Group Blog
 
All Blogs
 
โจโฉรบม้าเฉียว เล่าปี่เที่ยวเสฉวน

ล่วงสู่ศักราชใหม่(ปี ค.ศ. 211 ศักราชเจี้ยนอันที่ 16)เดือนแรก โจโฉเลื่อนโจผีผู้บุตรขึ้นเป็นที่แม่ทัพสุภาพชนราชสำนัก มีอำนาจช่วยราชการไจเสี่ยงแผ่นดิน

สองเดือนถัดมา โจโฉให้จงฮิวนำทหารยกไปตีเมืองฮันต๋ง เหล่าแม่ทัพมีแฮหัวเอี๋ยนเป็นต้นนั้น ให้นำทหารจากโฮต๋องยกไปสมทบทัพจงฮิว

ฝ่ายโกหยิวขุนนางผู้น้อยฝ่ายเสบียงจึงว่า ซึ่งท่านไจเสี่ยงจะให้ยกพลไปข้างทิศประจิมมากดังนี้ไม่ควร เกลือกหันซุย ม้าเท้งระแวงว่าจะมีศึกแก่ตัวก็จะร่วมกันเป็นขบถแผ่นดินขึ้น การก็จะเสียไป ชอบแต่ท่านจะตีสามเมืองเสียก่อน จึงค่อยระดมทหารเอาเมืองฮันต๋งเมื่อปลายมือก็จะได้โดยง่าย โจโฉฟังแล้วไม่เห็นชอบ ก็มิได้ทำตามคำโกหยิว

ม้าเฉียว หันซุย เฮาชวน เทงหงิน เอียวฉิว ลิขำ เตียวหัว เหลียงเหง เซงหงี ม้าอ้วนเจ้าเมืองสิบเมืองระแวงทหารโจโฉว่าจะยกมาทำอันตรายแก่ตัว ก็สมทบทัพกันจะรบด้วยโจโฉ ทหารสิบเมืองนี้มีกว่าสิบหมื่น ตั้งค่ายมั่นอยู่ ณ ด่านตงก๋วน

โจโฉแจ้งดังนั้นก็มีความยินดี ขุนนางทั้งปวงจึงว่า เป็นไฉนท่านไจเสี่ยงจึงมายินดีด้วยการแผ่นดินเป็นจลาจลฉะนี้ โจโฉจึงว่า อันเมืองข้างตะวันตกกว้างใหญ่ไพศาล ซึ่งหัวเมืองทั้งปวงร่วมกันเป็นขบถนั้นชอบอยู่แล้ว ด้วยเกลือกหัวเมืองทั้งปวงแยกกันขบถแต่ในเมืองตัว เห็นจะต้องแยกทหารยกไปตี การก็จะเนิ่นช้าไปประมาณสองปีเศษ บัดนี้เสี้ยนหนามแผ่นดินทั้งหลายมารวมอยู่แต่ที่เดียวให้เราปราบปรามจะได้โดยง่าย ถึงทหารสิบเมืองนี้มีกำลังมากก็ดี แต่ไม่อยู่ในบังคับผู้ใดเป็นสิทธิ์ขาด ดำเนิการตามแต่ใจตัวไร้ผู้นำซึ่งมีปัญญาดังนี้ ถึงจะจัดการปราบลงเมื่อใดก็จะได้

แล้วโจโฉจึงให้โจหยินนำทหารยกไปตีพวกขบถให้จงราบคาบ แลพระเจ้าเหี้ยนเต้ก็มีราชโองการขึ้นว่า ให้ทหารทั้งปวงซึ่งไม่เกี่ยวข้องนั้น ตั้งอยู่แต่ในตำแหน่งของตัว จงอย่าได้ทิ้งภาระตัวมาก่อสงครามเป็นเด็ดขาด

ฝ่ายโจผีตั้งมั่นคงอยู่ ณ เมืองเงียบกุ๋น แลเทียหยก Xu Xuan Guo Yuan เป็นผู้ช่วยราชการ

