All Blog
เป็นแม่ซิดต้องอดทน ตอนที่ 7 ทูตสันทวไมตรี

ตั้งแต่หนูเกิด แม่บอกว่า บรรยากาศในบ้านเราเปลี่ยนไปมากกว่าแต่ก่อนเยอะ



ตอนแรกที่ได้ฟัง หนูก็ยังงงๆ ว่าบรรยากาศแปลว่าอะไร

แม่อธิบายให้ฟังว่า บ้านของป่าป๊า แต่ก่อนที่แม่จะมาอยู่ มีสมาชิก 4 คน คือ อากง อาม่า อาแปะ แล้วก็ป่าป๊า

อากงกับอาม่าไม่มีลูกสาว มีแต่ลูกชาย แถมมาดันโชคร้าย ที่แม่หนูก็ไม่ค่อยจะเป็นลูกสาวซักเท่าไร



ตอนที่แม่เข้ามาอยู่เป็นสมาชิกคนที่ 5 ที่บ้านป่าป๊าใหม่ๆ ป่าป๊าเคยคิดว่า แม่คงเป็นคนสร้างสีสันแบบสาวๆ ให้กับบ้านได้บ้าง

แต่เปล่าเลย แม่หนูออกจะเป็นสาวห้าว แถมเจ๊าะแจ๊ะแบบสาวๆ ก็ไม่เป็น ทำกับข้าวก็ไม่เป็น งานบ้านก็งูๆปลาๆ พอถูไถเอาตัวรอด

ผิดกับอาม่า เป็นแม่บ้านร้อยเปอร์เซ็นต์



แม่ถนัดทำงานแบบลุยๆ เหมือนป่าป๊ากับอากง ตั้งแต่ก่อนแต่งงาน หรือกระทั่งหลังแต่งงานก่อนหนูเกิด แม่ทำงานออฟฟิศและออกไปดูงานข้างนอกกับอากงกับป่าป๊าตลอด แทบไม่ได้อยู่กับบ้านเลย กับข้าวแม่ก็ไม่เคยทำกินเอง ทำงานเสร็จก็หมดแรงแล้วอ่ะ (แม่บอก)



แม่ยังเคยบอกหนูว่า ตอนแม่ท้องโตๆ ประมาณ 7 เดือน ป่าป๊ายังพาแม่ไปเดินดูงานที่ไซต์งานอยู่เลย คนงานก็งงๆ ว่าแม่ยังมาอีกเหรอ

ถึงจะคุ้นเคยกับภาพที่แม่มาเดินดูงานกับป่าป๊าและอากงตลอด แต่ก็คงงงว่า แม่ปลาวาฬเนี่ย จะแบกท้องอ้วนๆ มาทำไมอีกน๊า

แม่ก็อุ้ยอ้าย เดินขึ้นบันไดไปกะเค้าซะทุกที่ เหนื่อยก็นั่งพัก แต่แม่ก็สนุกของแม่ไปตามประสาสาวห้าวอย่างที่เค้าว่ากัน



หนูลืมบอกไปค่ะว่า ที่บ้านหนูก็มีลักษณะเป็นเหมือนกึ่งๆ โรงงาน กึ่งๆ โกดังเก็บของ มีวัสดุก่อสร้างมากมาย กองเหล็กพะเนินเทินทึก

รถกระบะจอดเต็มแน่นเอี๊ยด รอบๆบ้านเราก็เป็นบ้านพักคนงาน

เพราะฉะนั้น บ้านเราไม่เคยขาดเสียงคน และเสียงอึกทึก เวลาขนของ ขนเครื่องมือ รวมทั้งเสียงทะเลาะเบาะแว้งเวลามีปัญหาเรื่องงาน



แต่พอหนูเกิด แม่บอกว่า เสียงเหล่านั้น ก็ค่อยซาลง แล้วแปรเปลี่ยนเป็นเสียงหัวเราะที่สดใสบ่อยครั้งขึ้น



เนื่องจากกิจกรรมการนอนหลับของหนู - เวลาคนงานทำงานอยู่ที่บ้าน ก็จะทำเสียงเบาลง เพราะอาเจ๊ใหญ่ (หนูเองค่ะ ...) กำลังหลับ

หนูหูไวมาก ใครทำอะไรตึงตังนิดหน่อย หนูก็ตื่นซะแล้ว แถมตื่นไม่ตื่นธรรมดา เสียงมีเท่าไรหนูตะเบ็งออกมาหมด

เพราะฉะนั้น ใครอย่าได้อาจหาญลองดี - น่ากลัวจริงๆ ค่ะ แม่คอนเฟิร์ม



แล้วสิ่งที่เปลี่ยนแปลงและทำให้ป่าป๊าหนูมีความสุขมากที่สุดก็คือ อากงกับอาม่า ได้มีกิจกรรมร่วมกันอีกครั้ง คือการช่วยกันเลี้ยงหนูเวลาที่แม่กินข้าวและอาบน้ำตอนเย็น



แต่ก่อน แม่บอกว่า อากงก็ทำงาน ป่าป๊าก็ทำงาน อาแปะก็ทำงานบริษัทข้างนอก กลับบ้านดึกๆทุกวัน ส่วนอาม่าทำงานบ้าน เป็นแม่บ้าน ทำให้อาม่าไม่ค่อยมีกิจกรรมร่วมกับใคร

