James Purdey&Son :Shotgun and Rifle maker



Purdey Over & Under gun with large scroll & game scene engraving on a silver finish action

Since 1814, the name James Purdey & Sons Ltd, Shotgun and Rifle Makers has been synonymous with quality gunmaking. From their Mayfair headquarters in London, the two hundred year-old company has built a reputation for making some of the finest firearms the world has ever seen.

With all their shotguns and rifles made to order, handcrafted and individually tailored in every respect, the manufacture prides itself on its beautiful traditional craftsmanship – it takes something like 700 man-hours to craft a Purdey gun – combined with modern computerized modeling and machining. From the very start of the careful, year-long build process until final delivery of each of the seventy or so guns they make every year, Purdey & Sons inspires each customer with a sense of heritage, luxury, and exclusivity. Not only is the workmanship sublime, but all raw materials brought in to make the guns have to be the best in their category.

It can be said that Purdey’s rise to the iconic status it enjoys today happened sometime in the 1870s, when they introduced a watershed side-by-side game gun with a revolutionary mechanism consisting of an easy-opening action and ejectors, which made it a real boon to hunters. By the 1880s, they had perfected the mechanism, and this design remains essentially unchanged in modern shotguns till this day. In fact, the marque's excellence in its craft was such that there was a period in time when all nine monarchs of Europe were Purdey customers.


Purdey Side By Side game gun with large scroll & game scene with gold inlay

The Wars.

And then the great wars happened. During the era of World Wars I and II, Purdey, like all the great British manufacturers, were suppliers to the wartime effort. In all, 14000 Purdey rifles were made before the first World War. Between then and the end of WWII, another ten to eleven thousand were made. As such, not all Purdeys are necessarily the ornate items they are today.

In actuality, the era of ornate “art guns” really only began after the end of the 2nd World War. The market for bespoke firearms, however, is understandably a very small niche, made up of extremely discerning customers. The detail involved in making a Purdey results in a waiting time of about a year for one, and the exclusivity of their guns is such that there are just 30 – 50 individual orders each year.







 

Create Date : 11 พฤศจิกายน 2549    
Last Update : 11 พฤศจิกายน 2549 9:39:09 น.
Counter : 846 Pageviews.  

รวบรวมปืน ที่ไม่ค่อยได้เห็น จาก บก.ทบ.


เริ่มด้วย HK21 ปืนกลเบาขนาด 7.62


steyr aug


HK33 อันคุ้นตาของหนุ่ม รักษาดินแดน


G36E พร้อม C-Mag ขนาด 100 นัด


minimi mk-I คราวนี้มาพร้อมกล่อง 200 นัด เคียงข้างกับ RPG-7


ภาพนี้ดูแล้วได้อารมณ์ดีครับ M-16A2 ติดศูนย์จุดแดงแบบ aimpoint


สห พร้อม Colt M653 ปืนคาร์ไบน์ที่ใช้ชิ้นส่วนข้างในของ M-16A1 ครับ


มาถึงปืนจากอิสราเอล IMI Galil





 

Create Date : 22 ตุลาคม 2549    
Last Update : 22 ตุลาคม 2549 16:36:03 น.
Counter : 2060 Pageviews.  

ปืนเล็กยาวตระกูลอาก้าของรัสเซีย

โดย ร.ท.ไทย ฤทธิ์ประเสริฐ

......................ลัทธิมาร์ก-เลนิน หรือลัทธิสังคมนิยม หรือลัทธิคอมมิวนิสต์ที่คุยนักคุยหนาว่า เป็นลัทธิที่อยู่เคียงข้างประชาชน ช่วยฉุดประชาชนให้พ้นจากความยากจนและไม่มีการแบ่งชนชั้น ไม่มีคนจนไม่มีคนรวย แต่เอาเข้าจริงๆ ก็หนีไม่พ้นความหายนะ ชนชั้นกรรมาชีพหรือกรรมกรก็ถูกชนชั้นปกครองกดขี่ข่มเหงเอารัดเอาเปรียบอยู่ร่ำไป สุดท้ายก็เสื่อมความนิยมจนพี่เบิ้มสาธารณรัฐโซเวียตรัสเซียแตกออกเป็นหลายเสี่ยง เกิดเป็นรัฐใหม่ขึ้นอีกหลายรัฐ


