Group Blog
 
All blogs
 
ซัวสเดย กัมปูเจียตอนที่ ๑

เราเพิ่งกลับมาจากเมืองเสียมเรียบ หรือเมืองเสียมราฐ
ไปเที่ยวคราวนี้ เราซื้อทัวร์จากเมืองไทยไป...
ธรรมดานั้นเราเที่ยวเอง หาข้อมูลเอง
คราวนี้ไม่ได้เตรียมตัวอะไร...เตรียมพับงานเข้าหีบ
กับเตรียมเงิน และเสื้อผ้าพับใส่กระเป๋า...

แต่เดี๋ยวเราต้องหาทางไปเองอีกสักครั้ง
ไปกับทัวร์ก็ดี...แต่ไปเองมันจะสนุกกว่า...



จากด่านที่ช่องสะงำ จังหวัดศรีสะเกศ เข้าสู่ประเทศกัมพูชา
นั่งรถโขยกเขยกหัวสั่นหัวคลอนเข้ามา...
ภูมิประเทศข้างทางนั้นดูไม่ต่างจากบ้านเรานัก
ส่วนอาหารการกินของที่นี่ก็คล้ายๆ เมืองลาว มีบาเก็ตขายอยู่ทั่วไป
อาหารหลักของที่นี่กินข้าวสวยแบบบ้านเรา กับข้าวก็เน้นปลาน้ำจืด
เนื่องจากกัมพูชามีแหล่งน้ำเยอะมีปลาหลากหลายชนิด
เราเคยอ่าน ถกเขมร มรว.คึกฤิทธิ์ ท่านเขียนไว้ว่า
ปลาที่นี่น่ากลัวมากกว่าน่ากิน...เนื่องจากตัวใหญ่มากๆ



ป้ายโฆษณาส่วนใหญ่ตามนอกเมืองแบบนี้ยังเป็นภาพวาดอยู่เลย
เราอ่านภาษาเขมรไม่ออก...ถ้าให้เดาก็อาจเป็นร้านขายเสื้อผ้าผู้ชาย



แม่บ้านมาจ่ายกับข้าว..วันนี้ช๊อปไก่สองตัว...



แต่บ้านเรือนที่นี่เห็นแล้วทำให้นึกถึง...
ภาพวาดของบาทหลวงฝรั่งในอดีตที่เข้ามาในสยามเลย
บ้านหลังน้อยๆ เสาสูงๆ เนื่องจากเป็นเมืองที่น้ำท่วมถึง
เสาของบ้านต้องสูง แต่ที่นี่สังเกตเห็นว่าเสาเค้ามีฐานหินรอง
แบบบ้านโบราณทางภาคใต้ของไทย
เหมือนเพื่อให้สามารถยกบ้านให้สูงขึ้นไปอีกถ้าหากน้ำมันท่วมมากๆ



จากเมื่อกี้ที่เขาซื้อไก่สองตัว...
ถ้าซื้อหลายตัวเขาก็ขนแบบในรูปข้างล่างนี้...
มีเห็นเขาขนหมูกันด้วย...แต่ถ่ายมาไม่ทัน
ที่ขนคนก็มี...แบบเกาะกระโปรงหน้ารถเด่นเป็นสง่าไปเลย
แล้วยังมีแบบนั่งท้ายรถในกระโปรงหลัง
โดยเปิดอ้าเอาไม้ค้ำไว้แล้วคนก็ลงไปนั่ง...หึ หึ





ดอกบัวหน้าศาลหลักเมืองเสียมเรียบ สีสันสดใส



เครื่องบูชาทั้งหลาย..มีมากมายไม่เเพ้สยามประเทศเลยทีเดียว



โรงแรมที่เก่าแก่ที่สุดในเสียมเรียบ...
เค้าว่าเป็นอาคารที่สร่้างมาตั้งเเต่ฝรั่งเศสเข้ามาปกครอง



ลูกทัวร์ของคณะเรา...





