ก็แค่อยากใช้ชีวิตให้คุ้ม..
ธุดงก์ ที่ป่าเขาหีบ วัดเขาศาลา สุรินทร์ ติดป่าเขมร ทำอะไรบ้าง

กำหนดระยะเวลาที่ธุดงก์ในป่าประมาณ 14 วัน แต่นับจริงๆ ประมาณ 11 วันครับ
อีก 3 วันเป็นช่วงที่มีกิจพิเศษเลยไม่ได้นับ
เป็นช่วงเวลาที่หลุดจากโลกในชีวิตเดิมๆแบบสิ้นเชิง..

วันแรกที่เข้าป่าโยนรองเท้า เดินเท้าเปล่า
พระธุดงก์ ท่านเดินเท้าเปล่าเราก็จะเท้าเปล่า..

เช้าตื่นมาทำวัตรเช้า เดินออกมาจากป่าไปรวมบิณฑบาต
ฉันอาหารรวม(ทุกอย่างคนๆรวมๆ) สวดพิจารณาอาหาร

หนึ่งวันหนึ่งมื้อ..
เสร็จมีอบรม ต่อจากนั้นนั่งสมาธิภาวนา
และสอบอารมณ์กัมมัฏฐานกับหลวงพ่อ

บ่ายแยกย้ายปฏิบัติ ไม่อยู่รวม
เย็นหกโมงมารอทำวัตรเย็น และรอหลวงพ่อมาสอนกัมมัฏฐานต่อ

อะไรที่เคยฝึกมาเรียนมา โยนทิ้งไว้ข้างนอก
หลวงพ่อสอนอย่างไรทำตามนั้น..

แก้วที่ว่างย่อมพร้อมจะเติมน้ำ

ทำวัตรเสร็จ นั่งสมาธิรวมถึงสี่ทุ่ม-เที่ยงคืนทุกวัน
เสร็จแล้วเดินฝ่าความมืดกลางป่าแยกย้ายไปตามที่ตนเองอยู่
มีไฟฉายหนึ่งอันเป็นเพื่อน..

กลับถึงกลด ฝึกสมาธิต่อ พิจารณาจิต ดูให้เห็นอาการจิต
รู้ทันอารมณ์ ก็เห็นสันดานจิตของตนชัด

ท่ามกลางป่าทึบ..
กลางคืนดูสงัดเงียบและแฝงความน่ากลัว

พ้นกลัวก็ด้วยสมาธิ สงบ และนิ่ง

คืนที่สาม หลวงพ่อสอบอารมณ์โดยให้เดินท่ามกลางความมืด
ไปตามถนนที่เส้นที่ต้องเดินออกไปบิณฑบาตทุกเช้า
โดยไม่มีไฟฉาย ระยะทางประมาณหนึ่งกิโล

ท่ามกลางความมืดที่ไร้ไฟฉาย..
หลวงพ่อบอกให้นึกถึงยามตาย
มรณะนุสติ คนทุกคนต้องเดินไปในความมืด
ท่ามกลางความไม่รู้ และไม่เห็นอะไร
จะควบคุมสติ ตั้งสมาธิอย่างไร

แรกๆเดินออกนอกเขตถนน แต่รู้สึกได้เพราะเท้าเปล่าที่สัมผัสพื้นแตะขอบทางเดิน
สัมผัสพื้นถนนที่เดินตอนไปบิณบาตตอนเช้า ช่วยนำร่อง

ท่ามกลางความมืดที่มืดจนสายตาไร้ความหมาย
มีแต่สติเท่านั้นที่พาเดินไปถึงทางออก

ป่าทึบที่มีแต่ต้นไม้ใหญ่ในคืนมืด
มืดสนิทเหมือนเราหลับตาเดินทั้งที่ลืมตา

หลายคนเดินออกนอกแนวถนนบ้าง มะงุมมะหราบ้าง
แต่ละคนเดินห่างกันคนละสิบห้านาที

ทุกคนต่างเดินท่ามกลางความมืด
พิสูจน์สติและสมาธิของตนเองอย่างแท้จริง

ยอมรับว่านึกถึงตอนตายจริงๆครับ
เวลาเราไปก็คงจะมืดอย่างนี้..
ที่พึ่งอย่างเดียวคือสมาธิและจิตที่นิ่งสงบมีสติ

