ถ้าใครจำโฆษณาเนสกาแฟของพี่แท่ง ที่ไปถ่ายแถวภาคอีสาน นั่งดื่มกาแฟ มองสายน้ำโขงอย่างสดชื่น ก็อาจจะคิดในใจ เชียงคานสวยขนาดนี้ตามคำร่ำลือจริงหรือ เลยวางแผนต้องไปพิสูจน์ด้วยตัวเองสักครั้ง ทริปนี้ The Gang ของเราเลือกที่จะพักที่เชียง 4 วัน 3 คืน ได้ที่พักราคาลดจาก “สุเนต์ตา โฮเทล” จากราคา 3,600 บาท เหลือ 1,390 บาท 

   แผนของแก๊งส์เราจะไปนอนเชียงคาน 2 คืน ทำบุญช่วงเข้าพรรษา และคืนที่ 3 จะไปนอนเต๊นท์ทุ่งดอกกระเจียวที่ชัยภูมิ และเช้าก็กลับ กทม. เราหาข้อมูลการเดินทางและที่เที่ยวที่กินเสร็จสับเรียบร้อย ก็เตรียมตัวออกเดินทางกัน...

วันที่ 02/08/2555    

            แก๊งส์เราออกเดินทางจาก กทม. จะ 8 โมงเช้าแล้ว แวะทานข้าวที่บ้านสวน อยุธยา จากนั้นขับรถต่อไปเส้นสระบุรี > ลพบุรี > เพชรบูรณ์ เราเดินทางโดยไม่เร่งรีบแต่ก็กลัวว่าไปถึงเชียงคานดึกเหมือนกัน ไปเรื่อยๆ ดีที่รถไม่เยอะเท่าไหร่ แวะเติมน้ำมัน ทานกาแฟอร่อยๆที่ร้าน Amazon ปั๊ม ปตท. สาขาวิเชียรบุรี

 ถึงเพชรบูรณ์ประมาณเกือบเที่ยง แวะทานขนมจีนที่คนเค้าไปเคยไปกันมาแล้วแนะนำมา ที่ร้าน “บ้านคุณตา” ที่มีขนมจีนสด เป็นสีๆ ชุดละ 25 บาท ก็พออิ่ม น้ำยาขนมจีนมีหลากหลายให้เลือก และก็ตามด้วยขนมถ้วย 1 ชุด

หลังจากทานขนมจีนกันอิ่มแปล้แล้วก็ออกเดินทางต่อ เป้าหมายต่อไปของเราคือ พระตำหนักเขาค้อ ฤดูนี้อาจจะไม่หนาวหรือมีหมอก แต่ก็ลองไปแวะดูสักครั้ง เส้นทางที่ขึ้นไปสองข้างทางเขียวชอุ่ม สดชื่นมากๆ มาหน้าฝนก็ดีงี้อ่ะเนาะ

ถึงแล้วพระตำหนักเขาค้อ โห!บนนี้อากาศดีมากๆ ลมพัดเย็นสบาย หายใจเต็มปอด อาจจะไม่มีหมอก แต่อากาศหน้าฝนสดชื่นกว่าหน้าหนาวที่ออกแห้งๆ สำหรับคนทั่วไปอากาศประมาณจะพอดีเย็นสบาย แต่สำหรับฉันมันหนาววววว......

ลงจากพระตำหนักเขาค้อ แวะไหว้พระขอพรที่พระบรมธาตุเจดีย์กาญนาภิเษก ฝนกำลังจากมาแล้ว รีบไปกันดีกว่า

เดินทางกันต่อไปเส้นทางหลวง 203 ขับรถไปเปิดแผนที่ไป เส้นที่เข้าไปทางหล่มสัก หล่มเก่า ขึ้นเขาซะส่วนใหญ่ แต่รถน้อยมาก เลยขับได้สบายหน่อย แต่ถ้าใครไม่ชินเส้นทางขึ้นเขาแบบนี้ก็ต้องระวังเหมือนกัน สองข้างทางบรรยากาศดีมากๆ 

