|
วิเคราะห์แมตช์เยอรมันพบอิตาลีในรอบรองชนะเลิศ : เยอรมันทำดีที่สุดแล้ว
เป็นการโคจรมาพบกันอีกครั้งระหว่างเยอรมันกับอิตาลี ซึ่งก็เป็นไปตามที่ผมคาดเอาไว้ว่ายังไงซะเยอรมันก็ต้องแพ้อิตาลี ทั้ง ๆ ที่ผมเป็นแฟนบอลเยอรมัน ผมก็ยังไม่อาจฟันธงให้เยอรมันชนะ แค่ให้เยอรมันสู้อย่างสมศักดิ์ศรีเท่านั้นเอง
สถิติการเจอกันของทีมชาติเยอรมันและอิตาลีในบอลโลก เยอรมันไม่อาจเอาชนะอิตาลีได้เลย ถึงแม้ว่าสถิติอาจจะวัดอะไรกับปัจจุบันไม่ได้ แต่มันก็บ่งบอกอะไรได้หลายอย่าง เนื่องจากระบบการเล่น ทางบอลของอิตาลีมักจะได้เปรียบเยอรมันตลอด เมื่อมาพบกัน เนื่องจากเยอรมันเป็นทีมที่เล่นเกมรุกบุกใส่ฝ่ายตรงข้ามตลอดเวลา ค่อย ๆ ครองเกมบดใส่คู่ต่อสู้ไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งคู่ต่อสู้ล้าและพลาด ซึ่งคู่ต่อสู้ที่มักจะแพ้เยอรมันนั้น อย่างน้อยสมาธิในเกม ความเหนียวแน่นในเกมรับ ความแข็งแกร่งในการบดบี้กับคู่ต่อสู้จะเป็นรองเยอรมัน แต่มันใช้ไม่ได้กับอิตาลีเพราะอิตาลีเป็นทีมที่เน้นเกมรับเป็นหลัก มีแนวรับที่แข็งแกร่ง เล่นได้อย่างเหนียวแน่น เสียประตูยาก สมาธิของแนวรับดีมาก จนได้ชื่อว่าเป็นทีมที่มีเกมรับแข็งแกร่งที่สุดในโลก ทำให้เยอรมันมักจะทำเกมสู้อิตาลีไม่ได้เลย ยิ่งกว่านั้นเยอรมันก็ยังเป็นทีมที่เน้นการให้บอลไปยังพื้นที่ว่างบ่อยครั้ง ซึ่งก็เข้าทางอิตาลีที่เน้นการดักทางบอลและปิดช่องการจ่ายบอลของฝ่ายตรงข้าม เข้ามาดักสกัดทางบอลได้ตลอด ทำให้เยอรมันทำเกมได้ลำบากขึ้น อีกทั้งอิตาลียังเป็นทีมที่เน้นการเล่นเกมสวนกลับ และถ้าอิตาลีชุดไหนทำเกมสวนกลับได้วูบวาบ รวดเร็ว และหวังผลได้ เมื่อนั้นเยอรมันจะหนาว เพราะเมื่อเยอรมันถูกยั่วยุให้บุก มากขึ้นก็จะกลายเป็นว่าอิตาลีก็มีโอกาสเล่นเกมที่ตนเองถนัดได้มากกว่าเดิม มีโอกาสสวนกลับมากกว่าเดิม แน่นอนว่าในนัดที่เยอรมันแพ้อิตาลีในรอบรองชนะเลิศฟุตบอลโลก 2006 นั้นก็มาจากเกมสวนกลับที่ดีของอิตาลีอีกด้วย
เกมนี้ เยอรมันจัดผู้เล่นชุดเดิมลงสนามหมด ยกเว้นในแดนกลางที่มีการปรับเปลี่ยนพอสมควรโดย ทอร์สเท่น ฟริงก์ส มิดฟิลด์ตัวรับติดโทษแบนจากการที่ไปมีส่วนในเหตุทะเลาะวิวาทกับผู้เล่นอาร์เจนติน่าหลังเกมรอบ 8 ทีมสุดท้าย ทำให้เซบาสเตียน เคห์ลได้ลงเล่นแทน และทิม โบรอฟสกี้ ก็ได้ลงสนามแทนบาสเตียน ชไวน์สไตเกอร์ เพื่อเพิ่มความแน่นอนในแดนกลาง