กังสีเฉาะ...เกาะสีชัง#2

14/10/2012

เช้านี้อากาศสดชื่นเป็นพิเศษ เพราะฝนเพิ่งตกไปเมื่อคืน เช้านี้ทางรีสอร์ทจัดอาหารเช้าเป็นกาแฟ, ขนมปังปิ้ง, ไส้กรอก, ไข่ดาว และข้าวต้ม สำหรับโต๊ะเรามีบาร์บีคิวจากเมื่อคืนมาร่วมแจมอีกเมนู

ทานข้าวเช้าอิ่มแล้วก็ขับรถไปอีกที ที่สุดท้ายของวันนี้ “หาดพัง” เท่าที่รู้น่าจะเป็นหาดเดียวที่เล่นน้ำได้ ริมหาดจะมีหินอยู่ พอเข้าไปดูใกล้ๆ ถึงรู้ว่าเป็นหอยที่จับตัวกันเป็นหิน ถ้าเข้าไปเดินเล่นโดยไม่ระวังก็อาจจะโดนบาดได้ ซึ่งก็โดนมากับตัวล่ะ T_T

น้ำทะเลที่นี่ ตามความรู้สึกค่อนข้างมีกลิ่นเหม็นๆเหมือนตะใคร่น้ำแฮะ เล่นซักพักก็ขึ้นดีกว่า กลับไปเก็บภาพที่รีสอร์ทกัน

เริ่มสายแล้วแดดเริ่มออก ก็ทำให้ได้ภาพสวยไปอีกแบบ วันนี้เป็นวันอาทิตย์คนเริ่มกลับกันแล้ว ทำให้คนไม่ค่อยพลุกพล่านเท่าไร เหมาะมากๆสำหรับการถ่ายวิวที่นี่

มุมฮิตของที่นี่ล่ะ

นี่ก็ฮิต

และก่อนกลับเราก็ทานมื้อเที่ยงที่รีสอร์ท มื้อเที่ยงวันนี้มีต้มยำกุ้ง ไข่ดาว ผัดผัก กระเพราะปลาหมึก แถมตามด้วยไอติมอีกถ้วย แค่นี้ก็ทานจะไม่หมดแล้ว

 

ได้เวลากลับแล้วละสำหรับเรา ขับมอไซต์ไปคืนป้าที่ท่าเรือ และรอเรือมารับ คนแน่นเหมือนกันนะเนี่ย การลงเรือที่นี่ต้องแย่งกันลงอ่ะ อันตรายมากๆสำหรับเด็กอาจจะถูกเบียดตกทะเลก็ได้

 

แต่ตอนนี้ทางเกาะก็กำลังสร้างท่าเรือใหม่ ใหญ่ สะดวก ปลอดภัย และสวยซะด้วย คาดว่าอีกไม่กี่เดือนก็น่าจะได้ใช้

            ถึงฝั่งก็บ่าย 3 ซะแล้ว แวะซื้อของฝากที่ตลาดหนองมน ของขึ้นชื่อเค้าต้องข้าวหลามหนองมน และก็ตีรถกลับบ้านยาว

           จบลงสำหรับทริปนี้ ต้องขอบคุณพี่ใจดีที่มอบ Package นี้ให้เราแบบฟรีๆ ไม่อย่างนั้นคงได้ไปปีหน้าโน่นแหนะ ขอบคุณน้องเรย์ มัคคุเทศน์ตัวน้อย ที่พาเราเที่ยวชมพระตำหนัก ขอบคุณข้อมูลท่องเที่ยวจากเพื่อนๆชาว Bloggang แล้วเราก็ถึงบ้านพร้อมกับหวัดเล็กน้อย และอาการปวดเมื่อยแข้งขา แต่มีหรือที่จะกลัวกับการเดินทาง ^^  ลาด้วยภาพสัญลักษณ์ของสีชังนะจ๊ะ

          

 

  




Create Date : 25 ตุลาคม 2555
Last Update : 28 ตุลาคม 2555 15:27:54 น.
Counter : 1502 Pageviews.

