Lilypie 6th to 18th PicLilypie 6th to 18th Ticker Lilypie 4th Birthday PicLilypie 4th Birthday Ticker
Group Blog
 
All blogs
 

JMC Class Concert





วันที่ 1 ก.ค. 2550 เป็นวันแสดงผลงานด้านการเรียนดนตรีของน้องบัว พูดง่ายๆ ก็วันเรียนจบ JMC เล่ม 2 อะค่ะ อยากให้ย้อนไปดูพัฒนาการของน้องบัวอีกสักครั้ง เมื่อเดือน พ.ย. 2549 น้องบัวเรียนจบ JMC-1 วันนั้นใส่ชุดเจ้าหญิงซินเดอเรลล่า...






ผ่านไป 7 เดือน ด้วยความลำบากยากเย็น วันนี้...น้องบัวได้แสดงอีกครั้งค่ะ คราวนี้หนูเป็นเคียวไวท์ จากพรีตตี้เคียว




ก่อนเริ่มการแสดง ร้องเพลงหมู่ก่อนค่ะ... เจ้ากระต่าย ชอบกินผัก




แล้วก็ผลัดกันออกไปแสดง คราวนี้พลาดไปนิดนึง น้องบัวลืมเอาหนังสือของตัวเองมา เลยไม่มั่นใจที่จะออกไป แม่เลยขอยืมหนังสือของครูนายมาให้น้องบัวถือให้อุ่นใจก่อน แล้วก็ถึงตาหนูแล้วค่า.... สู้ตายลูก....


สวัสดีค่ะ หนูชื่อเด็กหญิง..... แนะนำตัวเสียงดังฟังชัดเช่นเคย วันนี้เล่น 2 เพลง เพลงแรกที่เล่น ชื่อเพลงเดียวดาย





เพลงที่สอง เพลงผึ้ง





เพื่อนๆ ในห้อง น่ารักมากกก ร้องคลอตามตลอดทั้งเพลง


เปรียบเทียบการแสดงครั้งที่ 1 กับ 2 เห็นได้ชัดว่า น้องบัวมีพัฒนาการที่ดีขึ้นมาก แม่ภูมิใจในตัวหนูมากเลยจ๊ะ

ปิดท้ายด้วยรูปหมู่ ของเด็กๆ กับครูนาย





 

Create Date : 02 กรกฎาคม 2550    
Last Update : 2 กรกฎาคม 2550 14:23:05 น.
Counter : 765 Pageviews.  

เมื่อน้องบัวเรียนดนตรี...(ตอนที่ 3)



แม่กับพ่อนั่งปรึกษากัน เรื่องการเรียนดนตรีของน้องบัว แล้วลองแยกสาเหตุออกมาหลายๆ ประเด็น ได้แก่
1. การเรียนดนตรีมันยากเกินไป
2. น้องบัวไม่ชอบเรียนดนตรี
3. ครูสอนไม่รู้เรื่อง
4. น้องบัวตั้งใจเรียน อาจเป็นโรคสมาธิสั้น
5. น้องบัวซ้อมดนตรีน้อยไป
6. แม่คาดหวังในตัวลูกมากเกินความสามารถลูก

ข้อ 1 ที่ว่าเรียนดนตรียาก ก็อาจเป็นไปได้ แต่หลักสูตรนี้ มันสำหรับเด็ก 4-6 ขวบ ก็อยู่ในช่วงอายุลูก แต่ลูกจะอยู่ในกลุ่มอายุน้อยในชั้นเรียน เลยทำให้การเรียนรู้จะช้ากว่าเด็กโตกว่า