ไกด์บอกว่าที่นี่เรียกว่าสนามหลวง...
ชื่อเหมือนของบ้านเรา...แต่ขนาดต่างกันเยอะเลย
และที่นี่ไม่มีนกพิราบ มีแต่ค้างคาวแม่ไก่ตัวโตๆ ที่ห้อยหัวอยู่บนต้นไม้



เดินลัดสนามแบบวูบไหว...



เด็กๆ นั่งเล่นในศูนย์หัตถกรรมเพื่อการขายและโชว์นักท่องเที่ยว
เรานั่งกินกาแฟรอเพื่อนๆ และคณะทัวร์เลยไม่ได้เก็บภาพอะไรมา...



เด็กๆ ในที่วัดที่เคยเป็น สถานที่สัมมนาและอบรมสำหรับชาวกัมพูชา
คำว่า "สัมมนาและอบรม" สองคำนี้ในยุคนั้นหมายถึง เอาไปฆ่า
ที่นี่จะเอากระโหลกของคนที่ตายในยุคนั้นมาใส่ตู้ให้ชม
และจัดเเสดงภาพถ่ายผู้คนที่ถูกทรมานจนตายด้วยนานาวิธีการ
แต่เราคิดว่า...ความโหดร้ายในโลกนี้มันก็เยอะอยู่เเล้ว...
ความทรงจำมีไว้เรียนรู้ก็จริง แต่ไม่ควรให้มันกลับมาทำร้ายเรา



เนื่องจากพื้นที่เเห่งนี้ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก
ทาง UN เขาก็ให้บริษัทเอกชนเข้ามาบริหารงานจัดการเข้าชมสถานที่
ส่วนการซื้อตั๋วเข้าชมสถานที่ต่างๆ นั้นมีทั้งแบบเหมาเที่ยวหนึ่งวัน สองวัน
หรือเป็นสัปดาห์ไปเลย ใครจะไปดูปราสาทที่ไหนก็ใช้ตั๋วใบเดียวนี้เข้าได้หมด
สำหรับตั๋วหนึ่งวันก็มีราคาที่ 20 US Dollar
การใช้จ่ายในเสียมเรียบนี้ ใช้เงินได้สามสกุล ทั้งเงิน US Dollar เงินบาท เงินเรียว
อย่างกาแฟตามร้านราคาก็ตกเเก้วละ 1.5 US Dollar





หลังจากมีตั๋วเข้าชมปราสาทต่างๆ เรียบร้อย
เค้าก็พาไปชมพระอาทิตย์ตกที่ พนมบาแค็ง
ซึ่งเป็นศาสนสถานในศาสนาฮินดูที่ตั้งอยู่บนภูเขา
ซึ่งสร้างในสมัย พระเจ้ายโสวรมันที่ 1 (889-910 A.D.)

มองไปเห็นแหล่งน้ำขนาดใหญ่ล้อมรอบด้วยป่าไม้
เค้าว่าสมัยก่อนป่าทึบมากขนาดที่ว่า เดินเข้าไปแล้ว
ไม่รู้เลยว่ากลางวันหรือกลางคืน...แต่เดี๋ยวนี้ก็นะ...





พนมบาแค็งสร้างก่อนนครวัดมากว่าสองศตวรรษ
ข้างบนปราสาทเต็มไปด้วยฝูงชนนานาชาติ
ต่างจับจองที่นั่งชมพระอาทิตย์...
ความที่คนเยอะ...เรารู้สึกว่าบางที่เป้าหมายของการขึ้นมา
มันออกจะเหมือนแค่มาให้ถึงเท่านั้น...