2 comment
กังสีเฉาะ...เกาะสีชัง#1

เมื่อต้นเดือนได้ดูรายการท่องเที่ยวรายการหนึ่ง พาไปเที่ยวเกาะสีชัง จ.ชลบุรี ทำให้เกิดอยากไปดูให้เห็นกับตัวเองบ้างซะงั้น และก็โชคดีที่พี่ที่ทำงานมี Package สีชัง แต่ก็ต้องผิดหวังเมื่อมีหลายๆคนขอจอง package นี้ แถมยังเจอช่วงพายุเข้าอีก แต่ต้องเซอร์ไพรส์สุดๆเมื่อได้รับข่าวดีว่า เราได้ Package นี้ล่ะ และที่พักที่พี่เจ้าของ package จองไว้คือ “ปารีฮัท” ซึ่งต้องไปช่วง เสาร์-อาทิตย์ที่ผ่านมาเท่านั้น รีบหาข้อมูลด่วน แล้วก็ต้องตกใจเมื่อรู้ว่าที่พักที่นี่ราคาแพงมาก แต่ครั้งนี้เราจ่ายเพิ่ม 2,200 บาท พร้อมอาหาร 3 มื้อฟรี! Wowwwww

13/10/2555

เราออกเดินทางจาก กทม. เช้าวันเสาร์ เวลา 07.30 น. แวะทานข้าวเช้าที่ตลาดหนองมน ถึงตัว อ.ศรีราชาประมาณ 9 โมงกว่าได้

ตอนแรกกะเอารถไปจอดไว้ที่สถานีตำรวจ แต่เพราะวันนี้เป็นวันตำรวจ ลานจอดรถเลยกลายเป็นงานเลี้ยงโดยปริยาย เลยเปลี่ยนที่เป็นร้านฝากรถไว้ที่ร้าน AP Park คืนละ 150 บาท เรียกรถตุ๊กๆจากหน้าไปที่ท่าเรือเกาะลอย ราคา 50 บาท 

เรือออกทุกชั่วโมง ราคาตั๋วเรือ คนละ 50 บาท ใช้เวลาเดินทางประมาณ 45 นาที 

เมื่อไปถึงเกาะโทรแจ้งที่พัก ก็จะมีป้าเจ้าของรถมอไซต์เช่ามารอรับ ราคาเช่า ถ้าวันเดียว 250 บาท แต่ถ้าค้างคืน 300 บาท แวะจอดเช็คอินที่ Lobby ด้านล่างก่อนจะขึ้นไปเข้าที่พัก ทางเข้ารีสอร์ทนี่ถ้าไม่รู้คิดไม่ถึงว่าที่พักจะหรูเลยนะเนี่ย 

ที่นี่จะแบ่งห้องพักเป็นบ้านกระท่อม แต่ละหลังจะมีชื่อ เช่น กระเบน วาฬ ปะการัง เป็นต้น เราได้บ้านพักเป็นบ้านม้าน้ำ ป้าที่ดูแลรีสอร์ทบอกว่า ลูกค้าส่วนใหญ่มักจะจองบ้านหลังนี้ เพราะวิวดีสุดกว่าบ้านอื่นๆล่ะ

ที่พักที่นี่ไม่มีแอร์ มีแต่พัดลม แต่แค่นี้ก็เย็นสบายมากล่ะ

หลังจากเก็บข้าวของแล้ว ก็ออกไปขับรถเที่ยวบนเกาะกัน ระหว่างทางเจอฝูงแพะด้วย

วิวระหว่างทาง

ที่แรก พิพิธภัณฑ์สัตวน้ำชลทัศนสถาน จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยเป็นผู้ดูแล ที่นี่มี 2 ชั้น เป็นแหล่งที่รวบรวมเรื่องราวของชีวิตใต้ทะเล มีปลาการ์ตูน หรือปลานีโม่ ของเด็กๆด้วยชั้นบนจะเป็นเรื่องราวของปะการัง ที่นี่ไม่กว้างเท่าไร ใช้เวลาไม่นานก็เดินรอบล่ะ

ต่อไปที่แวะคือ จุฑาธุชราชฐาน เป็นพระราชวังที่ประทับในฤดูร้อนของรัชการที่ 5 เราให้น้องมัคคุเทศน์น้อยเป็นคนเดิมแนะนำ น้องชื่อเรย์ วันนี้น้องพาเดินชมรอบกลาง