หลวงพ่อสอนโดยปฏิบัติ
ไม่มีทฤษฏีรกรุงรัง..
และเมตตาตอบข้อสงสัยของแต่ละคนโดยไม่เคยเหนื่อย

ประทับใจอีกข้อ คือ
เพิ่งได้ทราบว่าท่านเป็นศิษย์ของหลวงปู่ดุลย์
และเป็นคนปฏิบัติวัตรฐากหลวงพ่อจนสุดท้าย

คืนที่สี่มีของสนุกมาทดสอบจิตด้วยครับ

เขาบอกว่าใครมีจุดอ่อนยังไงจะเจออย่างนั้น
เพราะเป็นการสอบจิตลองใจดูว่าจะผ่านพ้นไปได้มั้ย..

สนุกครับ..

ป่านี้ไม่ใช่ธรรมดา ขนาดที่ใครปากกล้าก็เจอดีทันควันในคืนนั้นวันนั้น
ไม่เว้นแม้แต่กลางวันแสกๆ

มีพระปากกล้าเดินไปสรงน้ำแต่กลับหลงป่าสองวันสองคืน
ได้แต่หาน้ำที่ตกค้างอยู่บนใบไม้มากินแก้กระหาย

และวันที่สองนั้นไม่รู้อะไรดลใจให้พระอีกรูปที่กำลังฝึกเดินภาวนาไปเจอ
และพาออกมาจากป่าได้

น่าแปลกครับ คนหนึ่งมองไม่เห็นทางออกจากป่า
อีกคนเห็น..เข้าได้ ออกได้

มีคนเขาว่าเขาเล่นเบาะๆพอให้รู้
เขาคือใคร ถ้าอยากรู้ต้องลองไปสัมผัสดูด้วยตนเองครับ..

หลายเหตุการณ์ยิ่งทำให้พระที่ไปยิ่งตั้งใจปฏิบัติมากขึ้น
ยิ่งปฏิบัติยิ่งได้ น่าเสียดายที่เป็นปัจจัตตัง
คือรู้ได้เฉพาะตน..และเล่าได้ยาก

ช่วงสามวันสุดท้าย..ของการธุดงก์
ก่อนที่จะกลับออกมาและย้ายที่ไปที่สวนป่าศุกาโร
ทำอะไรบ้าง

เดี๋ยวมาเล่าต่อพรุ่งนี้ครับ..


Create Date : 02 พฤษภาคม 2550
Last Update : 16 มิถุนายน 2550 15:40:44 น. 5 comments
Counter : 2341 Pageviews.

 
แฟนขับ มาติดตามอ่านเหมือนเดิมค่ะ ^_^


โดย: Beee (Beee_bu ) วันที่: 3 พฤษภาคม 2550 เวลา:5:34:51 น.  

 
มาร่วมแจมสนทนาด้วยคนค่ะ

ดีใจค่ะที่ได้รับธรรมะจากพระอาจารย์ และธรรมะจากเขาศาลาฯ

หลายๆท่านไม่เคยทราบค่ะพระอาจารย์ท่านเป็นลูกศิษย์หลวงปู่ดูลย์ แล้วก็เป็นศิษย์ที่อุปฐากหลวงปู่จนเห็นหลวงปู่หมดลมไปต่อหน้า

กุ้งไปภาวนาที่เขาศาลามาหลายครั้งค่ะ ครั้งแรกเดินจงกรมอยู่บนระเบียงโบสถ์ตอนตีหนึ่งตีสอง ที่ต้องเดินเพราะว่าหนาวมาก เป็นช่วงสิ้นปี 48 นอนไม่ได้ต้องเดิน กับนั่งภาวนาอย่างเดียว

