Group Blog
 
All blogs
 
ที่ญี่ปุ่นเรียนกันอย่างไร ตอน ๒ นั่งเรียนที่ญี่ปุ่น



การเรียนการสอน

ถึงแม้ว่านักศึกษาต่างชาติจะได้ชื่อว่าเป็น 留学生 = ryugakusei= international student แต่ก็ไม่ได้บังคับว่าวิชาที่เรียน หรือทิสิสที่เขียนจะต้องเป็นภาษาอังกฤษเสมอไป หากภาษาญี่ปุ่นกล้าแข็งพอ ก็สามารถลงเรียนวิชาที่บรรยายด้วยภาษาญี่ปุ่น หรือ พรีเซนต์งาน หรือ เขียนทิสิสเป็นภาษาญี่ปุ่นได้เช่นกัน

โดยส่วนตัวแล้วฉันเชื่อว่า หากมีความสามารถที่จะเรียนเป็นภาษาญี่ปุ่นได้นั้นนับเป็นเรื่องที่วิเศษทีเดียว เพราะวิชาที่บรรยายเป็นภาษาญี่ปุ่นจะได้ความรู้แน่นกว่า ไม่ได้มองว่าอาจารย์หวงวิชาแก่นักศึกษาต่างชาติหรืออย่างไร แต่กำแพงภาษาก็เป็นอุปสรรคให้กับผู้บรรยายหลายท่านเช่นกัน

ในระบบการเรียนการสอนแล้ว ฉันอยากจะแบ่งเป็น 2 อย่าง (ซึ่งต้องทำให้ดีทั้งสองอย่างนั่นแหละ) คือ การเรียน (วิชาต่างๆ) กับ การทำวิจัย (研究= kenkyu)

การเรียน (วิชาต่างๆ)

สำหรับการเรียนแล้ว จากประสบการณ์ที่ฉันได้สัมผัสมาสองปีของการเรียนระดับปริญญาโท (ฉันเลือกเรียนแต่วิชาที่บรรยายด้วยภาษาอังกฤษ เพราะว่าภาษาญี่ปุ่นของฉันห่วย )

การสอนของที่นี่ก็สามารถแบ่งได้อีก 2 อย่าง คือ
แบบที่หนึ่ง มีอาจารย์มาบรรยายแบบการเรียนการสอนในบ้านเรา โดยอาจารย์ทุกคนจะใช้ power point ในการบรรยาย แน่นอนต้องมีการบ้าน หรือรายงาน แต่เชื่อไหมว่าทุกวิชาที่ฉันลงเรียนไม่มีการสอบเลย มีเพียงแต่ การ present ปลายเทอมเท่านั้น และเชื่ออีกหรือเปล่าว่า ส่วนใหญ่จะได้ A กันหมดทุกคน

มีอยู่ครั้งหนึ่งฉันได้รับเมล์จากอาจารย์ประจำวิชาท่านหนึ่งซึ่งส่งถึงนักเรียนทุกคนในคลาสว่าให้ส่งงานด้วย "อาจารย์จะตัดเกรดแล้ว อาจารย์ไม่อยากถูกตำหนิจากนักเรียนอีกถ้าจะให้ B สำหรับคนที่ไม่ส่งงาน " เพราะเทอมที่แล้วอาจารย์ท่านนี้เคยถูกตำหนิจากนักศึกษาคนหนึ่งว่าการที่เค้าไม่ส่งงานแสดงกว่าเค้า Drop วิชานี้แล้ว เค้าไม่ต้องการเกรดใดๆ บน transcrip ของเขาทั้งสิ้นนอกจาก A

จะว่าไปแล้วที่นี่จะไม่ค่อยซีเรียสเรื่องเกรดกันเท่าไหร่ แต่จะค่อนข้างซีเรียสในเรื่องของกระบวนการ และผลการทำวิจัยมากกว่า แต่ก็อย่างที่เกริ่นไว้ในบล๊อกแรกของเรื่องนี้อ่ะนะคะว่า นี่เป็นประสบการณ์ของฉันซึ่งอาจจะแตกต่างไปจากคนอื่นๆ ก็ได้ค่ะ

แบบที่สอง เป็นวิชาเรียนแบบที่ทุกคนมีส่วนร่วม วิชานี้จะมีอาจารย์ มาบรรยายถึงลักษณะและเนื้อหาวิชาในคาบแรกเท่านั้น จากนั้นจะเป็นการแบ่งหัวข้อกันไปศึกษา คาบถัดๆ ไปจนถึงปลายเทอม จะเป็นการบรรยายจากเพื่อนร่วมชั้นเรียน ซึ่งเมื่อบรรยายเสร็จใจแต่ละคาบจะมีการเปิดโอกาสให้ซักถาม แสดงความคิดเห็นได้ อาจารย์ที่ฉันปลื้มท่านหนึ่ง จะใช้โอกาสนี้ในการสรุปเรื่องที่เพื่อนๆ ของฉันบรรยาย ว่าผิดถูกอย่างไร รวมทั้งแสดงความคิดเห็นของอาจารย์เองต่อเรื่องนั้นๆ ด้วย

วิชาลักษณะนี้ที่นี่จะเรียกว่า ริงโค (輪講)ซึ่งในภาควิชาของฉัน จะเป็นนักศึกษา หรือ อาจารย์ก็ได้ที่จะเปิดวิชาลักษณะนี้ขึ้นมา
หากนักศึกษาสนใจที่จะเปิดวิชานี้เอง ก็ต้องคุยกับอาจารย์ที่เค้าสนใจจะให้เป็นอาจารย์ที่ปรึกษาประจำวิชา เลือกหนังสือ ตำรา ที่จะนำไปใช้ในวิชา และหาเพื่อนร่วมชั้นที่มีจำนวนเพียงพอ