ฤดูใบไม้ร่วงเดือนเจ็ด โจโฉยกกองทัพตีพวกม้าเฉียว ที่ปรึกษาทั้งปวงจึงว่า อันทหารเมืองข้างประจิมนั้นชำนาญการหอกยาวมาก ถึงว่าทหารเราฝึกฝนหนักแลฝีมือดี ก็หาเสมอทหารประจิมไม่ ซึ่งทหารเราจะได้ชัยทหารขบถนั้นเห็นขัดสนนัก โจโฉจึงว่า อันอุบายความคิดนี้เราคิดแต่ผู้เดียว ซึ่งข้าศึกมาร่วมคิดนั้นหามิได้ ทหารขบถชำนาญหอกยาวนั้นก็จริง หากเห็นครั้งนี้ทหารประจิมทั้งปวงจะไม่ได้ใช้หอกของตัวเป็นแท้ ท่านจงคอยดูปัญญาเราเถิด

เดือนแปด ทหารโจโฉยกถึงด่านตงก๋วน ด้านหนึ่งโจโฉให้ทหารทั้งปวงตั้งกระบวนทัพทำทีจะรบม้าเฉียว ด้านหนึ่งให้ซิหลง จูเหลงสองคนนี้นำทหารสี่พันเศษ ยกข้าม Puban ไปตีเอาสะพานตะวันตกลำน้ำฮวงโหได้

เดือนต่อมาโจโฉนำทหารยกข้ามแม่น้ำเหลือง ทหารโจโฉข้ามแม่น้ำไปเป็นอันมาก แต่ตัวโจโฉนั้นยังระวังหลังทางใต้อยู่ ทหารเสือสองสามร้อยล้วนมีฝีมือก็ห้อมล้อมระวังภัยแก่โจโฉมิได้ขาด

ฝ่ายม้าเฉียวแจ้งว่าโจโฉอยู่ดังนั้น ก็นำทหารหมื่นคนเข้าตีโจโฉ ห่าเกาฑัณฑ์พุ่งใส่ทัพโจโฉดังหนึ่งทิพยวารีอันมาแต่สวรรค์ชั้นดาวดึงส์ หากโจโฉจะได้ตระหนกตื่นกลัวนั้นหามิได้ เพียงแต่นั่งในเกี้ยวเฉยอยู่

ฝ่ายเคาทูนั่งเรือมาแก้โจโฉจากที่ล้อมได้ ฝีพายเรือเคาทูถูกเกาฑัณฑ์ตายเสียในที่รบทั้งสิ้น เคาทูจึงพายเรือมือขวาพาโจโฉหนี แลมือซ้ายถืออานม้าสำหรับอารักขาโจโฉ ฝ่ายเต๋งฮุยขุนพลเห็นโจโฉแตกมาดังนั้น ก็ปล่อยม้ารบกวนทหารม้าเฉียว ทหารม้าเฉียวไล่ฝูงม้าอยู่ก็ตามโจโฉไม่ทัน โจโฉ เคาทูก็หนีขึ้นฝั่งได้

โจโฉข้ามลำน้ำเหลืองไปทางทิศตะวันตก แลให้ทหารเตรียมการลงใต้ตามลำน้ำไป ฝ่ายม้าเฉียวจึงถอยไปตั้งป้องกันปากแม่น้ำวุยอยู่

โจโฉจึงเกณฑ์ทหารกองหนึ่งยกไปทำดังว่าจะเข้าตี แลอีกด้านก็ให้ทหารเรือยกไป Wei ขนแพมาทำเป็นสะพานขึ้น

แลคืนนั้นโจโฉให้ตั้งขวากหนามสำหรับป้องกันทางใต้ของลำน้ำ ม้าเฉียวแจ้งดังนั้นก็ยกพลจะปล้นค่ายยามวิกาล ครั้นทหารม้าเฉียวยกมา ทหารโจโฉซึ่งซุ่มอยู่ก็ตีเอาทหารม้าเฉียวแตกหนีไป