Karl marx


ในห้วงของการเผยแพร่ลัทธิสังคมนิยมเข้าไปยังประเทศที่นิยมระบอบประชาธิปไตยนั้น ก็มีทั้งกลุ่มผู้ที่อยากลองอยากรู้และกลุ่มที่ต่อต้าน ซึ่งมีการปราบปรามและต่อสู้กันอย่างหนัก อาวุธที่ฝ่ายสังคมนิยมใช้ในการต่อสู้เป็นที่รู้จักกันอย่างกว้างขวาง นั่นคือ ปืนเล็กยาวอาก้าซึ่งพี่เบิ้มรัสเซียเป็นผู้ผลิตขึ้น แล้วแจกจ่ายไปให้กับพวกที่อยู่ในกลุ่มสังคมนิยมด้วยกัน ปัจจุบันปืนตระกูลนี้ยังสืบเชื้อสายแตกลูกแตกหลาน ขยายเผ่าพันธ์ไปทั่วโลกเช่นเดียวกับปืนตระกูลเอ็ม-16 ของอเมริกา ปืนเล็กยาวอาก้า เดิมชื่อว่าปืน Kalashnikov ซื้งออกแบบโดย Mikhail Kalashnikov


Mikhail Kalashnikov สมัยยังละอ่อน

เหตุที่ได้ชื่ออย่างนี้ก็เพราะเป็นชื่อของผู้ที่คิดประดิษฐ์ปืนแบบนี้ขึ้นและได้รับการบรรจุเข้าประจำการในกองทัพของสหภาพโซเวียตรัสเซียในปี ค.ศ.1947 จากนั้นก็ได้วิวัฒนาการเรื่อยมา MIKHAIL TIMOFEEVICH KALASHNIKOV เกิดเมื่อวันที่10 พฤศจิกายน ค.ศ.1919 ที่หมู่บ้านKurya ที่ดินแดนเทือกเขาAltai ตระกูลของคาลาชินิคอฟ เป็นตระกูลใหญ่ ภายหลังที่จบชั้นปีที่ 9 จากโรงเรียนระดับกลาง คาลาชนิคอฟต้องการไปฝึกทำงานที่สถานีรถไฟมาไต เพื่อจะได้มีงานทำซึ่งในเวลาต่อมาเขาก็ได้งานทำสมใจ เขาเป็นเสมียนเทคนิคที่กรมรถไฟเตอกิสถาน-ไซบีเรียน ปี ค.ศ.1938 เขาถูกเรียกตัวเข้ากองทัพแดง ประจำการในกองทัพพิเศษที่เมืองเคียบ และที่นั่นเขาได้เข้าเรียนในโรงเรียนเทคนิครถถัง จนสำเร็จการศึกษา

ปืนเล็กยาวคาราชนิคอฟที่บรรจุเข้าประจำการในกองทัพโซเวียต ต่อมาได้ชื่อว่าปืนเล็กยาว AK-47 ได้ถูกผลิตขึ้นเรื่อยไปจนถึงปี ค.ศ. 1959 และตั้งแต่ ค.ศ.1959 เป็นต้นมา เป้าหมายของการผลิตปืนเล็กยาวกึ่งอัตโนมัติแบบใหม่ๆ ต้องการเทคนิคและคุณลักษณะในการปฏิบัติการที่มีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้นและในเวลาเดียวกันก็ได้รับการพัฒนาขึ้นเป็นปืนกลเบา (Light Machine Gun) ที่มีพานท้ายสามารถพับได้และพับไม่ได้ โดยนำเอาปืนเล็กยาวกึ่งอัตโนมัติแบบ RPK-47 มาเป็นพื้นฐาน

