เรื่องราวของชายผู้มีความหลัง
Group Blog
 
All blogs
 

วิเคราะห์แมตช์เยอรมัน-โปแลนด์ : เล่นเอาเหนื่อยกว่าอินทรีเหล็กจะชนะ ...

จากที่ผมได้ดูเยอรมันเจอกับโปแลนด์ในนัดนี้ ผมต้องบอกเลยว่าเล่นได้เฉื่อยแฉะเละเทะมาก

เกมนี้เยอรมันได้มิชาเอล บัลลัคกัปตันทีมกลับมาลงสนามอีกครั้งหลังจากหายจากอาการบาดเจ็บข้อเท้าจนลงสนามนัดแรกไม่ได้ ทำให้ทิม โบรอฟสกี้ต้องลงไปเป็นตัวสำรองตามเดิม นอกนั้นผู้เล่นทั้งหมดยังคงเป็นคนเดิมจากนัดที่ถล่มคอสตาริก้า 4-2 อีกทั้งยังมีเกร็ดที่น่าสนใจอีกตรงที่คู่กองหน้าของเยอรมันคือลูคัส โพดอลสกี้และมิโรสลาฟ โคลเซ่ มีเชื้อสายโปล โดยเกิดที่โปแลนด์และมาเติบโตในเยอรมันจนได้สัญชาติเยอรมันในที่สุด

รูปเกมของเยอรมันเมื่อเทียบกับนัดแรกที่เอาชนะคอสตาริก้า 4-2 แล้วจะเห็นได้ว่าในนัดที่เจอโปแลนด์ การต่อบอลดูขาด ๆ เกิน ๆ ไม่ค่อยเดินเกมสู้กับโปแลนด์เท่าไหร่นัก เน้นหนักไปในทางตั้งรับ และเล่นแบบไม่ผลีผลามสุ่มเสี่ยง เล่นช้าไม่เปิดเกมบดใส่โปแลนด์มากนัก ส่วนโปแลนด์เองก็เปิดเกมโหมใส่เยอรมันตลอดเวลา นักเตะโปลประสานงานกันอย่างมีวินัย และมีทีมเวิคที่ดี ซึ่งเมื่อดูโดยภาพรวมแล้ว จะเห็นว่ารูปเกมโปแลนด์เป็นต่อเยอรมันพอสมควร

เกมรับนั้น เยอรมันใช้แผงหลังชุดเดิมจากนัดเปิดสนาม ซึ่งมีอาร์เน่ ฟรีดริชเป็นแบ๊กขวา ฟิลิปป์ ลาห์มเป็นแบ๊กซ้าย แพร์ แมร์เตซัคเกอร์กับคริสโตฟ เม็ตเซลเดอร์เป็นเซนเตอร์ฮาล์ฟ รวมถึงมีตัวกวาดหน้าแผงหลังอย่างทอร์สเท่น ฟริงก์ส ในนัดก่อนนั้นแนวรับเยอรมันทำพลาดเยอะมาก ไม่ว่าจะเป็นการประสานงานที่ไม่ลงตัว โดยเฉพาะฟรีดริชซึ่งเช็คล้ำหน้าพลาดจนเสียประตูทั้ง 2 ลูกในนัดเปิดสนาม การยืนตำแหน่งที่ทับกัน และการเข้าสกัดพร้อมกันของเซนเตอร์ทั้งสองคนซึ่งทำให้แนวรุกของฝ่ายตรงข้ามหลุดเข้าไปสร้างอันตรายหน้าปากประตูได้มาก แต่ในนัดนี้ ทั้งแมร์เตซัคเกอร์ละเม็ตเซลเดอร์กลับเล่นสอดประสานกันได้เป็นอย่างดี มีการยืนซ้อนประสานงานกันในเกมรับมากขึ้น ไม่ก่อความผิดพลาดใด ๆ เลย ทำให้สกัดเกมรุกของโปแลนด์ได้ตลอด จนกองหน้าโปลทำอะไรไม่ได้มากนัก ไม่มีโอกาสยิงประตูเท่าไหร่ ในขณะที่ฟรีดริชก็ทำหน้าที่ในเกมรับได้ดีกว่าเดิม คุมพื้นที่ได้เหนียวแน่นมาก แต่ที่น่าตำหนิก็คือฟริงก์สเจ้าเก่า ซึ่งยังอ่อนในเรื่องการเข้าปะทะแย่งบอลจากผู้เล่นฝ่ายตรงข้าม จนบอลเข้ามาป้วนเปี้ยนที่แผงหลังมากเกินไป การเข้าแย่งของฟริงก์สนั้นดูเข้าพรวดพอสมควร ไม่มีการดึงจังหวะหรือเอาส่วนหนาของร่างกายไล่เบียดปะทะ รวมทั้งจังหวะการเข้าเสียบแย่งบอลก็พลาดบ่อย ซึ่งถ้าฟริงก์สไม่แก้ไขในจุดนี้ เวลาเล่นกันทีมใหญ่จะลำบากได้