ข้อ 2 น้องบัวไม่ชอบเรียนดนตรี แม่กับพ่อเห็นพ้องกันว่าเราไม่น่าเอาประเด็นนี้มาคิด เพราะเท่าที่สังเกตบัวในชั้นเรียน หนูจะสนุกสนานเอ็นจอยมาก โดยเฉพาะเวลาออกไปร้องเพลง เต้นรำ กับคุณครู หนูจะมีปัญหาเฉพาะตอนเล่นคีย์บอร์ดเท่านั้น แม่ถามหนูหลายๆ ครั้งว่าชอบเรียนดนตรีไม๊ หนูก็ตอบว่า "หนูชอบเรียน ชอบร้องเพลง แต่เวลาเล่นเปียโนมันยากกก"

ข้อ 3 ครูสอนไม่รู้เรื่อง จริงๆ ครูนายมีประสพการณ์ในการสอนวิชานี้มาสิบกว่าปีแล้ว เด็กๆ ผ่านมือมามากมาย เจอเคสแตกต่างกันไป เพื่อนๆ ร่วมชั้นน้องบัว ก็เรียนกันได้ไม่มีปัญหา แม่เลยคิดว่าไม่ใช่เรื่องของตัวครูอีกเช่นกันจ้า

ข้อ 4 น้องบัวเป็นสมาธิสั้น ข้อนี้แม่กังวลเป็นที่สุด เพราะถ้าเรายังไม่สามารถตัดประเด็นนี้ เราก็ไม่สามารถฟันธงหาสาเหตุจริงๆ ได้ และถ้าเพิกเฉยต่อเรื่องนี้แล้วเกิดเป็นจริงขึ้นมา แม่เป็นห่วงว่ามันจะมีผลกระทบไปยังเรื่องอื่นๆ ของหนูต่อๆ ไปด้วย แม่เลยไปขอคำปรึกษากับครูพรวลัย ซึ่งเป็นนักจิตวิทยาเด็ก เชี่ยวชาญเรื่องการดูแลเด็กพิเศษ ครูพรให้แม่พยายามลองสังเกตพฤติกรรมของน้องบัว และแนะนำให้แม่ค่อยๆ ฝึกน้องบัวให้ทำอะไรๆ ให้ได้ตามเวลาที่เรากำหนด เช่น ระบายสี ทำแบบฝึกหัด และค่อยๆ เพิ่มเวลาให้นานขึ้นๆ หากทำไม่ได้ให้พาน้องบัวมาหาครู ครูจะช่วยดูให้

กลับบ้านไป แม่ทดลองให้น้องบัวทำแบบฝึกหัดอย่างง่ายๆ หนูสามารถทำได้นาน 10-15 นาที ตอนค่ำๆ ให้น้องบัววาดรูประบายสี หนูนั่งวาดรูปได้ร่วมครึ่งชั่วโมง อย่างนี้หนูก็ไม่น่าจะเป็นสมาธิสั้นนะ เพราะเด็กสมาธิสั้นจะทำอะไรนานๆ อย่างนี้ไม่ได้ แม่มานึกถึงที่ครูพรพูดว่า "บางทีถ้าเค้ารู้สึกว่ามันยากเกินไป เค้าทำไม่ได้ เค้าก็ไม่อยากทำ ก็จะออกอาการแบบนั้นได้" เออ...หรือว่าเป็นเพราะเรื่องนี้นะ

ข้อ 5 น้องบัวซ้อมดนตรีน้อยเกินไป อันนี้แม่ตอบแบบไม่ต้องคิดเลยว่าจริง และการเรียนดนตรีมันจำเป็นต้องซ้อมอย่างสม่ำเสมอด้วย เพราะสัปดาห์หนึ่งเราเรียนดนตรีเพียง 1 ชม. อีก 167 ชั่วโมงที่เหลือ เราต้องแบ่งเวลาซ้อม เด็กเล็กๆ อย่างนี้ได้วันละ 10-15 นาทีก็พอแล้ว แต่น้องบัวแทบจะไม่ซ้อมเลย เวลาซ้อมก็ไม่ตั้งใจ แล้วมันจะทำได้อย่างไรล่ะ