เริ่มที่ไหว้พระบรมฉายาลักษณ์ของรัชกาลที่ 5

ที่นี่มีอายุมากกว่า 100 ปีแล้ว ต้นลีลาวดีที่ปลูกที่นี่ก็อายุประมาณ 120 ปีได้

ต่อมาเป็นที่สรงน้ำของรัชกาลที่ 5 สระน้ำเรียกว่า สระมหาอโนดาด ถ้าดูจากมุมสูงจะคล้ายๆรูปหยดน้ำ

ถ้าเป็นสมัยเมื่อ 120 ปีที่แล้ว ที่นี่น่าจะสดชื่นมากกว่านี้ เพราะตอนนี้หญ้าค่อนข้างรกนิดๆ (ตามความรู้สึก) ใบต้นลั่นทมที่ร่วงเต็มไปหมด ถ้าเก็บกวาดกว่านี้ จะดูสวยมากๆ

เรือนนี้เรียกว่า เรือนผ่องศรี น้องเรย์บอกว่าเหตุที่ชื่อนี้ เพราะว่า คุณผ่องศรีเป็นผู้ซื้อเฟอร์นิเจอร์ตกแต่งที่เรือนนี้ ปัจจุบันใช้เป็นที่จัดเป็นนิทรรศการ

เรือนนี้เรียกว่า เรือนอภิรมย์ สมัยก่อนเป็นโรงเรียน สังเกตได้จากทางด้านหน้าจะมีเสาธงอยู่ แต่ตอนี้หญ้าขึ้นด้านข้างเต็มไปหมด นอกจากจะเป็นโรงเรียนแล้ว ยังจะเป็นที่พักฟื้นผู้ป่วยอีกด้วย

เดินเลาะไปทางริมหาด หาดที่นี่น้ำใสมากๆ แต่หินค่อนข้างเยอะ เรียกว่า “หาดท่าวัง”

ระหว่างเดิน น้องเรย์หันมาถามว่า “คุณแม่พี่ไม่มาด้วยเหรอคะ มากับคุณพ่อ 2 คนเหรอคะ?”

คำถามนี้ทำเรางงไปสักพัก ก่อนจะหันไปมองเพื่อนร่วมทางอีกคนด้านหลัง ที่กำลังเก็บภาพบรรยากาศอยู่ เลยเพิ่งถึงบางอ้อ เลยตอบน้องไปว่า “คุณแม่พี่ไม่มาค่ะ มากับคุณพ่อ 2 คน” แอบดีใจนี่เราหน้าเด็กรึป่าวเนี่ย อิอิ

ถัดขึ้นมาจากหาดจะพบเรือน “วัฒนา” และเหตุที่ชื่อนี้ เพราะว่าผู้ที่ซื้อเฟอร์นิเจอร์ตกแต่งที่เรือนนี้มีชื่อว่าวัฒนา วิวจากหน้าเรือน

เดินริมหาดไปเรื่อยๆจะพบกับตึกสีเขียว เรียกว่า “เรือนไม้ริมทะเล” ปัจจุบันเปิดเป็น Coffee Shop แต่ไม่มีกาแฟสดนะ มีแต่กาแฟโบราณ

              ถัดจากเรือนริมไม้ริมทะเลจะพบกับ “ฐานพระที่นั่งมันธาตุรัตน์โรจน์” ซึ่งมีลักษณะเป็นรูปทรงแปดเหลี่ยม แต่ช่วงนั้นประเทศไทยมีข้อพิพาทกับทางฝรั่งเศสและมีทหารฝรั่งเศสมายึดเกาะสีชัง จึงรื้อไปสร้างที่กรุงเทพ ปัจจุบันเรียกว่า “พระที่นังวิมานเมฆ”

ก่อนกลับเราเดินขึ้นไปไหว้พระที่ “พระเจดีย์อุโบสถวัดอัษฎางค์นิมิตร” หลังจากขึ้นไปแล้ว แนะนำได้ว่าที่แรกที่จะเยี่ยมชมที่นี่ ควรจะแวะไหว้ที่นี่แหละ ไม่อย่างนั้น อาจจะหมดแรงกันได้ล่ะงานนี้ ถัดจากวัดขึ้นไปมีที่ชมวิว แต่เราหมดแรงกันล่ะ ขอแค่นี้ละกัน อ้อ!ใกล้ๆกับวัดจะมีหินที่เคาะแล้วมีเสียงเหมือนระฆังด้วย อย่าลืมแวะชมกันล่ะ