เกมรุกนั้น ใช้นักเตะชุดเดิมเกือบหมด ฝั่งซ้ายเป็นบาสเตียน ชไวน์สไตเกอร์ ฝั่งขวาเป็นแบร์นด์ ชไนเดอร์ มิดฟิลด์ตัวรับก็เป็นฟริงก์สอย่างที่กล่าวมา จะมีแค่มิดฟิลด์ตัวจอมทัพที่เปลี่ยนจากทิม โบรอฟสกี้ในนัดแรกมาเป็นมิชาเอล บัลลัคกัปตันทีม กองหน้าใช้คู่เดิมคือมิโรสลาฟ โคลเซ่คู่กับลูคัส โพดอลสกี้ นัดนี้เยอรมันทำเกมแดนกลางไม่ดีนัก แผงมิดฟิลด์จ่ายบอลกันไม่แม่นยำ นักเตะริมเส้นอย่างชไวนี่และชไนเดอร์เปิดเกมสร้างอันตรายให้แนวรับของฝ่ายตรงข้ามได้เหมือนนัดแรก ในขณะที่บัลลัคก็เชื่อมเกมได้ไม่ดี จ่ายบอลกั๊ก ๆ บ่อยมาก เพื่อนร่วมทีมที่อยู่ว่าง ๆ ไม่ยอมจ่าย ชอบจ่ายตรงพื้นที่ที่มีฝ่ายตรงข้ามยืนอยู่มาก จะมีแค่การเปิดบอลยาวบางจังหวะที่ทำได้ดีพอใช้ ส่วนการเติมเกมรุกของวิงแบ๊กนั้น มีแค่ลาห์มที่ขึ้นบอลอันตรายตลอดทุกจังหวะ ขณะที่ฟรีดริชยังขึ้นเกมไม่น่ากลัว และเปิดบอลพลาดเป็นประจำ ทำให้เกมทางด้านขวาไม่ไหลลื่น และรูปเกมโดยรวมเองก็มักจะสะดุดเข้าทางนักเตะโปลมากเกินไปอีกด้วย

คู่กองหน้าในนัดนี้ ต้องบอกว่าพลาดหลายจังหวะ ที่น่าได้ประตูก็ไม่ได้ ไม่ว่าจะเป็นโคลเซ่ที่พลาดลูกยิงหรือลูกโหม่งบ่อยมาก แต่กระนั้นโคลเซ่ก็ยังลงมาล้วงบอลและผ่านบอลให้เพื่อนร่วมทีมทำเกมรุก ซึ่งก็ถือว่ามีประโยชน์มากกว่าคู่ขาคือโพดอลสกี้ที่แทบไม่วิ่งหาช่องทำประตูเลย เอาแต่ลงมาล้วงบอลจนไม่ได้วิ่งเข้าหาตำแหน่งที่เหมาะแก่การทำประตู ยิ่งกว่านั้นโพลดี้ยังแสดงให้เห็นว่ายังอ่อนประสบการณ์อยู่มาก ไม่นิ่งเท่าที่ควรในจังหวะการยิงประตู โชคดีที่ทีมได้ซูเปอร์ซับอย่างนอยวิลล์ยิงเก็บชัยชนะช่วงทดเจ็บ เยอรมันจึงชนะไปในที่สุด

จะว่าไปแล้วนัดนี้บุนเดสเทรนเนอร์เยอร์เก้น คลิ้นส์มันน์วางแท็กติกโดยรวมไม่ดีนัก ทำให้ทีมเล่นสะดุดตลอด แต่กระนั้นก็ต้องชมคลิ้นซี่ที่แก้เกมได้ดีมากและแก้ได้ถูกจุด ทำให้เยอรมันกลับมาตั้งตัวได้และเอาชนะโปแลนด์ไปได้ในที่สุด จากการที่คลิ้นซี่เปลี่ยนดาวิด โอดอนคอร์แทนฟรีดริชแล้วให้ชไนเดอร์เป็นแบ๊กขวาเพื่อเสริมเกมรุกและปรับการเล่นให้วูบวาบมากขึ้น เจาะเข้าหาคู่ต่อสู้ได้ดีขึ้น ถือว่าเป็นพื้นฐานที่สำคัญสำหรับการเปิดให้กองหน้าเข้าทำประตู จากนั้นเมื่อทีมยังยิงประตูคู่แข่งไม่ได้เนื่องจากกองหน้าเล่นไม่ออก ก็ต้องเอากองหน้าที่เก๋าประสบการณ์ รับความกดดันได้ดี และมีทีเด็ดในการทำประตูลงไปแทน ซึ่งก็เปลี่ยนโอลิเวอร์ นอยวิลล์ลงไปแทนโพดอลสกี้ เพื่อเพิ่มความสดและความวูบวาบ ยิ่งกว่านั้นนอยวิลล์ยังเป็นซูเปอร์ซับให้ทีมได้เป็นอย่างดี ถึงกระนั้น เมื่อเยอรมันยังยิงไม่ได้เนื่องจากรูปเกมถึงแม้จะวูบวาบมากขึ้นแต่ยังขาดความรัดกุม คลิ้นซี่ก็ส่งทิม โบรอฟสกี้ลงไปแทนชไวนี่เพื่อเพิ่มความแน่นอนในแดนกลาง เยอรมันจึงเปิดเกมรุกได้มากขึ้น ประกอบกับโปแลนด์เหลือ 10 คนจึงลงไปตั้งรับเพื่อต้านการบุกของเจ้าบ้านที่ได้เปรียบเรื่องตัวผู้เล่น เยอรมันจึงพับสนามบุก และเปิดเกมรุกบดบี้อยู่ข้างเดียว แล้วก็มาได้ประตูชัยในช่วงทดเวลาบาดเจ็บจากผลงานการเปิดของจรวดทางเรียบโอดอนคอร์และการเข้าฮอสของซูเปอร์ซับจอมเก๋านอยวิลล์ ซึ่งเป็นนักเตะสำรอง 2 คนที่เปลี่ยนลงไปแทนนั่นเอง โดยเฉพาะนอยวิลล์นั้น ลูกยิงของเขาทำให้ผมนึกถึงนัดเจอปารากวัยในรอบสองบอลโลก 2002 ที่ญี่ปุ่น ซึ่งนอยวิลล์ยิงประตูช่วงท้ายเกมหลังเปลี่ยนตัวลงมาแทนคาร์สเท่น ยังเคอร์ โดยยิงประตูจากการโยนทางกราบขวาของแบร์นด์ ชไนเดอร์ซึ่งก็เล่นร่วมกับเขาในนัดนี้ด้วยนั่นเอง

