Total bangkok : คนบ้าบอล

ความสุขของคนเรามันอยู่ตรงไหนวะ

เชื่อเหลือเกินว่าหลายต่อหลายคนที่กำลังใช้ชีวิตอยู่บนโลกใบนี้ คงกำลังควานหาคำตอบจากคำถามข้างต้นกันชนิดเอาเป็นเอาตาย และน่าแปลกใจที่คำตอบของคำถามที่ฟังดูเหมือนว่าจะง่ายนี้ หลายคนใช้เวลาทั้งชีวิตก็ยังหาไม่พบ บางคนเสาะหาจากวัตถุ จากคนรอบข้าง บางคนหนักขั้นถึงขนาดจำใจต้องฝากความสุขทั้งหมดในชีวิตของตนเองไว้กับผู้อื่น ประเภทที่เมื่อใครบางคนที่เคยผ่านเข้ามาเดินจากไปก็สิ้นไร้ความหวัง โลกพังทลายใช้ชีวิตลำพังท่ามกลางอวลละอองของความทุกข์ที่รายล้อม ซึ่งแท้จริงแล้วอณูความทุกข์เหล่านั้นตนเองเป็นคนพ่นมันขึ้นมาทั้งสิ้น

ในขณะที่ผู้คนมากมายกำลังดิ้นรนต่อสู้หาความสุขใส่ตัว ทั้งทำงาน หาเงินมากมาย ทั้งวิ่งไล่หามิตรภาพเปราะบาง เปลี่ยนแปลงตนเอง หยิบหน้ากากมาสวม คว้าเปลือกมาใส่ เพียงเพื่อต้องการให้ความสัมพันธ์มันดี โดยหวังใจว่าความสัมพันธ์กับคนแปลกหน้าจะช่วยเติมเต็มชีวิต รังสรรค์ความสุขให้บังเกิดขึ้นแก่ชีวิต แต่เมื่อกลับไปบ้าน ผู้คนเหล่านั้นก็ถอดชุด โยนหน้ากาก ลอกเปลือกออก ถอนหายใจกับความเหนื่อยล้า กับสิ่งที่ได้มา

ความสุขระยะสั้น ความสุขภาวะพึ่งพิง ทั้งพึ่งพิงวัตถุ พึ่งพิงชื่อเสียง ยศ ลาภ ตลอดจนพึ่งพิงผู้อื่น

บนโลกใบเดียวกัน คนกลุ่มเล็กๆ อีกกลุ่มหนึ่งกำลังกระทำสิ่งที่ตรงข้าม พวกเขารู้ว่าตัวเองต้องการอะไร รู้ว่าความสุขของตัวเองอยู่ที่ไหน และพวกเขาลงมือทำมัน ให้เกิดขึ้นด้วยตัวเอง

ถ้าการคลั่งไคล้สิ่งใดมากๆ จะกลายเป็นสิ่งที่ถูกตราหน้าจากคนวงนอกว่า คือความบ้าบอไร้สาระ ทุกสิ่งทุกอย่างที่คนกลุ่มนี้ทำก็คงเป็นความบ้าบอไร้สาระที่เต็มตื้นไปด้วยความสุขใจ เสียงด่าทอและสายตาที่มองอย่างประหลาดมิอาจทัดทานเทียบเท่ากับความสุขง่ายๆ แต่ปริมาณมากมายที่พวกเขาได้รับมา

ลูกกลมๆ เสน่ห์แห่งเกมกีฬา มิตรภาพบนสนาม รอยยิ้ม เสียงหัวเราะ หยาดเหงื่อ เส้นหัวใจเต้นระรัว ความมุ่งมั่น ชัยชนะ หกล้ม ความผิดหวัง ทุกสิ่งทุกอย่างที่มีอยู่บนสนามหญ้าเขียวขจีใหญ่โต สิ่งเดียวกันนี้เกิดขึ้นบนสนามปูนเล็กๆ ใต้ทางด่วน ไม่มีเหรียญรางวัล ไม่มีโล่ ไม่มีการถ่ายทอดสด หรือเทปบันทึกภาพ ภาพต่างๆที่ปรากฏถูกบันทึกลงในหัวใจของผู้ที่ใช้ชีวิตร่วมอยู่ในวันเวลาขณะนี้ เท่านั้น

Total Bangkok เป็นภาพยนตร์สารคดีสั้น ความยาวประมาณ 22 นาที ไม่มีบท ไม่มีสคริปต์ ฝีมือการผลิตร่วมกันของผู้กำกับที่มีผลงานภาพยนตร์ใหญ่ๆ ที่กวาดรางวัลมาแล้วมากมาย อย่าง “ เป็นเอก รัตนเรือง” กับนักสร้างภาพยนตร์สารคดี รวมไปถึงเป็นหนึ่งในผู้ก่อตั้งนิตยสารแหกคอกชื่อดัง a day “ภาสกร ประมูลวงศ์”และ “สันติ แต้พานิช” ผู้มีส่วนร่วมโดยตรงในประสบการณ์สนามปูนกับเป็นเอก และเคยกำกับภาพยนตร์เรียลลิตี้เรื่องแรกของเมืองไทย อย่าง”เสือร้องไห้”มาแล้ว

ตัวภาพยนตร์ถ่ายทอดเรื่องราวของคนกลุ่มเล็กๆที่ คลั่งไคล้กีฬาฟุตบอลเข้ากระแสเลือด เมื่อโลหิตที่พลุกพล่านฉีดย้ำให้ร่างกายทำตามที่หัวใจต้องการ พื้นที่การแสดงออกที่มีคือ สนามปูนใต้ทางด่วนดินแดง กับช่วงเวลามืดค่ำดึกดื่น ท่ามกลางแสงไฟสปอร์ตไลท์ ห้วงเวลาที่ผู้คนมากมายหลับใหล และอ่อนเพลียจากการวิ่งตามหาความสุขจอมปลอม แต่คนกลุ่มนี้ก็กลับกำลังวิ่งไล่ลูกกลมๆ เพื่อผลิตและเพิ่มพูนความสุขที่แท้จริงของตัวเองอยู่อย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย

