Once upon a time...
Group Blog
 
All Blogs
 

1. ไปทำงานที่ติมอร์ตะวันออก

เมื่อผมได้ทำงานไปสักประมาณเกือบสองปี สักปี ๒๕๔๒ ปลายๆ ปี ประมาณกลับมาจากออสเตรเลียนั่นล่ะครับ ทางที่ทำงานก็ได้โควตาไปทำงานด้านการสื่อสารที่ประเทศติมอร์ตะวันออก ติมอร์ตอนนั้นกำลังคุกรุ่นเลยครับ อยู่ในช่วงการเปลี่ยนผ่านไปสู่ระบบการเมืองแบบใหม่ ซึ่งทางสหประชาชาติก็ได้ร้องขอผ่านรัฐบาลไทยมาว่าต้องการผู้ปฏิบัติการเพื่อสันติภาพ (Peacekeeping) ซึ่งก็ต้องมีหน่วยงานสนับสนุน ไม่ว่าจะเป็น Transportation, Engineer หรือ communication ดังนั้นจึงต้องมีหน่วยสื่อสารที่จะต้องติดตั้งระบบการสื่อสารสำรองให้กับ UN และผู้ที่ปฏิบัติงานในพื้นที่ Sector East โดยผู้ที่จะไปนั้นต้องไปในนามของรัฐบาลไทย (แบกธงไทยไปเต็มบ่าเลยครับลูกพี่) และจะอยู่ประจำ Sector East เมือง Baucau ซึ่งกระผมก็ได้รับการคัดเลือกเป็นผู้ที่ไปในนามของหน่วยสื่อสาร และก็มีลูกน้องไปสัก ๕๐ คนเห็นจะได้

พอรู้ว่าได้ไปก็หาข้อมูลติมอร์ตะวันออกก่อนเลยครับ แต่จบข่าว ประเทศเพิ่งแยกตัวเป็นเอกราช มันจะมีข้อมูลได้อย่างไรครับ ก็ทำการเตรียมตัวโน่นนี่นั่น ที่ไปนี่ต้องไป ๖ เดือนครับ ๑ ผลัด เป็นชุดแรกซะด้วย ยังไม่เคยมีหน่วยสื่อสารไปก่อนเลย ดังนั้นเลยต้องเตรียมมโหฬาร บานตะไท เพราะการจะทำงานสื่อสารได้ ต้องรู้ Terrain ครับ แต่งานนี้รู้แค่ว่าเป็นเกาะ ของส่วนตัวที่เตรียมก็ไม่มากเท่าไรหรอกครับ เพราะพอผ่านออสเตรเลียมาตอนนี้ไปไหนก็ได้แล้ว ยิ่งตอนนี้ไปกับคนไทยกับลูกน้องก็เลยชิลๆ แต่ก็แบกความรับผิดชอบไว้เต็มสองบ่าเหมือนกันครับ จะบอกว่ารับผิดชอบเต็มตัวคงไม่ใช่ เพราะเป็น Deputy น่ะครับ แต่พี่เขามอบให้เราเต็มๆ (Fully assigned) ที่เตรียมก็เตรียมเครื่องมือสื่อสารครับ ระบบ Microwave ก็มี Antenna และเครื่องมือต่างๆ ระบบดาวเทียม (Satellite) ก็ขนไปด้วย จานดาวเทียมกว้าง ๕ เมตร อย่างนั้นครับ ของทั้งหมดก็ลงเรือไป แล้วไปเอาที่โน่น

การเดินทางก็ไปสายการบินอะไรจำไม่ได้แล้วครับ ที่แน่ๆ ไม่ใช่สายการบินแห่งญาติ ก็พ่อแม่พี่น้องมาส่งกันเต็มสนามบินครับ บรรยากาศก็เศร้าซะงั้น หลังจากล่ำลากันเสร็จ ก็ได้ฤกษ์ออกเดินทางครับ ไปส่งลงสนามบินใน Sector East เลย ตอนลงไม่มีวิทยุการบิน หรือเครื่องมือใดๆ ทั้งสิ้นครับ ผีมือนักบินล้วนๆ (Auto Pilot ซะมั๊ง) สนามบินที่ลงยาวประมาณ ๔ กม. (ตอนหลังเอาไว้วิ่งออกกำลังกายด้วย) เพราะเครื่องบินไม่มีมาลงหรอกครับ ยกเว้นเที่ยวพิเศษเท่านั้น ออกจากเครื่องบินก็ โอ้ว แม่เจ้า อากาศดีมาก เย็นสบายครับ แต่แค่อากาศนะ