โดยยืนประจำในตำแหน่งมิดฟิลด์ฝั่งซ้าย รูปเกมโดยรวมเป็นอิตาลีเปิดเกมรุกใส่เยอรมันก่อนโดยเชื่อว่าเยอรมันอาจคิดไม่ถึงว่าอิตาลีจะมาอุดก่อน แต่เยอรมันก็ยังยันเกมรุกของอิตาลีได้ดี แดนกลางของเยอรมันมีปัญหาไปพักใหญ่เพราะการติดโทษแบนของฟริงก์สในช่วง 1 วันก่อนแข่ง ทำให้เยอรมันต้องเตรียมแผนสำรองสำหรับเคห์ลอย่างฉุกละหุก ซึ่งก็ได้แสดงให้เห็นแล้วว่าเยอรมันมีปัญหาในเรื่องของการประสานเกมแดนกลางพอสมควร และเคห์ลก็มักจะหลุดจากตำแหน่งบ่อยในช่วงแรก ก่อนที่จะมาปักหลักยืนตำแหน่งได้ดีในช่วงเวลาที่เหลือ ทำให้เยอรมันเสียจังหวะเกมบุกไปเยอะมาก แต่กระนั้นเมื่อเยอรมันตั้งหลักได้ เยอรมันก็เปิดเกมรุกแลกคืนบ้าง จากลูกยิงของแบร์นด์ ชไนเดอร์ในครึ่งแรก แต่ก็เฉียดคานไปแบบน่าหวาดเสียว พอมาครึ่งหลัง เยอรมันเปิดเกมสู้ได้มากขึ้น ในขณะที่อิตาลีก็ลงไปตั้งรับหน้าประตูซะมาก โดยเยอรมันก็มีโอกาสจากลูคัส โพดอลสกี้ แต่ก็พลาดไปหมด ส่วนคู่ขาในแดนหน้าอย่างมิโรสลาฟ โคลเซ่ก็พลาดง่าย ๆ และไม่อาจสร้างความลำบากใจให้แผงรับอตาลีได้เนื่องจากตัวเองไม่ฟิต จึงให้โอลิเวอร์ นอยวิลล์ลงมาแทนที่ ส่วนแบร์นด์ ชไนเดอร์ก็เล่นไม่ออก จึงให้ดาวิด โอดอนคอร์ลงมาแทนเพื่อเพิ่มความสดและความวูบวาบในเกมรุก รูปเกมของเยอรมันก็เล่นได้ไหลลื่นขึ้น สร้างความลำบากให้อิตาลีได้เป็นระยะ ๆ ในท้ายครึ่งหลัง เยอรมันก็เปลี่ยนเอาโบรอฟสกี้ออกแล้วเอาชไวน์สไตเกอร์ลงมาแทนที่ หมดเวลา 90 นาทียังเสมอ 0-0 จึงต้องต่อเวลาพิเศษ เยอรมันก็ยังคงเปิดเกมสู้กับอิตาลีได้อย่างสูสี แต่ในช่วง 10 นาทีสุดท้ายของช่วงต่อเวลาพิเศษ อิตาลีก็เปิดเกมรุกโต้คืนเยอรมัน โดยโหมเกมบุกใส่เยอรมันตลอดด้วยเห็นว่าเยอรมันเริ่มจะล้าจากการที่ต้องเดินเกมรุกใส่อิตาลีตลอด รวมถึงการที่รอบที่แล้วเยอรมันเล่นมา 120 นาที ทำให้เกมเยอรมันเริ่มช็อต อิตาลีจึงโหมบุกเฮือกสุดท้ายเพื่อไม่ต้องไปยิงจุดโทษกับเยอรมัน แล้วก็ได้ประตูจากลูกยิงไซด์โค้งของฟาบิโอ กรอสโซ่ จากการจ่ายสั้น ๆ มาให้ของอันเดรีย ปิร์โล่ ในนาที 118 จากนั้นเยอรมันก็โหมเกมบุกหนักกว่าเดิม แต่อิตาลีฉวยโอกาสเปิดเกมสวนกลับโดยอัลแบร์โต้ จิลาร์ดิโน่พาบอลจี้ใส่คริสโตฟ เม็ตเซลเดอร์และแพร์ แมร์เตซัคเกอร์ของเยอรมันก่อนจะจ่ายให้อเลสซานโดร เดล ปิเอโร่ยิงโค้งหนีมือเยนส์ เลห์มันน์เข้าไปเป็น 2-0 ปิดฉากเส้นทางลุ้นแชมป์ของเจ้าภาพเยอรมันแค่รอบ 4 ทีม
