*~สวนพรมบุปผา...ยามเย็น..ที่ราชพฤกษ์~*
มีโอกาสไปเยือนงานราชพฤกษ์รอบที่เท่าไหร่ก็ไม่รู้แล้ว ไปคราวนี้ได้แวะเวียนไปตอนเย็น แดดร่มลมตก อากาศดีเหมาะสำหรับการเดินเล่นเป็นที่สุดแถมยังมีเวลาก้มๆ เงยๆ ถ่ายดอกไม้ไปเรื่อยๆ แบบไม่ค่อยจะร้อนเท่าไหร่...เลยได้ถ่ายภาพที่พรมบุปผามาซะเต็มอิ่มเลย ไปดูภาพกันดีกว่าค่ะ หรือจะติดตามชมแบบเต็มๆ ได้ที่นี่ค่ะ //nutu.multiply.com/photos/album/49
วัดแม่ปาง อ.แม่ลาน้อย แม่ฮ่องสอน
วัดแม่ปาง หรือวัดป่าริมธาราวาส อยู่ที่ ต.สันติคีรี อ.แม่ลาน้อย เป็นวัดที่สงบ และสวย มากๆ ซุ้มประตูนาคบันไดทางขึ้นวิหารสวยงามวิจิตรมากค่ะพระเจดีย์กำลังสร้างแต่ยังไม่เสร็จ คงค้างการตกแต่งรายละเอียดอีกเล็กน้อยภายในวิหาร ภาพเขียนผนัง สวยงามมากค่ะ แทบไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นวัดกลางป่ากลางดอย ซึ่งความสวยงามอลังการนี้แสดงให้เห็นถึงความศรัทธาของคนในพื้นที่และคนต่างถิ่นที่มีต่อวัดแม่ปางนี้มีมากมายเหลือเกิน
ถ้ำแก้วโกมล อ.แม่ลาน้อย จ.แม่ฮ่องสอน
วนอุทยานถ้ำแก้วโกมลเดิมเรียกชื่อถ้ำผลึกแคลไซต์แม่ลาน้อย ตั้งอยู่บริเวณเขาดอยถ้ำ หมู่ที่ 14 บ้านห้วยมะไฟ ต.แม่ลาน้อย อ.แม่ลาน้อย จ.แม่ฮ่องสอน ในเขตประทานบัตรเหมืองแร่ฟลูออไรต์ ของห้างหุ้นส่วนจำกัด พี. วี ซัพพรายส์ (ไทยแลนด์) อยู่ในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ ป่าแม่ยวมฝั่งซ้าย แผนที่ระวาง มาตราส่วน 1 : 50,000 ชุด L 7071 ระวาง 4545 3 พิกัด 391620341 ถ้ำแก้วโกมลได้ถูกค้นพบโดยวิศวกรเหมืองแร่ ประจำสำนักงานทรัพยากรธรณี จังหวัดแม่ฮ่องสอน เมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน 2536 สภาพภายในถ้ำเต็มไปด้วยผลึกแคลไซต์ (Calcite) รอบด้านทั้งบริเวณผนัง พื้น และเพดานของถ้ำในปี พ.ศ.2538 กรมทรัพยากรธรณี ได้ทำการพัฒนาด้านความสะดวกและความปลอดภัยในการเข้าเที่ยวชมถ้ำ ได้ดำเนินการกันเขตพื้นที่บริเวณรอบถ้ำในเขตรัศมี 200 เมตร ครอบคลุมเนื้อที่ 51 ไร่ 1 งาน 04 ตารางวา ออกจากพื้นที่ประทานบัตร โดยอาศัยอำนาจตามความในมาตรา 9 ตรี แห่ง พ.ร.บ เหมืองแร่ พ.ศ.2510 ซึ่งเป็นอำนาจของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม และคณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม 2540 ให้พื้นที่กลับไปมีสภาพเป็นป่าสงวนแห่งชาติ ภายใต้การกำกับดูแลของกรมป่าไม้ โดยจัดตั้งเป็นวนอุทยานแม่ลาน้อย ตามความในมาตรา 19 แห่ง พ.ร.บ ป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ.2507 ในปี พ.