กังสีเฉาะ...เกาะสีชัง#1

เมื่อต้นเดือนได้ดูรายการท่องเที่ยวรายการหนึ่ง พาไปเที่ยวเกาะสีชัง จ.ชลบุรี ทำให้เกิดอยากไปดูให้เห็นกับตัวเองบ้างซะงั้น และก็โชคดีที่พี่ที่ทำงานมี Package สีชัง แต่ก็ต้องผิดหวังเมื่อมีหลายๆคนขอจอง package นี้ แถมยังเจอช่วงพายุเข้าอีก แต่ต้องเซอร์ไพรส์สุดๆเมื่อได้รับข่าวดีว่า เราได้ Package นี้ล่ะ และที่พักที่พี่เจ้าของ package จองไว้คือ “ปารีฮัท” ซึ่งต้องไปช่วง เสาร์-อาทิตย์ที่ผ่านมาเท่านั้น รีบหาข้อมูลด่วน แล้วก็ต้องตกใจเมื่อรู้ว่าที่พักที่นี่ราคาแพงมาก แต่ครั้งนี้เราจ่ายเพิ่ม 2,200 บาท พร้อมอาหาร 3 มื้อฟรี! Wowwwww

13/10/2555

เราออกเดินทางจาก กทม. เช้าวันเสาร์ เวลา 07.30 น. แวะทานข้าวเช้าที่ตลาดหนองมน ถึงตัว อ.ศรีราชาประมาณ 9 โมงกว่าได้

ตอนแรกกะเอารถไปจอดไว้ที่สถานีตำรวจ แต่เพราะวันนี้เป็นวันตำรวจ ลานจอดรถเลยกลายเป็นงานเลี้ยงโดยปริยาย เลยเปลี่ยนที่เป็นร้านฝากรถไว้ที่ร้าน AP Park คืนละ 150 บาท เรียกรถตุ๊กๆจากหน้าไปที่ท่าเรือเกาะลอย ราคา 50 บาท 

เรือออกทุกชั่วโมง ราคาตั๋วเรือ คนละ 50 บาท ใช้เวลาเดินทางประมาณ 45 นาที 

เมื่อไปถึงเกาะโทรแจ้งที่พัก ก็จะมีป้าเจ้าของรถมอไซต์เช่ามารอรับ ราคาเช่า ถ้าวันเดียว 250 บาท แต่ถ้าค้างคืน 300 บาท แวะจอดเช็คอินที่ Lobby ด้านล่างก่อนจะขึ้นไปเข้าที่พัก ทางเข้ารีสอร์ทนี่ถ้าไม่รู้คิดไม่ถึงว่าที่พักจะหรูเลยนะเนี่ย 

ที่นี่จะแบ่งห้องพักเป็นบ้านกระท่อม แต่ละหลังจะมีชื่อ เช่น กระเบน วาฬ ปะการัง เป็นต้น เราได้บ้านพักเป็นบ้านม้าน้ำ ป้าที่ดูแลรีสอร์ทบอกว่า ลูกค้าส่วนใหญ่มักจะจองบ้านหลังนี้ เพราะวิวดีสุดกว่าบ้านอื่นๆล่ะ

ที่พักที่นี่ไม่มีแอร์ มีแต่พัดลม แต่แค่นี้ก็เย็นสบายมากล่ะ

หลังจากเก็บข้าวของแล้ว ก็ออกไปขับรถเที่ยวบนเกาะกัน ระหว่างทางเจอฝูงแพะด้วย

วิวระหว่างทาง

ที่แรก พิพิธภัณฑ์สัตวน้ำชลทัศนสถาน จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยเป็นผู้ดูแล ที่นี่มี 2 ชั้น เป็นแหล่งที่รวบรวมเรื่องราวของชีวิตใต้ทะเล มีปลาการ์ตูน หรือปลานีโม่ ของเด็กๆด้วยชั้นบนจะเป็นเรื่องราวของปะการัง ที่นี่ไม่กว้างเท่าไร ใช้เวลาไม่นานก็เดินรอบล่ะ

ต่อไปที่แวะคือ จุฑาธุชราชฐาน เป็นพระราชวังที่ประทับในฤดูร้อนของรัชการที่ 5 เราให้น้องมัคคุเทศน์น้อยเป็นคนเดิมแนะนำ น้องชื่อเรย์ วันนี้น้องพาเดินชมรอบกลาง

