ทะเลทุกข์...กว้างไกล กลับใจ......คือฟากฝั่ง

ธรรมที่นำไปสู่ความหลุดพ้น











 

Create Date : 24 กันยายน 2552    
Last Update : 24 กันยายน 2552 11:18:42 น.
Counter : 727 Pageviews.  

ทำบุญอย่างไรถึงจะได้อานิสงส์มาก



การทำบุญ ต้องทำแค่พอสบายใจ ทำแล้วเราไม่เดือดร้อน การทำบุญให้ได้อานิสงส์มาก ไม่ได้อยู่ที่วัตถุมากเสมอไป มันอยู่ที่กำลังใจดี คือ
ผู้ให้บริสุทธิ์ ผู้รับบริสุทธิ์ วัตถุทานบริสุทธิ์ และก่อนจะให้ตั้งใจจะให้ ขณะให้ก็เต็มใจให้ ให้แล้วมีความปลื้มใจ

อย่างนี้ "ลูขัง วา ปะณีตัง วา" พระพุทธเจ้ากล่าวว่า "ของเลวก็ตามของดีก็ตาม ของมากก็ตาม ของน้อยก็ตาม ย่อมมีอานิสงส์เลิศ"

การบริจาคโลหิตเป็นทานภายในคือให้ของในกาย ให้ของนอกกายเขาเรียกทานภายนอกยังจะถือว่าเป็นปรมัตถทานไม่ได้นะ ถือว่าเป็นทานปกติแต่อานิสงส์สูงกว่าทานภายนอกหน่อยหนึ่ง อานิสงส์สูงกว่าการอุทิศร่างกายให้กับโรงพยาบาลเมื่อตายแล้ว เพราะตายแล้วก็เหมือนของเขาทิ้งแล้ว มีประโยชน์แค่วัตถุทาน

วันหนึ่งพระพุทธเจ้าทรงเทศน์อยู่ที่พระเชตวัน ตอนหนึ่งท่านบอกว่าบุคคลบางคนชอบทำบุญด้วยตนเอง แต่ไม่ชอบชักชวนคนอื่น เมื่อตายจากความเป็นคนแล้วไปเกิดเป็นคนในชาติใหม่ จะมีทรัพย์สมบัติมากแต่ขาดบริวารสมบัติ คือขาดพวกพ้อง

บางคนนิยมบอกบุญคนอื่น แต่ว่าคนเองไม่ทำ เมื่อตายจากความเป็นคนไปเกิดเป็นคนใหม่จะมีพวกมาก แต่ขาดทรัพย์สิน เป็นคนจน

บางคนชอบทำบุญด้วยตนเอง ชอบชักชวนคนอื่นทำบุญด้วย เมื่อตายจากความเป็นไปเกิดใหม่ ร่ำรวยด้วยและมีพวกมาก

บางคนและบางประเภทไม่ทำบุญด้วยตนเอง ไม่ชักชวนคนอื่นตายจากความเป็นคนแล้วเกิดเป็นคนใหม่ ไม่มีพวก ตัวเองก็ยากจนต้องกินเดนคนอื่น ที่เรียกว่าขอทาน

ในเมื่อเราทำบุญมากขึ้น ทำจิตสะอาดมากขึ้นเพียงใด มารมันแกล้งเพียงนั้น ทั้งนี้เพราะว่าเราจะพ้นอำนาจของมาร การป่วยหรือสิ่งต่างๆ ๕ ประการ ท่านเรียก "มาร" แปลว่า "ผู้ฆ่า" มันพยายามจะห้ำหั่นเข่นฆ่าเราต้องการให้เราตายเสียก่อนที่จะได้รับผลของบุญ

ทีนี้ขอบรรดาญาติโยมพุทธบริษัททั้งหลายที่มาต่อว่าพระ คำว่า "พระ" เฉยๆ หมายความว่าโทษตั้งแต่พระสงฆ์ทุกองค์ขึ้นไปยันพระพุทธเจ้าทั้งหมด

