Once upon a time...
Group Blog
 
All Blogs
 

1. บันทึกการเดินทางสู่สวิสเซอร์แลนด์

ช่วงประมาณ ต้น พ.ค.48 ผมได้รับการทาบทามไปเล่นฟันดาบที่ประเทศสวิสเซอร์แลนด์ จริงๆเรียกทาบทามก็ไม่ถูกสักเท่าไรหรอกครับ แบบว่าทางโน้นเขามีหนังสือมายังสมาคมฟันดาบแห่งประเทศไทย แล้วบังเอิญผมรู้จักกับพี่ที่เขาเป็นเลขาสมาคมฯ (ไม่ใช่เส้นนะครับ) พี่เขาก็คาบข่าวมาบอก แล้วสุดท้ายมันใกล้ Deadline แล้ว ก็ยังหาคนไปไม่ได้ ทั้งนี้ก็เพราะต้องออกค่าตั๋วเครื่องบินเองครับพี่น้อง แล้วที่ัพักในตอนนั้นก็ยังไม่เคลียร์ (ไม่รู้ว่าเสียตังค์หรือเปล่า ณ ช่วงเวลานั้น) ทางผู้จัดฯ เขาไม่ได้สนับสนุนค่าเดินทางให้ อีกทั้งทางสมาคมฯก็ไม่ใจป้ำขนาดที่ออกค่าตั๋วให้ทั้งหมด อาจเป็นเพราะว่ายังไม่เคยมีการแข่งขันระดับนี้ที่เชิญมาก่อน (อีกทั้งผมเดาว่ารู้อยู่แล้วว่าคนไปต้องตกรอบค่อนข้างแน่ๆ เพราะกีฬาฟันดาบ ประเทศแถบยุโรปครองความเป็นหนึ่งมาตลอด) ก็เลยหลุดรอดมายังกระผมนี่ล่ะครับ

จริงๆผมก็ไม่ได้เก่งกาจอะไรหรอกครับ แต่แข่งโอเพ่นต่างๆในประเทศที่ทางสมาคมจัดขึ้น ผมก็พอจะเข้ารอบลึกๆได้บ้างล่ะครับ แต่นี่ก็แค่ในประเทศไทย ไม่เคยเจอของจริงสักที ประกอบกับว่าเพื่อนผมที่เป็นนักกีฬาฟันดาบประเภท Foil (ผมเล่นประเภท Epee ครับ แล้วจะกล่าวต่อไป) ประมาณว่าแชมป์ประเทศไทยอยู่บ่อยๆ มันไปด้วย (แล้วเกี่ยวอะไรกัน....เกี่ยวครับ ก็เป็นเพื่อนสนิทเลยครับ เรียนด้วยกันมา แต่ฝีมือต่างกันเยอะ...มันเก่งกว่าเยอะ อารมณ์ประมาณเกาะเพื่อนไป) ผมก็เลยตัดสินใจว่า ไหนๆก็ไหนๆแล้ว เสียตังค์ก็เอา เผื่อได้ไปเที่ยวสวิสเซอร์แลนด์ด้วย (บังเอิญพี่สาวผมแต่งงานแล้วอยู่ที่นั่นด้วย) เงินไม่ตายก็หาใหม่ได้ แต่โอกาสที่จะไปอย่างนี้ คงไม่น่ามีอีกแล้วในชีวิตนี้ ยิ่งได้แข่งระดับนี้ด้วยแล้ว ตกรอบแรกยังไม่เสียดายเลยครับ