และเหมือนอาม่าคงเหงา



แต่พอหนูเกิด ทั้งอากง อาม่า อาแปะ ก็ผลัดกันมาช่วยกันเลี้ยงหนู - จากที่ไม่ค่อยได้คุยกัน ต่างคนต่างทำกิจกรรมของตัวเอง

ก็กลายเป็นมีหนูเป็นจุดร่วมเล็กๆ ที่น่ารัก

แม่บอกหนูว่า ป่าป๊าดีใจที่สุด ที่หนูเกิดมาแล้วทำให้บ้านเราอบอุ่น และใกล้ชิดกันมากขึ้น

แม่เองก็ดีใจเหมือนกัน ถึงแม้จะแอบกังวลเล็กๆ ว่าหนูจะเป็นลูกสาว หลานสาวหวานๆ เหมือนใครเค้าได้ไหม หรือจะเป็นลูกสาวห้าวอย่างแม่อีกคน



- - - หนูก็แอบปลื้มตัวเองเล็กๆเหมือนกันนะคะ ... ก็แหม ใครๆ ก็อยากดูแลเด็กน้อยอย่างหนู หนูก็ปลื้มอยู่แล้วที่มีคนมารุมรัก ถึงบางครั้งหนูจะเกเรไปบ้าง จนโดนอาม่ากับอากงดุ แต่หนูก็รู้ว่าทุกคนรักหนูทั้งนั้นแหละค่ะ



พอโดนดุ น้ำตาหนูร่วงแค่นั้นแหละ ก็มาโอ๋หนูกันใหญ่เลย



หัวใจผู้ใหญ่ดวงโตๆ อยู่ในกำมือเล็กๆของหนูหมดทุกคนแล้วค่ะ









ซิดนีย์



Create Date : 12 มกราคม 2555
Last Update : 12 มกราคม 2555 21:35:27 น.
Counter : 380 Pageviews.

0 comment
เป็นแม่ซิดต้องอดทน ตอนที่ 6 ขาประจำโรงพยาบาล

หนูเคยเล่าไว้เมื่อสองสามตอนก่อนใช่ป่าวคะ ว่าแม่หนูต้องผ่าตัดคลอดหนู ทั้งที่ตั้งใจเป็นมั่นเป็นเหมาะว่าจะลองเบ่งเด็กตัวอ้วนด้วยตัวเองซักครั้ง

ความเดิมตอนที่แล้ว แม่ถุงน้ำคร่ำรั่วตั้งแต่เช้าวันอาทิตย์ แต่ยังทำตัวชิลๆ ไม่รู้ไม่ชี้ ไปโรงพยาบาลเอาเช้าวันจันทร์

เล่นเอาวุ่นวายไปกันทั้งแผนก เพราะคุณหมอที่แม่ฝากท้อง ไม่ได้ประจำที่โรงพยาบาลนี้ค่ะ

คุณพยาบาลซักประวัติแม่ใหญ่ แล้วทำท่าตกใจสุดขีด ที่แม่ปล่อยตัวปล่อยใจปล่อยอารมณ์ให้น้ำคร่ำแตกตั้งแต่เมื่อวาน

เพราะโอกาสติดเชื้อสูง - บอกตรงๆ แม่หนูยังไม่ค่อยจะตกใจกะใครเขาเท่าไร แต่คราวหน้าแม่จะจำไว้ค่ะ (แม่บอก ก็ไม่รู้นี่นา...)



เพราะไอ้สาเหตุนี้แหละค่ะ ที่ทำให้หลังจากคลอดหนูได้หนึ่งเดือน น้ำคาวปลาแม่ก็ยังไม่หมด - เพราะมดลูกแม่อักเสบ

จนต้องไปโรงพยาบาล ฉีดยาเข้าเส้นเลือด กินยาสารพัด กว่าจะหายดี แถมมีข่าวน่ารักๆ ให้แม่ตื่นเต้นเล่น คือ ตอนผ่าตัด คุณหมอบอกว่าในมดลูกแม่ มีก้อนเนื้อเล็กๆ ที่ยังไม่น่าจะอันตราย ไว้คอยติดตามผลไปเรื่อยๆ ถ้ามันเริ่มเกเรเมื่อไร ค่อยมาผ่าตัดออกไปอีกที



ยังค่ะ ยังไม่หมดแค่นั้น จากที่หนูเคยบอกว่า หนูนอนไม่ค่อยหลับ แถมหูก็กลิ่นไม่ดี แม่ตัดสินใจจับหนูใส่กระเป๋า ... เอ๋ ... พาหนูไปหาหมอที่โรงพยาบาล ตรวจหูซะหน่อยเป็นไร

ปรากฎได้เรื่องเลยค่ะ ... หูหนูเป็นน้ำหนวกนิดๆ แก้วหูทะลุ เพราะน้ำเข้า หูอักเสบ ตอนนั้นหนูตัวจิ๋วมาก เพราะอายุยังไม่ครบสามเดือน ... แม่รู้แล้วสงสารหนูแทบจะร้องไห้

แม่บอกว่า แม่น่าจะรู้ตั้งนานแล้ว แม่สงสัย สงสัย สงสัย แต่ก็ไม่ได้พาหนูมา - แม่โทษตัวเองอยู่นาน

ไม่รู้ว่าใครทำน้ำเข้าหูหนูตั้งแต่เมื่อไร แม่เสียใจมากๆๆ เพราะคิดว่าดูแลหนูดีที่สุดแล้ว