บันไดตามปราสาทหินพวกนี้ชันมาก...
คนก็ยังปีนป่ายขึ้นมาได้ เค้าว่าสร้างให้ชัน
เพราะต้องการให้คนที่ขึ้นมานั้นนอบน้อมต่อสถานที่เเละเหล่าทวยเทพ






พนมบาแค็งเป็นต้นเเบบทางสถาปัตยกรรมให้กับปราสาทในยุคต่อๆ มา



ในยุคสงครามที่ผ่านมาของกัมพูชา
โบราณสถานจะเป็นสถานที่ที่ละเว้นไม่ให้มีการต่อสู้ยิงกัน
แต่นางอัปสราของพนมบาแค็งก็มีร่องรอยของลูกหลงของคนตีกัน



ตอนลงมาจากพนมบาแค็ง ก็มารอเหล่าลูกทัวร์
เป็นปกติของที่นี่ที่จะมีเด็กๆ มาขายของที่ระลึก
พวกกำไล พวกกุญแจ ขลุ่ยไม้ซาง เป็นต้น
เราไม่ได้ซื้ออะไรเลย เด็กก็จะพยายามขาย ขาย ขาย
แต่ที่น่าสนใจเด็กพวกนี้ใช้ภาษาอังกฤษได้ดี ภาษาไทยก็พูดได้
คงเพราะว่าต้องเจอกับนักท่องเที่ยวทุกวัน
การขายของของเด็กๆ นั้น ไม่ได้เเบบจะขายให้ได้เบบเอาเป็นเอาตาย
เพราะว่าเราคุยกะแม่ค้าสาวน้อยชาวกัมพูชา...
คุยไปคุยมาเธอก็ให้กำไลอันเล็กๆ มาหนึ่งอันบอกว่าให้เราเป็นที่ระลึก
เราไม่อะไรนอกจากช๊อกโกแลต...เลยแลกของกันไป



เช้าวันรุ่งขึ้นเรามาที่ ปราสาทตาพรหม



ปราสาทตาพรหม ถูกสร้างขึ้นในปี พ.ศ. 1729
เพื่ออุทิศให้แก่พระราชมารดาของพระเจ้าชัยวรมันที่ 7
ในสมัยแรกนั้น ปราสาทนี้เป็นศาสนสถานของศาสนาพุทธ
แต่ต่อมาถูกปรับเปลี่ยนให้เป็นศาสนสถานของศาสนาฮินดู
รูปสลักของพระพุทธรูปจึงถูกทำลายและปรับเปลี่ยนไป



เด็กหนุ่มที่คอยถ่ายรูปนักท่องเที่ยว
แล้วเค้าจะเอาไปอัดมาขายเราถ้าเราไปตกลงให้เค้าถ่ายภาพให้ตกรูปละ 20 บาท
พี่ที่ไปด้วยกันบอกว่าเดี๋ยวขอถ่ายคุณน้องบ้างแล้วพี่จะขอเก็บเงิน..



คุณพี่ท่านนี้แกขายเครื่องดนตรีที่เหลาจากไม้ไผ่...
น่าสนใจทีเดียว เสียเเต่ว่าแกคงเป่าสินค้าแกเองทุกอันแล้ว
เราไม่รู้ว่าถ้าซื้อมาเเล้วต้องเป่าต่อพี่แก...มันจะเป็นอย่างไร



ธรรมดาการชมปราสาทต้องเดินเข้าทางทิศตะวันออก
แล้วเดินเลาะทะลุมาประตูทางทิศตะวันตก
เนื่องจากรถมันคันใหญ่หรือไงนี่ เค้าเลยไม่ให้เค้าทางด้านตะวันออก
เราเลยต้องเดินเข้าทางตะวันตกและออกทางเดิม...
เดินแบบประตูผีโดยแท้...



เดินๆเข้ามาก็เจอ...งานศิลปะตากเเดดอยู่..
วันนี้อากาศชื้น...ถ้าไม่เอาออกมาผึ่งสงสัยแห้งไม่ทันเเน่ๆ
นี่มันเป็นเรื่องสากลนะนี่...เพราะเราก็ยังทำ



คุณน้องนั่งวาดภาพขายเป็นของที่ระลึก...
เห็นจานสีน้องเค้าไหม...แบบว่ามันต้องนับทศวรรษได้ทีเดียว
ใช้อยู่สามสี่สี...ไม่คิดมาก...ออกมาเป็นภาพสวยงามได้