ข้อ 6 แม่คาดหวังในตัวลูกมากเกินไป อันนี้แม่ยอมรับจ้า ว่าแม่คาดหวังในตัวลูก ใครๆ ก็อยากให้ลูกเก่งทั้งนั้น แต่แม่ก็ผิดที่เอาลูกไปเปรียบเทียบกับเพื่อนร่วมชั้นที่โตกว่า ซึ่งมันไม่สามารถเอาไปเทียบกันได้ พอความคาดหวังสูง แล้วทำไม่ได้ตามนั้น ก็ทำให้ผิดหวัง ออกอาการแว๊ดๆ เครียด โมโห ซึ่งแม่ไม่ควรทำกับลูกเลย ต่อจากนี้แม่จะลดพฤติกรรมเหล่านี้ลง เพราะมันไม่เกิดประโยชน์กับใครเลย แว๊ดแล้วลูกจะเล่นได้ดีขึ้นก็ไม่ กลับทำให้เสียบรรยากาศไปทั้งบ้าน

จากการวิเคราะห์สาเหตุทั้งหลาย แม่กับพ่อคิดว่าสาเหตุหลักน่าจะมาจากการ "อ่อนซ้อม" ของหนู ถ้าน้องบัวซ้อมมากขึ้น น้องบัวน่าจะทำได้ดีขึ้น หากน้องบัวทำได้ดีขึ้น ก็จะทำให้อาการเหม่อ ไม่สนใจเรียนในชั้นเรียนน้อยลง เพราะทำได้แล้วไง เพราะฉะนั้น เราจะเริ่มแก้ไขปัญหานี้ด้วยการ ขยันซ้อม ซ้อมแบบสม่ำเสมอทุกวัน ส่วนแม่ก็จะไม่เอาลูกไปเทียบกับเด็กคนอื่น แต่จะให้ลูกแข่งกับตัวเอง ว่าเดือนนี้ลูกเก่งกว่าเดือนที่แล้ว เดือนหน้าลูกต้องดีกว่าเดือนนี้

เขียนมาถึงตรงนี้ คนอ่านบางคนอาจจะคิดว่า เราทำไมเป็นแม่ที่ช่างบังคับลูกจัง เค้นจะเอากับลูกให้ได้ จะเอาอะไรกันนักหนากับเด็ก 5 ขวบ ขอบอกว่า ได้คิดพิจารณาเป็นอย่างดีแล้วค่ะว่า น้องบัวชอบเรียนดนตรี ก็อยากให้เค้ามีอะไรๆ ติดตัวเค้าสักอย่างนึง แล้วน้องบัวเค้าเป็นเด็กที่มีความมั่นใจในตัวเองค่อนข้างสูง ในชั้นเรียนถ้าครูขออาสาสมัครออกไปเล่นดนตรีหน้าชั้นเรียน น้องบัวจะออกไปอยู่เสมอ แม้ว่าฝีมือจะห่วยมากเค้าก็จะเล่นอย่างภูมิใจ แม่เลยคิดว่าหากเราช่วยพัฒนาให้ลูกเป็นคนเก่งได้ มันจะเป็นประโยชน์กับตัวเค้าเอง บวกกับความมั่นใจที่เค้ามีอยู่ มันจะทำให้เค้าไม่ด้อยไปกว่าใคร แต่ถ้าเราละเลยปล่อยให้เค้าเป็นไปอย่างนี้ มันจะทำให้ความมั่นใจที่เค้ามีอยู่หายไปด้วยค่ะ

อีกประการหนึ่ง แม่ไม่อยากให้ลูกเป็นคนทำอะไรไม่สำเร็จตั้งแต่เล็กๆ จึงพยายามหนุนให้เค้าทำในสิ่งที่ชอบอย่างต่อเนื่องและสุดกำลัง หากได้พยายามเต็มที่แล้ว เค้าทำไม่ได้ ไม่ชอบ ก็ไม่เสียใจค่ะ เพราะถือว่าได้ทำเต็มที่แล้ว