...................ค.ศ.1961 ปืนกลแบบต่างๆ ของคาลาชนิคอฟเป็นที่ยอมรับของกองทัพคือ ปืนกลหนัก PK ปืนกลหุ้มเกราะ PKB, และปืนกลประจำรถถัง PKT ระหว่างปี ค.ศ.1960 -1970 งานสร้างสรรค์ปืนแบบกึ่งอัตโนมัติที่ใช้หัวกระสุนเป็นตัวกำหนดขนาดของลำกล้องปืนเพิ่งจะเริ่มต้นขึ้น จุดประสงค์ก็คือ เป็นการเพิ่มพูนประสิทธิภาพในการรบและมีคุณลักษณะที่คล่องแคล่วในการปฏิบัติการ จากความพยายามทดลองหาประสบการณ์ในการสร้างสรรค์อาวุธที่มีประสิทธิภาพ คาราชนิคอบได้เลือกใช้กระสุนเหล็กขนาด 5.45 x39 มม.
...................ค.ศ.1974 อาวุธสงครามที่เป็นปืนเล็กยาวกึ่งอัตโนมัติและปืนกลเบาสำหรับหน่วยทหารได้รับการพัฒนาขึ้นโดยใช้หัวกระสุนขนาดดังกล่าวเป็นตัวกำหนด
...................ค.ศ.1990 กองทัพบกรัสเซียได้จัดหาปืนเล็กยาวแบบกึ่งอัตโนมัติแบบของคาลาชนิคอบ มา ใช้คือปืนเล็กยาวอาก้ารุ่นใหม่ AK-74M โดยมีพานท้ายปืนเป็นพลาสติกแบบพับได้ และศูนย์หน้าแบบศูนย์ในมีด ศูนย์หลังสามารถใช้เล็งยิงในเวลากลางคืนได้
# ...................ในปี ค.ศ.1991 ปืนอาก้า AK-74M ได้ถูกนำไปปรับปรุงเป็นปืนกลเบา RPK-74M โดยใช้กระสุนขนาด 5.45 มม.เข้าประจำการในกองทัพ หลังจากนั้นก็ได้รับการปรับปรุงออกมาเป็นปืนกลเบาอีก 4 แบบ ทุกวันนี้ ปืนของคาลาชนิคอบในชุด ซีรีย์ 100 ได้รับการพัฒนาขึ้นตามภารกิจที่แตกต่างกันไป รวมทั้งมีการกำหนดชื่อตามขนาดของกระสุนและการส่งออกจำหน่าย คือ AK -101 คือปืนเล็กกลขนาด 5.56 มม. คาลาชนิคอฟ ใช้กระสุน 5.56x45 มม ของนาโต้


# AK -102 เป็นปืนชนิดเดียวกับแบบ AK -101 แต่มีลำกล้องสั้นกว่า


# AK -103 เป็นปืนเล็กกลคาลาชนิคอฟขนาด 7.62 มม. ใช้กระสุน 7.62x39 มม.


# AK -104 เป็นปืนชนิดเดียวกับ AK -103 แต่ลำกล้องสั้นกว่า


# AK -105 เป็นปืนกลคาลาชนิคอฟ ขนาด 5.45 มม.ลำกล้องสั้น ใช้กระสุนขนาด 5.45x39 มม.


.................ค.ศ.1993 ในกรอบของการทำงานระหว่างอุตสาหกรรมอาวุธป้องกันประเทศ Izhmash กับบริษัทร่วม เพื่อทำการพัฒนาอาวุธปืนเล็กสั้นล่าสัตว์แบบบรรจุเองชื่อ "Saiga" ได้นำเอาพื้นฐานของปืนเล็กยาวกึ่งอัตโนมัติของคาลาชนิคอฟไปใช

.................ปัจจุบัน อาวุธขนาดเล็กที่นำหลักการของปืนคาลาชนิคอบไปใช้มีมากมายหลายรูปแบบ เช่น AK-47 เป็นอาวุธที่พัฒนาสำหรับทหารราบยานยนต์ บรรจุเข้าประจำการในกองทัพบกสหภาพโซเวียตเมื่อปี ค.ศ. 1949 ไม่ติดดาบปลายปืน ใช้กระสุนขนาด 7.62x39 มม. ความยาวปืนทั้งกระบอก 870 มม. ลำกล้องยาว 415 มม. ภายในลำกล้องมีเกลียว 4 เกลียว แม็กกาซีนบรรจุกระสุน 30 นัด ระยะยิงหวังผลที่ 800 เมตร อัตราการยิงสูงสุด 600 นัด/นาที อัตราการยิงเป็นชุดๆ ละ 3 นัด 400 นัด/นาที อัตราการยิงทีละนัด 90-100 นัด/นาที ความเร็วต้นของกระสุน ณ ปากลำกล้อง 700 เมตร/วินาที ระยะยิงไกลสุด 1,500 เมตร น้ำหนักปืนเปล่า 4,300 กรัม น้ำหนักปืนพร้อมแม็กกาซีนบรรจุ 30 นัด หนัก 4,876 กรัม


# AK-101 Assault Rifle เป็นปืนเล็กยาวที่บรรจุกระสุน 30 นัด พานท้ายแบบพลาสติกพับได้แท่นติดตั้งกล้องเล็งในเวลากลางคืนติดที่โครงปืน ใช้พลาสติกเป็นส่วนประกอบกล้องร่วมกับเหล็ก เช่น ประกับลำกล้องและด้ามจับเป็นต้น ใช้กระสุนขนาด 5.56x45 มม.ของนาโต แม็กกาซีนบรรจุกระสุน 30 นัด ความยาวปืนทั้งกระบอก 943 มม. เมื่อพับพานท้ายแล้วยาว 700 มม. ลำกล้องยาว 415 มม. ระยะยิงหวังผล 1000 เมตร น้ำหนักปืนเปล่า 3,400 กรัม อัตราการยิง 600 นัด/นาที