ทหารม้าเฉียวยกมาตั้งอยู่ข้างทิศทักษิณจากลำน้ำวุย แลให้ม้าใช้ถือหนังสือมาขอเข้าเกลี้ยกล่อมด้วยโจโฉ โจโฉได้หนังสือแล้วก็ปฏิเสธเสีย ไม่ให้ทหารม้าเฉียวเข้าอยู่ในอำนาจ

เดือนเก้าทหารโจโฉยกข้ามแม่น้ำวุย ม้าเฉียวท้าโจโฉรบเป็นหลายครั้ง โจโฉก็หาออกไปรบม้าเฉียวไม่ ม้าเฉียวจึงให้คนถือหนังสือมาขอยกเมืองให้ แลคนประกันนั้นก็ส่งไปไว้เมืองฮูโต๋ได้ กาเซี่ยงแจ้งว่าม้าเฉียวมีหนังสือมาดังนั้นก็เข้าไปหาโจโฉแล้วว่า ควรท่านไจเสี่ยงจะทำทีเป็นว่ายอมเอาม้าเฉียวเป็นทหารทำราชการจึงจะชอบ โจโฉจึงว่า ซึ่งท่านจะให้ยอมอ้ายม้าเฉียวดังนั้นด้วยเหตุอันใด กาเซี่ยงจึงว่า ซึ่งข้าให้ทำดังนั้น ก็ด้วยจะแบ่งกำลังสิบเมืองออกเสียจากกัน โจโฉจึงว่า ท่านว่าดังนี้เราก็แจ้งในความคิดท่านแล้ว

ฝ่ายหันซุยขอพบโจโฉ โจโฉจึงขี่ม้าไปกับหันซุยสองคน โจโฉ หันซุยเจรจากันเรื่องทั่วไป จะได้เสวนาสงครามบ้านเมืองนั้นหามิได้ ทหารขบถแจ้งว่าโจโฉ หันซุยคุยกันดังนั้นก็มาสังเกตดู โจโฉจึงว่า ทหารทั้งปวงมาดูนี้จะดูเราโจโฉหรือ อันเรานี้ถึงว่าจะเป็นไจเสี่ยงเมืองฮูโต๋มีอำนาจปานใดก็ดี กายเราก็หาได้ผิดประหลาดไปจากคนทั้งปวงไม่ ซึ่งจะเห็นโจโฉมีสี่ตาสองปากนั้นอย่าหมายเลย ยังแต่ปัญญาเราเลิศกว่าคนทั้งปวงหน่อยหนึ่งเท่านั้นดอก

ครั้นหันซุยกลับไปค่าย ม้าเฉียวและพวกจึงว่า ท่านเจรจาเรื่องใดกับโจโฉอยู่หรือ หันซุยก็ว่าไปตามสัตย์ ม้าเฉียวและพวกก็มีใจระแวงสงสัยอยู่

ผ่านไปสองสามวัน โจโฉเขียนหนังสือให้คนถือไปให้หันซุย ณ ค่าย ม้าเฉียวและพวกมาดูเห็นหนังสือนั้นขูดลบขีดฆ่ามีรอยปรากฏเป็นอันมาก ก็รู้ว่าหันซุยแก้หนังสือ จึงมีใจระแวงหันซุยยิ่งกว่าก่อนขึ้นอีก

ฝ่ายโจโฉนำทหารเบาเคลื่อนที่เร็วยกเข้าสู้ประปราย ม้าเฉียวรบต้านทานโจโฉพักหนึ่ง โจโฉก็ให้ทหารม้ายกเข้าตีขนาบทัพม้าเฉียวสองข้างซ้ายขวา ม้าเฉียวเห็นทหารกระหนาบอยู่เห็นจะต้านไว้ไม่ได้ ก็แตกหนีไป เซงหงี ลิขำ แลคนอื่นๆตายในที่รบสิ้น ยังแต่ม้าเฉียว หันซุยหนีไปเมือง(มณฑล)เลียงจิ๋วได้ แลเอียวฉิวอีกผู้หนึ่งหนีไปอันติ้งได้