แม้แต่พระอรหันต์ที่นิพพานไปแล้วก็โทษท่านด้วย มันบาปหนัก กรรมประเภทนี้เกิดจากกำลังใจมืด คือ ไร้ปัญญา ตายแล้วต้องไปอยู่ที่มืดนั่น โลกันตนรกเป็นนรกพิเศษ มืดมากมองไม่เห็นกัน แล้วไต่อยู่ข้างเขา มันเป็นถ้ำ ข้างล่างมีน้ำกรด แต่มืดสนิทมองไม่เห็น มีเล็บเหมือนจอบ มีความคมกล้ามาก สัตว์นรกทุกตัวมีความหิวมาก ไต่เขาให้แก่งหินครูดเป็นแผลทั้งตัว หินมันคมเมื่อเจอกันเข้าคิดว่าเป็นอาหาร ต่างจิกเนื้อกันกิน จิกกันไปจิกกันมาไม่ช้าก็หล่นลงไปในน้ำ น้ำกรดละลายเนื้อ มันก็แสบจัดจนกว่าเนื้อจะหมดเหลือแต่กระดูกแต่ไม่ตาย เนื้อก็ค่อยๆเกิดมาทีละน้อยๆ จนกระทั่งเต็มตัวแล้วว่ายเข้าหาฝั่งเมื่อชนฝั่งก็ขึ้นฝั่งไป ก็ไปพบก้อนหินที่มีความคมจัดอีก มันก็บาดทั้งตัวทั้งวันเมื่อเจอกันเข้าก็กินกันแบบนั้นอีก อย่างนี่ใช้เวลาเป็นกัป ออกจากโลกันตนรกแล้วจึงเข้าอเวจีมหานรก นี่มันหนักมากญาติโยมพุทธบริษัทนะอย่าทำใจให้มันมืด

พระช่วยได้แต่เพียงว่าคนที่มีศรัทธาแล้วตั้งใจทำความดี กฏของกรรมที่ทำมาในชาติก่อน แก้ไม่ได้ พระเองยังแก้ตัวเองไม่ได้ พระพุทธเจ้าเองก็ป่วย อาตมาก็ป่วยเป็นประจำ

การให้ทาน

การให้ทาน เป็นวิธีการตัดความโลภ แต่ว่าไม่ใช่ให้ส่งเดช การให้ทานต้องเลือกให้ พระพุทธเจ้าท่านบอกว่า การให้ทานเหมือนกับการหว่านพืช ถ้าเราหว่านพืชในที่ลุ่ม น้ำมามันก็ท่วม ต้นพืชก็ตายหมด ถ้าหว่านในที่ดอนเกินไป และไม่มีน้ำหล่อ ไม่มีเชื้อกิน ต้นพืชมันก็ตาย ต้องการที่พอเหมาะพอดี การให้ทานไม่ใช่หมายความว่าการทุ่มเท

การให้ทานนี้ พระพุทธเจ้าท่านบอกว่า ต้องแบ่งทรัพย์ที่เรามีอยู่เป็น ๔ ส่วน แบ่งส่วนไม่ใช่เอา ๔ หาร สี่ส่วนที่พระพุทธเจ้าทรงแนะนำพระนางมัทรีตอนที่ลาพระนางมัทรีไปอยู่เขาวงกต คือ

หนึ่ง ทรัพย์ของเราที่ยังอยู่ ใช้ชำระหนี้เก่า หมายความว่า บิดามารดาและผู้มีพระคุณ เราต้องจัดสรรปันส่วนในทรัพย์สินที่เราหามาได้บำรุงท่านสนองความดีในด้านความกตัญญูรู้คุณ พระพุทธเจ้าทรงสรรเสริญว่า "นิมิตตัง สาธุรูปานัง กตัญญูกตเวทิตา ดูกรภิกษุทั้งหลาย เราของสรรเสริญบุคคลที่มีความกตัญญูรู้คุณ ที่ท่านมีอุปการคุณที่ท่านทำมาแล้ว เราตอบสนองคุณท่านเราสรรเสริญว่าบุคคลนั้นเป็นคนดี"

สอง เราเป็นเจ้าหนี้ใหม่ นั่นคือ ลูกที่ออกมาจากเรา เราต้องรับภาระในการเลี้ยงดู การบำรุงทุกอย่าง อีกส่วนหนึ่งต้องมีไว้เพื่อลูก

สาม ทิ้งเหว ต้องจัดส่วนทรัพย์ให้พอว่าเดือนนี้มันจะกินเท่าไร กินนี่ทิ้งเหว ปล่อยไปเท่าไรๆ มันก็ไม่งอกมาเสียที ใช่ไหม