สุดท้าย ชัยชนะครั้งนี้เป็นชัยชนะครั้งแรกในรอบ 10 ปีของเยอรมันที่มีต่อทีมจากยุโรปในรอบสุดท้ายของทัวร์นาเม้นท์ใหญ่ ซึ่งนัดล่าสุดที่เยอรมันเอาชนะทีมจากยุโรปได้ก็ต้องย้อนไปเมื่อนัดชิงชนะเลิศยูโร 96 ที่เยอรมันสามารถเอาชนะสาธารณรัฐเช็ก 2-1

และการรอคอยที่นานแสนนานก็ได้สิ้นสุดลง ...

วิเคราะห์และประเมินผลงานของนักเตะเยอรมัน

เยนส์ เลห์มันน์ – ไม่ค่อยได้มีโอกาสทำอะไรมากนัก เนื่องจากแผงหลังทำหน้าที่ได้ดี จึงไม่ต้องเซฟลูกน่าหวาดเสียวมากมาย (3)

อาร์เน่ ฟรีดริช – เกมรับยืนตำแหน่งได้ดี กราบขวาไม่รั่วเหมือนนัดก่อน เข้าสกัดได้แน่นอน เล่นได้สม่ำเสมอ แต่เกมรุกยังต้องปรับปรุงอย่างมาก โดยเฉพาะจังหวะการวิ่งลุยไปข้างหน้าและการโยนเข้ากลาง ทำได้แย่มาก (4)

ฟิลิปป์ ลาห์ม – ในเกมรับเข้าสกัดได้อย่างแข็งแกร่ง แน่นอน ไว้ใจได้ ในเกมรุกคือเหรียญอีกด้านของฟรีดริช เปิดเกมอันตราย โยนแม่น เข้าเป้าตลอด สอดหาจังหวะดี (2.5)

คริสโตฟ เม็ตเซลเดอร์ – ช่วงต้นยังดูลน ๆ การยืนตำแหน่งทำได้ดี สกัดลูกได้เด็ดขาดและแน่นอน ประสานงานกันในแผงรับอย่างลงตัว เหนียวแน่นใช้ได้ (3)

แพร์ แมร์เตซัคเกอร์ – เหมือนกับเม็ตเซลเดอร์ แต่ขึ้นเติมเกมรุกมากกว่า กระนั้นก็ยังลงมาได้ทัน รักษาตำแหน่งดีมาก (2.5)

ทอร์สเท่น ฟริงก์ส – เกมรับยังต้องปรับปรุงเพราะชะลอเกมไม่ดี การเบียดแย่งปะทะทำได้แย่ เกมรุกไม่ค่อยมีส่วนมากเท่าไหร่เพราะเป็นเรื่องของแท็กติกที่ให้ฟริงก์สมาคุมเกมรับมากขึ้น (3.5)

มิชาเอล บัลลัค – ไกเซอร์น้อยเปิดตัวบอลโลกได้ไม่สวยเท่าไหร่ จ่ายบอลขาดความแม่นยำ จ่ายเข้าเท้าของคู่ต่อสู้ซะมาก ชอบเรียกบอลมาเล่นเองจนจังหวะเกมเสีย ไม่ได้โอกาสสร้างอันตรายจากการสอดขึ้นมายิงประตูแถวสองเลย มีเปิดยาวทำเกมรุกได้ดีพอใช้ แต่โดยรวมแล้วไม่อาจทำผลงานได้ดีนัก (4)

บาสเตียน ชไวน์สไตเกอร์ – ถูกบีบพื้นที่จนทำอะไรไม่ค่อยถนัด ครองบอลนานเกินไปจนถูกแย่งได้ง่าย บอลมาตายที่เขาบ่อย ๆ ขาดความแข็งแกร่ง ขาดจังหวะทะลุทะลวง ทำเกมยังไม่ดีและไม่นิ่ง ลูกเปิดไม่ได้ลุ้น (5)

แบร์นด์ ชไนเดอร์ – เป็นอีกรายที่ถูกบีบพื้นที่จนทำอะไรไม่ได้ ได้แต่อาศัยเทคนิคและความเก๋าเอาตัวรอด ลูกจ่ายทะลุช่องสวย ๆ แบบนัดแรกไม่มีให้เห็นเลย อีกทั้งจังหวะโยนงาม ๆ ก็หาไม่เจอ ถูกโยกมาเป็นแบ๊กขวาคุมเกมรับได้ดีพอใช้ (4)

ลูคัส โพดอลสกี้ – ยังไม่ส่ายหาพื้นที่ในการยิงประตูเหมือนเดิม ขาดความนิ่ง ยิงพลาดบ่อย บางช่วงหายไปจากเกมเนื่องจากต้องไปช่วยไล่บอลในแดนกลางจนไม่มีโอกาสทำประตูในแดนหน้า (4.5)

มิโรสลาฟ โคลเซ่ – ทุ่มเทและวิ่งส่ายหาพื้นที่เหมือนเดิม ประสานงานกับเพื่อนได้ดี มีโอกาสทำประตูหลายครั้งแต่ดูเหมือนจะไม่ใช่วันของเขา พลาดบ่อยมาก (4)