# AK-105 Small-size Assault Rifle ลักษณะเด่นของปืนรุ่นนี้คือ บรรจุกระสุนด้วยแม็กกาซีนจำนวน 30 นัด พานท้ายแบบพลาสติกพับได้ แท่นติดกล้องเล็งในเวลากลางคืนอยู่ที่โครงปืนประกับลำกล้องและด้ามปืนใช้พลาสติก ใช้กระสุนขนาด 5.45 มม. ความยาวปืนทั้งกระบอก 824 มม. เมื่อพับพานท้ายแล้วยาว 586 มม. ลำกล้องยาว 314 มม. ระยะยิงหวังผล 500 เมตร น้ำหนักปืนเปล่าหนัก 3,000 กรัม แม็กกาซีน บรรจุกระสุน 30 นัด อัตราการยิงสูงสุด 600 นัด/นาท



# Saiga 5.6S Self-Loading Haunting Carbine ปืนเล็กสั้น แบบล่าสัตว์ ขนาด 5.6S "Saiga" เป็นปืนที่ระบบกลไกการยิงจะไม่ทำงาน เมื่อพับพานท้ายปืนไว้ ระยะยิงหวังผล 300 เมตร แม็กกาซีนบรรจุกระสุน 10 นัด น้ำหนักปืนเปล่า 3,600 กรัม ความยาวปืนทั้งกระบอก 985 มม. ความยาวปืนเมื่อพับพานท้าย 745 มม. ลำกล้องยาว 520 มม. ใช้กระสุนขนาด 5.6x39 มม.


นอกจากสหภาพโซเวียตรัสเซียจะผลิตขึ้นเองแล้ว ประเทศอื่นๆ ก็ยังนำไปปรับปรุงใหม่และทำการผลิตขึ้นใช้ในกองทัพของตนด้วย เช่น
.................ปืนเล็กยาวโจมตีของฮังการี (AMD-65 Assault Rifle) รุ่น AMD-65 นี้ มีความมุ่งหมายในการผลิตขึ้นเพื่อนำไปใช้กับทหารราบยานยนต์ ได้รับการพัฒนามาจากรุ่น AKM จุดเด่นของแบบนี้คือใช้ไม้ทำพานท้ายและด้ามปืน ใช้กระสุนขนาด 7.62x39 มม. Model 1943 ความยาวทั้งกระบอก 880 มม. ลำกล้องยาว 415 มม. น้ำหนักปืนเปล่า 3,125 กรัม ระยะยิงหวังผล 1,000 เมตรและแบบพานท้ายพับสำหรับหน่วยทหารพลร่มใช้ มีขนาดกระสุนอย่างเดียวกับแบบแรก ความยาวปืนทั้งกระบอก 847 มม. พับพานท้ายยาว 648 มม. ลำกล้องยาว 317 มม. น้ำหนักปืน 3,210 กรัม ระยะยิงหวังผล 800 เมตร


.................ปืนเล็กยาวโจมตีของจีน (56-1 Assault Rifle) เป็นปืนเล็กยาวโจมตีที่มีจุดประสงค์ในการผลิตเพื่อนำไปใช้ในหน่วยทหารราบเคลื่อนที่ ดาบปลายปืนสามารถพับไปตามแนวลำกล้องปืนได้แต่ถอดออกจากปากกระบอกปืนไม่ได้ เป็นปืนเล็กยาวที่พัฒนามาจากรุ่น AKM ที่ส่งออกจำหน่าย มีตัวอักษรลาติน L และ D ที่คันปรับการยิง ใช้กระสุนขนาด 7.62x39 มม. M 1943 ความยาวปืนทั้งกระบอกเมื่อพับดาบปลายปืน 872 มม. ลำกล้องยาว 415 มม. น้ำหนักปืน 3,570 กรัม แบบที่ใช้กับหน่วยทหารพลร่มยาว 880 มม. เพื่อพับพานท้ายยาว 640 มม. น้ำหนัก 3,870 กรัม


