บันทึกเด็กสองภาษา ซิดนีย์น้อยในวัย 2 ขวบ 10 เดือน - Part 1

 

ไม่น่าเชื่อว่า จากแรงบันดาลใจเล็กๆ ในการอ่านหนังสือ "เด็กสองภาษาพ่อแม่สร้างได้"

 

จนถึงวันนี้ เป็นเวลาเกือบ 3 ปีแล้ว ที่พ่อกับแม่ได้นำเอาความรู้สึกเล็กๆ ที่เกิดขึ้นวันนั้น มาใช้เลี้ยงดูลูก

 

แม้ว่าจะไม่ได้ทำตามขั้นตอน หรือวิธีการที่หนังสือได้บอกเอาไว้ทั้งหมด

มีแค่ 15-20 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น

 

ส่วนใหญ่ สิ่งที่ผลักดันให้ยังคงทำอยู่ทุกวัน นั้นคือ "พลังใจ ความเชื่อมั่น และความต่อเนื่อง" ซะมากกว่า

 

ซิดนีย์ได้ยิน ได้ฟัง ได้สัมผัส และคุ้นเคยกับภาษาอังกฤษมาตั้งแต่แรกเกิด

เพราะความตั้งใจของป่ะป๊ามากกว่า 90 เปอร์เซ็นต์

 

เพราะป่ะป๊ารับบทหนักที่สุด ในการต้องพูดคุยกับลูก เป็นภาษาอังกฤษอย่างเดียว

แม้ว่าป่ะป๊าจะมีพื้นฐานภาษาอังกฤษค่อนข้างดี เพราะไปเรียนเมืองนอกเมืองนามาหลายปี

 

แต่ข้อจำกัดใหญ่อย่างนึงคือ ป่ะป๊าไม่มีเวลาเจอลูก ไม่มีเวลาคุยกับลูก และ...เป็นคนใจร้อน

ช่วงเวลาวัดใจของคนที่ต้องการสอนลูกเป็นเด็กสองภาษา น่าจะอยู่ในช่วงตั้งแต่แรกเกิด จนถึง 2 ขวบ

 

เพราะเด็กยังพูดไม่ได้

 

แม้ว่าจะแสดงออกด้วยการกระทำว่าเข้าใจในสิ่งที่พูด แต่ไม่ยอมสื่อสารตอบกลับมา หรือบางครั้งตอบกลับด้วยภาษาไทย ทั้งที่เข้าใจภาษาอังกฤษที่อีกฝ่ายหนึ่งสนทนาด้วย

 

ทำให้คนเป็นพ่อ ออกอาการท้อแท้ไม่น้อยเลย

 

ตั้งแต่แรกเกิด ตอนแม่ยังมีเวลาดูแลซิดนีย์มากกว่าตอนนี้ แม่อาบน้ำแต่งตัว ให้นม ก็จะคอยเปิด DVD ที่สรรหาซื้อหามามากมายนับไม่หวาดไม่ไหว เปิดทั้งเพลง ทั้งบทสนทนา ขอให้บรรยากาศรอบตัว รายล้อมด้วยภาษาอังกฤษจากเจ้าของภาษา

 

หนังสือที่ซื้อ DVD CD - มักไม่ใช่ของไทย เพราะความสวยงาม วัสดุที่ใช้ (สำหรับหนังสือ) รูปแบบและเนื้อหา รวมถึงสำเนียงเป็นหลักสำคัญ ซิดนีย์มีซีดีเป็นร้อยๆ แผ่น หนังสืออีกเกือบ 50 เล่ม ตั้งแต่อายุไม่ถึง 1 ขวบ เพราะแม่บ้าซื้อ เห็นอะไรก็ชอบไปหมด แต่ของเล่นแทบจะไม่มีเลย

 

ของเล่นแพงๆ ที่เขาว่าเสริมพัฒนาการ โน่นนี่นั่น - แม่ไม่เคยรู้จัก ... เพิ่งจะมารู้จักตอนเข้าวงการมาเล่นพันทิปเมื่อตอนวินวินเกิดนี่เอง ยังแอบคิดตลกๆ กับตัวเองว่าเรามันเชยจริงๆ แฮะ ตอนซิดนีย์เล็กๆ แม่ชอบซื้อแต่ของเล่นไม้ ที่เป็นพวกเรขาคณิต ต่อบล็อค เลโก้ ฯลฯ พวกของเล่นมีเสียงเพลง มีไฟ แม่เมิน ไม่เคยมองเลย

