พระภิกษุเว้นขาดจากการรับธัญญาหารดิบ VS การตักบาตรด้วยข้าวสาร ในวันเทโวโรหณะ

พระภิกษุเว้นขาดจากการรับธัญญาหารดิบ


VS


การตักบาตรในวันเทโวโรหณะ


(เพื่อความเข้าใจในพระวินัยของพระสงฆ์)


          เนื่องจากมีบางท่านตั้งข้อสังเกต รวมถึงบอกกล่าวว่า การตักบาตรอาหารแห้ง ในวันเทโวโรหณะนั้น พระรับข้าวสารไม่ได้ เป็นการผิดจากข้อจุลศีล แล้วก็อ้างศีลข้อหนึ่ง ในจุลศีล ที่ว่า


          "อามกธญฺญมปฏิคฺคหณา ปฏิวิรโต โหติ -พระภิกษุในพระธรรมวินัยนี้ เว้นขาดจากการรับธัญญาหารดิบ"


          แล้วก็เอาจุลศีลข้อนี้แหละมาอ้างว่า พระภิกษุที่รับบิณฑบาตอาหารแห้ง เช่นข้าวสาร ในวันเทโวโรหณะนั้น ผิดหลักจุลศีล ผิดพระธรรมวินัย การกล่าวอ้างเช่นนี้ เข้าใจว่า เริ่มต้นขึ้นจากสำนักสงฆ์สามแยก ของพระเกษม และหลายๆท่านที่ได้รับทราบมา ก็เอามาบอกกล่าว จนอาจเป็นเหตุให้เข้าใจผิดได้


          เพื่อความเข้าใจในจุลศีลข้อนี้ ขอบอกให้ทราบโดยทั่วกันว่า.....



"คำว่า ธัญญาหารดิบ ไม่ได้หมายถึง ข้าวสาร"



          สาเหตุที่กล่าวเช่นนี้ก็เพราะว่า คำว่า ธัญญาหารดิบนั้น หมายถึง ธัญญชาติ ๗ ชนิด ที่พระภิกษุไม่พึงรับ ซึ่งในอรรถกถาสุมังคลวิลาสินี ตอนอธิบายจุลศีล ท่านให้คำอธิบายของคำว่า "รับธัญญาหารดิบ" เอาไว้ดังนี้ ว่า


------------------------


          อามกธญฺญมปฏิคฺคหณาติ สาลิวีหิยวโคธุมกงฺคุวรกกุทฺรูสกสงฺขาตสฺส สตฺตวิธญฺญสฺสาปิ อามกธญฺญสฺส ปฏิคฺคหณา ฯ น เกวลญฺจ เอเตสํ ปฏิคฺคหณเมว อามสนมฺปิ ภิกฺขูนํ น วฎฺฏติเยว ฯ


          (แปล) บทว่า อามกธญฺญมปฏิคฺคหาณา ความว่า จากการรับธัญชาติดิบทั้ง ๗ อย่าง กล่าวคือ ๑.ข้าวสาลี ๒.ข้าวเปลือก ๓.ข้าวเหนียว(ข้าวเปลือกที่เป็นข้าวเหนียว) ๔.ข้าวละมาน ๕. ข้าวฟ่าง ๖.ลูกเดือย ๗.หญ้ากับแก้.


          อนึ่ง มิใช่แต่การรับธัญชาติดิบเหล่านี้ อย่างเดียวเท่านั้น แม้การจับต้องก็ไม่ควรแก่ภิกษุทั้งหลายเหมือนกัน.


------------------------


          ดังที่อรรถกถาท่านได้ให้ความหมายของคำว่า "ธัญญาหารดิบ" นี้ ก็ชัดแล้วว่า หมายถึงข้าวสาลี ข้าวเปลือก ฯลฯ ซึ่งธัญญาหารดิบเหล่านี้ ไม่มีคำว่า "ข้าวสาร" ซึ่งภาษาบาลีเรียกว่า " ตัณฑุละ "


          ดังนั้น การที่พุทธศาสนิกชนผู้มีศรัทธา จะถวายอาหารแห้ง ที่มีข้าวสารเป็นต้นนั้น พระภิกษุสงฆ์ก็สามารถรับได้ เพราะไม่อยู่ในเกณฑ์ธัญญาหารดิบ


          โดยสรุปก็คือ คำว่าธัญญาหารดิบ ในที่นี้ หมายเอา ธัญญชาติข้าว ที่ยังไม่ได้มีการขัดสี ยังเป็นข้าวเปลือกอยู่ เท่านั้น


          ใน พระวินัยปิฎก มหาวรรค ภาค ๒ ข้อที่ ๘๕ ได้ระบุถึงการขออนุญาตของเมณฑกเศรษฐี ที่ขอให้พระพุทธเจ้าทรงอนุญาตให้พระสงฆ์ที่จะเดินทางไกล สามารถขอเสบียงได้ แล้วพระพุทธเจ้าก็ทรงอนุญาตตามที่ขอนั้น ดังพุทธดำรัสที่ว่า