หนูต้องรักษาหูอยู่หลายสัปดาห์ กว่าจะหายดี

หลังจากนั้น แม่ก็บอกกับตัวเองและสัญญากับตัวเองว่า ถ้าเห็นอะไรผิดปกติเกี่ยวกะหนู แม่จะไม่ลังเลที่จะพาหนูมาหาคุณหมอ ไม่ว่าจะเสียตังค์เท่าไร แม่ก็จะไม่เสียดาย เพราะแม่สงสารหนูมากๆ

แม่คิดว่า เพราะหนูเจ็บหู หนูถึงไม่ค่อยยอมนอน - พอรักษาหูหาย หนูน่าจะหลับสบายเหมือนคนอื่นเขา

แต่เปล่าเลยค่ะ - - - หนูยังรักษาคอนเซปต์นอนน้อย เล่นนาน ร้องดัง กินจุ เหมือนเดิม



คราวนี้แม่วิ่งวุ่นเลย พาหนูหาหมอทั่วราชอาณาจักร ศืครินทร์ สมิติเวช เพื่อนป่าป๊า ญาติฝ่ายไหน ไปถามมาหมด

จนมาสรุปความตรงที่ แต่น แตน แต๊น.... หนูท้องอืด



คุณหมอตบท้องหนูดัง ปุ ปุ... คุณหมอบอกว่า แบบนี้นอนไม่หลับแน่ เพราะลมเต็มท้อง เอาแอร์เอ็กซ์จัดไป

หนูกินแล้วก็ดีขึ้น แต่แม่ก็ต้องเปลี่ยนนิสัยใหม่ แต่ก่อนแม่ไม่ค่อยจับหนูเรอ ก็ต้องจับเรอทุกครั้ง แถมเรอดังอีกตังหาก บางครั้งมีเรอทางก้นช่วยด้วย (อิอิ...)



ยังค่ะ ยังไม่จบวีรกรรม - หนูยังหลับมั่งไม่หลับมั่ง จนแม่อ่อนใจ ต้องโทรหาคอลเซ็นเตอร์ส่วนตัว

คุณยายก็ขี่ม้าขาวมาช่วย ...โดยการอิมพอร์ตอู่นอนจากขอนแก่น ส่งตรงมายังกรุงเทพ พร้อมผ้าขาวม้า

อาหมวยจีนอย่างหนู ได้นอนอู่เปลอีสานก็คราวนี้ - ตอนแรกอาม่ารับไม่ได้ ไม่เชื่อ ไม่เชื่อ ไม่อยากให้หนูนอน



แต่ไม่มีทางเลือกแล้วล่ะ อาม่าสุดท้ายต้องยอมแพ้อานุภาพของเปลอีสาน จับอาหมวยซิดนีย์ลงอู่ ไกวไปไกวมา ...หลับปุ๋ย

อาม่ายังแอบบ่นอุบอิบ ให้นอนบ่อยๆ ไม่ดีนะ เดี๋ยวหลังงอ...อุบอิบ อุบอิบ



แต่แม่ไม่สน ขอให้หนูได้หลับก็พอใจแล้ว เพราะแม่กลัวหนูโง่... แบบว่า สมองไม่ได้พักผ่อนเต็มที่ จะนอนพิสดารแค่ไหนแม่ไม่ว่า



หนูก็ผูกสมัครรักใคร่เจ้าอู่อีสานได้ไม่นานหรอกค่ะ แต่ก็หลายเดือนพอสมควร หลังจากตัวโตแล้วก็นอนไม่ได้ เพราะหนูนอนดิ้น

ขนาดคนขายอู่โฆษณาว่านอนได้จนขวบกว่า หนูหกเจ็ดเดือนก็คับอู่ซะแล้ว ....บ๊ายบายนะอู่นะ ไว้เจอกันใหม่ตอนน้องหนูเกิดละกัน

(อาม่าบ่นอีกแน่เลย ..... อุบอิบ อุบอิบ )



ช่วงสามสี่เดือนแรก แม่กะหนูวิ่งเข้าวิ่งออกโรงพยาบาลบ่อยมากเลยค่ะ ทั้งฉีดวัคซีนมั่ง ทั้งตรวจร่างกายมั่ง ทั้งไม่สบายมั่ง

เหนื่อยไปตามๆ กัน ดีนะคะที่แม่ฝากท้องใกล้บ้าน

ตอนแรกป่าป๊าเกือบบ้าจี้ พาแม่ไปฝากบำรุงราษฎร์ - เผอิญไปสำรวจค่าคลอดมาก่อน เลยถอยฉาก (แม่บอก แพงขั้นเทพ - เอาตามฐานะเราก็พอแล้วนะป๊านะ...)



แม่บอกว่า พอหนูป่วยไม่สบายทีไร แม่ก็คิดได้ทุกทีว่า ไม่มีอะไรสำคัญไปกว่าสุขภาพแข็งแรง

แม่ไม่ขอให้หนูเก่งกาจ ฉลาดมากมายกว่าใครๆ แต่ขอให้หนูแข็งแรง สุขภาพดี เป็นเด็กดีเชื่อฟังแม่

จะดื้อ จะเกเร ซุกซนบ้าง แม่ก็ไม่ว่า (เพราะแม่บอก แม่ก็เกเรใช่ย่อย....)



