็ยอดฮิตค่ะ Mirror lake มีทัวร์จีน ญี่ปุ่นเพียบเลย


ถ่ายป้ายยืนยัน ว่ามาไม่ผิดที่ 55


จากนั้นก็แวะทานอาหารเที่ยงกันที่ Subway Te Anau ซื้อเบอร์เกอร์ฟุตลองอันนึงก็กินอิ่มกันสามคนเลยค่ะ แล้วก็ขับรถยาวต่อเนื่อง กลับไปยัง Queenstown

วันนี้เราไปพักกันที่ YHA Queenstown Lakefront ห้องพักเล็กมากกก.. แต่วิวหน้าห้องก็สวยสุดๆ หลังห้องมีระเบียงเปิดออกมาเจอทะเลสาป


พอเก็บของเสร็จ ก็ออกไปเดินเล่นในเมืองกันค่ะ


เดินเลียบทะเลสาป Wakatipuไปเรื่อย ซัก 10 นาทีก็ถึงตัวเมืองแล้วค่ะ


เรือ TSS Earnslaw กำลังจะเทียบท่าแล้ว ทริปนี้เราจำใจตัดโปรแกรมนี้ออกไป เพราะเวลาไม่พอค่ะ


ที่ตัวเมือง Queenstown เจอนักท่องเที่ยวชาวไทยเยอะเลยค่ะ


วันนี้เราทานอาหารเย็นกันที่ร้านอาหารในเมือง มื้อนี้หมดไป 80 เหรียญ ขอกินดีอยู่ดีนิ๊ดนึง แล้วก็เดินหาซื้อของฝากกันค่ะ สำหรับพรุ่งนี้เราก็จะเริ่มเดินทางมุ่งหน้ากลับไปทางเหนือกันอีกครั้งค่ะ




 

Create Date : 04 พฤษภาคม 2552    
Last Update : 6 พฤษภาคม 2552 0:27:21 น.
Counter : 4347 Pageviews.  

1  2  3  

khimyo
Location :
ลำพูน Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 8 คน [?]




Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add khimyo's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.