เกมรุกของเยอรมันในนัดนี้ บอกได้ว่าทำได้ค่อนข้างดี แดนกลางอย่างมิชาเอล บัลลัคถึงจะไม่มีโอกาสทำประตูแถวสองมากนัก ลูกฟรีคิกก็ยิงออก แต่ก็ประสานเกมในแดนกลางได้ดีพอใช้ เดินเกมได้ดี ทิม โบรอฟสกี้สร้างความสมดุลในแดนกลางได้พอสมควร จ่ายบอลได้แน่นอน เซบาสเตียน เคห์ลเติมเกมได้เยี่ยมและคล่องตัวพอสมควร ที่มีปัญหาก็คือแบร์นด์ ชไนเดอร์ที่แกช้าและเล่นกั๊กจังหวะพอสมควร ทำให้โอดอนคอร์ต้องลงมาเล่นแทน แต่โอดอนคอร์ก็ทำผลงานได้ไม่ดีเท่าไหร่ เนื่องจากแนวรับอิตาลียืนซ้อนกันดี ไม่ว่าจะเป็นกรอสโซ่ หรือเจนนาโร่ กัตตูโซ่ ยืนได้ดี ทำให้โอดอนคอร์ได้แค่วิ่งเหยาะ ๆ ตลอด ส่วนวิงแบ๊กทั้งซ้ายและขวา เกมนี้ไม่กล้าเปิดเกมรุกขึ้นมากนักเนื่องจากเกรงเกมสวนกลับของอิตาลี ฟิลิปป์ ลาห์มไม่อาจผ่านจานลูก้า ซามบร๊อตต้าได้ง่ายนัก ส่วนอาร์เน่ ฟรีดริชนัดนี้เงียบมากในเกมรุก ทำให้กองหน้าอย่างโคลเซ่และโพดอลสกี้ต้องลงมาล้วงบอลเอง ซึ่งโพดอลสกี้นั้นถือได้ว่าเล่นได้ดี ครองบอลได้ดีท่ามกลางดงแข้งผู้เล่นแนวรับอิตาลี เรียกฟาวล์ได้บ่อยครั้ง ส่วนโคลเซ่ต้องบอกว่าไม่อาจทำอันตรายได้มากนักเพราะว่าไม่สมบูรณ์ และต้องชมอิตาลีที่วางแท็กติกแนวรับมาได้ดีจนเยอรมันทำเกมที่ถนัดไม่ได้มากนัก สามารถยันเกมรุกเยอรมันได้ตลอด ส่วนตัวสำรองอีก 2 ตัวคือชไวน์สไตเกอร์และนอยวิลล์นั้นก็ทำผลงานได้ไม่ดีนัก โดยเฉพาะชไวนี่ นัดนี้ก็แสดงให้เห็นแล้วว่ายังอ่อนประสบการณ์ เล่นบอลกั๊กจังหวะบ่อยครั้งมากเกินไปจนเสียจังหวะเกม ทำให้เยอรมันทำเกมเสียบ่อยเหมือนกันถึงแม้ว่าจะเปิดเกมสู้อิตาลีได้ตลอดก็ตาม
ในเกมรับนั้น เยอรมันทำหน้าที่ได้ดีพอสมควร เยนส์ เลห์มันน์ออกมาตัดลูกได้ดีตลอดเว้นแต่ 2 ลูกที่เสียประตูซึ่งเป็นเรื่องสุดปัญญาของเลห์มันน์จริง ๆ คู่เซนเตอร์อย่างแพร์ แมร์เตซัคเกอร์ และคริสโตฟ เม็ตเซลเดอร์นิ่งพอสมควร แข็งแกร่งในการตัดบอลทั้งลูกบนพื้นและลูกกลางอากาศ ทำเอาลูก้า โทนี่เล่นไม่ออกเลย ลาห์มในตำแหน่งแบ๊กซ้ายทำหน้าที่ในเกมรับได้ดี แต่บางจังหวะสกัดบอลไม่ค่อยเนียนเท่าไหร่ ทำให้เสียลูกเตะมุมบ่อยครั้ง กระนั้นก็ยังดีกว่าฟรีดริชที่เล่นได้ไม่นิ่งนัก สกัดบอลเสียหลายจังหวะมาก ส่วนเคห์ลในตำแหน่งมิดฟิลด์ตัวรับ ต้นครึ่งแรกเล่นไม่ดีเท่าไหร่ เพราะความที่เป็นนักเตะที่วิ่งพล่านได้ทั่วสนาม จึงหลุดตำแหน่งบ่อยมาก