สี่ ฝังไว้ คือสร้างความดีในการบริจาคทานนี่ฝั่งไว้ในด้านนี้เพราะอะไร ถ้าวิสัยของเรายังไม่ถึงนิพพาน "ทานัง สัคคโส ปาณัง ทานเป็นบันไดให้เกิดในสวรรค์" ตายจากความเป็นคนไปเกิดเป็นเทวดามีทิพยสมบัติ หมดบุญจากเทวดากลับมาเกิดเป็นคน ก็จะมีทรัพย์มากเพราะผลของทาน

ที่นี้ตัว จาคานุสสติกรรมฐาน มันไปตัดโลภะ ความโลภ ในเมื่อความโลภไม่มี ความโกรธไม่มี ตัวหลงจะเกิดกับใคร เพราะตัวหลงมีกำลังมาก มันจึงโลภ มันจึงโกรธ ถ้าหลงไม่มีกำลังมันจึงไม่โลภมันจึงไม่โกรธ ไม่ต้องไปตัดมันหรอก ตัดไอ้สองตัวนี้ให้มันพัง บ้านนี่ขุดเสาทิ้งหลังคามันอยู่ไม่ได้หรอก หลงไม่ต้องไปตีมัน

พระพุทธเจ้าท่านบอกว่า กรรมฐานของท่านทุกกอง หรือวาทะของท่านทุกคำนั้น ไปนิพพานหมด

การทำบุญให้ทาน

การทำบุญให้ทาน พระพุทธเจ้าตรัสไว้อย่างนี้ ให้ทานกับคนที่ไม่มีศีลเลย ๑๐๐ ครั้ง มีผลไม่เท่ากับคนที่เคยมีศีลแต่ศีลขาดไปแล้ว ๑ ครั้ง

ให้ทานกับคนที่เคยมีศีลแล้วศีลขาด ๑๐๐ ครั้ง มีผลไม่เท่ากับให้ทานกับท่านที่ทรงศีลบริสุทธิ์ ๑ ครั้ง

ให้ทานกับท่านที่มีศีลบริสุทธิ์ ๑๐๐ ครั้ง มีผลไม่เท่ากับให้ทานกับผู้ทรงฌานที่ปฏิบัติเพื่อโสดาปัตติมรรค(คือท่านที่ปฏิบัติกรรมฐานแต่ยังไม่ถึงพระโสดาปัตติมรรค จะเป็นขั้นไหนก็ตาม) ๑ ครั้ง

ให้ทานกับท่านที่ปฏิบัติเพื่อโสดาปัตติมรรค ๑๐๐ ครั้ง มีผลไม่เท่ากับให้ทานกับพระโสดาปัตติผล ๑ ครั้ง

ถวายทานกับพระโสดาปัตติผล ๑๐๐ ครั้ง มีผลไม่เท่ากับถวายทานกับพระสกิทาคามีมรรค ๑ ครั้ง

ถวายทานกับพระสกิทาคามีมรรค ๑๐๐ ครั้ง มีผลไม่เท่ากับถวายทานกับพระสกิทาคามีผล ๑ ครั้ง

ถวายทานกับพระสกิทาคามีผล ๑๐๐ ครั้ง มีผลไม่เท่ากับถวายทานกับพระอนาคามีมรรค ๑ ครั้ง

ถวายทานกับพระอนาคามีมรรค ๑๐๐ ครั้ง มีผลไม่เท่ากับถวายทานกับพระอนาคามีผล ๑ ครั้ง

ถวายทานกับพระอนาคามีผล ๑๐๐ ครั้ง มีผลไม่เท่ากับถวายทานกับพระอรหัตมรรค ๑ ครั้ง

ถวายทานกับพระอรหัตมรรค ๑๐๐ ครั้ง มีผลไม่เท่ากับถวายทานกับพระอรหัตผล ๑ ครั้ง

ถวายทานกับพระอรหัตผล ๑๐๐ ครั้ง มีผลไม่เท่ากับถวายทานกับพระปัจเจกพุทธเจ้า ๑ ครั้ง

ถวายทานกับพระปัจเจกพระพุทธเจ้า ๑๐๐ ครั้ง มีผลไม่เท่ากับถวายสังฆทาน ๑ ครั้ง

ถวายสังฆทาน ๑๐๐ ครั้ง มีผลไม่เท่ากับถวายวิหารทาน ๑ ครั้ง
ขอบรรดาท่านพุทธบริษัททั้งหลาย ก่อนที่จะให้ทาน ถ้าหวังผลเพื่อเป็นปัจจัยเพื่อนิพพานต้องเลือกบุคคล ถ้าไม่สามารถจะรู้ได้ก็ต้องให้ใช้เป็นวิธีถวายสังฆทานดีที่สุด