ด้วยความเป็นภาพยนตร์สารคดีสั้น ที่ไม่มีบท จุดเด่นจึงอยู่ที่ความสด ในบทสนทนาที่ลื่นไหล ความต่อเนื่องเกิดจากการที่ผู้สัมภาษณ์และผู้ถูกสัมภาษณ์เป็นคนเผ่าพันธุ์เดียวกัน และมีความรู้จักสนิทสนมกันในระดับหนึ่ง จึงทำให้บทสนทนาธรรมดากลายเป็นเสียงประสานขานรับกันของครอบครัวที่ส่งผ่านกระแสสุขให้แทรกซึมสู่กระแสเลือดของคนดูที่เป็นผู้สังเกตการณ์อย่างพวกเราได้อย่างกลมกล่อมละมุนละไม
เสียงบรรยายของเป็นเอกคือสิ่งที่ทำให้ภาพยนตร์เรื่องนี้กลายเป็นภาพยนตร์ได้อย่างสมบูรณ์ การนำพาผู้ชมให้เข้าสู่โลกที่เขายังไม่เคยเข้าไปสัมผัสในทำนองเชิญชวน และบทสรุปที่ไม่ได้ต้องการให้ใครมาจ่อมจมอยู่ในโลกใบเดียวกัน เพราะทุกคนก็ต่างมีโลกดังกล่าวด้วยกันทุกคน ถือเป็นการตอกย้ำความชัดเจนในเจตนารมณ์ของผู้สร้างได้เป็นอย่างดี

ภาพยนตร์สารคดีสั้นเรื่องนี้ไม่ได้นำเสนอเรื่องราวที่แปลกใหม่อะไรเลย สิ่งที่ผู้สร้างต้องการจะบอกเป็นสิ่งเดียวกันกับคำบอกกล่าวซ้ำซากที่พวกเราได้ฟังกันมาหลายครั้งหลายหนแล้ว ตั้งแต่พระพุทธเจ้า พระเจ้าของศาสนาต่างๆ ศาสดา นักบวชของศาสนานั้นๆ นักปราชญ์ ผู้บริหารบ้านเมือง นักธุรกิจ ตลอดจนพ่อค้า แม่ขายคนเดินดินต่าง ก็เคยบอกกล่าวกับเราถึงสิ่งนี้มาตลอด
ความสุขที่หลายต่อหลายคนควาญหา แลกด้วยหยาดเหงื่อ คราบน้ำตา ความกลัว ท้อแท้สิ้นหวัง เดินทางเสาะหาเป็นหมื่นลี้พันไมล์ แล้วก็ยังตอบตัวเองไม่ได้เสียทีว่าความสุขของตัวเองอยู่ที่ใด

เชื่อเหลือเกินว่าการนำคำบอกเล่าเดิมๆ มาย้ำเตือนใหม่ของเป็นเอกและเพื่อนนี้ น่าจะทำให้ใครต่อหลายคนที่กำลังวิ่งวนไล่งับหางตัวเองอยู่ เหลียวกลับมามองกลุ่มนักฟุตบอลผู้มีความสุขล้นหลามใต้ทางด่วน คนกลุ่มที่ไม่ได้มีเงินทองมากกว่าพวกเรา คนกลุ่มที่ไม่ได้มีชีวิตที่เหนือไปกว่าพวกเราในด้านของการดำรงอยู่ คนธรรมดาๆที่เราเดินสวนกันตามป้ายรถเมล์ แต่คนกลุ่มเล็กๆเหล่านี้กลับล่วงรู้ความลับที่เสมือนเส้นผมบังภูเขาจากการไม่ฝืนธรรมชาติของตนเอง ความลับของความสุข สิ่งที่หลายต่อหลายคนอยากได้



นับตั้งแต่เครดิตสุดท้ายเลื่อนผ่านไป คงจะมีคนจำนวนเพิ่มขึ้นที่รู้ซึ้งถึงการเดินตามหาความสุขที่พวกเราหลงลืมและจงใจละทิ้งธรรมชาติของตนเองไปว่าคืออะไร ต่อไปนี้ถ้ามีใครถามหาถึงความสุข ว่าแท้จริงแล้วมันอยู่ที่ไหนกับผลผลิตจำนวนหนึ่งที่เดินเข้าไปใช้เวลา 22 นาทีกับภาพยนตร์เรื่องนี้ หลายคนคงจะยิ้มและตอบกลับไปได้อย่างง่ายดายว่า “ที่นี่ เดี๋ยวนี้”

หมายเหตุ : ภาพยนตร์สารคดีสั้นเรื่อง Total Bangkok จะเข้าฉายที่โรงภาพยนตร์ลิโด 2 ก่อนภาพยนตร์เรื่อง Driving Lessons ฉาย ตั้งแต่วันที่ 14 – 27 ธันวาคมนี้




Create Date : 26 ธันวาคม 2549
Last Update : 26 ธันวาคม 2549 3:34:30 น. 2 comments
Counter : 571 Pageviews.

 
แวะมาทักทาย


โดย: tai (taibangplee ) วันที่: 26 ธันวาคม 2549 เวลา:9:34:59 น.  

 
อยากดู
ชอบเป็นเอกง่ะ


โดย: มอสทาร่ายักษ์ วันที่: 26 ธันวาคม 2549 เวลา:12:48:31 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ไข่เหลิม
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add ไข่เหลิม's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.