ถือว่าการเปิดวิชานี้เป็นการหาเพื่อนมาช่วยอ่านหนังสือที่เราสนใจก็คงจะไม่ผิดนัก แถมยังได้ 2 เครดิตถ้าลงทะเบียบเรียนอีกต่างหาก

การทำวิจัย
นับว่าเป็นเรื่องสำคัญที่สุดสำหรับการเรียนที่นี่เลยทีเดียว หัวข้อการทำวิจัยที่นี่ก็หลากหลาย อาจจะขึ้นอยู่กับเรื่องที่เราสนใจ (แต่ต้องเกียวข้องกับแลปที่เราอยู่) หรือเป็นเรื่องที่อาจารย์สนใจแล้วให้เราทำ

สำหรับตัวฉันเองแล้วเลือกได้เลือกหัวข้อเรื่องที่ตัวเองสนใจ ก็เลยเลือกเมืองไทยเป็น case study ซะเลย หนึ่งเพื่อจะได้ผลมาใช้กับบ้านเราได้จริงๆ สอง เพื่อจะได้กลับมาเก็บข้อมูลที่เมืองไทยไง อิ อิ ยิ่งบางทีฟลุ๊กๆ อาจจะได้ค่าเดินทางและค่าเก็บข้อมูลจากแลป หรือโปรเจคต่างๆ ที่สนับสนุนทิสิสเราอยู่ด้วย

แต่ก็มีเพื่อนๆบางคนที่ต้องทำหัวข้อที่อาจารย์สนใจ มีเพื่อนของฉันคนหนึ่งต้องทำแลปเกี่ยวกับการปนเปื้อนของน้ำดื่มในญี่ปุ่น อาจารย์จะเป็นคนนำตัวอย่างน้ำจากแต่ละที่มาให้ โดยที่นักเรียนจะไม่รู้เลยว่าตัวอย่างน้ำนั้นๆ มาจากที่ไหนในญี่ปุ่นบ้าง


นอกจากการเรียนวิชาต่างๆ กับการทำวิจัยแล้ว ยังมีกรณีพิเศษอื่นๆ อีกเช่นการไป Study trip หรือ work shop กับทางมหาวิทยาลัย(เช่นเมื่อเร็วๆ นี้มหาวิทยาลัยของฉันได้จัด work shop ร่วมกับมหาวิทยาลัยที่โตรอนโต้, แคนาดา นักศึกษาจะต้องไปร่วม work shop ที่นั่น) ก็สามารถขอเครดิตได้ แต่นักศึกษาต้องส่งรายงาน ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ขึ้นอยู่กับ condition ของ work shop นั้นๆ ด้วยค่ะว่าจะสามารถขอเครดิตได้หรือเปล่า





Create Date : 23 สิงหาคม 2548
Last Update : 23 สิงหาคม 2548 4:57:28 น. 6 comments
Counter : 881 Pageviews.

 
sawaddeeka


โดย: puimnida วันที่: 23 สิงหาคม 2548 เวลา:6:44:10 น.  

 
พยายามเข้านะคะ เคยขอทุนไปเรียนที่ญี่ปุ่น
แต่พลาดนะคะ เศร้า อยากไปญี่ปุ่นมากๆ


โดย: karajinan (karajinan ) วันที่: 23 สิงหาคม 2548 เวลา:9:52:06 น.  

 
ได้ความรู้ดีค่ะ


โดย: อ้วนดำปื๊ดปื๊อ วันที่: 23 สิงหาคม 2548 เวลา:12:41:29 น.  

 
เรียนเป็นภาษาอังกฤษได้ก็เก่งแล้วนะค่ะ



โดย: เชอเบทส้ม วันที่: 23 สิงหาคม 2548 เวลา:15:28:53 น.  

 
ยังไม่จบหรือเปล่าคะ

แล้วใช้ได้กับเมืองไทยไหมคะ




โดย: รสา รสา วันที่: 23 สิงหาคม 2548 เวลา:16:40:30 น.  

 
คุณ puimnida สวัสดีเจ้า

คุณ karajinan พยายามเข้านะคะ ลองสมัครอีกทีก็ได้นี่คะมีรุ่นพี่ที่นี่ต้องสมัครหลายครั้งเหมือนกันกว่าจะได้ทุนหน่ะค่ะ

คุณ อ้วนดำปื๊ดปื๊อ ขอบคุณค่ะ แล้วแวะมาเที่ยวอีกนะคะ

คุณ เชอเบทส้ม แรกๆ ก็งงกับภาษาอังกฤษสไตล์ญี่ปุ่นเหมือนกันค่ะ ตอนนี้ชินแล้ว กลายเป็นว่าฟังอาจารย์อเมริกันพูดภาษาอังกฤษไม่รู้เรื่องไปซะแล้วอ่ะ

พี่รสา ตัดตอนดื้อๆ งี้แหละค่ะ จบดีๆ มะเป็นหง่ะ ยังไม่แน่ใจเหมือนกันว่านำไปใช้กับเมืองไทยได้หรือเปล่า เพราะเสนองานของตัวเองแค่ในมหาลัยเท่านั้น ทำวิจัยมาเก็บเข้ากรุซะเปล่าก็ไม่ยู้


โดย: Georinn วันที่: 23 สิงหาคม 2548 เวลา:22:52:11 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Georinn
Location :
Tokyo Japan

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add Georinn's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.