อิตาลีจึงอาศัยการต่อบอลจังหวะเดียวตามช่องโหว่ในแดนกลางของเยอรมันได้ตลอด แต่หลังจากนั้นเคห์ลก็เริ่มรักษาตำแหน่งมากขึ้น และคุมเกมรับได้ดี ดักสกัดต๊อตติได้เกือบตลอด อีกทั้งประสานเกมกับบัลลัคได้ดี ทำให้แดนกลางแน่นขึ้น เสียดายที่เยอรมันเล่นกันได้ดีแค่ 118 นาที นักเตะส่วนใหญ่ยังขาดความเขี้ยว ประสบการณ์น้อย จึงเสียสมาธิได้ง่าย เลยต้องมาแพ้อิตาลีไปอย่างน่าเจ็บแสบ
ส่วนตัวคลิ้นซี่เองนั้นผมกลับมองเห็นจุดบกพร่องในการคุมทีมของแกเหมือนกัน ประการแรก แกวางหน้าที่ในการเปิดลูกเซ็ตพีซผิดคน โดยมักจะให้ชไวน์สไตเกอร์เป็นคนรับหน้าที่เตะมุมทั้ง ๆ แกเปิดลูกนิ่งได้แย่เอามาก ๆ บางทีก็ให้โบรอฟสกี้เปิดลูกนิ่งซึ่งโบรอฟสกี้เป็นนักเตะตัวสูง 192 ซม. น่าจะเอาไปยืนค้ำเพื่อรอโหม่งทำประตูดีกว่า ส่วนลูกฟรีคิกนั้นก็ให้ชไวนี่รับหน้าที่ ซึ่งก็มีแต่ทำให้เสียโอกาสไปโดยใช่ที่ โดยผู้ที่เหมาะสมที่สุดในการรับหน้าที่เปิดลูกเตะมุม ฟรีคิก และยิงฟรีคิกน่าจะเป็นชไนเดอร์มากกว่าเพราะแกถนัดลูกนิ่งทั้งในระดับสโมสรและทีมชาติมาแต่เดิม นี่เป็นความผิดพลาดประการแรกของคลิ้นซี่ ประการที่สอง การเปลี่ยนตัวตามแท็กติกบางครั้งแสดงให้เห็นว่าไม่มีความหลากหลาย ไม่ยืดหยุ่น ส่วนใหญ่มักจะเปลี่ยนตัวผู้เล่นหน้าเดิม ๆ ซ้ำ ๆ กันลงสนามทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นโอดอนคอร์ นอยวิลล์ บางทีก็เอาโบรอฟสกี้แทนชไวนี่ ซึ่งนี่เป็นสิ่งที่ทำให้คู่ต่อสู้จับทางได้ตลอด ซึ่งอิตาลีได้แสดงให้เห็นว่าสามารถรับมือโอดอนคอร์ได้อย่างไร รวมถึงการรับมือนอยวิลล์ บางที การเอาไมค์ ฮานเค่อาจจะเป็นอีกคำตอบของเยอรมันเพราะถึงฮานเค่จะไม่มีประสบการณ์มากนัก แต่ก็ยังมีความแข็งแกร่งพอจะเบียดกับกองหลังอิตาลีได้บ้าง แต่คลิ้นซี่ก็ยังดื้อด้าน นี่แหละที่ว่าทำไมเยอรมันถึงไปไม่ถึงเบอร์ลินแต่กลับต้องมาตายที่ดอร์ทมุนด์ (Wir fahren nicht nach Berlin aber wir toten in Dortmund)
ประเมินฟอร์มของนักเตะคะแนนความสามารถ :
เยนส์ เลห์มันน์ - ป้องกันลูกอันตรายของอิตาลีได้หลายลูก ออกมาตัดลูกกลางอากาศได้ดี เกือบเสียประตูจากการยิงชนเสาของจิลาร์ดิโน่ แต่หน้าที่โดยรวมทำได้ดี ลูกยิงของกรอสโซ่เป็นเรื่องสุดความสามารถ และลูกยิงของเดลก็มาจากความผิดพลาดของกองหลังด้วย ถือว่าทำหน้าที่ได้ดีแล้ว (2.5)