ฝ่ายขุนนางทั้งปวงจึงว่า เมื่อทหารเรายกมานั้น ขบถป้องกันด่าน Tong ละเลยแนวรับข้างอุดรของวุย แลท่านไม่ให้นำทหารยกจากโฮต๋องตี Pingyi กลับไปหยุดทัพที่ด่านเสียพักหนึ่งแล้วจึงค่อยข้ามขึ้นเหนือนี้ประสงค์สิ่งใดหรือ โจโฉจึงว่า ทหารม้าเฉียวระวังด่านตงก๋วนอยู่ ซึ่งเราจะนำทหารยกไปโฮต๋องนั้น เกลือกทหารม้าเฉียวยกไประวังหลังมิให้ทหารเราข้ามแม่น้ำ ทหารเราก็จะเสียการไป เราจึงตีจะเอาด่านให้ทหารม้าเฉียวพะวงแต่ข้างทิศใต้ ละแนวรับข้างประจิมเสีย แล้วเราจึงให้ซิหลง จูเหลงแต่สองนายยกทหารไปตีสะพานแตกไปโดยง่าย แล้วเราจึงยกทัพข้ามไปทางเหนือ แลสร้างแนวรั้วสำหรับรับศึกม้าเฉียว สร้างทางเดินทัพลงใต้ ทหารม้าเฉียวจะโจมตีเรานั้นไม่ได้ แลทหารขบถก็ไม่ดูหมิ่นทหารเราได้ ครั้นเราข้ามลำน้ำวุยแล้วก็ให้เสริมป้อมปราการจงมั่นคง ม้าเฉียวจะรบเราเป็นหลายครั้งเราก็หารับท้าไม่ ทหารม้าเฉียวแลม้าเฉียวก็คิดไปว่าทหารเรากำลังน้อยมีใจกำเริบ ก็ไม่คิดการจะป้องกันค่าย แลคิดแต่สามิภักดิ์เสนอเมืองในบังคับแก่เรา เราก็ทำทีจะรับเข้าด้วย ทหารขบถทั้งปวงก็ชะล่าใจผ่อนทหารเบาลงแล้ว เราจึงยกทหารตีเข้าไปสายฟ้าแลบ ทหารม้าเฉียวแต่เวลาจะเอามือป้องหูตัวจากสายฟ้าก็ไม่มี ม้าเฉียวแลพวกทั้งปวงซึ่งประหนึ่งก้อนกรวดในรองเท้าเราก็แตกไปโดยง่าย ดังนี้แลเราจึงว่า อันการศึกสงครามนั้นมีอุบายความคิดเป็นอันมากไม่สิ้นสุดเลย

ฤดูหนาวเดือนสิบ โจโฉขึ้นเหนือจากเมืองเตียงอัน(ฉางอาน) ยกไปตีเอียวฉิวที่เมืองอันติ้ง เอียวฉิวเข้าด้วยโจโฉ โจโฉก็ให้เอียวฉิวอยู่เมืองอันติ้งดังแต่ก่อน แต่ขึ้นกับโจโฉ

เดือนสิบสอง โจโฉให้แฮหัวเอี๋ยนรักษาค่าย ณ เมืองเตียงอัน ให้เตียวเจดูแลเกงเตียว เตียวเจรับเหล่าผู้อพยพ จัดการดูแลอย่างดี แลเมืองนั้นให้ซ่อมแซมบูรณะจงมาก ราษฎรชาวเมืองก็รักใคร่เตียวเจ