.................ปืนเล็กยาวโจมตีของอียิปต์ (MISR Assault Rifle) คุณลักษณะเช่นเดียวกับรุ่น AKM แต่มีน้ำหนักปืน 3,445 กรัม NSAS Automatic Rifle ปืนเล็กยาวโจมตีของอินเดีย กองทัพอินเดียได้นำปืน AK-74 มาปรับปรุงขึ้นใหม่ เป็นปืนเล็กยาวแบบอัตโนมัติ มันสามารถยิงได้ทั้งทีละนัด และทีละ 3 นัด แม็กกาซีนทำจากวัสดุที่มีน้ำหนักเบา เช่น พลาสติกและโลหะเบาอื่นๆ พานท้าย ด้ามปืน และด้ามจับถืออันหน้าทำจากไม้ สลักห้ามไกอยู่ที่โกร่งไกปืน ทางด้านลำกล้องจะมีเครื่องรับแรงถอย มีแท่นยึดด้ามดาบปลายปืนติดอยู่ที่ลำกล้องปืนตอนหน้า ใช้กระสุนขนาด 5.56x45 มม. ความยาวปืน 940 มม. ลำกล้องยาว 460 มม. แม็กกาซีนบรรจุกระสุน 20 นัด น้ำหนักปืนเปล่า 3.465 กก. ระยะยิงหวังผล 400 เมตร
.................ปืน AK -47S ของอเมริกา (AK- 475 Self-Loading Carbine) ปืนเล็กสั้นแบบนี้ปรับปรุงมาจากปืนเล็กยาว AKM โครงปืนปั้มตัวอักษรเป็นภาษาอังกฤษ คำว่า "B_ West Tucson AZ AK 47S 7.62 mm Made in USA" ขนาดปากลำกล้อง 7.62 มม. ความยาวปืน 865 มม. ลำกล้องยาว 415 มม. น้ำหนักปืนเปล่า 3.275 กก. ระยะยิงหวังผล 800 เมตร
.................ปืนเล็กยาวของโรมาเนีย (Romanian Model MK-11 & C.U.R.-2) ขนาดปากลำกล้อง 5.45 มม.ระยะยิงหวังผล 1,000 เมตร เป็นปืนเล็กยาวแบบกึ่งอัตโนมัติ ภายในลำกล้องมีเกลียว 6 เกลียวเวียนขวา น้ำหนักปืน 3,200 กก. ความยาวปืน 940 มม. ลำกล้องยาว 415 มม.
.................ปืนเล็กยาวโจมตีของเกาหลีเหนือ (58 Assault Rifle) เป็นปืนเล็กยาวโจมตีที่ปรับปรุงมาจากปืน AK-47 ให้เป็นปืนโจมตีที่มีน้ำหนักเบา ใช้กระสุนขนาด 7.62x39 มม. M 1943 ความยาวปืน 890 มม. ลำกล้องยาว 415 มม. น้ำหนักปืน 3.445 กก.
.................ปืนเล็กยาวโจมตีของบุลกาเรีย (AK-47 Light-Weight Assault Rifle) ใช้กระสุนขนาด 7.62x39 มม. M 1943 ความยาวปืน 875 มม. ลำกล้องยาว 415 มม. น้ำหนักปืน 3.727 กก.

.................ปัจจุบัน การพัฒนาปืนเล็กยาวของรัสเซียเองก็ได้พัฒนาให้มีประสิทธิภาพขึ้นเรื่อยๆ จนสามารถใช้งานได้อย่างอเนกประสงค์ไม่แพ้ปืนเล็กยาวของประเทศอื่น
.................ปืนกลเบา RPK-74N2 ติดกล้องเล็งอินฟาเรค ปืนกลเบารุ่นนี้สามารถติดตั้งกล้องเล็งอินฟาเรดที่ใช้เล็งในเวลากลางมือได้ แตกต่างจากรุ่น RPK-74 ซึ่งเป็นปืนกลเบารุ่นมาตรฐาน และรุ่น RPK-47N เป็นปืนกลเบาที่ใช้เล็งในเวลากลางคืน ทั้งหมดทุกรุ่นพานท้าย ประกบลำกล้องและด้ามจับปืนทำจากวัสดุพิเศษ