อาร์เน่ ฟรีดริช ดูลนลาน ไม่นิ่งเท่าไหร่ ทำเสียลูกเตะมุมและลูกทุ่มบ่อยครั้ง เข้าบอลขาดความมั่นใจ เติมเกมรุกไม่มาก และไม่วูบวาบ เป็นอีกนัดที่แย่ของแบ๊กแฮร์ธ่า (4)
ฟิลิปป์ ลาห์ม - เกมรับทำได้ค่อนข้างดี แต่ก็ชอบทำเสียลูกเตะมุมไปโดยเปล่าประโยชน์ สกัดเกมรุกของซามบร๊อตต้าและคาโมราเนซี่ได้ดี แต่จังหวะเติมเกมรุกไม่ค่อยดุดัน ผ่านซามบร๊อตต้ายาก (3.5)
คริสโตฟ เม็ตเซลเดอร์ เข้าสกัดได้ดี จังหวะปะทะแข็งแกร่งเด็ดขาด อัดโทนี่จนเป็นใบ้ไปเลย ไม่โฉ่งฉ่าง อ่านทางบอลดี ลูกกลางอากาศไม่เป็นปัญหา ทำหน้าที่ได้เยี่ยม แต่ก็แค่ 118 นาทีเพราะดันขึ้นสูงจนหลุดตำแหน่ง ผลงานโดยรวมถือว่าดีพอสมควร (3)
แพร์ แมร์เตซัคเกอร์ ยืนซ้อนได้ดี จังหวะการซ้อนทำได้เยี่ยม เข้าสกัดได้เด็ดขาดและเนียนพอสมควร ไม่มีปัญหาในการรับมือกับกองหน้าจอมเทคนิคของอิตาลี นิ่งไว้ใจได้ แต่ก็แค่ 118 นาทีเช่นกันเนื่องจากดันขึ้นสูงจนโดนสวนกลับ และเสียประตู (2.5)
เซบาสเตียน เคห์ล ช่วงเริ่มเกมมีปัญหากับการยืนตำแหน่งเพราะวิ่งพล่านทั่วสนามและดันเกมรุกมากเกินไป จนอิตาลีเดินเกมกดดันเยอรมันได้ตลอด แต่หลังจากนั้นก็เริ่มปรับตัวเข้ากับเกมได้ และตัดเกมในแดนกลางของอิตาลีได้ดี เข้าปะทะเฉียบขาด ตัดบอลจากต๊อตติได้เกือบตลอด เดินเกมรุกสวนกลับได้ดุดัน แทนฟริงก์สได้เยี่ยม (2.5)
มิชาเอล บัลลัค มีโอกาสยิงแถวสองน้อยมาก ลงต่ำมาช่วยเกมรับมากเกินไป แต่ก็ทำหน้าที่เชื่อมเกมได้ดี เปิดบอลบางจังหวะใช้ได้ และดันเกมรุกดีพอสมควร (3)
ทิม โบรอฟสกี้ เชื่อมเกมได้ดี สร้างความสมดุลในแดนกลางของเยอรมันได้พอสมควร มีจังหวะเปิดบอลแม่น ๆ แต่ลงมาช่วยเกมรับได้ไม่ดีนัก โดยรวมถือว่าพอใช้ (3)
แบร์นด์ ชไนเดอร์ เป็นอีกนัดที่เล่นได้ไม่ดี เอาตัวรอดไม่ค่อยได้ เปิดบอลไม่ดุดัน ไม่มีความเร็วเลย มีจังหวะยิงเหน่ง ๆ แต่ยิงเฉียดคานออกไปอย่างน่าเสียดาย สมควรถูกเปลี่ยนตัวออกในครึ่งหลัง (5)
มิโรสลาฟ โคลเซ่ ไม่สมบูรณ์นัก ลงมาล้วงบอลได้ดี พาบอลแหวกแนวรับอิตาลีได้พอสมควร แต่ช่วงหลังเงียบหายไปเลยเนื่องจากอิตาลีจับทางได้ ไม่มีโอกาสเหมาะเจาะในการทำประตู ส่วนลูกกลางอากาศเสร็จกัปตันคันนาวาโร่หมด (4)
ลูคัส โพดอลสกี้ ถือว่าเล่นได้ดีพอสมควร ครองบอลเหนียวแน่น ฉีกตัวมารับบอลได้ดี เอาตัวรอดจากดงแข้งของแนวรับอิตาลีได้ดีพอสมควร เสียดายจังหวะยิงเหน่ง ๆ กลับไม่เข้า (2.5)
ตัวสำรอง :