หนูก็อยากให้แม่ดูแลรักษาสุขภาพตัวเองเหมือนกันค่ะ เพราะแม่ชอบกินข้าวไม่ตรงเวลาเรื่อยเลย หนูเห็นบ่อยๆ ขนาดแม่มีน้องอยู่ในท้อง แม่ยังไม่ค่อยยอมไปกินข้าว - จนน้องต้องประท้วงให้แม่อ๊อกเล่นซะก่อน แม่ก็ค่อยยอมออกไปกิน



ไว้หนูโตเมื่อไร หนูจะพาแม่ไปออกกำลังกาย วิ่งไล่จับกันนะแม่จ๋า









ซิดนีย์



Create Date : 12 มกราคม 2555
Last Update : 12 มกราคม 2555 21:34:34 น.
Counter : 383 Pageviews.

0 comment
เป็นแม่ซิดต้องอดทน ตอนที่ 5 เมื่อเจ้าตัวร้ายเริ่มแผลงฤทธิ์

ตอนหนูอายุยังไม่ครบเดือน ป่าป๊ากับแม่สุดแสนจะเป็นห่วงเป็นใย เพราะหนูตัวเล็กนิดเดียว

แม่บอกว่า แม่ชอบตื่นมาตอนกลางดึกบ่อยๆ มาคอยจับดูว่า หนูยังหายใจหรือเปล่า เพราะหนูชอบทำตัวนิ่งๆ

ป่าป๊าบอกว่าแม่คิดมากเกินเหตุ ... ก็แหม แม่จ๋า เด็กตัวจิ๋วเดียว จะให้หายใจแรงๆแบบผู้ใหญ่ได้ไงเนอะ ป๊าเนอะ

แต่แม่ก็ยังไม่หายกังวล คิดไปสารพัด กลัวหนูไม่หายใจมั่ง กลัวกลิ้งมาทับหนูมั่ง กลัวทำหนูหล่นมั่ง ไม่เป็นอันหลับอันนอน



แม่หวงหนูมาก แถมเป็นห่วงเกินพอดี - เวลาอาบน้ำ แม่ต้องอาบให้หนูเอง เช็ดสะดือ ทาแป้ง แต่งตัว แม่ไม่ยอมให้ใครทำเลย ขวดนมแม่ต้องล้างเอง หนูกินนมแม่ แล้วแม่ก็ปั๊มนมใส่ถุงแช่แข็งให้หนู เวลาจะกินจะอุ่น แม่ก็ต้องทำเอง

ดูแลหนูเสร็จ ก็วิ่งหน้าตั้งเข้าออฟฟิศไปทำงานต่อ - แม่หนูสุดๆ เลยค่ะ



ป่าป๊าทนไม่ไหว เลยพาแม่กะหนูไปเลือกซื้อ Playpen มันก็คล้ายๆ เตียงไว้ขังเด็กๆ แต่มีที่นอนปรับระดับได้ ป่าป๊าว่าให้เอาหนูนมานอนในออฟฟิศ แม่จะได้ไม่ต้องเดินไปเดินมา



แต่เด็กน่ารักอย่างหนู เรื่องอะไรจะยอมนอนง่ายๆ เวลาแม่อุ้มหนู หนูก็หลับดีหรอก - แต่พอวางลงในเปลเท่านั้นแหละ หนูกรี๊ดสลบยังกะเห็นดารา ทำไงก็ไม่นอน อุ้มขึ้นมาก็หลับ วางก็ตื่น .... สรุปเจ้า playpen ก็กลับไปนอนสงบนิ่งในห้องรับแขกที่บ้านแทน



แม่มีเสื้อให้นมอยู่ตัวนึงค่ะ - ซื้อมาก่อนหนูจะเกิด แม่บอกว่า ตอนแรกแม่จะไม่ซื้อแล้วแหละ เพราะแพงมาก ตัวนึงหลายร้อยบาท แต่มานึกตอนนี้แม่บอกว่า ตัดสินใจถูกมากๆ เพราะได้ใช้ตลอด

เชื่อป่าวคะว่า แม่ต้องหอบหิ้วเอาเสื้อให้นม + หมอนให้นม พาหนูมากินนมในออฟฟิศ แล้วแม่ก็นั่งทำงานไปด้วย โฮะๆๆๆ - หนูอ่ะขำแม่ ทำไปได้ไง ... แต่ก็รู้ว่าแม่รักหนู ไม่อยากให้หนูกินนมขวด เพราะกลัวหนูติดขวดแล้วจะไม่ยอมดูดนมแม่



จุดเปลี่ยนความดื้อของแม่มาเยือน เมื่อตอนที่คุณป้าพยาบาลจากโรงพยาบาลมาเยี่ยมเราที่บ้านค่ะ

ตอนนั้นหนูใกล้จะครบ 1 เดือนแล้ว คุณป้าพยาบาลมาเยี่ยมเราถึงบ้าน สอบถามโน่นนี่ หนูยังเกาะแม่เป็นลูกลิง ไม่ยอมปล่อยเลย

คุณป้าพยาบาลชมว่าแม่เก่งที่ให้นมหนูด้วย ทำงานด้วย แล้วแม่ดูผอมลงเร็วมาก ... มากไปนิดด้วยซ้ำ

คุณป้าพยาบาลบอกแม่ว่า ให้เอานมที่ปั๊ม ใส่ขวดให้หนูดูดบ้าง สลับกับดูดนมจากอกแม่ เพราะถ้าเริ่มช้าไป หนูจะไม่ยอมดูดนมจากขวด

ตอนแรกแม่ยังไม่เชื่อ เพราะอ่านหนังสือเยอะ (เจ้าเหตุผลค่ะ...) แม่บอกว่า นมขวดดูดง่ายกว่านมแม่ เดี๋ยวหนูจะติดขวด