เริ่มที่ไหว้พระบรมฉายาลักษณ์ของรัชกาลที่ 5

ที่นี่มีอายุมากกว่า 100 ปีแล้ว ต้นลีลาวดีที่ปลูกที่นี่ก็อายุประมาณ 120 ปีได้

ต่อมาเป็นที่สรงน้ำของรัชกาลที่ 5 สระน้ำเรียกว่า สระมหาอโนดาด ถ้าดูจากมุมสูงจะคล้ายๆรูปหยดน้ำ

ถ้าเป็นสมัยเมื่อ 120 ปีที่แล้ว ที่นี่น่าจะสดชื่นมากกว่านี้ เพราะตอนนี้หญ้าค่อนข้างรกนิดๆ (ตามความรู้สึก) ใบต้นลั่นทมที่ร่วงเต็มไปหมด ถ้าเก็บกวาดกว่านี้ จะดูสวยมากๆ

เรือนนี้เรียกว่า เรือนผ่องศรี น้องเรย์บอกว่าเหตุที่ชื่อนี้ เพราะว่า คุณผ่องศรีเป็นผู้ซื้อเฟอร์นิเจอร์ตกแต่งที่เรือนนี้ ปัจจุบันใช้เป็นที่จัดเป็นนิทรรศการ

เรือนนี้เรียกว่า เรือนอภิรมย์ สมัยก่อนเป็นโรงเรียน สังเกตได้จากทางด้านหน้าจะมีเสาธงอยู่ แต่ตอนี้หญ้าขึ้นด้านข้างเต็มไปหมด นอกจากจะเป็นโรงเรียนแล้ว ยังจะเป็นที่พักฟื้นผู้ป่วยอีกด้วย

เดินเลาะไปทางริมหาด หาดที่นี่น้ำใสมากๆ แต่หินค่อนข้างเยอะ เรียกว่า “หาดท่าวัง”

ระหว่างเดิน น้องเรย์หันมาถามว่า “คุณแม่พี่ไม่มาด้วยเหรอคะ มากับคุณพ่อ 2 คนเหรอคะ?”

คำถามนี้ทำเรางงไปสักพัก ก่อนจะหันไปมองเพื่อนร่วมทางอีกคนด้านหลัง ที่กำลังเก็บภาพบรรยากาศอยู่ เลยเพิ่งถึงบางอ้อ เลยตอบน้องไปว่า “คุณแม่พี่ไม่มาค่ะ มากับคุณพ่อ 2 คน” แอบดีใจนี่เราหน้าเด็กรึป่าวเนี่ย อิอิ

ถัดขึ้นมาจากหาดจะพบเรือน “วัฒนา” และเหตุที่ชื่อนี้ เพราะว่าผู้ที่ซื้อเฟอร์นิเจอร์ตกแต่งที่เรือนนี้มีชื่อว่าวัฒนา วิวจากหน้าเรือน

เดินริมหาดไปเรื่อยๆจะพบกับตึกสีเขียว เรียกว่า “เรือนไม้ริมทะเล” ปัจจุบันเปิดเป็น Coffee Shop แต่ไม่มีกาแฟสดนะ มีแต่กาแฟโบราณ

              ถัดจากเรือนริมไม้ริมทะเลจะพบกับ “ฐานพระที่นั่งมันธาตุรัตน์โรจน์” ซึ่งมีลักษณะเป็นรูปทรงแปดเหลี่ยม แต่ช่วงนั้นประเทศไทยมีข้อพิพาทกับทางฝรั่งเศสและมีทหารฝรั่งเศสมายึดเกาะสีชัง จึงรื้อไปสร้างที่กรุงเทพ ปัจจุบันเรียกว่า “พระที่นังวิมานเมฆ”

ก่อนกลับเราเดินขึ้นไปไหว้พระที่ “พระเจดีย์อุโบสถวัดอัษฎางค์นิมิตร” หลังจากขึ้นไปแล้ว แนะนำได้ว่าที่แรกที่จะเยี่ยมชมที่นี่ ควรจะแวะไหว้ที่นี่แหละ ไม่อย่างนั้น อาจจะหมดแรงกันได้ล่ะงานนี้ ถัดจากวัดขึ้นไปมีที่ชมวิว แต่เราหมดแรงกันล่ะ ขอแค่นี้ละกัน อ้อ!ใกล้ๆกับวัดจะมีหินที่เคาะแล้วมีเสียงเหมือนระฆังด้วย อย่าลืมแวะชมกันล่ะ