ออกจากจุฑาธุชราชฐาน ไปไหว้พระที่ “ศาลเจ้าพ่อเขาใหญ่และศาลเจ้าแม่กวนอิม” กันต่อ ถ้าเดินขึ้นไปต่อข้างบนจะเป็นมณฑปรอยพระพุทธบาท ที่รัชกาลที่ 5 ทรงอัญเชิญมาประดิษฐานไว้ จำลองจากรอยพระพุทธบาทที่สร้างขึ้นในสมัยพระเจ้าอโศกมหาราช เมื่อปี พ.ศ.500 และเป็นจุดชมทิวทัศน์ทะเลได้โดยรอบ แต่กำลังขาไม่ไหว

ลงจากไหว้พระ ไปกันต่อที่ช่องเขาขาด หรือที่เรียบกว่า ช่องอิศริยาภรณ์ สะพานที่ยื่นออกไปเรียกว่า สะพานวชิราวุธ และหากเดินลงไปจะเป็นที่ชมพรอาทิตย์ตกที่สวยมากๆ เรียกว่า แหลมวชิราวุธ บางคนบอกว่าคล้ายๆกับแหลมพรหมเทพ จ.ภูเก็ต แต่ตอนที่เราไปก่อน เพิ่งจะบ่าย 4 โมง จึงกลับไปชมพระอาทิตย์ตกที่ที่พักเราดีกว่า

บรรกาศที่ปารีฮัท ยามเย็นสวยเหมือนกันนะเนี่ย บางกลุ่มมาเป็นครอบครัว บางกลุ่มมาเป็นกลุ่มเพื่อนๆ ช่วงนี้เป็นช่วงปิดเทอม จึงเห็นพ่อแม่พาลูกๆมาพักผ่อนกันเยอะ เห็นแล้วคิดถึงเจ้าตัวเล็กที่อยู่ต่างจังหวัด รอวันที่จะได้พาไปเที่ยวแบบนี้ คงชอบน่าดู

ที่รีสอร์ทมีสระน้ำสำหรับนั่งแช่กันด้วยล่ะ

กิจกรรมอีกอย่างที่รีสอร์ทจัดให้คือการกระโดดหน้าผาลงทะเล แต่แนะนำว่าโดดช่วงเย็นดีกว่าเพราะน้ำขึ้น ถ้าเป็นช่วงเช้าน้ำลด มันจะดูเสียวโดนหินได้ล่ะ

มื้อเย็นวันนี้ รีสอร์ทเตรียมเป็นอาหาร Set ให้ สุกี้ทะเล, บาร์บีคิว, หอยอบ, ปลากระพงทอด ข้าวตักแบบบุฟเฟ่ต์

สังเกตโต๊ะอาหารจะไม่มีกระดาษทิชชู่ให้ เพราะที่นี่จะใช้เป็นผ้าเช็ดปากแทน

สุกี้ที่นี่ผักบุ้งใส่สุกี้ เราไปตัดต้นสดๆจากแปลงมาต้มกินได้เลยล่ะ เขาปลูกแบบไฮโดรโปนิก กับข้าวมื้อนี้กินซะอิ่ม และก็เหลือบาร์บีคิว เราเก็บไว้ทานเป็นมื้อเช้าแทนดีกว่า

คืนนี้บรรยากาศเย็นสบายๆ ลมทะเลพัดเข้ามาแบบที่เราไม่ต้องเปิดพัดลมเลย น้องๆที่มาพักยังไม่นอน พากันไปนั่งเม้าส์ที่ริมทะเล แล้วก็เผลอหลับไปตอนไหนจำไม่ได้ มารู้ตัวอีกทีเมื่อได้ยินเสียงฝนซ่าลงมา ดูนาฬิกา ตี 2 แล้วเหรอเนี่ย แต่ก็ทำให้หลับสบายใต้ผ้าห่มอุ่นๆ .... ฝันดี ปารีฮัท




Create Date : 24 ตุลาคม 2555
Last Update : 28 ตุลาคม 2555 18:53:21 น.
Counter : 2950 Pageviews.