คุณป้าพยาบาลบอกว่า ค่อยเริ่มตอนหนูสัก 2 เดือนก็ได้ค่ะ สลับกัน เพราะหนูจะจำวิธีการดูดนมได้ทั้งสองแบบ แล้วแม่จะไม่เครียดมาก ที่ต้องวิ่งมาให้นมหนูตลอดเวลา



ตั้งแต่นั้น หนูก็เลยได้ทดลองดูดนมจากขวด เป็นครั้งคราว - ก็ดีนะคะ แต่มันไม่ค่อยเหมือนนมแม่เท่าไร ช่วงแรกๆ หนูทำใจไม่ได้ ดูดจนอิ่ม แต่ทำไงก็ไม่หลับ แม่ก็ต้องมาให้หนูจุ๊บนมต่อ ... สรุปแล้วเหนื่อยกว่าเดิมไหมเนี่ย



แม่หนูผ่าตัดคลอดหนู - พอครบ 1 เดือน แม่ก็ได้อยู่ไฟด้วยค่ะ ใช้บริการอยู่ไฟตามบ้าน เจ้าดังเลยแหละ มาทำให้ถึงที่

....แต่ผลปรากฎไม่ค่อยประทับใจแม่เท่าไร อยู่ไฟ 5 วัน แม่บอกทรมานมาก เหมือนตัวเองเป็นปลาหมึกแห้ง

เจอแต่ก้อนอิฐ หม้อเกลือร้อนๆ ทาบไป กดไปตามตัว ร้อนมาก แถมระบมไปหมดเพราะแรงกด นวดตัวด้วยเกลือ+น้ำมัน ผิวก็แสบไปหมด ที่พอจะเข้าท่าก็เวลาเข้ากระโจม ร้อนดี เหงื่อออก - แม่อยากให้ครบวันเร็วๆ แม่แอบกระซิบหนูว่า ถ้าคลอดน้องหนู แม่คงไม่อยากอยู่ไฟแล้ว ไม่หนุกเลย ... หนูก็ตามใจแม่ค่ะ แต่ไม่รู้แม่จะเปลี่ยนใจหรือเปล่านะซิคะ



เดือน 2 เดือนแรก หนูค่อนข้างนอนน้อย หนูหลับไม่ค่อยสนิท ตื่นบ่อยมาก ทั้งกลางวันและกลางคืน แม่ก็ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร

แต่แม่สังเกตุว่า หลังใบหูหนูเป็นสะเก็ดแข็งๆ แล้วหูหนูมีกลิ่นไม่ค่อยดี แม่ก็ไม่รู้ว่าเป็นอะไร แต่ไม่มีใครสังเกตุเห็นเลย... แต่หนูจะมาเฉลยในตอนหน้าค่ะ



หนูร้องไห้หาแม่ทุกวัน เพิ่งจะมาทุเลาลงก็เมื่อตอนอายุครบ 1 ขวบนี่แหละค่ะ... บอกแล้วไงคะว่าหนูอ่ะติดแม่มาก - ติดมากจนคนอื่นแปลกใจ

เพราะเวลากลางวันที่แม่ทำงาน หนูอยู่กับอาม่า และพี่เลี้ยงหนูก็พออยู่ได้

แต่พอ 5 โมงปุ๊บ หนูก็จะเริ่มร้องไห้หาแม่ทันที ... ก็หนูรู้นี่นาว่าได้เวลาเลิกงานแล้ว

แม่ต้องรีบมาหาหนู ไม่งั้นหนูก็จะร้องๆๆๆๆๆๆ.....ๆๆๆ ไม่ยอมหยุด

พอแม่อุ้มหนูเท่านั้นแหละ หนูก็จะเงียบทันที - ใครเห็นก็แปลกใจทุกคน ว่าหนูรู้เวลาได้ไง

แหม ซิดนีย์ซะอย่างเน้ออออ ... ไว้หนูโตแล้วหนูจะบอกความลับค่ะว่าหนูรู้ได้ไง



คิดๆ ไปก็สงสารแม่เหมือนกันนะคะ

เพราะตั้งแต่หนูเกิด แม่ออกไปไหนไม่ได้เลย หลัง 4-5 โมงเย็น เพราะหนูจะต้องร้องไห้หาแม่ทุกวันตั้งแต่ยังเล็กๆ จนโต

แม่เคยแอบอิจฉาแม่ๆคนอื่นที่เค้าไปไหนมาไหนได้เหมือนเดิม

แต่แม่หนูไปไหน ก็ต้องรีบกลับมาให้ถึงบ้านก่อน 5 โมง - หลังจากนั้นก็เป็นเวลาของหนูคนเดียว เพราะหนูไม่ต้องการใครแล้วนอกจากแม่ - ใครอุ้มหนูก็ไม่ยอม

เวลาเพื่อนๆแม่ หรือเพื่อนป่าป๊า ชวนไปทานข้าวเย็น ค่ำๆ กัน แม่ก็อดไปทุกครั้ง เพราะมีหนูอยู่ด้วย

หนูก็สงสารแม่นะ แต่ทำไงได้ หนูเหงานี่นา อยากให้แม่กอดหนูอุ่นๆ ไม่อยากให้แม่ไปไหน



ไว้หนูโต แล้วแม่ค่อยพาหนูไปด้วยก็ได้นะแม่นะ - แล้วหนูสัญญาว่าจะเป็นเด็กดี แล้วพาแม่ไปกินไอติมอร่อยๆ ชดเชยที่หนูเคยเกเรตอนเด็กๆ นะคะ







ซิดนีย์



Create Date : 12 มกราคม 2555
Last Update : 12 มกราคม 2555 21:33:17 น.
Counter : 349 Pageviews.

