ผมชื่อ เด็กชายออมบุญครับ
 
by JanE & IK เมื่อต้องอธิบายให้เด็กเข้าใจว่าทำไมพ่อแม่ถึงชอบบงการชีวิตลูก








เมื่อต้องอธิบายให้เด็กเข้าใจว่าทำไมพ่อแม่ถึงชอบบงการชีวิตลูก













จากคุณ :
JanE & IK 
เขียนเมื่อ :
27 มิ.ย. 54 10:22:05 


//www.pantip.com/cafe/family/topic/N10738870/N10738870.html#68



มีครั้งนึงตอนที่เจนพาเด็กไปเข้าค่ายก็มีเด็กคนนึงสมมุติชื่อหนูไอซ์แล้วกันเข้ามาหามาปรึกษาเจน

หนูไอซ์บ่นให้ฟังบอกว่าพ่อกับแม่เธอวางแผน ตีกรอบ ชี้นำ (จริงๆก็คือบงการ)ชิวิตเธอแทบทุกอย่าง
พ่อ กำหนดไว้หมดว่าเธอจะต้องเรียนอนุบาลประถมมัธยมที่ไหน จบแล้วต้องไปต่ออะไร แม่เธอก็คอยกำหนดว่าต้องเริ่มเรียนบัลเลต์ เรียนเปียโนตอนอายุเท่านั้นเท่านี้ แล้วก็เรื่องอื่นๆอีกสารพัด

แล้วเธอก็ถามเจนว่า "ทำไมพ่อแม่ถึงชอบบงการชีวิตลูก พ่อแม่หนูปกติหรือเปล่าครู"

(หนู ไอซ์นั้นเจนเคยคุยกับเธอมาก่อนหน้าก็พอทราบว่าแม้พ่อกับแม่จะบงการชีวิตเธอ ในหลายเรื่อง และเธอเองรู้สึกอึดอัดกับเรื่องนี้มาก  แต่ในขณะเดียวพ่อและแม่และก็ทุ่มเทความรักและใจดีกับเธอในหลายเรื่องเช่น กัน โดยรวมก็ยังถือว่าเธอเป็นเด็กที่มีความสุขไม่ถึงขั้นเป็นเด็กมีปัญหาหรือต่อ ต้านพ่อแม่ตัวเองจนเกินไป และที่สำคัญคือเจนเคยคุยกับพ่อของเธอและสัมผัสได้อย่างชัดเจนว่าการจะ เปลี่ยนแปลงความคิดของพ่อเธอนั้นแทบจะเป็นไปไม่ได้ ทางที่ดีที่สุดคือพูดให้เธอยอมรับและเข้าใจในตัวพ่อและแม่ของเธอจะดีกว่า)



เจนก็บอกเธอว่า "คุณพ่อคุณแม่ท่านรักท่านหวังดีกับหนูไงละลูก ท่านก็อยากให้สิ่งที่คิดว่าดีที่สุดกับหนู"

เจนยังไม่ทันจะพูดต่อเธอก็ตัดบททันที  "ใครๆก็ตอบแต่แบบนี้" น้ำเสียงเธอแสดงออกอย่างชัดเจนว่าไม่พึงพอใจในคำตอบ

"ไอซ์ ถึงพ่อแม่จะชอบบังคับไอซ์แต่ทุกสิ่งที่พวกท่านทำลงไปสุดท้ายผลดีเหล่านั้นก็ตกกับตัวไอซ์เองไม่ใช่หรือ" เจนบอกเธอ

เธอ ยกมือไหว้ เจนคิดว่าเธอคงเริ่มเข้าใจแต่ที่ไหนได้ หนูไอซ์พูดต่อทันที "ขอโทษนะครูหนูไม่อยากได้คำตอบแบบอะไรๆก็เข้าข้างผู้ใหญ่ด้วยกัน แล้วหนูก็เบื่อคำตอบแบบเอะอะอะไรก็อ้างแต่รักแต่หวังดีแบบนี้เต็มทีแล้ว ด้วยเหตุนี้หนูถึงได้มาถามครูไง เพราเพื่อนๆเขาบอกว่าครูเจนสามารถอธิบายการกระทำทุกอย่างของมนุษย์ให้เข้าใจ ได้ถึงแม้บางทีมันฟังแล้วออกจะประหลาดๆหรือพิลึกๆก็ตาม"