0 comment
สะบายดี...เชียงคาน....ตอนที่ 4 ลงจาก (เชียง) คาน

วันที่ 5/8/2555 

            วันนี้เราตื่นเช้ากัน เก็บข้าวของ อาบน้ำแล้วออกมานี่จิบกาแฟ กินขนมปัง รองท้อง และสนทนากับพี่อ้วน แกบอกว่า พอช่วงนักท่องเที่ยวหมด ที่นี่ก็เงียบเหมือนเดิม บางทีก็เหงาเหมือนกันนะ ก่อนกลับลองไปอ่านกระดานที่ลูกค้าที่มาพักที่นี่เขียนกัน น่ารักดี    

ออกจากเชียงคานประมาณ 8 โมงครึ่ง ขับมาเส้นทางเดิมคือเส้น 201 และเข้าจ.เลย -> ขึ้นเขามาอีกเหมือนเดิม มาถึงเพชรบูรณ์แวะทานขนมจีบคุณบุญมี คล้ายๆกับร้านบ้านคุณตาที่ทานขามา อยู่ตรงข้าม อบต. แต่ที่จะมีน้ำยาให้เลย 3 อย่าง ผัก/น้ำยาแถมไม่อั้น แต่ต้องบริการตัวเอง ขนมจีนชุดล่ะ 90 บาท จากนั้นก็ออกเดินทางยาวต่อถึงกทม. 

            ยังมีอีกหลายที่ที่หนังสือแนะนำหรือคนที่เคยมาแนะนำมา หมอกบนภูทอกในหน้าหนาว, วัดพระใหญ่, หมู่บ้านไทยดำ, ร้านที่เป็นโรงหนังสมัยก่อน ฯลฯ แต่ก็ยังไม่ได้ไป เอาไว้ถ้ามีโอกาสจะไปอีกครั้ง ของฝากของท้องถิ่นอย่างผ้าฝ้ายที่ทอเอง  ผลิตภัณฑ์จากผ้าฝ้าย มะพร้าวแก้ว อาหารบางอย่างก็ไม่เคยกิน แต่ถูกปากอย่าบอกใครเชียว ตำด๊องแด๊ง ข้าวปุ้นน้ำแจ้ว ฯลฯ  

       การเดินทางที่ไกลมากๆครั้งนี้ได้อะไรหลายอย่าง ขามานั่งรถถึงเกือบ 12 ชม. ขากลับอีก 10 ชม. เห็นภูเขาสีเขียวข้างทางสบายตา การได้มาเห็นชีวิตที่ไม่ต้องวุ่นวายกับเรื่องที่ทำให้คิดมาก เครียด การใช้ชีวิตแบบสบายๆ ไม่ต้องรีบกลัวไม่ทันเข้างาน นอนเย็นสบาย (สำหรับคนอื่น แต่ฉันหนาวมาก) แบบไม่ต้องเปิดแอร์ก็ได้ เห็นเด็กที่แสดงความสามารถเกี่ยวกับการร้องเพลง เล่นกีต้าร์ บางกลุ่มก็เพื่อแสดงความสามารถ เพื่อความสนุกสนาน บางกลุ่มก็เพราะอยากได้ตัง จะเพราะอะไรก็แล้วแต่ ก็ทำให้ทุกคนที่เดินผ่าน ได้ยินเสียงก็หันมองดูและก็เอ็นดูและก็ได้รอยยิ้มกลับไป สุดท้ายสิ่งที่อดไม่ได้ที่ต้องขอบคุณ เพื่อนร่วมทางๆทุกคน คนขับที่ขับให้เรานั่งเป็น สิบๆชม. หนังสือเที่ยวเชียงคานดีๆจากพี่โต้ง ที่ช่วยเป็นไกด์ให้อย่างดี Blog แนะนำจาก Pranitop.bloggang.com

บางทีถ้าได้แค่ฟังหรืออ่านจะคนอื่นพูดหรือเขียนให้ฟัง ก็อาจจะไม่เข้าใจเท่ากับการได้ไปสัมผัสเอง ทุกๆที่มีเสน่ห์ของตัวมันเอง...




Create Date : 16 สิงหาคม 2555
Last Update : 21 สิงหาคม 2555 8:37:26 น.
Counter : 1228 Pageviews.

