ไร้สาระ กับ นายบัวรำวง
เวลาจะช่วยอะไร ?

ผมเคยถามตัวเองหลายครั้ง ถามตัวเองหลายที ว่าทำไมโชคชะตาต้องทำกับผมอย่างนี้ด้วย...

ท่ามกลางบนโลกที่หมุนไปบนจักรวาลอันไร้ขอบเขต ท่ามกลางรหัสศูนย์กับหนึ่ง ผมได้เจอดินแดนแห่งหนึ่งบนโลกผ่านอักษร ภาพ และเสียง เหมือนดินแดนในอุดมคติ ได้เจอกับคนที่ชอบอะไรเหมือน ๆ กัน คิดอะไรเหมือน ๆ กัน...

ผมว่าผมชักหลงรักที่นี่เสียแล้ว อะไร ๆ มันช่างดูเหมือนลงตัว ทุกคนที่ผ่านอักษรและรูปภาพ ดูเป็นมิตรน่าพูดจาน่าคุยไปเสียหมด ผมคิดฝันเป็นเรื่องราวผูกเรื่องโยงใยว่าคนนั้นต้องเป็นแบบนั้น คนนี้ต้องเป็นแบบนี้

ผมหลงรักที่นี่เสียแล้ว ผมบอกกับตัวเองวันหนึ่ง หลังจากที่ผมค้นพบว่า ผมติด และเสพที่นี่แม้การผ่านเข้าไปดูเพียงครึ่งนาทีต่อวัน...แต่ที่จริงมันมากกว่าครึ่งนาทีเสียด้วยซ้ำ มันนานจนผมเริ่มผูกชีวิตไว้ที่นี่...

อาจจะเป็นเพราะตัวจริงของผมเป็นคนมีเพื่อนน้อย วัน ๆ ผมแทบไม่ได้พูดกับใคร บนโลกที่หมุนไป ผมเจอกับคนมากมายทุกวัน แต่ผมกลับไม่รู้จักคนเหล่านั้นเลย... และไม่กล้าที่จะคุยกับคนเหล่านั้นอีกด้วย...ชีวิตผมจึงอยู่แต่ในโลกอีกฝั่งหนึ่งกับบุคคลที่ผมคิดว่าผมรู้จัก แต่...ผมไม่รู้จัก

ทำไมผมถึงบอกเช่นนั้น ผมไม่เคยรู้ว่า คนที่ผมทักทายและพูดคุยอย่างสนิทสนมทุกวันนั้นเป็นใคร ? บ้านอยู่ไหน แม้แต่บางครั้งรูปร่างหน้าตา โดยแท้จริงเป็นอย่างไรไม่รู้...แต่ผมคิดว่าผมรู้จัก...

วันหนึ่งการเดินทางบนโลกอีกฝั่งก็มาถึงจุดเริ่มต้นของทางแห่งความสับสน ผมได้พบเห็นกับความขัดแย้ง...ใช่ ความขัดแย้ง ของบุคคลสองคน จากตอนแรกเป็นเพียงการล้อเล่น ด้วยความคะนอง จากการมองผ่านอักษร และภาพที่แสดงออก สองคนที่ไม่รู้จัก กลับมารู้จัก และลาร้างเกลียดชังกันไป ผมรู้สึกเฉยๆ เชื่อได้

ไม่นานนัก ก็ปรากฏการใช้สื่ออักษรเล่นตลกกันอีก ในรูปแบบอื่นๆ จนโลกของผม โลกของผม ! วุ่นวาย ! เกิดการแบ่งแยกเข้าข้างกัน แน่นอน ผมหาใช่ผู้ไกลกิเลสย่อมหวั่นไหวไปกับ “ความจริง” ผ่านตัวอักษรของแต่ละฝ่าย...ผมตั้งคำถามตัวเอง ผมเชื่อใครดี...ใช่ผมตัดสินใจเชื่อฝ่ายหนึ่ง ว่า สิ่งที่เขาบอก เป็น “ความจริง”

เรื่องตลก สติปัญญา กับอารมณ์ เริ่มปรากฏชัดกับผมมากขึ้น วันหนึ่งผมอยากกินหญ้า เอาสมองไปไถนา...ผมทดลองเล่นตลก กับเขาบ้าง ด้วยลูกเล่นแกมหยอก กับคำบางคำ ผลที่ได้รับ เกินความคาดหวัง มีเสียงวิจารณ์กับเรื่องของผม รวมถึงโทรศัพท์มาซักถามเรื่องราวอีกต่างหาก...บางคนให้กำลังใจ และก็มีด่าเสียด้วย...