(เออ ครูจะคิดว่าเป็นคำชมแล้วกันนะแล้วครูควรจะภูมิใจไหมนี่) เจนคิดในใจ

"เอา ละ ก็ได้งั้นครูจะอธิบายให้ไอซ์ฟังจากสิ่งที่ครูได้ศึกษามา ก่อนอื่นครูต้องบอกว่าเป็นเรื่องปกติธรรมดาที่สุดที่พ่อแม่จะชอบให้ลูกทำตาม ความปรารถนาของตัวเอง เพราะจริงๆคนเรามีลูกก็เพื่อสิ่งนี้แหละ"

เธออ้าปากและมองหน้าเจน

"ถ้าไอซ์อยากจะเข้าใจพ่อแม่  ไอซ์ก็ต้องเข้าใจมนุษย์ก่อน"

"ไอซ์คิดว่าคนเราอยากมีลูกเพราะอะไร"

"อยากให้ครอบครัวสมบูรณ์ อยากมีโซ่ทองคล้องใจ อะไรทำนองนั้นมั้ง"  เธอตอบ

เจน ส่ายหัวแล้วบอกเธอว่า "จริงแล้วมนุษย์มีลูกเพราะแรงผลักดันจากสัญชาตญาณภายใน สัญชาตญาณที่เป็นตัวผลักดันให้ทำสิ่งนั้นสิ่งนี้โดยที่แม้แต่เจ้าตัวเองบาง ทีก็ยังไม่รู้"

"มนุษย์มีลูกเพราะแรงผลักดันจากสัญชาตญาณภายในสามอย่าง"



อย่างแรกเพื่อสืบทอดเผ่าพันธุ์ เหมือนสิ่งมีชีวิตทุกอย่างบนโลกนี้  ข้อนี้ไอซ์น่าจะเข้าใจได้ไม่ยาก ใช่ไหม

"ค่ะ"  เธอตอบ


อย่าง ที่สอง จริงๆต้องบอกว่ามนุษย์ไม่ได้อยากมีลูกเลย สิ่งที่มนุษย์ต้องการจริงๆคืออยากเป็นอมตะแต่มนุษย์ทำไม่ได้มนุษย์เลยต้องมี ลูกเพื่อชดเชยความไม่เป็นอมตะ  ที่เป็นแบบนี้เพราะสัญชาตญาณภายในนั้นสอนให้มนุษย์รักตัวเองเหนือสิ่งอื่น ใด เมื่อมนุษย์รู้สึกว่าสิ่งที่ตัวเองลงทุน ลงแรงทำลงไป เช่น กิจการ สูตรอาหาร ความสามารถด้านดนตรี กีฬา จะต้องสลายหายไปพร้อมกับความตายของตน มนุษย์รับไม่ได้  และยิ่งทุกข์มากขึ้นเมื่อคิดว่าตัวเองจะต้องถูกลืมหรือสิ่งที่ตัวเองหวงแหน นั้นต้องตกไปเป็นของคนอื่น  มนุษย์เลยต้องการคนซึ่งมีความใกล้เคียงกับตนเองมากที่สุดมาสืบมาทอดสิ่ง เหล่านั้นแทนซึ่งนั่นก็คือลูก



อย่างที่สาม จริงแล้วมนุษย์อยากย้อนอดีตได้แต่ก็ทำไม่ได้อีกเช่นกันมนุษย์เลยต้องมีลูกเพื่อชดเชยที่ตัวเองไม่สามารถย้อนอดีตได้  

"เหตุการณ์อะไรที่ผ่านเข้ามาในชีวิตและทำไอซ์คิดว่าไอซ์มีความทุกข์" เจนถามเธอ

เธอคิดสักพักก่อนตอบออกมา "อกหัก มือถือหาย แล้วก็โดนแม่ตี"  

"แล้วตอนนี้มีเพื่อนใหม่ มีมือถือใหม่และหายเจ็บแล้วยัง"

"มีแล้วๆก็หายเจ็บตั้งนานแล้วค่ะ"

"แล้วตอนนี้ยังเศร้ากับเรื่องพวกนั้นอยู่อีกไหม" เจนถามต่อ

"ถ้าไม่คิดก็ไม่เศร้าแต่ถ้าย้อนคิดหรือมีอะไรมาสะกิดให้ต้องคิดก็ยังเศร้าอยู่นะ" หนูไอซ์ตอบ

"มนุษย์เจ็บปวดจากความทุกข์แค่ครั้งเดียว แต่เจ็บปวดจากความคิดเป็นล้านครั้ง" เจนบอกเธอ

"คน ทุกคนมีบาดแผลทางใจจากอดีตด้วยกันทั้งนั้นแม้แต่คนที่มีความสุขที่สุด และบาดแผลที่ลึกและมีผลกระทบต่อชีวิตมากที่สุดคือบาดแผลในวัยเด็ก ความสุขบางอย่างนั้นมีเงินมากเท่าไหร่ก็ซื้อไม่ได้ ซึ่งส่วนใหญ่ก็คือความทุกข์ความไม่สมหวังในวัยเด็ก"  