ออกจากจุฑาธุชราชฐาน ไปไหว้พระที่ “ศาลเจ้าพ่อเขาใหญ่และศาลเจ้าแม่กวนอิม” กันต่อ ถ้าเดินขึ้นไปต่อข้างบนจะเป็นมณฑปรอยพระพุทธบาท ที่รัชกาลที่ 5 ทรงอัญเชิญมาประดิษฐานไว้ จำลองจากรอยพระพุทธบาทที่สร้างขึ้นในสมัยพระเจ้าอโศกมหาราช เมื่อปี พ.ศ.500 และเป็นจุดชมทิวทัศน์ทะเลได้โดยรอบ แต่กำลังขาไม่ไหว

ลงจากไหว้พระ ไปกันต่อที่ช่องเขาขาด หรือที่เรียบกว่า ช่องอิศริยาภรณ์ สะพานที่ยื่นออกไปเรียกว่า สะพานวชิราวุธ และหากเดินลงไปจะเป็นที่ชมพรอาทิตย์ตกที่สวยมากๆ เรียกว่า แหลมวชิราวุธ บางคนบอกว่าคล้ายๆกับแหลมพรหมเทพ จ.ภูเก็ต แต่ตอนที่เราไปก่อน เพิ่งจะบ่าย 4 โมง จึงกลับไปชมพระอาทิตย์ตกที่ที่พักเราดีกว่า

บรรกาศที่ปารีฮัท ยามเย็นสวยเหมือนกันนะเนี่ย บางกลุ่มมาเป็นครอบครัว บางกลุ่มมาเป็นกลุ่มเพื่อนๆ ช่วงนี้เป็นช่วงปิดเทอม จึงเห็นพ่อแม่พาลูกๆมาพักผ่อนกันเยอะ เห็นแล้วคิดถึงเจ้าตัวเล็กที่อยู่ต่างจังหวัด รอวันที่จะได้พาไปเที่ยวแบบนี้ คงชอบน่าดู

ที่รีสอร์ทมีสระน้ำสำหรับนั่งแช่กันด้วยล่ะ

กิจกรรมอีกอย่างที่รีสอร์ทจัดให้คือการกระโดดหน้าผาลงทะเล แต่แนะนำว่าโดดช่วงเย็นดีกว่าเพราะน้ำขึ้น ถ้าเป็นช่วงเช้าน้ำลด มันจะดูเสียวโดนหินได้ล่ะ

มื้อเย็นวันนี้ รีสอร์ทเตรียมเป็นอาหาร Set ให้ สุกี้ทะเล, บาร์บีคิว, หอยอบ, ปลากระพงทอด ข้าวตักแบบบุฟเฟ่ต์

สังเกตโต๊ะอาหารจะไม่มีกระดาษทิชชู่ให้ เพราะที่นี่จะใช้เป็นผ้าเช็ดปากแทน

สุกี้ที่นี่ผักบุ้งใส่สุกี้ เราไปตัดต้นสดๆจากแปลงมาต้มกินได้เลยล่ะ เขาปลูกแบบไฮโดรโปนิก กับข้าวมื้อนี้กินซะอิ่ม และก็เหลือบาร์บีคิว เราเก็บไว้ทานเป็นมื้อเช้าแทนดีกว่า

คืนนี้บรรยากาศเย็นสบายๆ ลมทะเลพัดเข้ามาแบบที่เราไม่ต้องเปิดพัดลมเลย น้องๆที่มาพักยังไม่นอน พากันไปนั่งเม้าส์ที่ริมทะเล แล้วก็เผลอหลับไปตอนไหนจำไม่ได้ มารู้ตัวอีกทีเมื่อได้ยินเสียงฝนซ่าลงมา ดูนาฬิกา ตี 2 แล้วเหรอเนี่ย แต่ก็ทำให้หลับสบายใต้ผ้าห่มอุ่นๆ .... ฝันดี ปารีฮัท




Create Date : 24 ตุลาคม 2555
Last Update : 28 ตุลาคม 2555 18:53:21 น.
Counter : 2951 Pageviews.

0 comments
ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

janesun
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]



"ถ้าเราทำดี พูดดี คิดดีแล้ว คนอื่นเขาว่าเราทำไม่ดี ก็ไม่เป็นไร
เมื่อเราทำดีแล้ว คนอื่นว่าไม่ดีมันเป็นเรื่องของเขา
เราอย่าไปทิ้งความดีของเรา ความดีมันอยู่ที่ตัวเรา ไม่ใช่คนอื่นมอง
อย่าลืมว่ากรรมใคร ก็เป็นของคนนั้น
อย่ายึดมั่นถือมั่น และอย่าจับตาดูผู้ื่อื่น"
...หลวงปู่ชา สุภัทโท..
^__^
All Blog