ดังนั้น เราจึงได้จัดเวลาซ้อมดนตรี ทุกวันหลังทานข้าว เป็นเวลา 5-10 นาที และทำตารางควบคุมความประพฤติ เป็นตารางสะสมสติ๊กเกอร์ หากน้องบัวซ้อมแล้วจะได้สติกเกอร์ 1 ดวง สะสมครบ 10 ดวงมีของขวัญเล็กๆ น้อยๆ ให้เค้า วิธีนี้...สอดคล้องกับทาง รร.ดนตรีด้วย เพราะครูนายจะให้สติกเกอร์เด็กๆ เป็นรางวัลเวลาออกไปเล่นดนตรีหน้าชั้นเรียน ซึ่งได้ผลกับน้องบัว แม่เลยเอามาใช้มั่ง และในวันเรียนดนตรี หากน้องบัวตั้งใจเรียน ทำได้ดีในชั้นเรียน กลับบ้านมาแม่ก็ให้สติกเกอร์พิเศษอีกค่ะ

เมื่อถึงเวลาซ้อม แม่จะแยกเอาน้องบอนไปเล่นของเล่นอีกห้องนึง (ไม่งั้นมีป่วน) แล้วให้พ่อดูน้องบัวซ้อม ส่วนแม่เล่นกับน้องบอนไปก็เงี่ยหูฟังไปว่าที่พี่บัวเล่นๆ หนะมันถูกหรือเปล่า ถ้าไม่ถูกก็บอกพ่อ แล้วให้พ่อสอนพี่บัวอีกทีนึง รู้สึกว่าพ่อลูกเค้าจะเข้ากันได้ดีกว่าแม่นะ

วิธีสะสมสติกเกอร์ได้ผลกับน้องบัวค่อนข้างดี เพราะทำให้น้องบัวตั้งใจซ้อมทุกวัน ผ่านไปเพียง 2 สัปดาห์ก็เริ่มเห็นผล ว่าน้องบัวมีพัฒนาการที่ดีขึ้นกว่าเดิมเยอะมาก น้องบัวเริ่มสนุกกับการเรียนและซ้อมดนตรี และมันก็ค่อยๆ ดีขึ้นๆ จนมาถึงทุกวันนี้ ในระยะเวลาเพียงแค่ 3 เดือนที่เราตั้งใจซ้อมกันอย่างจริงจัง หนูออกไปเล่นหน้าชั้นเรียนได้อย่างสง่าผ่าเผย เพราะนอกจากหนูจะมีความมั่นใจในตัวเองอย่างเต็มล้นแล้ว หนูยังมีความสามารถอีกด้วย จนครูนายออกปากชม แม่ภูมิใจในตัวหนูมากจ๊ะ คนเก่งของแม่

กับอิเลคโทนมรดกตกทอดจากแม่สู่ลูก อายุอานามก็ 17 ปีแล้วค่ะ แต่ยังใช้งานได้เป็นอย่างดี ถ้าเล่นเก่งๆ แม่จะหาตัวใหม่ๆ เจ๋งๆ ให้หนูนะ





ไปไหนก็อยากซ้อม อยากโชว์ เมื่อเดือนเมษาไปภูใจใส ก็ไปเล่นเปียโนที่นั่น คนเดินผ่านไปมาแอบยิ้มน้อยยิ้มใหญ่



อยากลงวิดีโอที่หนูเล่นดนตรีจัง แต่ทำไม่เป็น ใครผ่านมาช่วยแนะนำหน่อยค่ะ

ตารางสะสมสติ๊กเกอร์ ที่ทำให้น้องบัวค่ะ บอกเค้าว่า ถ้าได้ครบ 100 ดวง จะมีรางวัลใหญ่ให้




 

Create Date : 22 พฤษภาคม 2550    
Last Update : 26 พฤษภาคม 2550 15:03:59 น.
Counter : 761 Pageviews.  