4 โมงเย็นกว่าๆ เข้าเขตจ.เลยล่ะ ถ้าเห็นสัญญลักษณ์ประอำเภอนี้แล้วก็รู้ว่าเป็นอ.ด่านซ้าย 

แก๊งส์ลงเราแวะไหว้พระที่พระธาตุศรีสองรัก เคยได้ยินว่า ที่นี่ห้ามใส่เสื่อผ้าสีแดงเพราะถือกันว่าพระธาตแห่งนี้สร้างเพื่อเป็นสัญลักษณ์มิตรภาพระหว่างไทย-ลาว สีแดงเป็นเสมือนสีเลือด จึงห้าม ห้ามผู้หญิงขึ้นบริเวณพระธาตุ อันนี้ไม่ได้ถามชาวบ้านแถวนั้นแฮะ

ไหว้พระ เดินเวียนพระธาตุเสร็จแล้วก็ 5 โมงเป๊ะ ที่นี่ก็ปิด กลุ่มเราเป็นกลุ่มสุดท้าย ออกเดินทางกันต่อไปเส้นทางภูเรือ และตัวจ.เลย แวะเติมน้ำมันอีกรอบ ก่อนออกเดินทางสู่เชียงคาน  

 ทุ่มกว่าถึงเชียงคาน วันนี้เป็นวันอาสาฬหบูชา คนเลยเยอะเป็นพิเศษ เราเอารถเข้าไปจอดที่ซอย 14 ข้างวันมหาธาตุ ราคาคืนละ 50 บาท ถ้ามาเร็วกว่านี้ก็จอดในวัดได้

เราเอาสัมภาระสำคัญลงไปก่อน เพื่อไป Check In เดินไปทางถนนชายโขง ที่เรียกกันว่า ถนนคนเดินนั่นเอง เสียงอูกูเลเล่และเสียงร้องเพลงของเด็กๆ เสียงคนตะโกนเชิญชวนซื้อของดังแว่วมา ที่พักของเราอยู่ระหว่างซอย 15-16 เก็บของและทานข้าวร้านข้างๆที่พัก โปรแกรมในวันพรุ่งนี้ คือไหว้พระ 9 วัดและไปแก่งคุดคู้ เอาล่ะ เดินทางกันมาทั้งวันแล้ว คืนนี้ขอพักเอาแรงในพรุ่งนี้ก่อนละกัน Good Night จ้าทุกคน

เขื่อนพิมาย  ตั้งอยู่ที่ ต.ในเมือง อ.พิมาย เป็นเขื่อนทดน้ำ - ระบายน้ำในลำน้ำมูล ช่วยเหลือพื้นที่ชลประทาน 152,931 ไร่ ครอบคลุม 3 อำเภอ บางส่วนมี อ.พิมาย , อ.ชุมพวง และ อ.โนนสูง เขื่อนทุ่งสัมฤทธิ์ (เขื่อนพิมาย) เป็นเขื่อนปิดกั้นลำน้ำมูลที่ ตำบลในเมือง อำเภอพิมาย จังหวัดนครราชสีมา ทำการก่อสร้างระหว่างปี 2482-2496 มีระดับเก็บกักเหนือสันฝาย +152.00 ม.(รทก.) ส่งน้ำเข้าพื้นที่ชลประทานโดยแรงโน้มถ่วงฝั่งซ้ายของแม่น้ำมูล  ในฤดูฝนสามารถ เพาะปลูกได้เต็มโครงการ ส่วนในฤดูแล้งน้ำในแม่น้ำมีน้อยมาก