ไอซ์ลอง สมมุติว่ามีผู้หญิงคนนึงฐานะปานกลางวันดีคืนดีเธอถูกล็อตโต้ได้เงินมาพัน ล้าน  เธอก้าวเท้าเข้าไปในพารากอนและคิดว่าจะซื้อทุกอย่างที่เธออยากได้โดยไม่ สนใจราคาและเชื่อว่าวันนี้เธอจะกลับออกไปด้วยความสุขแบบสุดๆ  แต่แล้วเมื่อเธอเดินผ่านแผนกของเล่นแล้วเห็นเด็กกำลังกอดขาขอให้แม่ซื้อ ตุ๊กตาหมีให้ สักพักแม่ก็ใจอ่อนและยอมตามใจ  สุดท้ายลูกก็กอดตุ๊กตาหมีเดินออกมาด้วยแววตาที่มีความสุขอย่างที่สุด

ทัน ใดนั้นจิตใต้สำนึกก็ส่งสัญญาณเข้ามาในสมอง ภาพในวัยเด็กที่ตัวเธอเองเกาะตู้กระจกร้องไห้ขอให้แม่ซื้อตุ๊กตาหมีให้ก็ ปรากฎตรงหน้า  น่าเศร้าแม่เธอจนเกินกว่าที่จะซื้อให้ไหว สุดท้ายเธอก็ได้แต่กลับมานอนร้องไห้กับความว่างเปล่า   ถามว่าตอนนี้เธอมีเงินพอซื้อตุ๊กตาหมีไหม แน่นอนอย่าว่าแค่ตัวเดียวเลยทั้งโรงงานก็ซื้อได้  แต่ปัญหาคือต่อให้มีตุ๊กตาหมีพันตัวมากองตรงหน้าแต่ความสุขที่ได้มันไม่ถึง เสี้ยวเลยด้วยซ้ำเมื่อเทียบกับความสุขที่เธอเชื่อว่าเธอจะได้ถ้าเธอได้เป็น เจ้าของตุ๊กตาหมีในวันนั้น

สิ่งเดียวที่ใกล้เคียงที่สุดที่จะลบความ ทรงจำอันเลวร้ายหรือพอจะเยียวยาได้บ้างคือมอบความสุขแบบนั้นให้กับคนที่ใกล้ เคียงกับตัวเธอมากที่สุดซึ่งนั่นก็คือลูก

เพราะฉะนั้นครูก็ ต้องบอกว่ามนุษย์ทุกคนนั้นคาดหวังอยากให้ลูกมาสืบทอดสิ่งที่พวกเขาเชื่อว่า มีคุณค่า มาชดเชยความไม่สมหวังในวัยเด็กของตนด้วยกันทั้งนั้น ถ้าเธอจะบอกว่าพ่อแม่ อย่ามาบังคับ อย่าตีกรอบ อย่าบงการ ชีวิตลูกเลยคงเป็นไปได้ยากเพราะคนที่สามารถสู้กับแรงผลักดันจากสัญชาตญาณภาย ในเหล่านี้หรือมีแรงผลักดันเหล่านี้น้อยกว่าคนส่วนใหญ่ พวกเขาก็มักจะไม่มีลูก เราทำได้ดีที่สุดก็แค่ลด หรือหาแนวทางประณีประนอม แต่การกำจัดไม่ให้มีเลยนั้นครูบอกเลยว่าทำได้ยากมากๆ

และถ้าไอซ์ลอง พิจารณาดูดีๆจะเห็นได้ว่าสิ่งต่างๆที่เกิดขึ้นมีจุดกำเนิดมาจากความปรารถดี แต่ที่ปัญหามันเกิดเพราะคนเรานั้นชอบสิ่งต่างๆไม่เหมือนกันและมักคิดเอาเอง ว่าสิ่งที่ตัวชอบนั้นถูกนั้นดีและก็เที่ยวไปบังคับให้คนอื่นชอบตาม

ครูไม่ได้บอกว่าพ่อแม่ไอซ์ทำถูกหรือครูเห็นด้วยกับสิ่งที่พ่อแม่ไอซ์ทำ เพียงแต่อยากบอกให้เข้าใจว่ามันเป็นธรรมชาติของมนุษย์