โลกของผมถูกผมบังตา และโลกอีกฝั่งก็บังตาผมไว้...

วันหนึ่งเพื่อนผู้แวะเข้าไปเยี่ยมโลกอีกฝั่ง ได้บอกผมว่า โลกที่ผมติด...ติด มันเปลี่ยนไปแล้ว...ผมมองไม่เห็นหรอก...ผมบอกไม่เชื่อ เพื่อนบอกผมว่า ฝั่งนู้น มันมี “มายาคติ” ทางการมอง บางสิ่งไม่ได้สวยงามอย่างที่ผมเห็น มันชี้ให้ผมเห็น “สิ่งซ่อนเร้น” ภายใต้ภาพ และตัวหนังสือ ผมบอกกับตัวเองว่า ผมไม่สนหรอก ตราบใดที่ ผมยังเสพในภาพที่ผมเห็น ผมไม่ได้เข้าไปยุ่งกับสิ่งซ่อนเร้น แต่ให้ตายสิ ทำไมเพื่อนผมเห็น ผมถึงไม่เห็นนะ ผมถามตัวเอง...

วันหนึ่งตัวหนังสือ ตลกกินหญ้าของผมอีกแล้ว ผมแซวเพื่อนคนหนึ่งเข้าด้วยความไม่คิดอะไร...แต่ที่ไหนได้ อักษรเดียวกัน คำเดียวกัน ที่ใครๆ ก็เห็น จะให้ผลที่แตกต่างกัน...ทางความคิดและการตีความ เพื่อนคนนั้นโทรศัพท์มาต่อว่า หาว่าผมดูถูก ไม่ให้เกียรติกันเลย...ผมว่าตอนผมพิมพ์ผมไม่ได้คิดอะไร นอกจากแซวเพราะคิดว่า “เราสนิทกัน” แต่คนอ่านกลับคิดไม่เหมือนผม...แปลกดีนะ...

อีกหลายวันของความรู้สึกเริ่มเบื่อ...ผมต้องการสร้างความสนุกขึ้นมาอีกแล้ว...ใช่สิ ในโลกอีกฝั่งเป็นของผมนี่ ผมมีสิทธิจะพูดจะพิมพ์อะไรก็ได้...จะพูดหวานฉ่ำ หรือจะเปรี้ยวเผ็ด ก็ไม่มีอะไร...มากไปกว่า มันเป็น “คำโกหก” บ้างเท่านั้น

และแล้ว...สิ่งที่ผมตลกแซวแบบธรรมดาที่สุด กับคนสนิทที่สุด กลับให้ผลที่เจ็บปวดที่สุด...ผมเข้าใจดี และเข้าใจดี ความธรรมดา มักไม่ธรรมดา สิ่งซ่อนเร้น กลับไม่ซ่อนเร้น มิตรกลับไม่ใช่มิตร...กลายเป็นคนแปลกหน้า เพียงแค่อักษรไม่กี่คำ ภาพไม่กี่ภาพ แปลกดีแท้...

ผม ขอโทษ...

ผมถามตัวเอง และพร้อมถอยออกมาพัก...ดีหรือไม่ อาจจะเป็นการชั่วคราว หรือการถาวร...

ผมคิดว่าผมคงไม่ต้องเอาสมองไปไถนาอีกแล้ว...เชื่อผมเถอะ !



Create Date : 17 กรกฎาคม 2549
Last Update : 17 กรกฎาคม 2549 22:45:14 น. 0 comments
Counter : 293 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

buaravong
Location :
มหาสารคาม Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add buaravong's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.