1 comment
สะบายดี...เชียงคาน....ตอนที่ 3 เหยียบหมอกที่ภูทอกแล้วออกไปดูตะวันตกดินที่ภูช้างน้อย

วันที่ 4/8/2555

   วันนี้เราตั้งใจจะขึ้นภูทอกเพื่อดูทะเลหมอกตั้งแต่ตี 5 แต่กว่าจะตื่นได้ก็เกือบ 6 โมงแหนะ ก็เมื่อคืนอยู่ไฟเกิดดับทั้งแถบตั้ง 2-3 ชม. พี่อ้วนแก้ก็ออกมานั่ง แขกทุกคนก็ออกมานั่งข้างนอกกัน เพราะด้านในมันร้อนแล้ว กว่าไฟจะมาก็เกือบ เที่ยงคืนได้มั้ง เห็นพี่อ้วนแกบอกว่าถ้าช่วงไหนใช้ไฟๆมากก็จะเป็นอย่างนี้แหละ ไฟตก เดินไปดูด้านนอก ก็มีบรรยากาศสวยไปอีกแบบ ทุกบ้านต่างจุดเทียนเป็นแถวเชียว .... เช้านี้หลังจากเรารองท้องด้วยขนมปัง+กาแฟ ก็ออกเดินทางขับไปเส้น เชียงคาน-ปากชม ปรมาณ 7 กม. จะเจอป้ายบอกไปภูทอกเลี้ยวขวา แล้วไปอีกประมาณ 2-3 กม. จอดรถไว้ที่ตีนเข้าแล้วขึ้นรถ 2 แถวคันน้อยไป ราคา 25 บาทต่อคน รถจะเริ่มมีตั้งแต่ตี 5 และขาลงจะลงกับคันไหนก็ได้

ถึงแล้วแต่หมอกไม่มีสักนิด ก็มันหน้าฝนอ่ะนะ

เดินเก็บภาพบนภูทอกสักพักจะ 8 โมงแล้วก็ดันฝนตกปรอยๆมาซะงั้น เลยต้องรีบเก็บสัมภาระกันลงจากภู สรุปแล้วแพลนจะไปทุ่งดอกกระเจียวก็หลบไป เพราะคงจะไปไม่ทันล่ะ ขนาดที่เชียงคานยังเที่ยวไม่หมดเลย

สถานที่ต้องที่กลุ่มเราจะไปคือ ภูควายเงิน ตามที่หนังสือแนะนำมา เป็นวัดอยู่บนเขา มีรอยพระพุทธบาทไว้สักการะ ที่นี่มีหลวงพ่อจำวัดอยู่รูปเดียว เสียดายกล้องแบตหมดไม่งั้นคงได้เก็บภาพมาฝาก

ลงจากวัดภูควายเงินก็ไปฝากท้องข้าวเช้ากับร้านข้าวเปียกซอย 10 และเข้าที่พัก พักผ่อนกันตามอัธยาศัย ไว้รอเจอกันอีกที 4 โมงไปดูพระอาทิตย์ตกดินที่วัดภูช้างน้อย

4 โมงเย็นขับรถย้อนไปเส้ยเลย-เชียงคาน วัดอยู่ขวามือมีป้ายบอกทางไว้ ขับรถขึ้นเขานิดหน่อย ที่จะมีพระพุทธรูปองค์ใหญ่สีทอง หันหน้าไปทางถูทอก วิวด้านบนสวยมากๆ ช่วงพระอาทิตย์ตกดิน บรรยากาศใช้ได้เช่นกัน มีกลุ่มนักศึกษามาถ่ายรูปส่งอาจารย์ มีมาเป้นครอบครัวใหญ่เลยก็มี กลุ่มเรารอจนพระอาทิตย์ตกดินจริงก็กลับล่ะ

มื้อเย็นวันนี้ เราท้องไว้ที่ร้าน ลุกโภชนา อาหารแนะนำคือ ต้มยำปลาน้ำโขง อร่อยสมชื่อจริง จากนั้นก้แวะซื้อปาท๋องโก๋ลุงมุขที่มาขายในถนนคนเดิน แล้วก็เดินซื้อของฝากก่อนกลับเข้านอนจะได้ออกเดินทางกลับ กทม. แต่เช้าในวันพรุ่งนี้ 




Create Date : 14 สิงหาคม 2555
Last Update : 16 สิงหาคม 2555 20:09:30 น.
Counter : 1492 Pageviews.