ฝ่ายหวดเจ้งที่ปรึกษาเมืองเสฉวนนั้น ถึงแนะนำการสิ่งใดเล่าเจี้ยงก็หาฟังไม่ แลพรรคพวกซึ่งมารับราชการเมืองจ๊กด้วยกันแต่ก่อนก็ชิงชังหวดเจ้ง หวดเจ้งก็มีความน้อยใจอยู่

ฝ่ายเตียวสงทหารคนสนิทเล่าเจี้ยงนั้น คบกันกับหวดเจ้ง แลรุ้ปัญญาหวดเจ้งว่าลึกซึ้ง แลสำคัญว่าเล่าเจี้ยงมีใจชังตัวอยู่ เตียวสงก็ไม่พอใจเล่าเจี้ยงอยู่แต่ในใจ

แลเตียวสงจึงแนะให้เล่าเจี้ยงเป็นไมตรีกันกับเล่าปี่ เล่าเจี้ยงจึงว่า ซึ่งท่านให้เป็นไมตรีนั้นชอบแล้ว หากเราจะส่งขุนนางใดไปเจริญไมตรีเล่าปี่เล่า เตียวสงจึงว่า เห็นแต่หวดเจ้งมีปัญญาความคิด เห็นจะทำการลุล่วงไปได้ เล่าเจี้ยงจึงให้หวดเจ้งไปเป็นทูต หวดเจ้งแจ้งดังนั้นก็ไม่ยอมไป เล่าเจี้ยงกลับคิดว่าปัญญาหวดเจ้งสมพอจะไปอยู่แล้ว จึงบังคับหวดเจ้งให้ไป ฝ่ายหวดเจ้งขัดไม่ได้ก็จำใจไปเป็นทูตกับเล่าปี่ตามคำเล่าเจี้ยงว่า

ครั้นหวดเจ้งกลับไปเมืองเสฉวนก็เข้าไปหาเตียวสงแล้วว่า อันเล่าปี่มีปัญญา ทะเยอทะยานใหญ่โตนัก แล้วหวดเจ้ง เตียวสงก็คิดกันจะให้เล่าปี่เป็นเจ้าเมืองเสฉวนแทนเล่าเจี้ยงต่อไปภายหน้า

ฝ่ายโจโฉให้จงฮิวยกทัพมาตีเมืองฮันต๋ง เล่าเจี้ยงแจ้งความวิตกนัก เตียวสงจึงว่า ทหารเมืองฮูโต๋ฝีมือเป็นเอกหาผู้เสมอมิได้ หากเมืองฮันต๋งเสียแก่โจโฉแล้ว เห็นโจโฉจะยกมาตีเอาเมืองเสฉวน แลขุนนางเมืองเสฉวนปัญญาน้อย เห็นจะไม่ต่อกรโจโด้ เมืองเสฉวนก็จะเสียแก่โจโฉเป็นแน่ เห็นแต่ท่านเล่าปี่มีปัญญาสามารถในการสงคราม แลเป็นอริโจโฉอยู่ ชอบแต่ท่านจะให้เล่าปี่ยกไปตีเอาเมืองฮันต๋งก่อน หากได้เมืองฮันต๋งมาเป็นกำลัง ถึงว่าโจโฉยกมาตีจะเอาเมืองเสฉวนก็เห็นจะตีเอาเมืองไว้ไม่ได้

บังยี่ ลิอี้แลขุนนางทั้งปวงก็ยโสว่าตัวมีผลงานมาแต่ก่อน ซึ่งท่านจะอาศัยขุนนางทั้งนี้ทำราชการบัดนี้เห็นไม่ได้ หากเล่าปี่ไม่มาเมืองเสฉวนแล้ว เห็นท่านจะถูกศึกกระหนาบทั้งโจโฉไจเสี่ยงแผ่นดิน แลอาณาประชาราษฎรเมืองเสฉวนทั้งปวงก็จะลุกฮือเป็นขบถแผ่นดินดังนี้ เห็นเมืองเสฉวนจะเสียแก่ข้าศึกเป็นแน่