"แม่ ชอบเล่าว่าตอนเด็กๆแม่อยากเรียนเปียโนมากแต่ตาไม่ให้เรียนบอกฟุ่มเฟือยไร้ สาระ มิน่าทำไมแม่ถึงบังคับให้หนูเรียนเปียโน ที่แท้แม่บังคับหนูให้เรียนก็เพื่อความสุขของตัวแม่เอง" เธอพูดขึ้นมา

"ไอซ์ จะพูดแบบนั้นมันก็ไม่ผิด แต่จะดีกว่าไหมถ้าไอซ์จะคิดว่าการที่ไอซ์เรียนเปียโนเป็นการช่วยให้แม่มี ความสุข เป็นการช่วยเยียวบาดแผลทางใจในวัยเด็กของคุณแม่"

"ที่สำคัญ สิ่งที่ไอซ์ทำเป็นสิ่งที่ไม่มีใครในโลกนี้ทำได้นอกจากไอซ์เพียงคนเดียว และครูถามจริงๆเถอะว่าไอซ์เองเกลียดการเล่นเปียโนจริงๆหรือว่าไอซ์ชอบเล่น เปียโนเพียงแต่พอรู้สึกว่าจุดเริ่มต้นมันมาจากการถูกบังคับก็เลยพาลคิดว่า ฉันจะต้องเกลียดมัน" เจนถามเธอ

เธอเงียบ ก้มหน้าและหลบตา สักพักเธอก็พูดต่อว่า

"ตั้งแต่เกิดมาหนูพึ่งเคยได้ยินอะไรแบบนี้  แต่จะว่าไปตอนที่หนูไปแข่งเปียโนแล้วได้รางวัล แม่ดีใจๆมากกว่าหนูซะอีก"

"พ่อ ก็เหมือนกันชอบบ่นพี่ชายหนูว่าทำงานกงสีไม่ได้เรื่อง ถ้าพ่อตายไปกิจการที่บ้านคงเจ็งเป็นแน่  พี่ชายหนูก็บอกว่าถ้าพ่อไม่อยู่แล้วก็จะขายไม่ทำต่อหรอก พอบอกแบบนั้นนะพ่อด่าใหญ่เลย พี่ก็มาถามหนูว่าป๊าแกจะเดือดร้อนอะไร(ก็ตอนนั้นป๊าไม่อยู่แล้ว) ก็อาจจะเป็นเพราะแบบนี้ เดี๋ยวกลับไปหนูไปเล่าให้พี่ชายฟังดีกว่าเผื่อจะได้เข้าใจอะไรๆมากขึ้น"

แล้ว เธอก็ขอตัวไปหาเพื่อน เจนก็ไม่รู้ว่าเธอจะเข้าใจมากน้อยแค่ไหน แต่อย่างน้อยแววตาตอนที่เธอจากไปก็ดูอ่อนโยนไม่แข็งกร้าวมากเท่ากับตอนที่ เริ่มคุยกันใหม่ๆ

(สิ่งที่เจนอธิบายให้เด็กฟังนั้นเป็นความรู้ที่มา จากการศึกษาวิชาที่เป็นความเชื่อเฉพาะบุคคล คุณพ่อคุณแม่จะคิดเห็นเช่นไรนั้นขอได้โปรดใช้วิจารณญาณตัดสินใจด้วยตัวเอง)


เจน Smiley





Create Date : 03 กรกฎาคม 2554
Last Update : 3 กรกฎาคม 2554 2:18:40 น. 3 comments
Counter : 423 Pageviews.  
 
 
 
 
อื้ม.... เพราะรักมั๊งคะ...แค่การแสดงออกความรัก เน้นไปทางด้านการคาดหวังอะไรแบบนี้...เหอะๆ
 
 

โดย: กลมขึ้นทุกวัน วันที่: 3 กรกฎาคม 2554 เวลา:2:59:17 น.  

 
 
 
 
 

โดย: vootb วันที่: 3 กรกฎาคม 2554 เวลา:3:20:28 น.  

 
 
 
เอ่อ..
แล้วพ่อแม่จะเคยคิดบ้างไหม
ว่าการถูกบีบบังคับ..ก็อาจจะเป็นการสร้างบาดแผลในใจให้เด็ก (ในวัยเด็ก)ได้เหมือนกัน (เมื่อโตเป็นผู้ใหญ่)
เด็กคนนั้น เมื่อโตเป็นผู้ใหญ่ ก็จะโหยหาอิสระภาพ หรือทำให้มีปมในใจไปอีกแบบหนึ่งเหมือนกัน
 
 

โดย: นิ (นินะนิ ) วันที่: 3 กรกฎาคม 2554 เวลา:8:30:19 น.  

Name
Opinion
*ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก

น้องออมบุญ
 
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




[Add น้องออมบุญ's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com