0 comment
เป็นแม่ซิดต้องอดทน ตอนที่ 4 เดือนแรกของหนูกับแม่

หนูห่างหายจากการเขียนบันทึกไปหลายวัน เพราะไม่ค่อยสบายค่ะ แถมแม่หนูก็ไม่ค่อยสบายด้วย แม่บอกว่ามีข่าวดี คือหนูจะมีคนมาเล่นเป็นเพื่อนด้วย ... หนูจะมีน้องแล้วค่ะ



ตอนแรกหนูก็งงๆ ว่าน้องคืออะไร แม่บอกว่า น้องเป็นสมาชิกใหม่ จะมาอยู่คอยเล่นเป็นเพื่อนหนู แต่หนูต้องรอหน่อย เพราะน้องยังตัวเล็กมาก เหมือนหนูตอนมาหาแม่ใหม่ๆ เลยต้องไปแอบพักอยู่ในท้องแม่ก่อน แล้วอีกสักพัก น้องถึงจะโตพอออกมาเล่นกะหนูได้



หนูอยากเจอน้องเร็วๆ เพราะตอนนี้ไม่ค่อยมีคนเล่นกะหนูเลย - มีแต่คนแก่ๆ กว่าหนูทั้งนั้น เล่นกะหนูนิดหน่อย ก็บ่นเหนื่อยกันแล้ว

ก็หนูพลังงานเยอะนี่นา หนูชอบเล่น ชอบคลาน ชอบปีน ตามหนูไม่ทันก็หาว่าหนูซน - หนูป่าวซนซักหน่อย ก็มันกะลังหนุกๆ จะให้หยุดได้ไง



วันก่อนหนูเล่นกะอากง 2 คน เพราะไม่มีใครอยู่บ้าน - แม่ก็อาบน้ำอยู่ พอแม่ออกมารับหนู แม่ตกกะใจ เพราะอากงนอนแผ่อยู่บนพื้นห้องรับแขก โดยมีหนูนั่งทุบพุงอากงเล่น ... แหม... หนูป่าวแกล้งอากงนะ ก็เล่นกะอากงหนุกดี หนูก็คลานไปมา จนอากงจับไม่ไหว เลยแกล้งนอนเล่นให้หนูปีนตัวอากง หนูก็เพลินดี ชอบๆๆๆ



แต่ตอนหนูออกจากโรงพยาบาลมาอยู่กับแม่แรกๆ หนูไม่ซนแบบนี้หรอกค่ะ



วันก่อนหนูเล่าเรื่องที่กลับจากโรงพยาบาลวันแรกให้ฟังแล้ว - คราวนี้มาถึงวันถัดๆ มากันบ้าง

บอกแล้วว่าแม่อ่ะเป็นห่วงหนูเว่อร์มากเลย (ป่าป๊าบอก) แม่อ่านหนังสือโน่นนี่เยอะไปหมด ในห้องนอนมีแต่หนังสือเลี้ยงเด็ก



แม่อ่านแล้วสรุปเอง ไม่ยอมเชื่อใคร (แม่หนูเองค่ะ - ป๋าบอก แม่ดื้อ) ถ้าใครทำไรขัดจากที่แม่เชื่อ แม่ก็จะแกล้งทำเป็นไม่ได้ยิน แล้วก็ทำตามที่แม่คิด แต่ทุกอย่างก็อยู่บนข้อมูลและเหตุผลที่แม่ศึกษามา (บอกแล้ว แม่หนูเหตุผลเยอะ)



เช่น อาม่าบอกว่า ลิ้นหนูขาว ให้เอาผ้าชุบฉี่ของหนูเอง เช็ดลิ้นเช็ดปาก ... แม่บอก (ในใจ) ว่า มันไม่มีเหตุผลอะไรรองรับเลย แม่ก็ไม่ทำ ... แต่พออาม่าถาม แม่ก็บอกว่า "ทำแล้วค่ะ" .... หนูไม่รู้ว่าอาม่าเชื่อแม่หรือเปล่า แต่แม่ไม่เคยทำซักครั้งเดียว หนูก็เลยยังไม่เคยชิมฉี่ตัวเองซักทีเลยค่ะ



เดือนแรก แม่มีสมุดจดเล่มหนึ่ง แม่คอยจดว่า หนูตื่นกี่โมง อึกี่โมง อึสีอะไร ลักษณะแบบไหน วันละกี่ครั้ง หนูตื่นแล้วหลับกี่โมง

กินนมกี่โมง อาบน้ำกี่โมง ... ป่าป๊างง ว่าแม่จดทำไม แม่บอกว่า อ่านมาจากหนังสือ ว่าเด็กต้องอึวันละกี่ครั้ง นอนกี่ชม. - เอ้า เอากะเค้าสิ แม่หนูอดทนจดอยู่ได้ หนึ่งเดือนเต็มๆ เลยค่ะ



อาทิตย์แรกหลังจากกลับมาบ้าน - บ้านวุ่นวายมากเมื่อแม่ไปทำงานไม่ได้ ... แต่ไม่มีปัญหาค่ะ มีคนเข้ามาบุกหาแม่ถึงในห้องนอน