เล่าเจี้ยงฟังแล้วเห็นชอบด้วย จึงให้หวดเจ้งนำทหารสี่พันเศษยกไปรับเล่าปี่เข้ามาเมืองเสฉวน

ฝ่ายอุยก๋วนขุนนางอาลักษณ์จึงว่า เล่าปี่เป็นคนเจ้าความคิด ซึ่งจะเชิญมาอาศัยเมืองเสฉวนนั้นไม่ควร ด้วยท่านจะปฏิบัติเล่าปี่ดังกาฝากมาอาศัยเมืองเราเป็นที่อยู่นั้น ก็เห็นเล่าปี่โกรธขึ้นก็จะไม่อยู่ในบัญชาเมืองเสฉวนเรา แลท่านจะไว้เกียรติเล่าปี่เสมอกับตัวนั้น ก็เห็นเมืองเสฉวนแต่เมืองเดียวจะมีเจ้ามีนายถึงสองเป็นไม่ได้ เกลือกฐานะเล่าปี่ในเมืองเสฉวนมั่นคงขึ้น ที่ขุนนางเจ้าเมืองเสฉวนท่านก็เห็นจะสั่นคลอนง่อนแง่นลงไม่อยู่ได้ อุปมาดังเทือกผาไทสันอันตั้งอยู่แต่เมืองกุนจิ๋ว เปรียบกันกับฟองนกตั้งแง่นอยู่แต่ในรังฉะนั้น แลเห็นภายหน้าต่อไป เมืองเสฉวนก็จะตกแก่เล่าปี่เป็นมั่นคง

เล่าเจี้ยงไม่เห็นชอบ จึงให้ขับอุยก๋วนไปเป็นที่นายอำเภอ Guanghan

ฝ่ายอองลุยแจ้งว่าเล่าเจี้ยงให้หาเล่าปี่เข้ามาดังนั้นก็โกรธ จึงขึ้นไปกำแพงเมือง เอาเชือกแขวนตัวห้อยอยู่หมายจะแสดงให้เล่าเจี้ยงรู้การผิดแลชอบ เล่าเจี้ยงเห็นอองลุยประท้วงตัวดังนั้นก็หาถือเอาเป็นอารมณ์ไม่แลเฉยอยู่

ฝ่ายหวดเจ้งมาเมืองเกงจิ๋วแล้วก็เข้าไปหาเล่าปี่ ชี้ให้เล่าปี่เห็นการใหญ่ซึ่งคิดกันไว้กับเตียวสงแล้วจึงว่า อันพระเจ้าอาท่านนี้มีความคิดแยบคาย ใจกล้าสมเป็นชาติทหารอยู่แล้ว แลเล่าเจี้ยงคนเขลาคนนี้เห็นจะเป็นประโยชน์แก่การของท่านสืบไปได้ ขอแต่เตียวสงยุยงเสริมส่งเข้า สืบไปเมื่อหน้าเห็นเล่าเจี้ยงจะยกเมืองเสฉวนให้ตกถึงท่าน อุปมาดังเอามือพลิกคว่ำเป็นหงายก็จะได้โดยง่ายเหมือนกัน ฝ่ายเล่าปี่นั้นในใจขัดแย้งกันอยู่

บังทองจึงว่า บัดนี้เมืองเกงจิ๋วก็มิได้เป็นปรกติ ไพร่บ้านพลเมืองบอบช้ำด้วยครั้งโจโฉยกมา แต่สมบัติติดบ้านก็ไม่ปรากฏ แลแดนเมืองกังตั๋งคุมเชิงเราอยู่ข้างทิศบูรพา แลทิศอุดรนั้นเห็นเมืองฮูโต๋โจโฉศัตรูราชสมบัติประจันอยู่อีกเล่า ซึ่งจะทำการคิดอ่านปราบปรามแผ่นดินให้สงบสืบไปด้วยเมืองเกงจิ๋วแต่เท่านี้เห็นขัดสนนัก