0 comment
สะบายดี...เชียงคาน....ตอนที่ 2 ไหว้พระ 9 วัด

วันที่ 03/08/2555    

            เช้านี้เราตื่นตี 5 เพื่อที่จะเตรียมตัวตักบาตรข้าวเหนียว บอกกับพี่อ้วน (เจ้าของที่พั) ให้จัดชุดใส่บาตรไว้ให้ (ชุดละ 50 บาท ถ้ามีดอกไว้ด้วยเพิ่มอีก 10 บาท) ระหว่างรอพระมาก็ทานกาแฟ+ขนมปังรองท้องและเดินดูรอบๆที่พักริมโรงตอนเช้าๆ

ที่นี่บริการเป็นกันเองมากๆ ที่พักทำด้วยไม้ทั้งหลัง ถ้ามองจากด้านหน้าจะทะลุเห็นแม่น้ำโขง ตรงกลางเป็นห้องโถงโล่ง มีที่นั่ง(เป็นที่นอนได้ด้วย) วางไว้สำหรับต้อนรับ มีชั้นวางหนังสือไว้อ่านเล่น มีมานั่งไว้นอน ด้านนอกจะมีโต๊ะนั่งรบลมชิลๆ และมีเก้าไม้โยกไว้นั่งเล่น พี่อ้วนแกบอกว่า ตรงนี้แหละที่พี่แท่งมายืนดื่มกาแฟถ่ายโฆษณาเนสกาแฟ กาแฟแก้วเดียวถ่ายตั้งแต่ 6 โมงเช้าถึงตี 1 เพื่อให้ได้ภาพที่ดีในการออกโฆษณษาไม่กี่นาที สวดยวดเลย!

 มาดูห้องพักกันต่อดีว่า ที่นี่ตกแต่งได้ Classic มาก สังเกตเห็นว่ามีแต่วัยนักศึกษามาพักที่นี่ มาเป็นก๊วน ทำให้แก๊งส์ดูแก่ไปซะงั้น ผนังจะมีรูปของดาราและโปสเตอร์ภาพยนต์สมัยก่อนแขวน ในแต่ละห้องก็มีเหมือนกัน ด้านบนจะเป็นห้องน้ำรวมมี 5 ห้องด้านล่างห้องน้ำในตัว มี 3 ห้อง ชั้นล่างพี่อ้วนแกบอกว่า ห้องที่อยู่ซ้ายมือสุด ดาราชอบมาพัก เพราะมองเห็นวิวแม่น้ำโขงจากห้องนอนได้

 

ชั้นล่างจะมีเคาร์เตอร์ เตียงนอนเล่น ที่นั่งต้อนรับลูกค้า กระดานดำไว้ลงชื่อว่ามาแล้ว

ห้องที่เราจองได้ ดู Classic บวกกับโรแมนติกดีจัง

พระมาแล้วไปใส่บารตร....ในวันเข้าพรรษากัน....

ใส่บาตรเสร็จแล้วเราก็ไปทานข้าวเช้ากันที่ตลาดเช้าเชียงคาน เดินไปทางเส้นศรีเชียงคาน บรรยากาศวันนี้คนบางกว่าปกติ เพราะว่าเป็นวันเข้าพรรษา ญาติโยมไปถวายเทียนพรรษากันซะส่วนใหญ่

แวะซื้อของขึ้นชื่อที่นี่ "ปาท่องโก๋ยัดไส้ลุงมุข" มีไส้หมูสับ หมูแดง สังขยา ฯลฯ ร้านนี้ได้ออกรายการแจ๋ว ของช่อง 3 มาแล้วล่ะ อ่ะลองชิมกันดู อร่อยใช้ได้ทีเดียว คนรอคิวซื้อเยอะเหมือนกันนะเนี่ย

ทานข้าวเช้าที่ตลาดเลยละกัน มื้อนี้จัดเป็น "ข้าวปุ้นน้ำแจ่วป้านาง" ร้านจะอยู่ในตลาด อีกฝากของร้านปาท่งโก๋ลุงมุข ราคาเป็นกันเอง ธรรมดา 25 พิเศษ 30

หลังจากอิ่มท้องกันแล้ว ก็เริ่มโปรแกรมของวันนี้ ไหว้พระรอบๆเชียงคาน เริ่มที่วัดแรก