.................ปืน AK-46 รุ่นทดลองใช้งานซึ่งใช้ประจำการเมื่อ ค.ศ. 1946 AK-46 Experimental Assault Rifle No.1 (1946) เป็นอาวุธที่ทำงานด้วยแก๊ส ลูกสูบและก้านทำติดกันเป็นอันเดียวกันและดึงลูกเลื่อนไปอย่างช้าๆ โครงปืนเป็นแบบปั้มขึ้นรูป ระบบการยิงออกแบบไว้สำหรับยิงทีละนัดและยิงแบบอัตโนมัติ สลักห้ามไกและสลักควบคุมการยิงติดตั้งอยู่ทางด้านซ้ายของโครงปืน ด้ามปืนเป็นไม้ที่มีเหล็กเป็นตัวปืนยึดติดกับโครงปืน พานท้ายด้ามจับและประกับลำกล้องใช้ไม้ทั้งหมด เจาะรูปรับแก๊สไว้ 3 ขนาด เรียงกันเป็นแนวตั้งฉากกับลำกล้อง สามารถปรับแก้แรงดันแก๊สให้พอดีกับระยะหน้าลูกเลื่อนที่ดึงจานท้ายปลอกกระสุนออกไปและดันกระสุนนัดใหม่เข้ารังเพลิง ใช้กระสุนขนาด 7.62x41 มม. M 1943 ความยาวปืน 895 มม. ลำกล้องยาว 397 มม. แม็กกาซีนบรรจุกระสุน 30 นัด ระยะยิงหวังผล 800 เมตร น้ำหนักปืนเปล่า 4.106 กก. .

................. กองทัพบกอิสราเอลไม่พอใจกับปืนเล็กยาว FN FAL ขนาด 7.62 มม.ที่จัดหามาให้จำนวนมาก มันเหมือนกับว่าปืนดังกล่าวมีคุณภาพไม่ดีพอกับการปฎิบัติการให้บรรลุความสำเร็จในสภาพ แวดล้อมที่เป็นทรายและฝุ่นผงที่มีอยู่จำนวนมาก กาลิลลี่ต้องการทดสอบอาวุธทุกชนิดกับปัญหาที่มีอยู่ในสนามอย่างตรงไปตรงมา เขาเป็นผู้บอกให้ทุกคนทราบว่าปืนเล็กยาวโจมตีแบบคาลาชนิคอบเป็นเสือแห่งทะเลทราย เขาต้องการอะไรจากปืนเล็กยาวโจมตี AK-47 ที่ พ.อ.คาลาชนิคอฟเป็นผู้คิดประดิษฐ์มันขึ้นมา กาลิลลี่วางตำแหน่งปืนเล็กยาวในอุดมคติของเขาที่จะใช้ในการต่อสู้ดิ้นรนเพื่อให้อิสราเอลอยู่รอดปลอดภัยคือปืนเล็กยาวที่รวมเอาคุณสมบัติที่ดีเยี่ยมของปืน แบบMI6AI,Stoner 63,AK-47,HK-33 หรือปืนที่ออกแบบโดยอูเซี่ยล กาล (UZIEL GAL)ไว้ทั้งหมด ปืนกาลิลจึงได้รับมรดกตกทอดมาจากปืนเล็กยาวของคาลาชนิคอฟอย่างชัดเจน กล่าวได้ว่าเป็นอาวุธที่นำแบบอย่างความทรหดอดทนของปืนเล็กยาว AK-47 มาปรับปรุงขึ้นใช้ ความที่เคยชำเรืองมองผ่านๆ จากที่เห็นเป็นครั้งแรก ไม่สามารถจะเห็นความแตกต่างได้อย่างชัดแจ้ง กาลิลสามารถยิงได้จากตำแหน่งลูกเลือนปิดและปราศจากการปรับแต่งแรงดันของแก๊ส การเปลี่ยนขนาดของลำกล้องจาก 7.62 คูณ 39 มม. ไปเป็น 5.56 มม. นาโต มีสิ่งที่ต้องแก้ไขหลายอย่าง แต่เขาก็ปรับปรุงมันได้สำเร็จ

................. ปืนเล็กยาวในตระกูลนี้ อิสราเอลกำหนดชื่อขึ้นใช้ว่า ปืนเล็กยาวกาลิล (Galil 5.56 mm Assault Rifle)เป็นปืนเล็กยาวที่ใช้ลำกล้อง 2 ขนาด คือ 5.56x45มม. นาโต และ 7.62x51 มม.

ประกอบด้วยลูกพี่ลูกน้อง หลักๆ 3 แบบคือ
แบบ AR เป็นปืนเล็กยาวที่ใช้ในหน่วยทหารราบ
แบบ ARM
เป็นปืนกลเบาที่ใช้สนับสนุนการดำเนินกลยุทธของหมู่ปืนเล็กประกอบด้วยขาทรายและหูหิ้ว แบบ SAR เป็นปืนเล็กยาวขนาดลำกล้องสั้น ที่ใช้ในการจู่โจมหรือโจมตีข้าศึกสำหรับหน่วยรบพิเศษ พลร่มและพลประจำรถถัง
นอกจากนั้นยังมีแบบ MAR ซึ่งเป็นปืนเล็กยาวอัตโนมัติขนาดเล็กใช้กระสุนขนาด 5.56x45มม. เพียงขนาดเดียว เพื่อใช้ในภารกิจรักษาความปลอดภัยบุคคลสำคัญ
และแบบ Sniper เป็นปืนเล็กยาวติดกล้องเล็งสำหรับภารกิจพิเศษ ใช้กระสุนขนาด 7.62x51 มม. เพียงขนาดเดียวเช่นกัน