ตัวสำรอง :

ดาวิด โอดอนคอร์ – ลงมาสร้างความวูบวาบทางกราบขวาพอสมควร ความเร็วของเขาป่วนแนวรับโปแลนด์ได้มาก เปิดลูกได้แม่นยำ กระนั้นก็เล่นทีมเวิคดี ไม่ทำให้เสียจังหวะเกม เปิดให้นอยวิลล์ยิงได้ในช่วงทดเจ็บ (3)

โอลิเวอร์ นอยวิลล์ – เป็นซูเปอร์ซับลงมาช่วยสร้างประสิทธิภาพให้แผงหน้าแล้วก็ไม่ผิดหวังเมื่อสามารถพุ่งเข้าจิ้มลูกเปิดเข้ากลางของโอดอนคอร์ตุงตาข่าย ประสบการณ์ของเขาช่วยทีมได้เสมอ (3)

ทิม โบรอฟสกี้ – ลงมาตอนท้าย ๆ เกมจึงวัดอะไรไม่ได้มาก แต่กระนั้นก็ทำให้เกมในแดนกลางรัดกุมขึ้น ความแน่นอนในการเล่นของเขาก็มีส่วนในชัยชนะช่วงท้ายเกม (4.5)

คะแนนความสามารถนักเตะ
1 = ระดับโลก
2 = ดี
3 = พอใช้
4 = ต้องปรับปรุง
5 = ห่วยมาก

ก็ถือว่าเยอรมันโชคดีที่ยิงประตูได้ในช่วงท้ายเกม แต่กระนั้นก็ต้องติดตามผลงานของเยอรมันกันต่อไปว่านัดสุดท้ายที่จะเจอเอกวาดอร์ในการแย่งที่ 1 ในสาย เยอรมันจะทำได้สำเร็จหรือไม่ และคลิ้นซี่จะวางแท็กติกในแบบที่เคยเล่นหรือเปล่า




 

Create Date : 16 มิถุนายน 2549    
Last Update : 16 มิถุนายน 2549 3:28:09 น.
Counter : 275 Pageviews.  

วิเคราะห์แมตช์อิตาลี-กาน่า : อิตาลียุคใหม่ ไฉไลกว่าเดิม ???

หลังจากที่ผมได้ดูทีมชาติอิตาลีแข่งกับทีมชาติกานาในนัดแรกของกลุ่มอีแล้วผมบอกได้เลยว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัดของอิตาลีเลยทีเดียว

สมัยก่อน ๆ เราคงจำได้ว่าอิตาลีเป็นทีมที่เน้นการตั้งรับแล้วรอสวนกลับเป็นหลัก เล่นแบบแพ็กเกมรับและค่อย ๆ ต่อเกมรุกขึ้นมาช้า ๆ พอได้ประตูนำก็เริ่มตั้งรับแบบอุดชนิดที่ไม่คิดจะหวังทำสกอร์เพิ่มอีกเลย ไม่มีการเปิดเกมสวนกลับเร็ว ได้แต่ครองบอลนานเพื่อถ่วงเวลาและเคาะบอลไปมาจนกว่าจะสิ้นเสียงนกหวีดสุดท้ายจากกรรมการ ซึ่งหลายคนมักจะมองว่าเป็นการเล่นที่น่าเบื่ออย่างมาก ไม่เอนเตอร์เทนคนดู ยิ่งกว่านั้นระบบการเล่นที่เน้นเกมรับมากเกินไปก็เป็นผลเสียต่อทีมชาติอิตาลีเองเนื่องจากเป็นการเปิดโอกาสให้ฝ่ายตรงข้ามได้เปิดเกมรุกโหมบุกใส่จนตีเสมอได้และพลิกกลับมาชนะในที่สุด แน่นอนว่าเป็นการฆ่าตัวตายด้วยแท็กติกและระบบการเล่นอย่างแท้จริง

แต่พอมาเห็นอิตาลีนัดที่เล่นกับกาน่าแล้ว ผมรู้สึกทึ่งมากที่อิตาลีเปลี่ยนไปได้ขนาดนี้ จากเดิมที่ขึ้นเกมรุกช้า ๆ ค่อย ๆ เข้าทำ กลายมาเป็นเดินเกมเร็วโหมบุกกระหน่ำฝ่ายตรงข้าม ทั้งยังจ่ายบอลเกมรุกจังหวะเดียวถึงหน้ากรอบเขตโทษอยู่ตลอด ยิ่งกว่านั้นการเปิดเกมรุกก็มีความหลากหลาย ทางกราบก็ให้ฟูลแบ๊กขึ้นเติมเกมตลอด โดยเฉพาะคริสเตียน ซัคคาร์โด้ซึ่งเล่นได้เเด่นมากในเกมรุก ส่วนการเปิดเกมจากกลางสนามก็ให้ฟรานเชสโก้ ต๊อตติเดินเกมอยู่หลังคู่กองหน้าคือ ลูก้า โทนี่ และอัลแบร์โต้ จิลาร์ดิโน่ ทำให้อิตาลีเล่นได้อย่างมีสีสัน คู่นั้นเป็นคู่ดึก เล่นประมาณตี 2 ซึ่งส่วนใหญ่ผมจะง่วง ๆ แต่พอมาเห็นนัดนี้แล้วผมตื่นเลย เกมรุกเร้าใจผมมาก