เห็นแต่เมืองเสฉวนไพร่ฟ้าราษฎรพร้อมมูลกว่าร้อยหมื่น ล้วนมั่งคั่งแจ่มใส พืชพรรณธัญญาหารก็สมบูรณ์ แลฝนฟ้าตกต้องตามฤดูมิได้ขาด เห็นหัวเมืองเอ๊กจิ๋วนี้จะใช้เป็นกำลังทำการใหญ่สืบไปก็จะสมความคิด

เล่าปี่จึงว่า อันน้ำใจโจโฉหยาบช้าคิดการแต่ส่วนตน แลน้ำใจเราก็กว้างขวางเป็นที่ลือแก่คนทั้งหลายอยู่แล้ว เปรียบกันก็อุปมาเหมือนน้ำแลไฟต่างกันอยู่ แม้เราทำการไม่เหมือนโจโฉ เห็นการซึ่งคิดไว้จะลุล่วงตามแต่สติปัญญา เกลือกเราฉวยโอกาสดังนั้น คนทั้งปวงก็นินทาเราได้ แลการที่คิดกันอยู่เห็นจะเสียไปเป็นมั่นคง

บังทองจึงว่า บัดนี้บ้านเมืองเป็นจลาจลอยู่แล้ว ซึ่งจะมาทำตรงดังท่อนไม้ใหญ่ไม่ถูกเวลาฉะนี้ไม่ควร แลท่านเกรงความนินทาดังนี้ ก็ให้ได้เมืองเสฉวนมาแล้วค่อยเชื่อโองการพระเจ้าเหี้ยนเต้เมื่อปลายมือมิดีหรือ แต่โบราณคนทั้งปวงก็สรรเสริญผู้ทำการดังคำข้าทั้งนี้ทุกตัวคน

แม้ท่านเกรงคำผู้คน ก็ค่อยให้เล่าเจี้ยงเป็นที่ขุนนางพระยา คนทั้งปวงจะสำคัญว่าน้ำใจท่านสัตย์ซื่อก็เห็นจะไม่มีความนินทาตกถึงท่าน แลท่านมาลังเลใจอยู่ฉะนี้ เกลือกละไว้ช้ามีผู้ใดยกมาตีเอาเสฉวนก่อนจะเสียการ เล่าปี่จึงเห็นชอบด้วย ก็ให้ทำตามคำบังทองไม่ข้องขัดสิ่งใดอีก

เล่าปี่จึงให้ขงเบ้ง กวนอูเป็นต้นคอยรักษาเมืองเกงจิ๋ว แล้วตัวกับบังทอง หวดเจ้งเป็นต้น เกณฑ์คนหลายหมื่นยกไปเมืองเสฉวน

ฝ่ายซุนกวนแจ้งว่าทหารเล่าปี่ยกไปแล้ว ก็ให้ส่งเรือไปหาซุนฮูหยินผู้น้อง นางซุนฮูหยินแต่งกลจะพาเล่าเสี้ยนบุตรเล่าปี่เอาไปเป็นประกันในแดนเมืองกังตั๋ง เตียวหุย จูล่งจึงยกทัพไปขวางไว้ แก้เอาตัวเล่าเสี้ยนกลับมาเมืองเกงจิ๋วได้ แลตัวนางซุนฮูหยินนั้นกลับไปเมืองกังตั๋ง

ฝ่ายเล่าเจี้ยงเห็นเล่าปี่จะเข้ามาเมืองเสฉวน ก็ให้มีโองการไปถึงขุนนางใหญ่น้อยแลคนทั้งปวงในแดนเมืองเอ๊กจิ๋วให้ต้อนรับเล่าปี่ให้เอิกเกริกอื้ออึง ฝ่ายเล่าปี่เข้ามาเมืองเสฉวนแล้ว ก็มีใจยินดีเหมือนหนึ่งอยู่ในถิ่นของตัว คนทั้งปวงเห็นเล่าปี่มาก็ให้ของกำนัลล้ำค่าแลสินทรัพย์ศฤงคารเป็นอันมาก นับได้ถึงร้อยล้าน