ไอ้กระผมก็นึกมโนภาพว่าต้องอยู่ที่นี่ ๖ เดือนไม่ออกเลยครับ เพราะไม่เคยมาแบบลักษณะนี้มาก่อน (แหงล่ะ) มาถึงก็ดีหน่อยตรงที่ได้พักใน Container เพราะได้ Engineer เขาทำไว้ให้ พูดถึง Engineer คุณพ่อผมบอกว่า พวก Engineer เป็นหน่วยงานแรกเลยที่ต้องมาเพราะต้องทำการปรับพื้นที่และสร้างโน่นนี่นั่น เพื่อที่จะรองรับการเข้ามาของหน่วยงานต่อไป (พ่อผมก็เป็น Engineer) ส่วนกระผม ไอ้สื่อสาร หลังจากที่ Engineer ทำงานไปเพื่อพอให้เข้าพักได้ ก็จะตามมาเพื่อวางการติดต่อสื่อสารให้กับคนอื่นไว้ใช้ติดต่อได้น่ะครับ ก็ค่อนข้างเสี่ยงพอตัวเลยครับ เพราะบางทีต้องเข้าไปในพื้นที่ที่ต้องวาง Antenna หรือติดตั้ง Generator (เสียงดังมาก) ไม่รู้ว่าชาวบ้านคิดยังไง หรือแม้แต่สถานการณ์ในพื้นที่ดังกล่าว ก็ Assume ว่าไม่น่ามีอะไรเกิดขึ้นน่ะครับ ก็ Positive thinking อย่างเดียวเลยครับ

อาหารการกินก็พกเสบียงส่วนตัวมาบ้างล่ะครับ ในส่วนของอาหารสดหลักๆ นั้น ประเทศออสเตรเลีย ซึ่งเป็น Lead country ในติมอร์ตะวันออก (ทาง UN เป็นคนกำหนดประเทศที่เป็น Lead country ครับ) เขาก็จะมาส่งให้ แต่ก็นะคงไม่ได้หรูอย่างที่คิดครับ (ส่งนมมากว่าจะถึง เกือบเน่าก็มี) ก็แค่พอประทังไปได้ ดีหน่อยตรงที่เอาของพวกนั้นไปแลกกับ Local People ของในตลาดให้นึกประมาณตลาดนัดบ้านเราที่วางของแบกะดินน่ะครับ ตลาดใหญ่สุดในเมือง Baucau ก็ประมาณตลาดนัดตามหมู่บ้าน ผมไม่ได้ซื้อหรอกครับ ก็มองๆ แล้วไม่มีส้มตำปูปลาร้าขาย เลยผ่าน ก็มาแค่ ๖ เดือนเองครับ อดๆ เอา บางทีนึกอยาก Seafood ก็จินตภาพเอาน่ะครับ ที่มานี่ดีหน่อยครับตรงที่มากับลูกน้องเยอะแยะ เลยไม่ต้องทำอาหารเอง (มีคนช่วยทำ) จริงๆ อยากทำเองครับ ไม่อยากเอาเปรียบ แต่ลูกน้องไม่ยอม ก็เลยต้องปล่อยเลยตามเลย

ก็ได้เห็นอะไรหลายๆ อย่างที่เราไม่เคยสัมผัสมาก่อนครับ ไม่ว่าจะ Local People, อากาศ หรือที่อยากจะบอกมากๆ คือ สภาพถนน ลองมโนภาพนะครับว่าสภาพของติมอร์ตะวันออกเป็นเกาะ ดังนั้นจะมีแต่ภูเขาเป็นส่วนใหญ่ ถนนสายหลักจาก Baucau (เมืองใหญ่สุดใน Sector East) ไปเมืองหลวง Dili (เมืองหลวงจะอยู่ที่ Sector center) ก็ไม่ไกลมากครับ ไม่น่าเกิน ๑๐๐ กม. (จำไม่ได้) แต่คุณพระคุณเจ้า ใช้เวลาเดินทางไม่ต่ำกว่า ๔ ชั่วโมง อีกทั้งถนนแคบมากๆ ครับ กว้างไม่น่าเกิน ๒ เมตร ที่น่าระทึกสุดๆ คือ ในบางช่วงของถนน (ส่วนมากเลย) หากมุ่งหน้าไป Dili ด้านซ้ายเป็นหน้าผา (ไม่มีไหล่ทางนะครับ) ด้านขวาเป็นเหว เหวจริงๆ ครับท่าน เคยลองจอดดู ถ้าตกลงไปนี่หาซากไม่เจอแน่ๆ ดีหน่อยตรงที่เขามีที่กั้นไว้ให้ แต่ก็นะเวลาลมพัดมาที (นึกสภาพเป็นเกาะนะครับ ลมมันจะแรงมากๆ) รถแทบปลิว หวิวมากๆ อีกทั้งเวลารถสวนกันที รถที่กระผมใช้ทำงาน ก็ไม่ใช่ว่าเล็กๆ ซึ่งเวลามีรถบรรทุกของ Local ผ่านมาที โอยมีลุ้นโคตรๆ ถนนที่ว่านี้เป็นลักษณะนี้เกือบทั้งเกาะครับ หลังๆ เลยชิน แต่ก็ยังเจี๋ยวอยู่ดี กลับมานี่ก็เข้าปีที่ ๑๑ แล้ว สิ่งที่จำได้ดีคือไอ้ถนนเนี่ยละครับ

ในส่วนของการทำงาน ขอไปนึกก่อนครับ




 

Create Date : 29 มีนาคม 2554    
Last Update : 2 เมษายน 2554 2:54:57 น.
Counter : 685 Pageviews.  


ouii
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [?]




Blog of the remembrance (as I can figure them out)
Friends' blogs
[Add ouii's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.