ส่วนเกมรับของอิตาลีเองก็ไม่ได้มีข้อผิดพลาดมากนัก คู่เซนเตอร์อย่างฟาบิโอ คันนาวาโร่ และอเลสซานโดร เนสต้า ทำหน้าที่ได้ดี ส่วนฟูลแบ๊กอย่างฟาบิโอ กรอสโซ่และคริสเตียน ซัคคาร์โด้เองก็คุมพื้นที่ได้ค่อนข้างดี สกัดเกมรุกของกาน่าได้หมด ถึงแม้กาน่าจะมีนักเตะตำแหน่งเพลย์เมกเกอร์ที่เล่นได้เด่นที่สุดอย่าง "ควาย" มิชาแอล เอสเซียงก็ตาม แต่ก็ไม่อาจเข้าไปทำอันตรายได้มากนัก กระนั้น เมื่อมาดูการเล่นของกองหลังชุดนี้ดี ๆ แล้วจะเห็นว่า ไม่ค่อยมีกองหลังดาวรุ่งที่มีฝีเท้าโดดเด่นเท่าไหร่ ยังห่างชั้นกับกองหลังรุ่นพี่อยู่มาก ไม่น่าจะทดแทนตำแหน่งได้ดีนักในยามที่กองหลังตัวจริงเจ็บ

นัดนี้ต้องถือว่าอิตาลีเองก็ไม่ได้สมบูรณ์เท่าไหร่ แบ๊กจอมบุกอย่างจานลูก้า ซามบร๊อตต้าก็เจ็บจนลงไม่ได้ เช่นเดียวกับ "ไอ้รถถัง" อิวาน เจนนาโร่ กัตตูโซ่ ซึ่งยังไม่สมบูรณ์พอที่จะลงบู๊ในแดนกลาง แต่กระนั้นอิตาลีก็ยังทำผลงานได้ดี ซึ่งต้องขอบคุณอันเดรีย ปิร์โล่ ที่เล่นได้เด่นจนทำให้เกมแดนกลางของอิตาลีไหลลื่นพอสมควร

อีกทั้งยังมีข่าวดีก็คือ กัปตันต๊อตติไม่ได้บาดเจ็บข้อเท้ารุนแรงนัก นัดต่อไปที่จะต้องมาเจอเช็กอาจจะลงได้ ซึ่งก็ถือว่าเป็นข่าวที่ดีพอสมควรสำหรับอิตาลี

วิเคราะห์และประเมินฟอร์มผู้เล่นทีมชาติอิตาลี

จานลุยจิ บุฟฟ่อน - ไม่มีโอกาสเซฟสวย ๆ มากนักเนื่องจากกองหลังของทีมทำหน้าที่กันได้ดี (6.5)

คริสเตียน ซัคคาร์โด้ - เกมรับคุมพื้นที่ได้ดี สกัดตัวริมเส้นฝ่ายตรงข้ามได้เยี่ยม เติมเกมรุกวูบวาบทางกราบขวาตลอด หาจังหวะสอดขึ้นมาเติมเกมรุกได้น่ากลัว (6.5)

ฟาบิโอ กรอสโซ่ - เกมรับคุมพื้นที่ได้ดีพอใช้ แต่เกมรุกไม่ค่อยเติมเท่าไหร่ เน้นตั้งมั่นอยู่กับที่ มีพลาดบางจังหวะ (6)

อเลสซานโดร เนสต้า - ค่อนข้างสมบูรณ์ คอยเบียดคอยชนกองหน้าของกานาอยู่ตลอดเวลา ทั้งยังแย่งปะทะได้แข็งแกร่ง ประสานงานกับคันนาวาโร่ได้ดี (7)

ฟาบิโอ คันนาวาโร่ - ขยันเข้าเบียดปะทะแบบไม่กลัวเจ็บ แข็งแกร่งทั้งลูกกลางอากาศและลูกบนพื้น เข้าซ้อนดี อ่านเกมขาด (7.5)

ดานิเอเล่ เด รอสซี่ - เชื่อมเกมในแดนกลางได้ดี แต่ไม่ค่อยเติมเกมรุกเท่าไหร่นัก มีบทบาทมากขึ้นในครึ่งหลัง ไล่สกัดตัดบอลได้ดี แต่ก็ยังถือว่าทำงานน้อยไป (6)

ซิโมเน่ แปร์ร๊อตต้า - โดดเด่นมากในทางกราบขวา ทั้งประสานงาน ไล่ตัดบอล รวมถึงการขึ้นเกมทำได้สวย มีจังหวะจ่ายคม ๆ ให้กองหน้าเหมือนกัน (7.5)

อันเดรีย ปิร์โล่ - เล่นได้เด่นมาก ทั้งไล่ตัดบอล ชะลอจังหวะทั้งเกมรุกฝ่ายตรงข้ามไม่ให้โหมบุกมามากเกินไป รวมถึงชะลอจังหวะเกมรุกของตัวเองเพื่อให้เป็นระบบ ยิงไกลเป็นประตูนำ 1-0 ช่วยลดความกดดันให้ทีมได้เยอะ (8)

ฟรานเชสโก้ ต๊อตติ - ทำเกมรุกได้เยี่ยม จ่ายบอลจังหวะเดียวให้กองหน้าสร้างอันตรายได้ตลอดเวลา โฉบไปทั่วสนาม สร้างความวูบวาบในแดนหน้า มีลูกเล่นพอสมควร เสียดายเจ็บจนต้องเปลี่ยนตัวออกช่วงต้นครึ่งหลัง (6.5)

อัลแบร์โต้ จิลาร์ดิโน่ - ไม่เด่นมากนัก ยังไม่มีจังหวะจบสกอร์เจ๋ง ๆ มากมายเท่าไหร่ หาพื้นที่ดีพอสมควร (6)