เมื่อน้องบัวเรียนดนตรี...(ตอนที่ 2)




น้องบัวผ่านเล่มหนึ่งไปแบบพอเอาตัวรอด ขึ้นเล่ม 2 แน่นอนว่ามันต้องยากขึ้น นอกจากจะเล่นมือขวาแล้ว คราวนี้หนูจะได้เล่นรวมมือซ้าย-ขวา ปกติแค่มือเดียวหนูก็ต้องใช้ความพยายามมากแล้ว คราวนี้มันต้องมากกว่าเดิมเป็นหลายเท่าตัว แล้วแม่ก็เริ่มพบว่า น้องบัวเล่นไม่ค่อยได้เอาซะเลย หนูงอแงเวลาแม่ขอให้ซ้อมที่บ้าน ส่วนเวลาเรียนที่ รร. ก็มีอาการเหม่อ ใจลอย ว่อกแว่กง่าย ซึ่งทำให้แม่ฉุนได้บ่อยๆ อารมณ์ขึ้นปรี๊ดดดด และหลายครั้งที่แม่แว๊ดใส่น้องบัวที่บ้านเพราะหนูไม่ตั้งใจซ้อม และทำไม่ได้เลย

พ่อคิดว่าแม่ใจร้อนเกินไป แล้วก็คิดว่าน้องบัวไม่ได้แย่มากนัก แต่เป็นเพราะแม่คาดหวังในตัวลูกสูงเกินไป หรือไม่ก็เป็นเพราะลูกไม่ชอบเรียนดนตรีมากกว่า แม่ก็ยังคงอดทนสลับกับแว๊ดในเวลาที่พาน้องบัวไปเรียนดนตรีไปเรื่อยๆ เวลาอยู่ในห้องมันอดไม่ได้จริงๆ นะ ที่เห็นเด็กคนอื่นทำได้เกือบหมด ส่วนลูกตัวเองทำไม่ได้เลย แม่ต้องคอยเรียกบัวทุกๆ 3 นาที เพื่อให้กลับมาสนใจในสิ่งที่ตัวเองทำอยู่ เพราะหนูเอาแต่เหม่อลอยออกไปนอกห้อง แม่ต้องจับนิ้วหนูขยับไปมา เพราะหนูไม่ยอมขยับนิ้วเอง มันทำให้แม่เครียดมากๆๆๆๆๆ และคิดเลยเถิดไปถึงว่าลูกเรามีอะไรผิดปกติหรือเปล่า เป็นสมาธิสั้นรึเปล่า ถามครูที่ รร. เค้าก็บอกว่าหนูตั้งใจเรียน สนใจกิจกรรมในชั้นเรียน ช่างซักช่างถาม แล้วทำไมเวลาเรียนดนตรีถึงเป็นคนละคนอย่างนี้ล่ะ ???


เวลาผ่านมาจนถึงเดือนกุมภาพันธ์ วันที่ 24 ก.พ. 2550 โรงเรียนจัดงาน birthday concert ซึ่งงานนี้จะจัดทุกเดือน เพื่อฉลองวันเกิดให้กันนักเรียนเจ้าของเดือนเกิดนั้นๆ ในงานก็มีน้ำหวาน มีขนม เอาของขวัญมาแลกกัน แล้วนักเรียนแต่ละคนก็จะผลัดกันขึ้นไปแสดงดนตรี ครั้งนี้แม่ตื่นเต้นยิ่งกว่าคอนเสิร์ทจบเล่ม 1 เพราะเป็นครั้งแรกที่น้องบัวจะแสดงให้คนอื่นๆ ดู แถมลุ้นสุดๆ เพราะรู้ว่าลูกเล่นได้อย่างกระท่อนกระแท่นมากกกก ลุ้นขนาดลืมบันทึกภาพตอนที่ลูกแสดงเลยหละ 5555

เจ้าของวันเกิดออกมาร้องเพลง Happy Birthday



อธิษฐานอะไรอยู่น๊า.... ขอให้เล่นดนตรีเก่งๆ รึเปล่าจ๊ะสาวน้อย



แล้วก็ออกไปแสดงด้วยความมั่นใจเช่นเคย แนะนำตัวเองด้วย เสียงดังฟังชัด ให้เต็ม 10 จ้า