เข้ามาถามงานบ้าน มาเบิกตังค์บ้าง มาจัดค่าแรงบ้าง แม่ก็นั่งทำงานบนเตียง หนูก็นอนหลับไม่รู้เรื่องเลย - มาคิดตอนนี้ สงสารแม่จัง



พอสองอาทิตย์ผ่านไป แม่ก็เริ่มเดินจากที่ห้อง ไปทำงานในออฟฟิศ แม่เดินตุปัดตุเป๋ เพราะท้องยังป่องๆ แถมเจ็บแผลที่ผ่าหนูออกมา

อาม่าบอกป่าป๊าว่า ไม่ให้แม่เข้ามาทำงาน ... แต่ป่าป๊ากะอากงไม่ว่าอะไร แม่บอกหนูว่า แม่เข้าใจว่าทำไมป่าป๊ากับอากงถึงต้องการให้แม่เข้ามาทำงาน ไม่ใช่ไม่สงสารแม่หรอกค่ะ แต่ไม่มีใครทำงานของแม่ได้จริงๆ



แม่บอกว่า ช่วงเดือนแรก แม่เหนื่อยมากๆ เพราะแม่ให้หนูกินนมแม่เอง - แม่อาบน้ำให้หนูเอง - ปั๊มนมให้หนูด้วย ทุกวัน พอหนูหลับ แม่ก็ไปทำงานในออฟฟิศ - ซึ่งปกติแล้ว แม่ที่คลอดเด็กน่ารักอย่างหนูใหม่ๆ เวลาหนูหลับ แม่ก็ต้องหลับพักผ่อนด้วย แต่แม่หนูไม่เคยได้นอนพักเลย



แม่ร้องไห้บ่อยๆ (หนูแอบเห็น) แม่บอกว่า แม่กลัวป่าป๊าไม่รักหนู .... ทำไมรู้ป่ะคะ



เพราะพอหนูเกิด ป่าป๊าก็ต้องลงไปนอนบนพื้น เพราะแม่กลัวป่าป๊าทับหนู - หนูติดแม่มากตั้งแต่เกิดเลย



เวลาหนูดูดนมแม่ที กว่าจะปล่อย หนูดูดเกือบชม. แม่นั่งให้นมหนู เมื่อยมาก แถมนมแม่ก็เจ็บด้วย - จนตอนหลังๆ ข้อมือแม่อักเสบต้องไปฉีดยา (หนูก็ไปด้วย คุณหมอเห็นหน้าหนูแล้วบอกแม่ว่า ก็หนูตัวอ้วนขนาดนี้...)



แถมเวลาปั๊มนมที แม่ต้องนั่งพยายามปั๊มอยู่หลายสิบนาทีแต่ละครั้ง กว่าจะได้สักออนซ์สองออนซ์ - ป๊าบ่นไม่อยากให้แม่ทำ

ป๊าก็บอกให้แม่เลิก



ป่าป๊าชอบบอกแม่ ว่าให้หนูกินนมผงเถอะ เพราะป่าป๊าสงสารแม่ - แม่บอกว่า ป่าป๊าพูดเหมือนไม่รักหนูเลย ... แม่ก็ไม่ยอม แม่อยากให้หนูกินนมแม่นานๆ .... แม่ก็น้อยใจแทนหนูว่าป่าป๊าไม่รักหนู แล้วก็คิดว่า ป๊าเกลียดหนูเพราะทำให้แม่ไปทำงานไม่ได้



แม่บอกหนูว่า แม่เพิ่งมาเข้าใจป่าป๊าตอนหลัง - ป่าป๊าเป็นผู้ชาย แล้วก็ไม่คุ้นเคยกับการมีสมาชิกใหม่ ป่าป๊าใช้เวลาหลายเดือน ค่อยๆ รักหนูมากขึ้น-มากขึ้นเรื่อยๆ ... แม่ก็เลิกน้อยใจป่าป๊า กลับมาเห็นใจป่าป๊ามากขึ้น



ตอนเล็กๆ หนูเรื่องเยอะมากเลยค่ะ - สะดือหนูยังเกเรเลย เพราะเจ็ดวันก็แล้ว สิบห้าวันก็แล้ว สะดือหนูยังไม่ยอมหลุดซักที แถมอักเสบอีกต่างหาก แม่ต้องพาหนูไปหาคุณหมอตั้งสองสามครั้ง จนสุดท้าย ครบเดือนก็ยังดื้อไม่ยอมหลุดเอง

เลยต้องโดนฝ่ามือคุณหมอพิฆาต จี้เจ้าสะดือหลุดกระเด็นไปเลย ตอนแรกสะดือหนูเลยดูดำๆ ไม่ค่อยสวย จนอีกหลายเดือนเลยค่ะ กว่าจะกลับมาขาวสวยเหมือนคนอื่นเค้า



อาการติดแม่ของหนูเพิ่งเริ่มต้น แถมอาการเกเรของหนูก็เริ่มปรากฎตัว ... ไว้คราวหน้า หนูจะมาเล่าให้ฟังต่อนะคะว่า ที่หนูเกเรอ่ะ มันมีสาเหตุ ที่ใครๆ ก็ไม่อาจรู้ นอกจากแม่







หนูเอง - เด็กอ้วน ที่กำลังจะผอมค่ะ



Create Date : 12 มกราคม 2555
Last Update : 12 มกราคม 2555 21:31:55 น.
Counter : 428 Pageviews.

0 comment
เป็นแม่ซิดต้องอดทน ตอนที่ 3 Welcome to the world !!!