          อนุชานามิ ภิกฺขเว ปาเถยฺยํ ปริเยสิตุ ตณฺฑุโล ตณฺฑุลตฺถิเกน มุคฺโค มุคฺคตฺถิเกน มาโส มาสตฺถิเกน โลณํ โลณตฺถิเกน คุโฬ คุฬตฺถิเกน เตลํ เตลตฺถิเกน สปฺปิ สปฺปิตฺถิเกน


          มีอยู่ ภิกษุทั้งหลาย หนทางกันดารอัตคัดน้ำ อัตคัตอาหาร ภิกษุไม่มีเสบียงจะเดินทางไป ทำไม่ได้ง่าย เราอนุญาตให้แสวงหาเสบียงได้ คือ ภิกษุต้องการข้าวสาร พึงแสวงหาข้าวสาร ต้องการถั่วเขียว พึงแสวงหาถั่วเขียว ต้องการถั่วราชมาส พึงแสวงหาถั่วราชมาส ต้องการเกลือ พึงแสวงหาเกลือ ต้องการน้ำอ้อย พึงแสวงหาน้ำอ้อย ต้องการน้ำมัน พึงแสวงหาน้ำมัน ต้องการเนยใส ก็พึงแสวงหาเนยใส.


          จากพุทธานุญาตนี้บอกไว้ชัดว่า พระภิกษุสามารถรับข้าวสารได้ แต่ท่านผู้จะแย้งค้านไม่พึงเข้าใจว่า นี่เป็นพุทธานุญาตพิเศษเฉพาะในเวลาจะเดินทางไกล ในเวลาปกติรับไม่ได้ เพราะในจุลศีลระบุไว้ชัดว่า พระภิกษุ"เว้นขาด" ในเมื่อตรัสไว้ชัดว่า เว้นขาด ก็หมายความว่า ไม่สามารถรับได้ในทุกกรณี ดังนั้น โดยปกติพระภิกษุสามารถรับประเคนข้าวสารได้อยู่แล้ว แต่ไม่สามารถหุงต้มฉันเองได้



          ในอรรถกถาพระวินัยบางแห่ง กล่าวถึงพระภิกษุผู้จะต้มยาคู หรือต้มข้าวต้มฉันเอง แต่ทำไม่ได้ เพราะพระวินัยห้ามไว้ว่า ภิกษุไม่พึงหุงต้มอาหารฉันเอง เป็นปาจิตตีย์ในข้อ
"สามปักกะ" (หุงต้มฉันเอง)


         
          แต่ถ้าพระภิกษุบอกให้สามเณรประเคนข้าวสาร และภาชนะ ใส่น้ำแล้ว พระภิกษุรับประเคนแล้ว ยกขึ้นบนเตา บอกสามเณรว่า ให้สามเณรติดไฟ หลังจากสามเณรติดไฟแล้ว พระภิกษุทำกิจ(หมายถึงทำการหุงข้าว) ได้ทุกอย่าง เพราะไม่ได้ติดไฟขึ้นเอง



          เรื่องพระวินัยนี้ เป็นเรื่องลึกซึ้งละเอียดอ่อน ใช่ว่าจะเข้าใจได้ง่ายๆ แม้แต่คำว่า "ธัญญาหารดิบ" ที่บางท่านเอามาพูดกันนี้ ก็ต้องรู้จักศึกษาพิจารณาให้ชัดและรอบด้าน ว่าหมายถึงอะไรได้บ้าง ไม่ใช่พอเห็นแค่คำเดียว ก็เดาสวดไปเลยว่าต้องหมายถึงสิ่งนั้นสิ่งนี้ จนอาจทำให้เกิดความเข้าใจผิด และทำให้ผู้มีศรัทธา พลาดโอกาสในการบำเพ็ญบุญ
รวมถึงอาจเป็นเหตุทำให้นึกตำหนิพระสงฆ์ทั้งประเทศที่รับประเคนข้าวสาร ว่าผิดพระวินัย ทั้งๆที่ไม่มีพระวินัยห้ามไว้แบบนั้นเลย  กลายเป็นการสร้างบาปสร้างกรรมให้แก่ผู้ตำหนิพระสงฆ์อีกด้วย



          โดยส่วนตัว ผมจะไม่ค่อยได้นำข้าวสาร ไปในการตักบาตรเทโวเท่าไหร่นัก เพราะเห็นว่าคนตักบาตรข้าวสารกันเยอะมากแล้ว ปกติจะซื้อข้าวสารเป็นถุงใหญ่ไปถวายที่วัดในโอกาสอื่นมากกว่า วันเทโวโรหณะ จึงเลือกใส่เป็นอาหารแห้งชนิดอื่น และถวายของที่เป็นอาหารสดด้วย เพื่อพระคุณเจ้าจะได้มีภัตไว้ฉันเพล







Create Date : 09 ตุลาคม 2554
Last Update : 9 ตุลาคม 2554 19:18:37 น. 0 comments
Counter : 2016 Pageviews.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิกช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

chohokun
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 5 คน [?]




[Add chohokun's blog to your web]