เมืองที่ไปแข่งคือ กรุง Bern ครับ ครั้นพอเครื่องลงก็มีรสบัสมารับ ผมก็เกาะๆ เขาไปล่ะครับ ตามพี่เขาไปเรื่อยๆ ตอนก่อนมาได้รับแจ้งว่าทางผู้จัดเขาจัดโรงนอนไว้ให้ ก็รอดตัวไม่ต้องจ่ายค่าที่ัพักไป (จริงๆก็เดาว่ามานอนโรงนอนนี่ล่ะครับ พอรู้ไม่เสียตังค์ ถึงค่อยโล่งหน่อย ไม่งั้นจ่ายหนักกว่านี้อีก) พอเวลาจะแข่งก็มีรถ shuttle ไปยังสนามแข่งตอนเช้าแล้วกลับตอนเย็นล่ะครับจนจบการแข่งขัน เท่าที่จำได้ก็ประมาณ 5 วันครับ แต่ละวันเหนื่อยมาก แต่เป็นประสบการณ์ที่ไม่รู้ลืมจริงๆ (ทั้งๆที่ผมแข่งแค่วันเดียว ประเภท Epee น่ะครับ และก็ได้อันดับสิบด้วยครับ...จากท้าย ก็เดินทางไปให้กำลังใจคนอื่นๆในวันต่อมาด้วย )

พอแ่ข่งเสร็จก็ฉิ่งฉับล่ะครับ ผมและผู้ร่วมขบวนการก็ตระเวนไปหาพี่สาวที่ Geneva ก็นั่งรถไฟกันไป ไปถึงเมืองนี้ก็ทำให้ทราบได้ว่าเมืองนี้ภาษาอังกฤษใช้ไม่ได้น่ะครับ จะหาห้องน้ำทีปวดตับจริงๆ ตอนหลังก็ทราบมาว่า สวิสเซอร์แลนด์นี่เป็นประเทศรวมภาษาเลยครับ (พี่สาวบอกมา) เมืองทางตอนบน เช่น Zurich ติดเยอรมันก็พูดเยอรมัน เมืองติดกับฝรั่งเศส เช่น Geneva ก็พูดฝรั่งเศสกัน ก็เล่นเอาผมเป็นง่อยไปเลย ก็อยู่ Geneva สองวันครับ แล้วก็ต่อด้วยตัดสินใจไป Paris กัน เพราะมี Bullet Train จาก Geneve ไป Paris แค่ 5 ชั่วโมง ทั้งนี้ก็วางแผนกันไว้คร่าวๆแล้วล่ะครับ เลยขอวีซ่าเชงเก้นมาก่อนด้วย

แก้งค์นี้ก็ไปกันห้าคนนักกีฬานั่นล่ะครับ ส่วนคนคุม (อาวุโสมากๆ) แกกลับไปก่อนแล้วครับ เพราะแกบอกว่าแก่แล้วไม่อยากขัดใจคนหนุ่ม ครั้นไปถึง Paris ก็มีน้องของเพื่อนมาพาเที่ยว 1 คืนครับ จำได้ว่าจำทางกลับไ่ม่ได้ เพราะโดนกรอกเข้าไปจนเบลอ ตื่นเช้า(สาย)มาก็ไปเดินตามสถานที่ต่่างๆ ที่เีคยได้ยินมาน่ะครับ เช่น ฌองเซลิเซ่ ประตูชัย และอื่นๆ ก็ขอคอมเม้นท์นิดนึงว่า ฌองเซลิเซ่ สกปรกมาก (เอาแค่นี้แล้วกันครับ เพราะไม่อยากโยงถึงบ้านเรา) ก็ได้แค่เดินเที่ยวอย่างเดียว ไม่ได้ซื้อของอะไรหรอกครับ น้ำหอม อะไรยังไง ไม่ได้ติดมาเลยครับ ติดมาแต่พวกพวงกุญแจรูปหอไอเฟลที่ขายตามร้านของที่ระลึกเท่านั้น เพราะหมดตัวจริงๆ หลังจากนั้นก็ขึ้นเครื่องกลับไทยที่ชาร์ลเดอกัว (สนามบิน Paris) เป็นอันจบความทรงจำล่ะครับ




 

Create Date : 01 เมษายน 2554    
Last Update : 2 เมษายน 2554 2:55:20 น.
Counter : 362 Pageviews.  


ouii
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [?]




Blog of the remembrance (as I can figure them out)
Friends' blogs
[Add ouii's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.