ศ.2543 ได้มีการส่งมอบและรับมอบถ้ำผลึกแคลไซต์แม่ลาน้อยระหว่างกรมทรัพยากรธรณี กับกรมป่าไม้โดยผู้ว่าราชการจังแม่ฮ่องสอน เป็นผู้รับมอบ เมื่อวันที่ 15 ธันวาคม 2543 ณ วนอุทยานถ้ำแม่ลาน้อย ปัจจุบันวนอุทยานแม่ลาน้อยได้เปลี่ยนชื่อเป็น วนอุทยานถ้ำแก้วโกมล ได้รับการพัฒนา ปรับปรุงและอยู่ในความดูแลของสำนักอุทยานแห่งชาติ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ในวันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2544 สมเด็จพระนางจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถได้เสด็จพระราชดำเนินทอดพระเนตร ถ้ำแม่ลาน้อย และได้พระราชทานนามถ้ำแม่ลาน้อยเป็นชื่อ ถ้ำแก้วโกมล และได้พระราชทานนามชื่อห้องในถ้ำแก้วโกมลซึ่งอยู่ภายในถ้ำเป็นชั้นๆจำนวน 5 ชั้นดังนี้ ชั้นที่หนึ่ง นามห้อง พระทัยธาร ชั้นที่สอง นามห้อง วิมานเมฆ ชั้นที่สาม นามห้อง เฉกหิมพานต์ ชั้นที่สี่ นามห้อง ม่านผาแก้ว ชั้นที่ห้า นามห้อง เพริดแพร้วมณีบุปผา ผลึกมีรูปร่างลักษณะแตกต่างกันมากมายหลายแบบจับตัวกันมองดูคล้ายปะการัง ดอกกระหล่ำ เกล็ดน้ำแข็ง ดอกเข็ม และโคมไฟเพดาน มีสีขาวใส เหลือง แดง และน้ำตาล มีความสวยงามมากตามธรรมชาติ มีคุณค่าและความสำคัญ ต่อการศึกษาค้นคว้าวิจัย
๐+๐+๐ ขุนแม่ยะ..ขุนเขาแห่งซากุระเมืองไทย ๐+๐+๐
"ขุนแม่ยะ" หน่วยจัดการต้นน้ำขุนแม่ยะ อยู่ระหว่างทางจากแม่มาลัย-ห้วยน้ำดัง-ปาย ทางเข้าอยู่ตรงข้ามกับด่านตรวจสัตว์ของตำรวจ ประมาณกม.ที่ 30-40 มีของดีที่เพิ่งเปิดตัวคือดงพญาเสือโคร่งที่เยอะมากๆ จนเรียกได้ว่า ดอยสีชมพู ช่วงที่ตู่ไปคือช่วงที่ใบของต้นพญาเสือโคร่งเริ่มจะเป็นสีเขียวๆแล้ว เลยไม่ค่อยจะเห็นเป็นสีชมพูมากนักเท่าไหร่ แต่ก็ยังมีบางต้นที่ยังชมพูทั้งต้นอยู่และต้นนั้นก็เป็นต้นนางเองให้ใครต่อใครเข้าไปรุมถ่ายรูปกัน อิอิเราใช้รถคาร์ริเบียนเป็นพาหนะในการพาเราเข้าไปชมดอกพญาเสือโคร่ง ซึ่งทางเป็นทางสำหรับรถ 4WD เข้าไปดีที่ช่วงที่ไปนั้นทางแห้งไม่ค่อยเปียกหรือลื่นให้เราต้องหวาดเสียวเลย *-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-กลางคืนเรานอนหนาวมาก นอนตะแคงไม่ได้เลยต้องนอนหงายจะรู้สึกอุ่นขึ้นมาบ้าง ไม่รู้เหมือนกันว่าเป็นเพราะอะไร เช้าอีกวันของการชมดอกซากุระเมืองไทย เราชมพระอาทิตย์ขึ้นก่อน แสงยามเช้าสวยงามมากเลยค่ะดอกพญาเสือโคร่งยามต้องแสงเช้าสวยจริงๆ เอารูปมาฝากกันชมแค่พอหอมปากหอมคอแค่นี้ก่อนนะคะ
บันทึกความทรงจำ...จากดอยหลวงเชียงดาว ตอนจบ
12 ธ.ค. 48 เมื่อคืนนอนฟังเสียงฝนตกระทบหลังคาเต็นท์นอนไปคิดไป พรุ่งนี้ตอนเดินลงจะเป็นยังไงหนอ คิดเพลินจนกระทั่งไม่ได้ยินเสียงฝนหลับสนิทไปเลย คงเพราะเหนื่อยจากการเดินขึ้นกิ่วลม 2 รอบ ขึ้นดอยหลวงอีก 1 รอบ ตื่นมาเช้านี้อากาศสดใส หนาวน้อยกว่าเช้าวันแรก ต้มมาม่าที่เหลือกินกัน จากนั้นช่วยกันเก็บเต้นท์เตรียมตัวออกเดินทางกลับ 9.30 น. เริ่มออกเดินทาง ขากลับเลือกกลับทางบ้านนาเลา