สวัสดีงามๆ คุณลุงคุณป้าค่ะ





คราวก่อนหนูเพิ่งได้เจอหน้าแม่เป็นครั้งแรก หลังจากไปนอนอบอุ่นในตู้อบมา 1 คืน

แม่บอกว่า ตอนเจอกันที่โรงพยาบาล หนูนอนอย่างเดียว ไม่ตื่นมาสบตาแม่บ้างเลย มีลืมตาบ้าง

แต่ก็สงบนิ่งเป็นส่วนใหญ่ (ผิดกับปัจจุบันมาก...แม่เค้าว่างั้น)



คุณพยาบาลพาหนูมาส่งแม่ ตอนเช้า 9 โมง หลังจากหนูอาบน้ำเสร็จ แล้วก็ให้หนูมานอนเล่นในห้องแม่สักพัก คุณพยาบาลสอนให้แม่ให้นมหนูด้วย แม่ตื่นเต้นมากค่ะ ทุกลักทุเลอยู่พักใหญ่ แต่หนูหัดดูดนิ้วในท้องจนชำนาญแล้ว ออกมาเจอนมแม่ หนูก็ไม่ต้องรื้อฟื้นมาก เก่งไม๊ล่า...

คุณพยาบาลให้แม่หัดเปลี่ยนผ้าอ้อมหนู กะให้หนูกินนม 2 ข้าง ข้างละ 15 นาที แล้วก็มารับหนูกลับไปห้องเด็ก ไปกินนมจากแก้ว และให้แม่พักผ่อน

แม่บอกว่า หนูเลี้ยงง่าย (ตอนนั้น... ยังไม่ออกลายค่ะ) - ตลอดสองสามวันที่โรงพยาบาล แม่ไม่เคยได้ยินเสียงหนูร้องไห้เลย นอกจากเวลาเปลี่ยนผ้าอ้อม - แม่แอบคิดในใจ เลี้ยงเด็กไม่เห็นยาก



การผจญภัยของจริง เริ่มต้นตอนเรากลับบ้านค่ะ



คืนแรกที่กลับบ้าน - ป่าป๊า อาม่า อากง ไม่มีใครอยู่บ้านเลย เพราะว่ามีเลี้ยงส่งพี่พนักงานที่เค้าลาออก

แม่ต้องอยู่บ้านคนเดียว ตอนแรกที่พี่พยาบาลห่อตัวหนูไว้ แบบที่เค้าฮิตๆๆกันที่โรงพยาบาล (แต่แม่ห่อไม่เป็น)

แม่ก็แกะหนูออกจากห่อ แล้วก็ให้หนูดูดนม 15 นาที เหมือนที่เคยทำ

แต่เหตุการณ์มันไม่ธรรมดาแล้วค่ะ พอแม่เอานมออก หนูก็เริ่มต้นร้องไห้แบบ Nonstop ร้องจนสะดือโป่ง หน้าแดง ตัวแดงไปหมด

แม่ไม่รู้จะทำยังไง ไม่มีคนอยู่ด้วย - ไม่มีใครช่วย

แม่นึกว่าหนูกินไม่อิ่ม แต่ชงนมก็ทำไม่ได้เพราะขวดนมก็ยังไม่ได้ล้าง ไม่ได้นึ่ง (แต่อุปกรณ์ครบ... แม่ไม่เตรียมพร้อมเล้ยยย - คิดจะให้หนูกินนมแม่อย่างเดียว)

แม่เริ่มร้องไห้ กอดหนู โอ๋หนูยังไงก็ไม่ยอม



ตอนนนั้นหนูอยากบอกแม่ แต่หนูยังพูดไม่เป็น - ถ้าหนูพูดได้ จะบอกแม่ว่า "แม่ห่อหนูไว้สิคะ หนูกลัวนี่นา..."

แม่เลยต้องเสียค่าโทรศัพท์ไปโรงพยาบาล ถึงได้คำตอบ - - - ถามหนูแต่แรกก็ไม่ต้องเสีย 3 บาทแล้วแม่จ๋า



แม่ก็พยามเอาผ้าขนหนูห่อตัวหนูไว้แน่นๆ หนูเงียบเลย - ก็หนูชอบความอบอุ่นอ่ะ

แม่รู้เคล็กลับแล้ว ก็ไม่ต้องเสียน้ำตาอีก แล้วแม่ก็ให้หนูดูดนมแม่จนพอใจ

แม่แอบบอกหนูว่า แม่กลั๊วกลัว ว่าที่หนูดูดอ่ะ ไม่มีน้ำนม แล้วหนูจะไม่อิ่ม



แม่จ๋า ไม่ต้องกลัวหรอก กระเพาะหนูเล็กจิ๋วเดียว (ไม่เหมือนตอนนี้ ใหญ่ยังกะลูกวัว)

กินนิดเดียวก็อิ่มแล้วค่ะ หนูแค่อยากให้แม่กอดหนูไว้ หนูก็มีความสุขแล้ว - เนอะๆๆๆ



การผจญภัยคืนแรกของแม่กับหนู เริ่มต้นด้วยน้ำตา และจบลงแบบแฮปปี้ค่ะ







ไม่ร้องนะแม่นะ





ซิดนีย์



Create Date : 12 มกราคม 2555
Last Update : 12 มกราคม 2555 21:27:59 น.
Counter : 375 Pageviews.

0 comment
1  2  3  4  

bizkiss
Location :
สมุทรปราการ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]



New Comments