ลูก้า โทนี่ - ใช้โอกาสเปลืองพอสมควร แต่สร้างอันตรายให้แผงรับกาน่าได้มาก ด้วยร่างกายที่ใหญ่โตแข็งแกร่ง อีกทั้งมีเทคนิคและความเร็วพอสมควร กระนั้นก็ไม่อาจจบสกอร์ได้ดีนัก (6.5)

ตัวสำรอง :

เมาโร คาโมราเนซี่ (ลงแทนต๊อตติในนาทีที่ 56) - ตัดเกมรุกคู่ต่อสู้ได้ดีและทำเกมขึ้นมาทางกราบขวาได้สวย เทคนิคเยี่ยม สร้างความปั่นป่วนให้แนวรับทางกราบซ้ายได้ตลอดเวลา ทุ่มเทดีมาก (6)

วินเชนโซ่ ยาควินต้า (ลงแทนจิลาร์ดิโน่ในนาทีที่ 64) - มีความเร็วสูง เทคนิคเยี่ยม และฉวยโอกาสจากความผิดพลาดของคูฟฟูร์ได้ดีทำให้เป็นประตูนำ 2-0 ฝังกาน่าสนิท (6.5)

อเลสซานโดร เดล ปิเอโร่ (ลงแทนโทนี่ในนาทีที่ 82) - ไม่อาจประเมินได้มากนักเนื่องจากลงมาช่วงท้ายเกม แต่ในบางจังหวะดูแกจะไม่กล้าเล่นเท่าไหร่ (-)

อิตาลีชุดนี้อนาคตไกลพอสมควร ถ้าทีมสมบูรณ์เต็มที่และเล่นได้ในแบบนัดที่เจอกาน่า ยังไงก็ไปได้ไกล แต่ปัญหาก็คือรอบสองอาจจะหนักถ้าเข้าเป็นที่ 2 ของสายเพราะมีโอกาสไปเจอกับบราซิลที่น่าจะเป็นที่ 1 ในสายได้ไม่ยากนัก แต่กระนั้นก็ต้องมาดูต่อไปว่าอิตาลีชุดนี้ เล่นสวยเพื่อสร้างอนาคตหรือเพื่อหวังผลทางการตลาด !!!




 

Create Date : 14 มิถุนายน 2549    
Last Update : 14 มิถุนายน 2549 21:00:15 น.
Counter : 255 Pageviews.  

นัดเปิดสนาม : ปัญหาแผงหลังที่ยังต้องแก้ไข และการฉลองวันเกิดอย่างงดงามของมิโรสลาฟ โคลเซ่

เนื่องในโอกาสที่ปีนี้มีฟุตบอลโลก 2006 ที่เยอรมันได้รับเลือกเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขัน ผมจึงได้เพิ่มบล็อกสำหรับบอลโลกครั้งนี้โดยเฉพาะ โดยเป็นการบอกเล่าและวิเคราะห์แมตช์ต่าง ๆ ที่สำคัญในฟุตบอลโลกหนนี้ แต่ความที่ผมไม่ค่อยมีความรู้เรื่องบอลมากนัก ผมจึงไม่อาจวิเคราะห์ได้หมดทุกคู่ แม้แต่คู่ใหญ่ ๆ ก็อาจจะมีวิเคราะห์บกพร่องไปบ้าง ยังไงก็ขออภัยมาล่วงหน้า ณ ที่นี้ด้วยครับ

ขอเริ่มที่นัดเปิดสนามของเจ้าภาพเยอรมันที่แข่งกับคอสตาริก้าและชนะไป 4-2 การเล่นของเยอรมันโดยภาพรวมผมมองว่าเล่นได้ดีพอสมควร แต่ปัญหาคือแผงหลังที่ยังต้องมีการแก้ไขอีกมาก

ถ้ามองถึงการครองเกมของเยอรมันจะเห็นได้ว่าเยอรมันเน้นความแน่นอนและรัดกุมมากกว่าเดิม ทำให้เยอรมันต่อบอลกันดี แม่นยำ จากเท้าสู่เท้า ค่อย ๆ เจาะเข้าทำอย่างใจเย็น ค่อย ๆ บดคู่แข่งจนยุ่ย และทำสกอร์ ผู้เล่นทุกคนวิ่งเข้ามาเอาบอล วิ่งหาพื้นที่เพื่อเอาบอลและประสานงานกับเพื่อนร่วมทีมเสมอ รวมถึงความขยันของนักเตะเยอรมันทุกคนที่ช่วยกันวิ่งไล่บดบี้ ไล่ตัดบอลจากฝ่ายตรงข้าม กดดันคู่ต่อสู้ตลอดเวลาไม่มีหมด ทำให้สามารถแย่งเอาบอลจากฝ่ายตรงข้ามมาเป็นของตัวเองได้บ่อย ๆ แต่การประสานงานยังไม่ค่อยจะเป็นเกมนักถ้าเทียบกับเยอรมันในยุค 10-20 ปีก่อน เนื่องจากยังขาดตัวจอมทัพที่มาคอยสร้างสรรค์เกมและคอยจับจังหวะเกมรุกให้กับทีม คลิ้นซี่จึงให้เล่นแบบระมัดระวังตัวที่สุด รูปเกมที่ออกมาจึงดูไม่ค่อยจะไหลลื่น เชื่อว่าถ้าบัลลัคลงเล่นได้ รูปเกมของเยอรมันจะดีกว่าในนัดนี้แน่นอน