กองซากปรักหักพังมีให้อยู่ทั่วไปตามแบบฉบับสถานที่โบร่ำโบราณแบบนี้
...เค้าว่าที่มันพังแบบนี้เพราะโดนทั้งคนขุดหาสมบัติ เเละทั้งโดนกาลเวลาพรากไป
เรียกว่าคนเรานี้ร่วมด้วยช่วยทำลาย...ไม่เชิญก็ช่วยว่างั้น



ช่วงนี้มอสขึ้นสวยเชียว ดูเขียวๆ ขลังๆ



ต้นสะปง หรือที่คนไทยเรียกว่า ต้นสำโรง เป็นไม้ใหญ่ที่เติบโต
แผ่รากคลุมไปทั่วตัวปราสาท บ้างก็ดูเหมือนงูใหญ่ที่เลื้อยพันรอบปราสาท
จินตนาการไปในสมัยก่อน ที่นี่คงดูน่ากลัวกว่านี้เป็นแน่
เพราะทั้งต้นไม้ ทั้งสัตว์ป่าที่อาศัยอยู่ และซากปราสาทโบราณเป็นร้อยปี
คงเหมือนฉากหนังเเฟนตาซีจำพวกเจาะอดีตทะลุจักรวาลเลยทีเดียว







เนื่องจากพอเปลี่ยนจากศาสนาพุทธไปเป็นฮินดู...
เรื่องราวของพุทธประวัติที่สลักไว้บนก้อนหินก็ถูกทำลายไปด้วย
แต่ก็ยังมีร่องรอยที่หลงเหลือให้เห็นบ้าง



ระเบียงคดในปราสาทตาพรหม ยามแดดส่อง
แสงสวยมากสะท้อนสีของก้อนหินออกมาเป็นสีน้ำตาลเรื่อๆ





ลูกมะหวดกับหน้าต่างหลอกของปราสาท
ลูกมะหวดนี้คงเป็นต้นตะกูลพวกลูกกรงในปัจจุบัน



พื้นที่ของเมืองโบราณแห่งนี้กว้างหลายตารางกิโลเมตร
มีปราสาทน้อยใหญ่เป็นร้อยองค์
ถ้านับอาณาจักรขอมโบราณนั้นกินอาณาเขตเข้ามาถึงเมืองไทย
สปป.ลาว และเวียดนามบางส่วน ซึ่งกว้างใหญ่จริงๆ



..เด็กน้อยในปราสาท...



ปล.ขอบคุณที่เเวะมาเยี่ยมเหมือนเช่นเคยค่ะ
เหลืออีกสองตอนกับการเดินทางไปชม นครวัด นครธม
อดีตที่ยิ่งใหญ่อาจไม่น่าพิศมัยเท่าปัจจุบันที่ยิ่งใหญ่
แต่เราก็เรียนรู้อดีตเป็นบทเรียนเสมอมา...



Create Date : 27 ตุลาคม 2553
Last Update : 28 มิถุนายน 2554 2:10:00 น. 11 comments
Counter : 6243 Pageviews.

 
ขอบคุณพี่แฟคะ ที่พาไปเที่ยว ...อ่านแล้วเหมือนได้ไปด้วยเลยอ่ะ ภาพสวยๆๆ ดีคะ


โดย: Suwannee Poonsil IP: 172.168.1.240, 58.8.239.103 วันที่: 27 ตุลาคม 2553 เวลา:20:26:47 น.  

 


เจ๋ง


.


โดย: .chuck IP: 27.130.24.174 วันที่: 27 ตุลาคม 2553 เวลา:23:50:18 น.  

 
ดีอ่ะ ชอบรถขายกาแฟ น่าทำแถวๆนี้มั่ง เด็กเขียนรูปนั่นก็น่าทึ่งเลย มืออาชีพของแท้ฮ่าๆๆๆๆๆ ขอบคุณที่เอามาฝากกันครับ


โดย: โก๋แจ่ม IP: 223.206.196.68 วันที่: 28 ตุลาคม 2553 เวลา:0:05:03 น.  