พอถึงตอนแสดงก็ตามคาด หนูเล่นได้แบบแม่แทบจะหัวใจวาย ลุ้นมากกก เข้าใจความรู้สึกคุณยายเลย ว่าเวลาไปดูแม่เล่นดนตรีแล้วคุณยายบอกว่าลุ้นๆๆ หนะมันเป็นยังไง 555 บังเอิญว่าเดือนกุมภา เป็นเดือนเกิดของเพื่อนในชั้นเรียนน้องบัวอีก 2 คน พ่อเลยได้เห็นกับตาแล้วว่าหนูมีพัฒนาการที่ล้าหลังเพื่อนมากๆๆๆๆ ในวันนั้นหนูแสดงเพลงด้วยมือขวาเพียงมือเดียวแบบต้องลุ้นใจหายใจคว่ำ แต่เพื่อนๆ เล่นได้ทั้ง 2 มือ อย่าง smooth ทำเอาพ่อนั่งเงียบไปเลย

แล้วความอดทนของแม่ก็ถึงที่สุด แม่รับไม่ได้ที่จะไปนั่งเรียนกับบัวอีกต่อไป เพราะเครียดมากกกก พ่อจึงรับหน้าที่นี้แทน ไปเรียนครั้งแรกพ่อก็เริ่มเข้าใจแม่แล้วหละ ว่ามันเกิดอะไรขึ้น แล้วเราก็มานั่งปรึกษากันว่าจะแก้ไขยังไงดี

ชักเริ่มยาวแล้ว ขอเพิ่มตอน 3 นะคะ




 

Create Date : 19 พฤษภาคม 2550    
Last Update : 22 พฤษภาคม 2550 13:38:23 น.
Counter : 490 Pageviews.  

เมื่อน้องบัวเรียนดนตรี...(ตอนที่ 1)



ตั้งใจจะเขียนเรื่องนี้ เพราะเดือนนี้ก็ครบ 1 ปี สำหรับการเรียนดนตรี JMC ของน้องบัว

เป็นความตั้งใจของแม่ ที่อยากจะปลูกฝังกิจกรรมดีๆ ให้กับลูก เพราะแม่เป็นเด็กเล่นดนตรีมาตั้งแต่ 10 ขวบ และเรียนดนตรี ควบคู่กับเรียนหนังสือ ตั้งแต่นั้นจนกระทั่งเรียนจบ ม.6 พอจบ ม.6 ก็ได้เกรด 6 อิเลคโทน ซึ่งเป็นเกรดสูงสุดสำหรับนักเรียนดนตรีสมัยนั้น แต่สมัยนี้เด็กๆ เก่งกันมาก เพราะเริ่มเรียนดนตรีกันตั้งแต่ตัวเล็กๆ อย่างหนูนี่แหละ

แม่เห็นว่าดนตรีมีประโยชน์มาก เพราะดนตรีช่วยฝึกสมาธิ ขัดเกลาอารมณ์ ช่วยให้หายเครียด และทำให้เราใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ ทางวิชาการเค้าก็ว่าเด็กที่เรียนดนตรี จะสมองดี คิดเลขเก่ง จริงรึเปล่าไม่รู้หละ แต่เรื่องอารมณ์นี่ช่วยได้มากๆ เลยจ๊ะ เวลาโมโหใคร แม่ก็ไปเล่นดนตรี เออ...มันรู้สึกดีจริงๆ นะ หายโมโหเป็นปลิดทิ้ง

เมื่ออดีตนักเรียนดนตรีมีลูก แน่นอนว่าต้องอยากให้ลูกไปเรียนดนตรี แม่หมายตาไว้ตั้งแต่หลักสูตรดนตรีสำหรับเด็ก JMC : Junior Music Course ของ YAMAHA ซึ่งเริ่มรับเด็กตั้งแต่อายุ 4 ขวบ พอน้องบัวเต็ม 4 ขวบปุ๊บ แม่ก็พาไปสมัครทันที ผ่านไป 3 เดือน ทาง รร.ก็โทรมาแจ้งว่าจะเปิดคอร์ส วันอาทิตย์ 11 โมง แม่คอนเฟิร์มทันที แล้วบรรยากาศที่คุ้นเคยก็หวนกลับมาให้ได้สัมผัสอีกครั้ง ...