การทำบุญที่ให้ได้บุญหนัก ๆ ก็มีหลายอย่าง สังฆทาน เป็นยอดอนิสงส์ในด้านอามิสทาน ที่สูงไปกว่านี้อีกอย่างคือ วิหารทาน และนอกจากนั้น ถ้าจะเอาหนักอีกโดยไม่ต้องใช้วัตถุ คือ อภัยทาน กับ ธรรมทาน ๒ อย่างนี้ ไม่ต้องใช้วัตถุ

ธรรมทานนี้เป็นมหากุศล บุญใหญ่นะ ที่พระพุทธเจ้าตรัสว่า "สัพพะทานัง ธัมมะทานัง ชินาติ" การให้ธรรมเป็นทาน ชนะทานทุกอย่าง

การทำบุญแบบไม่ต้องลงทุน ไม่ต้องเสียเงินสักบาท ไปนิพพานนี่

๑.ตัดโลภะ ความโลภ ไม่อยากได้ทรัพย์สินใครโดยไม่ชอบธรรม ถ้าเขาให้ด้วยความเต็มใจ เราเอา เขาไม่ให้แล้วไป ไม่สนใจ

๒.ตัดโทสะ ความโกรธ คือรักษาศีล ๕ ให้ครบถ้วน

๓.ตัดโมหะ ความหลง คิดว่าชาตินี้มันต้องตาย เกิดเป็นคนมันต้องตาย เราต้องการนิพพาน แค่นี้แหละไปได้

ทานบารมี ถ้าจิตของเราคิดว่าเราจะให้ทาน ขณะที่คิดจะให้ทานถึงโอกาสก็ให้ ไม่มีโอกาสก็ไม่ให้ อย่างคนที่จะอดตาย บังเอิญเราไม่มีเราก็ไม่ให้แต่เราคิดจะให้ คิดว่าถ้าเรามีเราจะให้นะ ถ้าโอกาสมีเราก็ให้ และก็จิตใจของเราไม่อยากได้ทรัพย์สมบัติของใครมาเป็นของเราโดยไม่ชอบธรรม จิตคิดอย่างเดียวว่าเราต้องการให้ ถ้าโอกาสมีเมื่อไรให้เมื่อนั้น อย่างนี้ถือว่าทานบารมีเต็ม ไม่ยากเลย นี่พระพุทธเจ้าเทศน์เองนะ

ทีนี้เราจะให้ทาน อย่างน้อยการให้ทานอย่างอ่อนที่สุดตายจากความเป็นคนและจิตนึกถึงทานไปสวรรค์ ถ้าตายลงจากสวรรค์มาแล้วเป็นมนุษย์มีทรัพย์สินแต่อาจไม่ร่ำรวยเพราะทานการให้ต้องเลือกที่พระพุทธเจ้าบอกว่า ปุญญักเขตตัง เนื้อนาบุญของโลก การให้ทานถ้าเราหว่านข้าว หว่านที่ลุ่มเกินไปน้ำท่วมข้าวตายหมด หากหว่านข้าวที่ดอนเกินไปแล้งตายหมด ต้องหว่านที่ดีๆ

ทีนี้ คนที่มีปัญญา เขามาเจริญกรรมฐานกัน เขามาถวายสังฆทานกัน กูไม่มีสตางค์นี่หว่า ทำยังไงจะได้บ้าง เอาง่ายๆ เอ็งทำก็ทำเถอะ ข้าดีใจด้วยนะโว้ย ยกมือสาธุบ้าง ไม่ยกมือก็ไม่เป็นไร ตั้งใจยินดีกับเขา เป็นปัตตานุโมทนามัย นี่คนมีปัญญานะ

คนที่มีปัญญาอีกอันหนึ่งซึ่งดีกว่านั้นอีก ก็คือช่วยเหลือแรงงาน ในการงานที่เขาถวายสังฆทาน อย่างพวกที่ลำเลียงสังฆทานมานี้ ท่านเรียกว่าเวยยาวัจจกร หรือ เวยยาวัจจมัยบุญสำเร็จด้วยการช่วยเหลือกิจการงาน อย่างนี้มีอานิสงส์ต่ำกว่าเณรบริสุทธิ์นิดเดียว ตายจากความเป็นคนไปเกิดบนสวรรค์จะมีบริวาร ๘๐๐๐ คน สามเณรมีศีลไม่บกพร่องเลยจะมีวิมานและบริวารหนึ่งหมื่นคน แต่ถ้าเณรไม่บริสุทธิ์ก็ลงนรกไปเลย เณรนี้ยังขาดทุน พวกเวยยาวัจจกรนี่เขาไม่ขาดทุน เขาทำเมื่อไรได้เมื่อนั้น ไม่มีการถอยหลัง
ผลของทาน