ขณะเมื่อเล่าปี่ยกมาถึงเมือง Ba เงียมหงันเจ้าเมืองเข้าไปหาเล่าปี่ จับเอาหัตถ์เล่าปี่วางบนอกตัวแล้วว่า ตัวท่านอุปมาดังคนนั่งอยู่ในที่ดอน แลปล่อยเสือร้ายออกมาสำหรับคุ้มภัยแก่ตัวฉะนั้น

ฝ่ายเล่าปี่ยกมาถึง Fu ก็เห็นทัพเล่าเจี้ยงยกมารับ ทหารเล่าเจี้ยงมาก ชุดเกราะต้องแสงตะวันก็สะท้อนตาพร่าไปทั้งสิ้น

ฝ่ายเตียวสงคุยกับหวดเจ้งว่า เมื่อเล่าปี่ เล่าเจี้ยงเจอกัน ชอบแต่ท่านจะแนะให้เล่าปี่จับเอาเล่าเจี้ยงไว้ก็จะสมความคิดโดยง่าย เล่าปี่จึงว่า ซึ่งจะคิดการเร็วไปดังนั้นไม่ชอบ บังทองจึงว่า ท่านมาว่าดังนี้ไม่ควร ด้วยแม้ท่านคิดอ่านจับเล่าเจี้ยงได้ ก็จะไม่ต้องทำสงครามกันให้อาณาประชาราษฎรได้ความเดือดร้อน แลเมืองเสฉวนเท่านี้ก็จะได้มาโดยง่าย เล่าปี่จึงว่า อันเราเป็นเจ้าเมืองมาแต่เมืองเกงจิ๋ว ใจไพร่พลเมืองทั้งปวงยังหาเข้ากับเราไม่ ซึ่งจะทำการโดยวู่วามดังนั้นไม่ได้

ฝ่ายเล่าเจี้ยงให้เล่าปี่เป็นที่แม่ทัพใหญ่ มีจวนสำหรับตัวใหญ่โตโอ่โถงดังขุนศึกใหญ่ทั้งปวง ณ นครหลวงเวลานั้น เล่าปี่จึงแนะให้เล่าเจี้ยงตั้งตัวเป็นที่แม่ทัพนำสันติสู่แดนประจิม แลควบตำแหน่งเจ้าเมืองเสฉวนอีกตำแหน่งหนึ่งด้วย แลเมืองเสฉวนก็มีงานกินโต๊ะกันเอิกเกริกกว่าร้อยวัน

ฝ่ายเล่าเจี้ยงจึงกำนัลทหารแลข้าวปลาอาหารสำหรับทัพแก่เล่าปี่ แล้วจึงให้เล่าปี่นำทหารไปตีเมืองฮันต๋ง ให้คุมทัพที่ Boshui ทหารเล่าปี่อันมีประมาณสามหมื่นเศษ แลอาวุธโธปกรณ์เสบียงทัพบริบูรณ์ทั้งปวงก็ยกไปตามคำเล่าเจี้ยงว่า ฝ่ายเล่าเจี้ยงจึงกลับไปเมืองเฉิงตูเมืองเอกของเสฉวน

ฝ่ายเล่าปี่เมื่อจะยกไปนั้น ก็ทำตัวมีน้ำใจดีงามให้ปรากฏเป็นที่ลืออยู่กับคนทั้งปวง อาณาประชาราษฎรเมืองเสฉวนก็รักใคร่เล่าปี่เป็นอันมาก





Create Date : 09 กรกฎาคม 2551
Last Update : 18 กรกฎาคม 2551 21:00:55 น. 0 comments
Counter : 445 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

Chineseman
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add Chineseman's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.