บันทึกความทรงจำ...จากดอยหลวงเชียงดาว ตอนที่ 4

หลังจากที่เราได้ชมพระอาทิตย์ขึ้นและทะเลหมอกจนจุใจแล้ว นั้น พี่คนนำทางก็พาเราไปดูพรรณไม้บนยอดกิ่วลม ณ ที่แห่งนี้เราพึ่งจะได้เห็นหน้าตาของ “บัวหิมะ” ต้นที่เคยได้ยินแต่ชื่อแต่ไม่เคยเห็น ลักษณะคล้ายๆ กับเฟินต้นเล็กๆ ขึ้นเป็นกอ ตามซอกหินผา “ฟองหินเหลือง” ดอกสีเหลืองสวย “คำหิน” ดอกสีเหลืองเล็กๆน่ารัก “เทียนเชียงดาว” สีบานเย็นสวย “เทียนหมอคา หรือเหยื่อเลียงผา” เทียนที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย และอื่นๆ อีกมากมายหลากหลายเกินจะบรรยายได้หมด







7.45 น. ท้องเริ่มเรียกร้องหาอาหารแล้ว จึงได้เดินลงจากกิ่วลมเพื่อไปกินมื้อเช้าที่จุดพักแรมของเรา และจะกลับขึ้นมาอีกในตอนสายๆ เพื่อดูพรรณไม้ดอกไม้ต่างๆ ที่เรายังไม่ได้เห็น
9.50 น. เรามุ่งหน้าเดินขึ้นกิ่วลมอีกรอบ ใครได้ยินคงว่าเราบ้าเดินขึ้น 2 รอบในเวลาไล่เลี่ยกัน แต่สำหรับเราแล้ว การเดินขึ้นครั้งที่ 2 นี้ ยังมีสิ่งที่ตื่นเต้น และน่าสัมผัสอีกมากมายรอเราอยู่บนกิ่วลม การเดินรอบ 2 นี้เราเดินกันอย่างสบายๆ ไม่ได้รีบขึ้นไปให้ทันแสงแรกเหมือนตอนเช้า เดินไปแวะถ่ายรูปดอกไม้ตามรายทางไปเรื่อยๆ พี่คนนำทางเค้าจะหยุดบอกชื่อดอกไม้เป็นระยะ จากนั้นเราก็จะต่อคิวกันถ่ายรูปคนละใบ สองใบ ก่อนเดินต่อไป ตามรายทางในทุ่งหญ้าอัลไพล์นั้นเราจะเห็นดอกไม้หลายชนิดเช่น แอสเตอร์ นางจอย หญ้าข้าวกล่ำ หรีดเชียงดาว หญ้าดอกลาย และอีกหลายๆ ชนิด บรรยายไม่หมด บรรยากาศยามเช้าขนาดสายแล้วแต่แสงอาทิตย์ยังไม่ส่องลงมาถึงทำให้การเดินไม่ร้อนออกจะเย็นสบายเสียด้วยซ้ำ พอถึงทางเดินขึ้นเขา น้ำค้างเมื่อตอนเช้าเริ่มตกลงสู่พื้นดินทำให้ทางเดินลื่นยิ่งกว่าตอนเดินช่วงเช้าอีก แต่คราวนี้เราไม่กลัวเพราะ สามารถมองเห็นทางแล้ว และก็พึ่งมองเห็นว่าทางนั้นเดินลำบากมากเหมือนกัน ยังแอบคิดอยู่ในใจว่า..แล้วตอนเช้าเราเดินมาได้ยังไงเนี้ยะ




บนกิ่วลมนั้นมีดอกไม้เฉพาะถิ่นอยู่หลายชนิด เมื่อได้ขึ้นไปรู้สึกตื่นตาตื่นใจเป็นอย่างมาก อันนู้นก็จะถ่าย อันนี้ก็จะถ่าย ไหนจะ วิว ไหนจะดอก เมมโมรี่มีเท่าไหร่ก็ไม่พอหรอกค่ะ ย้ำว่าเตรียมไปเยอะๆ เลยละกันค่ะ
เที่ยงครึ่ง เรานั่งทานข้าวบนยอดกิ่วลม กลางสายหมอกและดงดอกกุหลาบพันปี ที่ยังไม่บาน มองลงไปข้างล่างเห็นบริเวณจุดกางเต็นท์ที่อ่างสลุงด้วย สังเกตเห็นว่ามีเต็นท์กางเพิ่มมากขึ้นจากเมื่อวานอย่างเห็นได้ชัด มื้อเที่ยงวันนี้ช่างเป็นอาหารมื้ออร่อย แม้จะเป็นเพียงข้าวเหนียวกับแกงกระป๋องแต่ก็อิ่มกับบรรยากาศสวยๆ แบบ 360 องศา เลยทีเดียว มองนาฬิกาใกล้จะบ่ายโมงครึ่งแล้ว เราเลยรีบลงไปเพื่อพักผ่อนเอาแรงขึ้นไปชมพระอาทิตย์ตกดินดอยหลวง อีก หุหุ ทำไมวันนี้เรามีแรงเยอะอย่างนี้หนอ ขึ้นดอย วันละ 3 รอบ นี้ไม่ใช่ระยะทางน้อยๆ เลยนะนี่ แต่ไหนๆก็มาแล้ว ต้องไปให้หมด ไปให้คุ้มกับที่เดินมาตั้งไกลแสนไกล ระหว่างที่นั่งพักเราก็เตรียมหั่นผัก เตรียมทำกับข้าวมื้อเย็นไปพลางๆ ก่อน เมื่อถึงเวลาเราทั้งหมดจึงมุ่งหน้าขึ้นดอยหลวง แต่ขอย้ำก่อนว่า ถ้าจะขึ้นไปชมพระอาทิตย์ตกบนดอยหลวงสิ่งที่ขาดไม่ได้อีก ก็คือ ไฟฉายและเสื้อกันหนาว เพราะหากลงมาตอนหลังพระอาทิตย์ตกดินแล้วจะมืดมากและทางค่อนข้างจะโหดมาก ทั้งสูงและชัน แถมมีแต่ก้อนหินคมๆ ให้เกาะปีนขึ้นไป




Create Date : 30 ธันวาคม 2548
Last Update : 30 ธันวาคม 2548 15:11:00 น. 0 comments
Counter : 687 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 
 
 

นู๋ตู่
Location :
เชียงใหม่ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




[Add นู๋ตู่'s blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com
pantip.com pantipmarket.com pantown.com