จะเห็นได้ว่า อาก้าของรัสเซียก็เป็นอาวุธสงครามที่ไม่ธรรมดาเหมือนกัน พิษสงของมัน ทหารเก่าหลายคนที่เคยต่อกรกับผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์ระหว่างปี พ.ศ.2508-2524 จะรู้ได้ดี ฝังดินเอาไว้เป็นปียังสามารถหยิบขึ้นมายิงได้ ความรวดเร็วในการยิง ประสิทธิภาพในการใช้งาน เทียบชั้นได้กับเอ็ม-16 ของอเมริกา บางสภาวะอาจดีกว่าเอ็ม-16 ด้วยซ้ำ แน่หรือไม่แน่ อเมริกาก็เลียนแบบ นำไปผลิตขึ้นใช้ด้วย




 

Create Date : 21 ตุลาคม 2549    
Last Update : 21 ตุลาคม 2549 23:11:25 น.
Counter : 6448 Pageviews.  

Pararescue Jumper

ภารกิจอันตรายในพื้นที่ยึดครองของข้าศึกคือการช่วยเหลือใครสักคนที่ประสบอุบัติเหตุระหว่างปฏิบัติการณ์ พลร่มกู้ภัย PJ (Pararescue Jumper) จะถูกเรียกหา อยากรู้หรือไม่ หน่วย PJ คือใคร…งานของพวกเขาคืออะไร…และทำไมจึงมีคำกล่าวประจำหน่วยว่า “THAT OTHERS MAY LIVE… เพื่อชีวิตผู้อื่นอยู่รอด”!!



ในกองทัพอากาศของประเทศที่มีศักยภาพทางทหารนั้น การจะสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ผู้ทำการในอากาศทั้งหลายอันหมายถึง นักบินและเจ้าหน้าที่ฝ่ายต่างๆ ที่จะต้องปฏิบัติการบนอากาศยานนั้น ก็คือการ ช่วยชีวิตพวกเขา กลับมาให้ได้อย่างปลอดภัย เมื่อเกิดกรณีต่างๆ อันเป็นเหตุให้อากาศยานต้องลงจอด หรือตกในพื้นที่ใดก็ตาม โดยเฉพาะพื้นที่การรบหรือดินแดนข้าศึกยึดครองซึ่งมีอันตรายสูงสุดแล้ว กองทัพก็จำเป็นต้องมีหน่วยงานขึ้นมาสักหน่วยหนึ่ง เพื่อทำหน้าที่ในการออกไปค้นหาและช่วยชีวิต ผู้ทำการในอากาศซึ่งประสบเหตุกลับมาให้ได้ เพื่อเป็นหลักประกันว่า การส่งผู้ทำการในอากาศออกไป



ปฏิบัติภารกิจนั้นจะมีการรองรับด้านความปลอดภัยให้อย่างดีที่สุดเท่าที่จะสามารถทำได้ หน่วยงานที่ทำหน้าที่ค้นหาและช่วยชีวิตนี้จึงคือกำเนิดขึ้นมา
การก่อตั้งของหน่วยงานนี่นั้น
กล่าวได้ว่า กองทัพอากาศสหรัฐฯ เป็นหน่วยแรกที่จัดตั้งให้มีอย่างเป็นเรื่องเป็นราวโดยเริ่มในช่วงสงครามเวียดนาม และมีความเกี่ยวพันกับประเทศไทยเพราะตอนนั้นใช้ฐานบินในประเทศไทยเป็นที่ก่อตั้งและจัดวางกำลังเมื่อเวลามีเหตุเครื่องบิน หรือ ฮ.ถูกยิงตกในเวียดนามเหนือ จะได้ส่งชุดค้นหาและช่วยชีวิตเข้าไปช่วยออกมา หน่วยงานนี้จะใช้ชื่อว่า หน่วยพีเจ PJ : Pararescue Jumper ทำงานร่วมอย่างใกล้ชิดกับเฮลิคอปเตอร์ปฏิบัติการพิเศษ โดยร่วมกันจัดเป็นทีมขึ้นมา หน่วย PJ นี้หากเรียกแบบไทยจะใช้ชื่อว่า “เจ้าหน้าที่ค้นหาและช่วยชีวิต” แต่เรียกแบบอเมริกันจะเป็น “พลร่มกู้ภัย” หรือ เรียกย่อๆ “ พีเจ ” นั่นเอง