เกมรุกนั้น เยอรมันมีความหลากหลายในการเข้าทำ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเกมออกทางกราบโดยการเติมเกมของวิงแบ๊กอย่างฟิลิปป์ ลาห์มซึ่งเล่นได้เด่นมากจนบางจังหวะผมนึกถึงอันเดรียส เบรห์เม่ โดยเฉพาะลูกยิงของลาห์มนั้นเหมือนลูกยิงของเบรห์เม่ในนัดชนะฮอลแลนด์ 2-1 ในบอลโลก 1990 การเติมเกมทางกราบของมิดฟิลด์ตัวริมเส้นซึ่งมีบาสเตียน ชไวน์สไตเกอร์กับแบร์นด์ ชไนเดอร์เป็นตัวเปิดเกม รวมถึงการเปิดเกมจากกลางสนามที่มีทอร์สเท่น ฟริงก์สเป็นตัวจ่ายทะลุช่อง นักเตะทุกคนขยันทำเกม ขยันวิ่งมาเอาบอลและทำเกมลุยไปข้างหน้า ยิ่งกว่านั้นคือ ในเกมรุก นักเตะวิ่งสอดเข้าหาจังหวะดีมาก ซึ่งทำให้เกมของเยอรมันนั้นดุดันพอสมควร ถ้าจะว่าไปแล้วการทำประตูของนักเตะเยอรมันก็ทำได้หลายทิศทาง ไม่ว่าจะเป็นการลากตัดเข้าในแล้วยิง การจิงประตูจากแถวสองของกองกลางตัวรับ หรือการเข้าฮอสของกองหน้า ล้วนแล้วแต่ทำได้อย่างเด็ดขาด ประสิทธิภาพกองหน้าค่อนข้างไปในแนวบวก การจบสกอร์ของโคลเซ่ทำได้ดี ยืนตำแหน่งดีมาก ลงมาล้วงบอลตลอด แต่โพโดลสกี้ยังต้องปรับปรุงเรื่องความขยันหาช่องยิงประตู รวมถึงการหาพื้นที่ แต่กระนั้นเยอรมันก็มีทีเด็ดทีขาดเรื่องการทำประตูที่ไว้ใจได้พอสมควรในนัดนี้

แต่เกมรับเป็นสิ่งที่ต้องปรับปรุงอย่างมาก เนื่องจากมิดฟิลด์เกมรับที่ค่อนข้างช้า ไม่มีความสามารถในการไล่เบียด ไล่ตัดบอลมากมายนัก เวลาที่คู่แข่งได้บอลก็จะหลุดบ่อย เพราะมิดฟิลด์ตัวรับชะลอการทำเกมของคู่ต่อสู้ได้ไม่ค่อยดี ทำให้แผงหลังทำงานหนัก ยิ่งกว่านั้นแผงหลังยังประสานงานกันไม่ค่อยดี โดยเฉพาะเรื่องการเช็กล้ำหน้าที่เช็กพลาดบ่อยจนเป็นเหตุให้เสียประตูทั้ง 2 ลูก ผมมองว่าปัญหาก็คือการสื่อความเข้าใจกันในเกมรับนั้นยังทำได้ไม่ดีนัก คลิ้นซี่เลือกโกล์มือหนึ่งมาช้าเกินไป ทำให้มีเวลาร่วมฝึกซ้อมกันน้อย จึงขาดความเข้าใจกันพอสมควร อย่างที่รู้กันว่าโกล์ทั้ง 2 คนคือเลห์มันน์กะคาห์นนั้นมีสไตล์การเล่นไม่เหมือนกัน คาห์นชอบสั่งการเพื่อนร่วมทีมตลอด แต่เลห์มันน์แกจะเงียบ ๆ พอสมควร ซึ่งคลิ้นซี่ต้องขบคิดพอสมควรว่าจะทำยังไงจึงจะให้นักเตะแผงรับและเลห์มันน์เล่นจูนเข้าหากันได้ โดยเฉพาะลูกที่สองที่เสียนั้น นอกจากฟรีดริชแล้ว เลห์มันน์ก็ต้องรับผิดชอบด้วยเนื่องจากแกสื่อสารกะแผงหลังไม่รู้เรื่องจนจับจังหวะไม่ถูกเลยออกมาตัดบอลช้า เสียประตูซะงั้น ถ้าเยอรมันยังแก้ปัญหานี้ไม่ได้ นัดต่อไปที่เจอกับโปแลนด์ที่อยู่ในสภาพหลังพิงฝาหมาจนตรอกหลังแพ้เอกวาดอร์ 0-2 อาจจะเหนื่อยเพราะโปแลนด์เองก็ต้องกระเสือกกระสนเข้ารอบเช่นกัน น่าจะวางแผนมารัดกุมกว่านัดแรกที่เล่นหละหลวมอย่างแน่นอน

วิเคราะห์และประเมินฟอร์มของผู้เล่นเยอรมันในนัดนี้พร้อมคะแนนความสามารถ

เยนส์ เลห์มันน์ - ไม่ค่อยได้มีโอกาสเซฟมากนักเนื่องจากเยอรมันบุกอยู่ข้างเดียว แต่พอโดนสวนกลับก็เสียประตูง่ายเกินไป เนื่องจากสื่อสารกะผู้เล่นแนวรับคนอื่น ๆ ไม่เข้าใจ โดยเฉพาะลูกที่สองที่เลห์มันน์ออกไปตัดบอลช้ามาก ทำให้วันโชเป้สบโอกาสยิงเข้าไป เล่นไม่ดีนัก (4)