 
เรื่องเล่า บวกกับภาพที่สวยงาม
เหมือนได้ร่วมเดินทางไปด้วย ขอบคุณที่แบ่งปัน
ไว้จะชมตอนต่อไปค่ะ...^_^


โดย: เคโระ IP: 110.168.109.246 วันที่: 28 ตุลาคม 2553 เวลา:10:46:04 น.  

 
^___^ สนุก รูปสวย มั่กๆ ค่ะ

เสียมราฐวันนี้เต็มไปด้วยนักท่องเที่ยว

จินตนาการถึงตอนคุณฝรั่งค้นพบปราสาทตาพรหม ที่ถูกปกคลุมด้วยรากไม้ ลุงแกคงเหวออยู่ไม่น้อย

กาแฟดำVSกาแฟขะแมร์ 555

ปล. รอยล บายน อย่าดองนานนะคะ -/\\-


โดย: dhiti IP: 182.52.103.87 วันที่: 28 ตุลาคม 2553 เวลา:18:39:45 น.  

 
เข้ามาอ่านและดูรูป เพลิดเพลินครับ
ผมยังไม่เคยไปเที่ยวเขมรเลย
ไปก็แค่เขาพระวิหาร


โดย: yyswim วันที่: 28 ตุลาคม 2553 เวลา:21:36:09 น.  

 
พี่กาแฟถ่ายรูปสวยดีครับ ชอบ ๆ


โดย: nut IP: 124.121.12.30 วันที่: 28 ตุลาคม 2553 เวลา:23:05:05 น.  

 
อ่านเพลิน อ่านสนุก รูปก็ถ่ายสวย ชอบจังค่ะ

น่าออกหนังสือนะคะ จะคอยอุดหนุนเลยเนี่ย


โดย: สาวไกด์ใจซื่อ วันที่: 29 ตุลาคม 2553 เวลา:14:55:28 น.  

 

สวัสดีคืนวันต้นเดือนค่ะพี่
เหมือนได้ตามติดไปที่ยวด้วยเลยนะคะ


โดย: ฮักน้ำปิง IP: 223.207.113.57 วันที่: 1 พฤศจิกายน 2553 เวลา:22:27:25 น.  

 

อ่านบรรยายแล้วอยากไปมากๆ
ได้ไปเที่ยวหลายๆที่ ทันวาดรูปบ้างไหมคะ


โดย: anavrin วันที่: 6 พฤศจิกายน 2553 เวลา:21:17:44 น.  

 
ดูไปสองบล็อกรวด เพลิดเพลินมากค่ะ
ประเทศเพื่อนบ้านใกล้ๆกันแท้ๆ แต่เอมยังไม่เคยไปเลยอะ
จขบ.เล่าเรื่องเก่งและภาพสวยดีนะคะ ไว้จะขอมาเที่ยวด้วยใหม่ แต่ละที่ยังไม่เคยไปเลยอะ

วันนี้ไม่ได้ล็อกอินนะคะ เดี๋ยวยาว ฮ่าๆ


โดย: ชะเอมหวาน IP: 125.26.245.19 วันที่: 25 พฤศจิกายน 2553 เวลา:19:59:59 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

กาแฟดำไม่เผ็ด
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 56 คน [?]




ภาพและข้อเขียนที่ปรากฏในเวปไซด์ แห่งนี้เป็นของ
กาแฟดำไม่เผ็ดแต่ผู้เดียว ผลงานที่สร้างสรรค์ขึ้นได้รับ
การคุ้มครองตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ.2537
ห้ามทำการแอบอ้างใช้ ดัดแปลง หรือ กระทำการใดๆ
เพื่อก่อให้เกิดความเสียหายแก่เจ้าของผลงานโดยเด็ดขาด

**ขอช่วยงดการ copyภาพจากBlog
ของกาแฟดำไม่เผ็ดนะคะ**

Coffeespoon Blog
I'm Illustrator all day and all night.


All photographs & illustrations © Nuntawan Wata unless otherwise stated, and may not be used in any manner without permission.
New Comments
Friends' blogs
[Add กาแฟดำไม่เผ็ด's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.