     ข้างๆของเขื่อนจะมีสวนสาธารณะชื่อว่า "อุทยานไทรงาม" ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำมูล บริเวณเขื่อนพิมาย โดยก่อนข้ามสะพานท่าสงกรานต์เข้าตัวอำเภอพิมาย จะมีทางแยกไปเขื่อนพิมายอีกประมาณ 2 กิโลเมตร บรรยากาศไทรงามแห่งนี้มีต้นไทรขึ้นอยู่เป็นจำนวนมาก ไทรเหล่านี้เกิดจากต้นแม่อายุประมาณ 350 ปี แผ่กิ่งก้านสาขาออกรากซึ่งเจริญเติบโตเป็นลำต้นใหม่มากมายครอบคลุมพื้นที่กว้างขวาง ประมาณ 15,000 ตารางฟุต ซึ่งมีชื่อเสียงรู้จักกันมานานตั้งแต่ครั้งสมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถในรัชกาลที่ 5 เสด็จประพาสเมืองพิมายเมื่อวันที่ 21 มกราคม พ.ศ. 2454 และได้พระราชทานนามว่า "ไทรงาม"

บรรยากาศภายใน....

เป็นที่ศักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์....

ถนนรอบข้างทางเข้าอุทยานไทรงาม....

     ไหนๆ งานนี้จุดประสงค์หลักคือ ลูกชายสุดที่รักโกนผมไฟ ก็ต้องเก็บภาพโล้นซ่าไว้ดูหน่อยล่ะ ก่อนที่จะกลับไปทำงานต่อในเมืองหลวง

แล้วเจอกันนะลูกรัก............เป็นปลื้ม

22 เมษายน 2555

    มาถึงเพชรบุรีก็บ่ายโมงกว่าแล้ว รีบเข้าไปในงานบวชของน้องที่ทำงานทันที แต่ก็ยังไม่ทันอยู่ดี แห่นาคเข้าโบสถ์แล้วเรียบร้อย แต่อย่างน้อยก็ได้ยังได้อยู่นเสร็จพิธี

ขอลงรูปพระสักรูป

เสร็บวชแล้วระหว่างเดินทางกลับก็แวะวังบ้านปืน ประวัติตามนี้เลย

รูปปั้น ร.5 หน้าวัง

ที่นี่คือ บริเวณสวนหลังวัง จริงๆแล้วที่นี่ห้ามถ่ายภาพใดทั้งสิ้งในพระราชวัง ตอนแรกก็ยังไม่กล้าถ่ายเพราะกลัวผิดกฎเหรือเปล่า แต่ตรงนี้เป็นสวนหลังบ้านนี่นา ไม่ใช่ด้านใน อิอิ

อีกมุมของตึก พระราชวังนี้เป็นรูปแบบยุโรป ด้านในของตึกแบ่งเป็นห้องต่างๆ ลมเย็นมาก ลมเข้าผ่านตลอด อย่างวันนี้อากาศข้องนอกร้อนมาเกือบ 40 องศา แต่ข้างในกำลังสบายเลยทีเดียว

ด้านข้างของตึก จากมุมนี้จะเห็นหน้าต่างของห้องนอนท่าน

ด้านหน้าของพระราชวัง ตรงหน้าต่างสีฟ้าที่เห็นคือ ห้องทำงาน

    เพราะว่าภายในตัวอาคารค่อนข้างกว้าง และแบ่งนอนเป็นห้องต่างๆ ห้องของพระราชธิดา พระราชโอรส ห้องครัว ห้องทานข้าว ห้องน้ำ อ่างอาบน้ำ ชักโครกและยังมีบันไดวนด้วย นอกจากนี้อุปกรณ์เครื่องใช้บางอย่างที่เป็นของสมัยก่อนยังอยู่ครบ เช่น โคมไฟ สวยมากๆ ยังดูแข็งแรงอยู่เลย รู่สึกชอบสถานที่แบบนี้ยังไม่บอกไม่ถูก ไม่อยากกออกจากที่นี่ ความรู้สึกนี้มันเคยเกิดเมื่อครั้งที่เข้าชม พระราชวังมฤคทายวัน อยู่ในนี้แล้วสบายใจไร้กังวล......ถึงเวลากลับกรุงเทพ ไปกันเถอ