อาร์เน่ ฟรีดริช - เกมรับทำได้ไม่ดี ช้า เกมรุกขาด ๆ เกิน ๆ เล่นได้ไม่แน่นอนเหมือนตอนที่ท็อปฟอร์ม 2 ลูกที่เสียประตูมาจากการเช็กล้ำหน้าพลาดทั้งหมดของเขา เล่นกั๊ก ๆ แบบนี้อาจส่งผลต่อตำแหน่งตัวจริงในทีมชาติ (5)

คริสโตฟ เม็ตเซลเดอร์ - ช้า เล่นได้ไม่เข้าขากับแมร์เตซัคเกอร์นัก ขาดความเด็ดขาดในการสกัด (4)

เพอร์ แมร์เตซัคเกอร์ - เกมรับยังสื่อสารกับเพื่อนร่วมทีมไม่เข้าใจกันเท่าไหร่ การเข้าปะทะถือว่าใช้ได้แต่ก็ยังบุ่มบ่ามไปบ้าง เติมเกมรุกได้ดี มีโอกาสสับไกอีกต่างหาก (3.5)

ฟิลิปป์ ลาห์ม - เปิดเกมบุกได้ดุดัน เติมพื้นที่ได้เหมาะเจาะ หาจังหวะเปืดเกมรุกได้ดี ยิงประตูขึ้นนำ 1-0 ช่วยให้ทีมเล่นได้ง่ายขึ้น เกมรับเล่นได้แน่นอนพอสมควร ทำให้กราบซ้ายไม่ค่อยโดนโจมตีมากนัก โดดเด่นมาก ๆ (2)

แบร์นด์ ชไนเดอร์ - ถึงจะไม่มีลูกโยนที่เหมาะเจาะนัก แต่ก็แทนที่ด้วยการประสานงานกับเพื่อนร่วมทีมที่ลงตัว ขยัน ทุ่มเท ทีมเวิคเยี่ยม ไม่เห็นแก่ตัว ทั้งยังมีลูกจ่ายทะลุช่องสวย ๆ หลายลูก ถือว่าทำเกมได้เด่นมากอีกคนหนึ่ง อายุ 33 แต่วิ่งยังกะอายุ 23 (2)

บาสเตียน ชไวน์สไตเกอร์ - เติมเกมดี ครองบอลดีกว่าเดิม เล่นได้ดุดัน เปิดเกมรุกได้เยี่ยม จังหวะโฉบเข้ามาเติมเกมรุกทำได้สวย ลูกที่จ่ายให้โคลเซ่ยิงนำ 2-1 ต้องยกเครดิตให้กับชไวนี่เต็ม ๆ แต่ครึ่งหลังแผ่วลงไปพอสมควร น่าจะดีกว่านี้ (2.5)

ทอร์สเท่น ฟริงก์ส - หน้าที่หลักในเกมรับดีขึ้นกว่านัดก่อน ๆ แต่ก็ยังไม่ดีมากนัก การชะลอเกมรุกของคู่ต่อสู้ยังทำได้ไม่เนียน เข้าแย่งบอลได้ไม่ดี เข้าบอลพรวดอยู่บ่อย ๆ แต่เกมรุกสุดยอด จ่ายทะลุช่องสวย ๆ หลายลูก รวมถึงยิงลูกไกลสุดสวยช่วยให้เยอรมันฝังคู่ต่อสู้ได้สนิท ควรจะเล่นเกมรับให้ดีกว่านี้ (3)

ทิม โบรอฟสกี้ - ไม่โดดเด่นมากนัก แต่ประสานงานกับเพื่อนร่วมทีมได้ดี เชื่อมเกมดี จ่ายบอลง่าย แต่การเดินเกมจากกลางสนามยังต้องดุดันกว่านี้ (3.5)

ลูคัส โพดอลสกี้ - มีจังหวะยิงไม่มากนัก ไม่ค่อยวิ่งหาพื้นที่ หายไปจากเกมบ่อย ๆ นาน ๆ จะมีส่วนร่วมกับเกม ต้องปรับปรุง (4)

มิโรสลาฟ โคลเซ่ - ยิงประตู 2 ลูกฉลองวันเกิดได้อย่างงดงาม หาจังหวะยิงได้ดี ยืนถูกที่ถูกเวลา นิ่ง ดึงจังหวะบอลและพาบอลไปเองได้ดีมาก โดดเด่นพอสมควร (2)

ตัวสำรอง :

เซบาสเตียน เคห์ล - ลงมาก็เสียประตูที่สองเพราะสื่อสารกับเพื่อนร่วมทีมไม่เข้าใจ แต่หลังจากนั้นก็เล่นได้เหนียวแน่น ดุดัน มีความเร็วพอสมควร จ่ายบอลง่าย เติมเกมดี อยากให้แทนฟริงก์สมากกว่าเพื่อเพิ่มความแน่นอนและสมดุล (4.5)

โอลิเวอร์ นอยวิลล์ - หาจังหวะได้ดี แต่ไม่ค่อยได้มีโอกาสมากนัก มีเวลาน้อยเกินไปที่จะสร้างผลงาน (5)

ดาวิด โอดอนคอร์ - ลงมาตอนท้ายเกมจึงไม่ได้ทำอะไรมากมาย (-)

ถ้าเยอรมันเล่นเกมรับได้ดีกว่านี้ ถึงเจอกับทีมใหญ่ เยอรมันก็สู้ได้ เพียงแต่คลิ้นซี่จะแก้ปัญหาเกมรับยังไงเท่านั้นเอง




 

Create Date : 10 มิถุนายน 2549    
Last Update : 10 มิถุนายน 2549 14:19:27 น.
Counter : 219 Pageviews.  

1  2  

ดยุคแห่งออสเตรีย
Location :
กรุงเทพ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]