วันรุ่งขี้นเดินจงกรมจากโบสถ์ไปผาพระนาคปรก ไม่เคยไปเลย ไม่รู้ทางด้วย เดินไปมืดๆ อาศัยสีขาขอบทางสะท้อนแสงเอาค่ะ จนไปถึงที่ผาพระ เห็นพระนาคปรกครั้งแรกเล่นเอาขนลุกเพราะเราเดินไปถึงตรงนั้นก็ฟ้าสางพอดี

ตอนเช้าเดินต่อไปนั่งภาวนาบริเวณก้อนหินตรงกองบัญชาการน่ะค่ะ สงบดี
กลับมาเล่าให้พระอาจารย์ฟัง หลังจากท่านถามว่าภาวนาเป็นยังไง กราบเรียนท่านว่าเมื่อคืนหนาวมาก อาศัยอธิษฐานขอเอาบุญบารมีตัวเองมาใช้ป้องกันความหนาว 555 พระอาจารย์ท่านหัวเราะใส่เลย บอกเออ...มันเข้าท่าดี

ถ้ามีโอกาส อย่าลืมกลับไปที่วัดเขาศาลานะคะ

อ้อ..คุณ granun จะย้ายเว็บไซด์เมื่อไหร่ก็ทำได้เลยนะคะ ในช่วงนี้จะคอยอัพเดทเว็บไปพลางๆ ก่อน เดี๋ยวเว็บมันจะตาย


โดย: กุ้ง (kaoim ) วันที่: 4 พฤษภาคม 2550 เวลา:12:05:42 น.  

 
ดีจริง คุณกุ้งแวะมาเยี่ยมพอดี
เพราะที่คุณกุ้งจดให้ไม่ได้จดเบอร์โทรไว้ให้ด้วยครับ

ตอนนี้กำลังเรียบเรียงข้อมูลอยู่ครับ
ที่เยอะที่สุดคือข้อมูลรูปกิจกรรมที่หลวงพี่เขตและคนอื่นๆถ่ายไว้
เยอะและไฟล์ใหญ่มาก รวมๆแล้วก็ประมาณ 5 GB

ซึ่งตั้งใจจะทำให้เป็นอัลบั้มให้เสร็จ

ตอนนี้กำลังเรียบเรียงข้อมูลอยู่ครับ
ตอนแรกว่าจะคัดบางรูปออก แต่สุดท้ายไม่รู้จะเอาออกได้อย่างไร
เพราะทุกภาพผมเชื่อว่าคนที่อยู่ในภาพมีความทรงจำและน่าจะอยากเก็บไว้ครับ

ที่จริงผมเองไม่ค่อยมีเวลาทำเว็บนัก งานเยอะทีเดียวครับ

ตอนแรกตั้งใจว่าจะถวายพื้นที่เว็บให้หลวงพ่อเฉยๆ..แฮ่ม
แต่ถ้าไม่มีคนทำก็จะพยายามทำให้ไวที่สุดครับ

คงไม่น่าเกินอาทิตย์หน้า ผมคงจะพอขยับอะไรได้บ้างครับ


โดย: granun (granun ) วันที่: 5 พฤษภาคม 2550 เวลา:20:57:55 น.  

 
ฝากเบอร์ไว้ที่กล่องในลานธรรมแล้วนะคะ คาดว่าทาง readyplanet คงไม่มีปัญหาอะไร เพราะเหลืออีก 1 ปีก็จะหมดสัญญาเช่าเนื้อที่ server ค่ะ

อนุโมทนาด้วยค่ะ


โดย: กุ้ง (kaoim ) วันที่: 7 พฤษภาคม 2550 เวลา:14:43:56 น.  

 
ครับคงค่อยๆทยอยข้อมูลจนพร้อมแล้วค่อยย้ายครับ
น่าจะทันเวลา..

แหม..ถ้าได้หลายๆคนมาช่วยกันน่าจะดี
คนละไม้ละมือ จะยิ่งไวเชียว


โดย: granun วันที่: 7 พฤษภาคม 2550 เวลา:15:27:39 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

granun
Location :
กรุงเทพ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]




Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add granun's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.