21 พ.ค. 2549 วันแรกของการเรียนดนตรีของน้องบัว คุณครูของหนูคือครูนาย ซึ่งเป็นนักเรียนดนตรีรุ่นพี่ของแม่เอง ตอนแม่กำลังจะจบ ม.6 ครูนายเพิ่งกลับมาสอนที่ รร.ดนตรี และก็สอนตั้งแต่นั้นมาจนถึงบัดนี้ มีเด็กๆ ร่วมชั้นเรียนทั้งหมด 12 คน เด็กหญิง 9 คน เด็กชาย 3 คน อายุเฉลี่ยน่าจะเกือบๆ 5 ขวบ บัวอายุเพิ่งจะ 4 ขวบ 3 เดือน อายุน้อยเหมือนกัน แต่แม่คิดว่าเรียนเร็วก็ได้ประโยชน์อย่างหนึ่ง ตามตำราเค้าบอกว่าพัฒนาการทางการฟังของเด็กจะพัฒนาสูงสุดในวัย 4-5 ขวบนี่แหละ (น่าจะจริงนะ เพราะพูดอะไรให้เข้าหูนี่ หนูเก็บเข้าเม็มโมรี่ไว้ทุกถ้อยคำ 555)

ภาพวันเรียนดนตรีวันแรกจ๊ะ



เด็กๆ ร้องเพลงกับครูนาย



สิ่งที่เห็นชัดจากการเรียนดนตรีผ่านไประยะหนึ่งของน้องบัว ก็คือ น้องบัวร้องเพลงชัดเสียงไม่เพี้ยน จังหวะตรง แต่สิ่งที่ทำให้แม่หนักใจมากก็คือ หนูเล่นเพลงไม่ค่อยได้เลยค่ะ ถ้าคิดตามหลักวิชาการ (อีกแล้ว) ก็ต้องบอกว่า น้องบัวยังมีกล้ามเนื้อมัดเล็ก (นิ้วมือ) ไม่ค่อยแข็งแรงนัก นิ้วเล็กๆ จะให้กดลงบนคีย์บอร์ดทีละนิ้วนี่มันแสนยากเย็น และทำให้แม่เห็นความแตกต่างระหว่างเพื่อนในชั้นเรียนที่อายุ 5 ขวบ กับเด็ก 4 ขวบอย่างหนูได้อย่างชัดเจน ทุกอย่างดูเหมือนจะง่ายมากสำหรับเค้า แต่กับน้องบัวมันยากไปทุกอย่าง แต่แม่ก็ยังมีกำลังใจ คิดว่าเรื่องเหล่านี้ต้องผ่านไปได้วันหนึ่ง....เมื่อนิ้วมือของหนูแข็งแรงกว่านี้




12 พฤศจิกายน 2549 เป็นวันแสดง mini concert จบเล่ม 1 ของน้องบัว


เช้าวันแสดงดนตรี ทรงเครื่องใหญ่ เป็นนางซินค่ะ

)


