บันทึกความทรงจำ...จากดอยหลวงเชียงดาว ตอนที่ 5

ทางช่วงแรกที่จะขึ้นดอยหลวงนั้นเป็นทุ่งหญ้าสูงชันขึ้นไป เมื่อไต่ความสูงมาได้ระยะหนึ่งแล้วจากทุ่งหญ้าจะเปลี่ยนเป็น โขดหินแหลมคม ทางชัน ต้องปีนป่ายขึ้นไป โดยส่วนตัวแล้วเป็นคนกลัวความสูง แต่ดันหันหลังกลับไปมองทางที่เดินผ่านมา ....ไม่อยากจะบอกเลยว่าเสียวสยองสุดๆ ทั้งชันและสูง คิดออกมาดังๆ ว่า ตรูเดินมาได้ยังไงฟะ หลังจากหันไปมองทางข้างหลังเท่านั้นเอง จากเดิน 2 ขา ก็กลายมาเป็นเดิน 4 ขาโดยปริยาย อาการกลัวความสูงเริ่มกำเริบ อยากจะร้องให้ออกมาอยู่มะรอมมะร่อ เริ่มจะถอดใจว่าเมื่อไหร่จะถึงยอดดอยหลวงเสียทีหนอ กลุ่มที่มาด้วยกันก็เดินไปถึงยอดดอยนานแล้ว ค่อยๆ เดินขึ้นคนเดียว หยุดเดินเป็นระยะๆเพื่อเรียกสติและความกล้ากลับมา จะได้เดินขึ้นต่อไป เห็นดอกไม้ตามรายทาง สวยๆ ตรงไหนหยุดยืนได้แบบไม่ค่อยจะหวาดเสียวค่อยมีแรงยกกล้องขึ้นมาส่องหน่อย ตรงไหนหวาดเสียวมากๆ แค่หยุดยืนก็รู้สึกเหมือนจะหงายหลังลงไปเสียตั้งแต่วินาทีนั้นกล้องไม่เอาแล้ว กลัวๆๆ แล้วอีตอนลง จะไหวไหมเนี้ยะ ทางแบบนี้น่ะ อดทนอีกนิดเดียวได้ยินเสียงคนคุยกันแว่วๆ มาบ้างแล้วทำให้รู้ว่าใกล้จะถึงแล้วนะ กำลังใจมาเป็นกองเลย...




ขึ้นไปถึงยอดดอย โอ้โห คนเยอะชะมัดเลย ยืนชมวิวกันเต็มไปหมด จนแทบจะไม่มีที่ว่างให้ยืน ตาลายเลยเรามองหาคนกลุ่มเดียวกับเราไม่เจอ ค่อยๆเดินอย่างคนหมดแรง ด้วยทั้งเหนื่อยและทั้งกลัวความสูง เดินตามสันเขาไปเรื่อยๆ อากาศข้างบนนั้นลมพัดแรง และหนาวเหมือนกัน มองเห็นกลุ่มของเราอยู่ไกลลิบๆ กำลังเก็บภาพดอกไม้อยู่ ดอกไม้บนยอดดอยหลวงเมื่อเทียบกับ กิ่วลมแล้วนับว่ามีน้อยมาก ที่เห็นมีอยู่ก็คือ “กุหลาบเลื้อยเชียงดาว หรือศรีจันทรา” เป็นดอกกุหลาบไทยพื้นเมืองเป็นดอกไม้กลางคืน กลีบดอกจะร่วงเมื่อต้องแสงแดดจัดๆ ลักษณะดอก เป็นสีขาว กลีบชั้นเดียว เกสรสีเหลือง ลำต้นเป็นหนามสีน้ำตาลเข้ม ความพิเศษของ ศรีจันทราคือ ตอนกลางคืนเกสรจะเป็นประกายยามต้องแสงจันทร์ เพื่อล่อแมลงกลางคืน และเป็นพืชที่พบที่ดอยหลวงเชียงดาวเพียงแห่งเดียวเท่านั้น “ชมพูเชียงดาว” มีอยู่ไม่กี่ต้น ขึ้นประปรายทั่วไป “หญ้าดอกลาย” และมี “เยอบีร่าดอย” ขึ้นตามหน้าผา อีกต้นที่เห็นชัดคือ “ค้อเชียงดาวหรือปาล์มรักเมฆ” เป็นพืชเฉพาะถิ่นอีกเช่นกัน





นั่งรอเวลาพระอาทิตย์จะตกดิน ฟ้ายังไม่ยอมเปิด ม่านหมอกลอยอ้อยอิ่งไม่มีลมมาช่วยพัดไปเลย ทุกคนต่างลุ้นให้ฟ้าเปิด สักครู่ ลมพัดให้หมอกลอยเข้ามาหาเรา พัดพาความหนาวเหน็บมาให้ก็ยังพอทนความหนาวไหว แต่สุดท้ายฟ้าไม่เป็นใจ ไม่ยอมเปิดทางให้เราได้ชมพระอาทิตย์ตกดิน เมื่อเห็นว่าไม่มีหวังแล้ว จึงชวนกันเดินลงก่อนจะมืด เพราะคิดตั้งแต่ตอนขึ้นแล้วว่าขาลงทางน่าจะเดินลำบากกว่าตอนขึ้นอีก ดังนั้นเราเลยรีบลงไปให้เร็วที่สุด แต่เร็วที่สุดมันก็ยังช้าอยู่ดีเพราะขาสั่นอีกแล้ว ขาลงนี่น่ากลัวกว่าตอนขาขึ้นอีก เดินลงช้าๆ เมื่อมาถึงทุ่งหญ้าก็เริ่มจะมืดแล้ว แต่ยังพอเห็นทางอยู่บ้างเพราะคืนนี้ขึ้น 10 ค่ำ พระจันทร์เกือบจะเต็มดวงแล้วมีแสงจันทร์ส่องนำทางให้เราอยู่บ้าง ก็ยังพอไหวอยู่ อิอิ บรรยากาศโรแมนติคมากถ้ามากับคนรู้ใจ
กลับลงมาทำกับข้าวกินกัน...นั่งกินไปคุยไป ต้มน้ำขิงกินพอช่วยให้รู้สึกว่าอุ่นคลายหนาวบ้าง คุยเพลิน 4 ทุ่มกว่าแล้ว ถึงเวลาแยกย้ายกันไปนอนเต็นท์ใครเต็นท์มันเก็บแรงเอาไว้พรุ่งนี้เช้าเราต้องเดินกลับกันแล้ว







Create Date : 30 ธันวาคม 2548
Last Update : 30 ธันวาคม 2548 15:23:15 น. 0 comments
Counter : 648 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 
 
 

นู๋ตู่
Location :
เชียงใหม่ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




[Add นู๋ตู่'s blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com
pantip.com pantipmarket.com pantown.com