PJ จัดเป็นหน่วยรบพิเศษของทหารอากาศ สังกัดอยู่ในฝูงบินปฏิบัติการพิเศษต่างๆ ส่วนของไทยจะขึ้นอยู่กับ กรมปฏิบัติการพิเศษ หน่วยบัญชาการอากาศโยธิน กองทัพอากาศ ซึ่งมีความผูกผันใกล้ชิดระหว่างไทยและสหรัฐฯ เป็นอย่างดี หน่วยพีเจ และ ฮ.ปฏิบัติการพิเศษจะต้องทำการฝึกเหนือกว่าหน่วยทั่วๆ ไป โดยหน่วย ฮ.จะฝึกการบินเพื่อการปฏิบัติการพิเศษโดยเฉพาะ และ ทำการได้ทั้งกลางวันและกลางคืน ส่วนพีเจนั้นจะฝึกหลักสูตรการรบพิเศษและหลักสูตรการแพทย์สนาม ต้องทำการช่วยชีวิตผู้ที่บาดเจ็บและนำพาผู้นั้นออกจากพื้นที่เพื่อนำกลับมาทำการรักษาให้ได้ แม้ว่าจะต้องจู่โจมเข้าไปในพื้นที่การรบหรือพื้นที่ยึดครองของข้าศึกอยู่ก็ตาม ผู้ที่จะมาประจำอยู่ในหน่วยได้จึงต้องมีความกล้าหาญและมีทักษะในการที่จะทำการรักษาพยาบาลผู้ที่บาดเจ็บซึ่งอาจจะร้ายแรงได้เป็นอย่างดี เพราะในการฝึกนั้นผู้เข้ารับการฝึกจะต้องหัดให้น้ำเกลือแก่ตนเองให้ได้เสียก่อนๆ ที่จะไปช่วยเหลือผู้อื่นได้ ซึ่งยังไม่รวมถึงการปฐมพยาบาลบาดแผลฉกรรจ์จากอุบัติเหตุเครื่องบินตกหรือจากการรบอีกด้วย หน่วยพีเจจึงมีความแตกต่างจากหน่วยรบพิเศษของเหล่าทัพอื่นๆ ที่จุดนี้เอง สำหรับชุดปฏิบัติการค้นหาและช่วยชีวิตลักษณะนี้นั้น ในบางประเทศก็จะไม่มีการจัดตั้งขึ้นมาเป็นการเฉพาะแต่หากมีความจำเป็นจะใช้ หน่วยรบพิเศษอื่นๆ ให้ทำหน้าที่นี้แทน



ในปฏิบัติการ Iraqi Freedom หรือสงครามอิรักรวมถึงสงครามที่อัฟกานิสถาน ครั้งใหม่นี้หน่วย พีเจ และ ฮ. ปฏิบัติการพิเศษแบบ HH-60G Pave Hawk ต่างก็ได้ร่วมปฏิบัติภารกิจเสี่ยงภัยกันอีกครั้ง พวกเขาต้อง ทำการฝึกร่วมท่ามกลางเปลวแดด ที่ทิ่มแทงเข้าไปทะลุเนื้อผ้าที่ปกปิดร่างกาย ไอและละอองฝุ่นที่จับตามอวัยวะต่างๆ รวมถึงรบกวนโรเตอร์ และ เครื่องยนต์ของฮ. ตลอดถึงอาจทำให้ปืนเล็กยาวทั้งหลายเกิดอาการติดขัดได้ง่ายๆ การฝึกถูกจัดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า การเข้าประจำการในฐานบินส่วนหน้าเพื่อสแตนด์บายรอคอยการเรียกให้ออกทำงานอันตรายที่ไม่เคยเลือกเวลาหรือสภาพอากาศก็เริ่มต้นขึ้น ในภารกิจของพวกเขาทำไปนั้นก็กระทำด้วยความกล้าหาญและจิตสำนึกอันเต็มเปี่ยมไม่เกรงกลัวแม้ภัยอันตรายที่รอคอยอยู่ข้างหน้า สมดังคำกล่าวประจำหน่วยที่ว่า “ THAI OTHERS MAY LIVE …เพื่อชีวิตผู้อื่นอยู่รอด “ นั่นเอง


hh-60g-pave-hawk





 

Create Date : 20 ตุลาคม 2549    
Last Update : 20 ตุลาคม 2549 21:55:27 น.
Counter : 2539 Pageviews.  


ไข่เหลิม
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add ไข่เหลิม's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.