คนฉลาดรู้จักทำบุญ ไม่ต้องสิ้นเปลืองมากก็ได้รับอานิสงส์สูง ผลของการถวายสังฆทาน วิหารทาน และธรรมทาน

๑. อาหาร เป็นเหตุให้ได้ร่างกายเป็นทิพย์ ถ้ามาเกิดเป็นคนอีกเป็นเหตุให้มีร่างกายที่สวยงาม

๒. ผ้า เป็นเหตุให้ได้รูปร่างกายที่สวยงาม มีเครื่องประดับ คือ เครื่องแต่งกายสวยและมีมาก

๓. ถวายพระพุทธรูป เป็นเทวดาหรือนางฟ้า พรหม มีรัศมีกายสว่างมาก ถ้าเกิดเป็นคนจะมีรูปสวย ผิวสวย ส่วนของร่างกายบริบูรณ์ สวยงามมาก

๔. การถวายเงินรวมการก่อสร้าง แม้แต่เพียงเล็กน้อย จะมีวิมานสวยเกิดเป็นคนก็มีบ้านสวย มีคนให้ ไม่ต้องสร้างเอง

๕. ธรรมทาน เช่นการติดกัณฑ์เทศน์ ธรรมทาน หมายความว่า ให้ธรรมเป็นทาน ตามพระบาลี สัพพะทานัง ธัมมะทานัง ชินาติ การให้ธรรมเป็นทานชนะทานทุกอย่าง หมายความว่า ทานทุกอย่างที่ท่านให้ไปแล้ว มีอานิสงส์สู้ธรรมทานไม่ได้ ธรรมทานนี่เป็นตัวปัญญา

ทานธรรมดาและสังฆทานเป็นเหตุให้เกิดมีทรัพย์สินรวยมาก ศีลเป็นปัจจัย ให้เกิดความสุข และธรรมทานนี่เป็นเหตุให้เกิดปัญญา

จากหนังสือพ่อสอนลูก หน้าที่ ๓๐๕ - ๓๑๑




 

Create Date : 05 สิงหาคม 2552    
Last Update : 24 กันยายน 2552 11:32:17 น.
Counter : 678 Pageviews.  

สะสมทุนก่อนจากไป




สะสมทุนก่อนจากไป...หลวงพ่อฤาษีลิงดำ

ก่อนที่บรรดาพุทธบริษัททั้งหลายจะนึกถึงอะไรทั้งหมด
อันดับแรกให้นึกถึงความตายเป็นอารมณ์เสียก่อนชื่อว่าชีวิตเป็นของไม่เที่ยง แต่ความตายเป็นของเที่ยง เรามาสร้างความดีกัน ก็เพื่อว่าได้เป็นทุนไว้เวลาที่ตาย ในการนึกถึงความตายเป็นอารมณ์ พระพุทธเจ้าท่านแปลว่าเป็นมรณานุสสติกรรมฐาน จัดว่าเป็นความไม่ประมาทในชีวิต ถ้าเราคิดเสมอว่าเราตายแล้ว ตัวเราไม่เป็นพระอรหันต์เพียงใด เราก็ต้องเวียนว่ายตายเกิดอยู่ในวัฏฏะ
นี่ก่อนจะตายก็แสวงหาความดีเข้าไว้ ความดีที่องค์สมเด็จพระจอมไตรบรมศาสดาสัมมสัมพุทธเจ้าทรงแนะนำไว้เบื้องต้น นั้นคือการให้ทาน