1. วัดศรีคุณเมือง อยู่ซอย 6

2. วัดโพนชัย วิ่งไปเส้น ท่าลี วัดอยู่ซ้ายมือ

3.วัดสันติวนาราม วิ่งย้อนไปเส้นเลย-เชียงคาน

4.วัดมหาธาตุ อยู่ซอย 14

5.วัดป่ากลาง อยู่ตรงข้ามซอย 10

ถึงวัดที่ 5 ก็เที่ยงพอดี เลยแวะทานข้าวเที่ยงกันที่ร้าน ข้าวเปียกซอย 10 เห็นว่าร้านนี้ขึ้นชื่อ

ข้าวเปียก

ไข่กะทะ

อิ่มกันแล้วไปไหว้พระกันต่อ

6.วัดป่าใต้

7.วัดท่าคก

8.วัดศรีพนมมาศ

9.วัดท่าแขก

ครบ 9 วัดที่วัดท่าแขกก็เลยไปที่ "แก่งคุดคู้" ต่อกันเลย

หน้านี้น้ำยังเยอะทำให้ลงไปเดินเล่นด้านล่างไม่ได้ แต่ถ้าหน้าหนาวเห็นว่าน้ำลดไปถึงครึ่งแม่น้ำโขงเลยละ

วันนี้นั่งท่องเที่ยวเยอะมาก อาจจะเป็นเพราะว่าเป็นวันหยุด แก๊งส์เราออกจากแก่งคุดคู้ประมาณ บ่าย 3 กว่า ท้องเริ่มหิวอีกละ แวะทานข้าวส้มตำที่ร้านป้าสมจิต ถ้าวิ่งมาจากแยกเชียงคาน จะอยู่ขวามมือ ก่อนถึงโรงพยาบาลเชียงคาน

ตำด๊องแด๊ง อาหารแนะนำถ้ามาเชียงคาน

ต้มแซบอร่อยมว๊ากกกก

ปลาเผา ตัวโต อร่อยๆ

หลังจากนั้นเรากลับเข้าที่พัก รออากาศเย็นๆจะเดินเล่นริมโขงและไปถนนคนเดินกันอีกครั้ง พอถึง 5 โมงเย็น ก็รวมตัวและออกเดินทางด้วยเท้า เก็บภาพสวยๆ โดยเริ่มจากด้านหลังของที่พักเลาะริมโขงไปเรื่อยๆ จนกระทั่งวกกลับเข้ามาที่ถนนคนเดิน

เด็กๆเปิดหมวกร้องเพลง เป็นเพลงที่ชอบซะด้วย "ความหวาน"

พระอาทิตย์กำลังตกล่ะ

บ้านหลังนี้เห็นว่ามีอายุเป็น 100 ปีได้

คู่ Du O กำลังร้องเพลง อวดนักท่องเที่ยว ฟังไม่ออกว่าเพลงอะไร แต่ก็น่ารักดี

หลังจากที่เดินถนนคนเดินจนเเหนื่อยพอสมควรแล้วก็กลับเข้าที่พัก พร้อมกับเมนูเย็นนี้ ปูนาทอด ข้าวจี่ ตำมะม่วง เมี่ยงคำ ฯลฯ และเข้านอนเพื่อจะตื่นเช้าไปดูทะเลหมกที่ภูทอกกัน ฝันดีจ้า..




Create Date : 09 สิงหาคม 2555
Last Update : 15 สิงหาคม 2555 6:54:47 น.
Counter : 2900 Pageviews.

0 comment
1  2  3  4  5  6  

janesun
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]



"ถ้าเราทำดี พูดดี คิดดีแล้ว คนอื่นเขาว่าเราทำไม่ดี ก็ไม่เป็นไร
เมื่อเราทำดีแล้ว คนอื่นว่าไม่ดีมันเป็นเรื่องของเขา
เราอย่าไปทิ้งความดีของเรา ความดีมันอยู่ที่ตัวเรา ไม่ใช่คนอื่นมอง
อย่าลืมว่ากรรมใคร ก็เป็นของคนนั้น
อย่ายึดมั่นถือมั่น และอย่าจับตาดูผู้ื่อื่น"
...หลวงปู่ชา สุภัทโท..
^__^
All Blog