 

ช่วง 6 เดือนแรก ซิดนีย์ได้ฟังภาษาอังกฤษจากแผ่นเป็นส่วนใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นเพลงหรือการ์ตูน ขอให้ได้ฟัง ได้ยินเสียงให้คุ้นเคยก็ยังดี แผ่นที่เปิดให้ฟังบ่อยๆ เช่น Mommy & Me, Calliou , Baby first TV , Baby Signing Time (แต่ไม่ได้สอน sign เพราะแม่ขี้เกียจ ให้ฟังแต่เพลงเฉยๆ) , Magic English

 

ป่ะป๊าก็เพียรพยายามคุยกับลูกเป็นภาษาอังกฤษทุกวัน แต่ด้วยความเป็นคนใจร้อนอย่างที่ว่า

 

พอเห็นลูกไม่ตอบสนอง (ทั้งที่ลูกอายุไม่เท่าไร) ก็พาลจะท้อแท้ใจ คิดว่าลูกไม่เข้าใจภาษาอังกฤษ

บางอารมณ์ก็คิดว่าซิดนีย์รู้แต่ภาษาไทย

 

แม่ก็ต้องคอยให้กำลังใจกันไป ว่าเด็กเกิดมา เค้าไม่รู้ภาษาอะไรทั้งนั้นแหละ

 

ไม่ว่าไทย จีน ฝรั่ง --- เค้ารู้แค่ภาษากาย ภาษาท่าทาง แล้วก็ตอบสนองตามความรู้สึกและความน่าจะเป็น

 

แล้วค่อยมาผสมกับเสียงที่ได้ยิน เพื่อจดจำว่าสิ่งนั้น กับเสียงนั้น สัมพันธ์กันอย่างไร

 

ช่วง 1 ปีแรก ยังประเมินผลลำบากมาก สำหรับการสอนเด็กสองภาษา เพราะเราแทบดูไม่ออกว่าเขาเข้าใจภาษาที่สื่อสารมากน้อยแค่ไหน

 

บางคนก็ว่า สอนเด็กสองภาษา เด็กจะสับสน พูดช้า --- แต่แม่ว่าไม่จริง

 

จากหนังสือ รอให้ถึงอนุบาลก็สายเสียแล้ว และหนังสืออีกหลายเล่ม ยืนยันตรงกันว่า

 

เด็กมีความสามารถมากกว่าที่ผู้ใหญ่คิด และการสอนเด็ก หรือให้เด็กรับรู้ เรียนรู้มากกว่า 1 ภาษา เป็นการช่วยส่งเสริมและกระตุ้นศักยภาพของสมองเด็กให้มากยิ่งขึ้น

 

จำไว้ๆๆๆ "เด็กมีความสามารถมากกว่าที่ผู้ใหญ่คิด" ---- แม่บอกป่ะป๊า และพยายามบอกตัวเองเวลาจะสอนอะไรลูก

 

ก้าวแรกที่ทำให้ป่ะป๊าชื่นใจ

ก็วันที่ป่ะป๊าสอนซิดนีย์ "Where is your nose?" แล้วหนูเอานิ้วจิ้มจมูก พร้อมหัวเราะชอบใจ

แม่รู้ว่าป่ะป๊าดีใจมาก (แม่จำไม่ได้ว่าหนูทำได้ตอนอายุถึง 1 ขวบหรือยัง)

 

จนวันนี้ ภาพเดียวกันกำลังเกิดขึ้น ทำให้แม่หวนนึกถึงวันเวลานั้น

 

ในวันนี้ จากซิดนีย์ กลายเป็นวินวิน ในวัย 1 ขวบ 1 เดือน ที่เอานิ้วจิ้มจมูกแล้วหัวเราะกับป่ะป๊า "Where is your nose?"

 

แม่แทบอดทนรอไม่ไหว ให้ถึงวันที่แม่ได้ฟังว่า ลูกสองคน พูดคุยกันเป็นภาษาอังกฤษ

 

แม่อยากเห็นจริงๆ ....




Create Date : 11 สิงหาคม 2555
Last Update : 11 สิงหาคม 2555 3:18:46 น.
Counter : 1321 Pageviews.

1 comment

bizkiss
Location :
สมุทรปราการ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]



New Comments