ถึงเวลาเข้าชั้นเรียนแล้ว เริ่มด้วยการร้องเพลงหน้าชั้นเรียน เพลงเจ้าวอชิงตัน



แล้วก็ถึงเวลาผลัดกันออกไปแสดงเพลงที่เตรียมมา ตื่นเต้นๆๆๆ น้องบัวผู้มีความมั่นใจเกินร้อย เดินออกไปแสดงด้วยความมั่นใจ แต่ก็อะนะ...ความมั่นใจ กล้าแสดงออกให้เต็ม 10 แต่ฝีมือแม่ให้แบบไม่เข้าข้างลูกตัวเองนะ ให้ 6.5 จ๊ะ ยอมรับอย่างเต็มภาคภูมิว่าลูกยังไม่เก่ง แต่แม่ก็ภูมิใจหนูมากที่กล้าเดินออกไปแสดงโดยที่ไม่ต้องให้ครูเรียก เล่นถูกๆ ผิดๆ บ้าง ไม่เป็นไร เด็ก 4 ขวบ 9 เดือน ทำได้อย่างนี้แม่พอใจแล้วจ้า

มีวิดีโอตอนที่น้องบัวแสดงด้วย แต่เอาลงบล็อคไม่เป็น ถ้าหาวิธีทำได้จะมาใส่เพิ่มนะคะ

(มีต่อตอนที่ 2 ค่ะ)




 

Create Date : 19 พฤษภาคม 2550    
Last Update : 22 พฤษภาคม 2550 13:38:48 น.
Counter : 588 Pageviews.  

แม่ทำหนูเจ็บ



เมื่อวานเกิดเรื่องเศร้ากับเราล่ะ ไปรับน้องบัวกลับบ้าน พอถึงบ้าน เราเปิดประตูบ้านน้องบัวเดินเข้าบ้านแล้วเราก็เดินเข้าบ้านตามหลังเค้า ก่อนเข้าบ้านเราแวะไปเอารูปที่ร้านถ่ายรูป ลูกสาวเค้าเป็นเพื่อนกะน้องบัวชือใบเตย ได้เล่นกันพักนึง พอถึงบ้านเค้าก็รีบเล่าให้ป้าแจ่มฟัง

บัว - ป้าแจ่ม...วันนี้น้องบัวไปไปเล่นที่บ้านใบเตยล่ะ ใบเตยเค้ามีบาร์บี้.....โอ๊ยยยยยยยย เจ็บ..... แง.........

เราปิดประตูบ้าน ขณะที่มือน้องบัวยังจับอยู่ที่วงกบประตูน่ะ ประตูหนีบมือลูก เล็บช้ำไป 3 นิ้ว ชี้-กลาง-นาง เลือดห้อเลย T_T เรางี้อยากจะน้ำตาร่วง แต่น้ำตาตกใน ได้แต่พร่ำขอโทษลูก แม่ขอโทษ แม่ไม่ได้ตั้งใจ แม่ไม่ทันดูจริงๆ ว่ามือหนูอยู่ตรงนั้น เจ็บมากไม๊ลูก เจ็บตรงไหน ฯลฯ

น้องบัวร้องไห้เยอะมาก เยอะกว่าตอนหัวแตกอีกอ่ะ T_T เค้าคงเจ็บมากๆ จริงๆ พอเค้าหายตกใจแล้ว เค้าบอกเราว่า "ทีหลังแม่ต้องดูดีๆ นะ ต้องระวังมือลูกด้วยนะ"

เล่าไปก็อยากร้องไห้ไป T_T

24/5/49




 

Create Date : 05 พฤษภาคม 2550    
Last Update : 22 พฤษภาคม 2550 10:37:01 น.
Counter : 374 Pageviews.  

1  2  3  

คำไหม
Location :
ลำปาง Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




บล็อคของแม่ เพื่อบันทึกเรื่องราวของลูกๆ

○ สงวนลิขสิทธิ์ ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2539 ห้ามผู้ใดละเมิด ไม่ว่าการลอกเลียน หรือนำส่วนหนึ่งส่วนใดของข้อความใน blog แห่งนี้ไปใช้ ทั้งโดยเผยแพร่และเพื่อการอ้างอิง โดยไม่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษร จะถูกดำเนินคดี ตามที่กฏหมายบัญญัติไว้สูงสุด ○

Friends' blogs
[Add คำไหม's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.