ทานเป็นปัจจัยแห่งความรัก ทานเป็นปัจจัยแห่งการผูกมิตร นี่คนที่ให้ทานก็มีจิตเป็นสุข หมายความว่าจะไปที่ไหนก็ตาม บุคคลผู้ที่รับทานจากเราย่อมแสดงความเป็นมิตรกับเรา
คนบางเหล่าเท่านั้นที่ไม่รู้คุณ อันนี้ยกให้อำนาจของเมตตาบารมี ทีนี้เมื่อตายจากความเป็นมนุษย์แล้วคนที่ให้ทานจะไม่พบกับความยากจนเข็ญใจ ถ้าเรายังไม่ถึงนิพพานเพียงใด เราก็จะมีความสุขในการเสวยทรัพย์สมบัติ นี่ เป็นผลของทานที่เราพึงให้

อีกประการหนึ่งของความดีเบื้องต้น ถ้าเราเตรียมตัวเพื่อตายคือการมีศีลบริสุทธิ์ คนที่มีศีลบริสุทธิ์ตายไปแล้วอายุยืนนานมีรูปร่างน่าตาสะสวย แล้วก็เมื่อเป็นมนุษย์จะมีทรัพย์สมบัติไม่ถูกอัคคีภัย โจรภัย อุทกภัยหรือวาตภัยทำลายเพราะอำนาจของศีลเป็นขอบเขต มีคนในปกครองก็รู้สึกอยู่ในโอวาท ไม่มีใครฝ่าฝืน วาจาเป็นที่รักของผู้อื่น สติสัมปะชัญญะสมบูรณ์นี่เป็นคนดีอันดับสองที่เราเพื่อเตรียมตัวเพื่อตาย

อันดัยที่ ๓ องค์สมเด็จพระจอมไตรให้ภาวนานึกถึงความดีขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงปฏิบัติมาเป็นต้นอันนี้องค์สมเด็จพระทศพลให้ฝึกไว้เพื่อเป็นการดึงสติสมัปชัญญะ เป็นการทรงสติสัมปชัญญะไม่ให้ลืมไม่ให้เลอะขณะที่เรากำลังจะตาย
ถ้าเวลาที่เรากำลังจะตาย ถ้าเราฝึกภาวนา เข้าไว้ อารมณ์จิตจะชินในด้านกุศล ถ้าในขณะนั้นจิตของเรานึกถึงกุศลส่วนใดส่วนหนึ่ง หรือภาวนาว่า พุทโธ ธัมมา สังโฆ เป็นต้น อย่างใดอย่างหนึ่งแล้วก็ตาย อบายภูมิไม่มีสำหรับเรา เรามีที่ไปอยู่ อย่างเลวเราก็เป็นมนุษย์ชั้นดี มิฉะนั้นก็เป็นเทวดา ถ้ามิฉะนั้นก็เป็นพรหม

บทใดที่ภาวนาไว้จนขึ้นใจ ต่อไปถ้าไปพบองค์สมเด็จพระจอมไตรบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าหรือพระอรหันต์ ท่านก็จะเทศน์อนิสงส์ของบทนั้น เราฟังเพียงจบเดียวก็ได้จะบรรลุอรหันต์ผลเข้าถึงพระนิพพานนี่ก่อนที่เราจะตาย ตั้งใจว่าเราตายไปแล้วจะไม่เป็นผู้ลำบาก เราแล้วจะไม่เป็นผู้มีทุกข์ เราจะมีความสุขตามสมควร แม้แต่ว่าเรายังไม่เข้าถึงนิพพานเพียงใดก็ตามที นี่คุณธรรมนี้ที่พระพุทธเจ้าท่านแนะนำ

ขอบรรดาท่านพุทธบริษัทจดจำและปฏิบัติไว้เป็นปกติจึงจะชื่อว่าเราไม่เสียชาติเกิด เพราะถ้าเราเกิดเป็นมนุษย์แล้วตายแล้วต้องไปเกิดในอบายภูมิ เป็นสัตว์นรก เป็นเปรต เป็นอสุรกาย เป็นสัตว์เดรัจฉาน ได้ชื่อว่าเราก็แย่มาก เป็นการขาดทุน การสร้างความดีที่เราเรียกว่าบุญ เป็นเหตุปัจจัยให้เรามีความสุขดียิ่งๆ ขึ้น อันนี้ขอบรรดาท่านพุทธบริษัททั้งหลายเตรียมไว้ทุกขณะจิต


หลวงพ่อเล่าเรื่อง.........สะสมทุนก่อนจากไป




 

Create Date : 05 สิงหาคม 2552    
Last Update : 24 กันยายน 2552 11:34:25 น.
Counter : 247 Pageviews.  


Jingjoknoi
Location :
Fl United States

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add Jingjoknoi's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.