ดาวิด โอดอนคอร์ เจออิตาลีบังทางจนไม่มีโอกาสแผลงฤทธิ์เท่าที่ควร แต่กระนั้นก็ยังครองบอลได้ดี ไม่เสียบอลง่าย ๆ ลงมาช่วยเกมรับได้ดี ทุ่มเทเหมือนเคย (4)
โอลิเวอร์ นอยวิลล์ ไม่มีโอกาสสับไกเลย เจอแนวรับประกบซะอยู่หมัด ความเก๋าไม่ช่วยอะไร (5)
บาสเตียน ชไวน์สไตเกอร์ เสียบอลง่ายมาก ครองบอลนานเกินไป ทีมเวิคแย่ เล่นบอลคนเดียวมากเกินไป เปิดบอลขาดความแม่นยำ ยังต้องสั่งสมประสบการณ์อีกมาก ไม่รู้ว่าจะเอาลงมาทำไม (5.5)
นัดนี้ก็แสดงให้เห็นแล้วว่าเยอรมันนั้นสู้อิตาลีไม่ได้ แต่กระนั้นก็ต้องนับถือหัวจิตหัวใจของเยอรมันจริง ๆ ที่ยันอิตาลีได้ 118 นาที โดยการเสียประตูนั้นต้องบอกว่านักเตะเยอรมันยังไม่เก๋าพอ ประสบการณ์ยังน้อยเกินไปในระดับชาติ มาได้แค่รอบตัดเชือกถือว่าเป็นความสำเร็จอย่างใหญ่หลวงแล้ว แต่ก็เป็นเรื่องที่ดีอย่างหนึ่งที่นักเตะเยอรมันยุคใหม่ยังไม่ถึงจุดสุดยอดเร็วเกินไปนัก ยังพอมีเวลาสั่งสมประสบการณ์ และมีแรงจูงใจในการเล่นเพื่อพัฒนาฝีเท้าอีกมาก นักเตะส่วนใหญ่ก็เป็นนักเตะหนุ่มจากทีมเล็ก ๆ แต่อนาคตไกล พร้อมที่จะย้ายไปเล่นให้กับทีมใหญ่ ๆ ในประเทศหรือแม้แต่ลีกใหญ่ ๆ ต่างประเทศได้ เยอรมันยังมีโอกาสพัฒนานักเตะของตัวเองได้อีกยาวไกล นักเตะอย่าง ฟิลิปป์ ลาห์ม มาร์เซล ยานเซ่น เซบาสเตียน เคห์ล แพร์ แมร์เตซัคเกอร์ คริสโตฟ เม็ตเซลเดอร์ บาสเตียน ชไวน์สไตเกอร์ ทิม โบรอฟสกี้ ลูคัส โพดอลสกี้ โธมัส ฮิทเซิ่ลสแพร์เกอร์ ไมค์ ฮานเค่ ดาวิด โอดอนคอร์ ฯลฯ ถือได้ว่าเป็นนักเตะที่มีอนาคตและพร้อมที่จะขึ้นมาเป็นกำลังหลักในฟุตบอลทัวร์นาเม้นท์ใหญ่ ๆ อย่างเช่นยูโร 2008 บอลโลก 2010 และนอกเหนือจากนั้น ผสานกับนักเตะตัวเก๋าที่มีในทีม ผมมองว่าถ้าเทรนเนอร์ทำทีมได้ดี เยอรมันจะกลับมายิ่งใหญ่ได้แน่นอน
สุดท้ายนี้ขออนุญาตลงรูปของเซบาสเตียน เคห์ล นักเตะที่แทนฟริงก์สได้ดีในเกมที่พบกับอิตาลีครับ
Create Date : 19 กรกฎาคม 2549 |
Last Update : 19 กรกฎาคม 2549 22:19:38 น. |
|
5 comments
|
Counter : 348 Pageviews. |
|
|
|
โดย: กี๋พกแป้ง วันที่: 20 กรกฎาคม 2549 เวลา:4:40:41 น. |
|
|
|
โดย: prinzessin วันที่: 26 กรกฎาคม 2549 เวลา:22:11:16 น. |
|
|
|
โดย: mr.newton วันที่: 28 กรกฎาคม 2549 เวลา:19:15:57 น. |
|
|
|
โดย: takiendeutsch (takiendeutsch ) วันที่: 1 สิงหาคม 2549 เวลา:16:14:13 น. |
|
|
|
| |
|
|
ขอบคุณมากนะคะ เยี่ยมจริงๆ