ทางนี้จะโหดมากสำหรับตอนเดินขึ้น เพราะเป็นทางขึ้นตลอด ความชันประมาณ 40-60 องศา แต่สำหรับเราทางนี้เป็นทางลงตลอดเส้นทาง เรียกได้ว่าต้องเบรกกันตัวโก่งเลยทีเดียวและทางค่อนข้างจะลื่นจากฝนที่ตกเมื่อคืน ไม้เท้าจึงเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับเราในเวลานี้ และในบางช่วงก็อยากจะเขวี้ยงทิ้งเสียจริงๆ เพราะมันแสนจะเกะกะ ยามเดิน แต่ด้วยคำขู่ว่าทางข้างหน้าทั้งชันและลื่น จึงทำให้เราไม่สามารถจะทิ้งไม้เท้าได้ เลย และมันก็เป็นจริงอย่างที่เค้าขู่กัน เพราะต้องใช้ยันตัวเองตลอดทาง สำหรับทางลงทางบ้านนาเลานี้ สิ่งที่ควรระวังคือเรื่องหัวเข้าและข้อเท้า ซึ่งสำคัญมากต้องใช้แรงยันหัวเข่าไปตลอดทาง ผ้ารัดหัวเข้าและข้อเท้าควรจะเตรียมไปให้พร้อมเพื่อลดการบาดเจ็บจากแรงกระแทกด้วย 13.45 น. เนื่องจากทางเดินลื่น และเดินไปถ่ายรูปไป ทำให้เราเดินมาถึงจุดพักแรมป่าไผ่ค่อนข้างจะช้ามาก เรามาถึงจุดนี้ด้วยอาการทั้งเหนื่อยและทั้งหิวเนื่องจากเลยเวลาข้าวเที่ยวมาเกือบ 2 ชม.แล้ว และในเวลานี้ก็มีเพียงแค่น้ำดื่มขวดเดียวที่มีอยู่ติดกระเป๋า ให้จิบกินเพียงน้อยลดอาการกระหายน้ำเท่านั้น เมื่อเห็นคนนำทางรอเราอยู่ใจชื้นขึ้นมาเป็นกองเมื่อเห็นแตงโม ผ่าวางไว้ พี่คนนำทางบอกว่าเค้าเอาติดมาด้วย 1 ลูกเพื่อเอามาแบ่งให้ทาน เหมือนสวรรค์เมื่อได้กินแตงโมครึ่งซีก รสชาติเย็นๆโดยไม่ต้องแช่ เพราะอากาศเย็น พอให้หายหิวไปได้อีกนิดหน่อยพอจะมีแรงเดินต่อไปอีก หลังจากนั่งพักสัก 20 นาทีแล้ว เราก็เริ่มเดินต่อ ทางต่อจากจุดพักแรมป่าไผ่นี้ค่อนข้างจะชันและลื่น เวลาเดินต้องใช้ความระมัดระวังเป็นอย่างมาก ไม่อย่างนั้นแล้วมีหวังได้กลิ้งลงไปนอนข้างล่างแน่ๆ เดินไปก็ได้ยินเสียงหมาเห่าและเสียงรถวิ่งผ่านไปเป็นระยะๆ เมื่อเดินถึงที่โล่งก็เห็นหมู่บ้านอยู่ไกลลิบๆ อยู่ที่ดอยอีกลูกหนึ่ง เห็นถนนตัดผ่านดอย แค่นี้ก็พอทำให้ใจชื้นว่าใกล้จะถึงหมู่บ้านแล้ว มีกำลังใจขึ้นมาอีกโขเลย 14.55 น. ในที่สุดเราก็เดินทะลุป่าออกมาเจอกับกลุ่มอีกหลายกลุ่มที่มาถึงก่อนหน้าเราและรถที่จะมารับเรากลับลงไปในเมือง ทริปนี้คนนำทางได้พาเราไปที่บ้านาเลาใหม่ ซึ่งถือว่าเป็นสถานที่ปิดท้ายสำหรับนั่งกินข้าวขาหมูเชียงดาวมื้อเที่ยง(แก่ๆ) ที่บรรยากาศดีที่สุด กินไปดูยอดดอยทั้งหลายที่เราเดินผ่านไป คิดในใจ เดินมาได้ยังไงฟะเนี้ยะทั้งไกลทั้งสูงโคตรเลย ทริปนี้ถือเป็นของขวัญและรางวัลสำหรับชีวิตของปีนี้เลยทีเดียวค่ะ ลาแล้วค่ะเชียงดาว ทริปแห่งความทรงจำที่ดีที่สุดของชีวิต ครั้งหนึ่งในชีวิตที่พิชิตยอดดอยหลวงเชียงดาว ขอบคุณเพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ ร่วมทริปที่ทำให้มีความทรงที่ดีๆ และมีรอยยิ้มทุกครั้งที่นึกถึง..ขอบคุณค่ะ