Nichar love Beauty ^^ Beauty love Nichar
 
 

รีบอ่านซะ! ก่อนที่หนังสือจะหมดอายุ

รีบอ่านซะ! ก่อนที่หนังสือจะหมดอายุ
 

รีบอ่านซะ! ก่อนที่หนังสือจะหมดอายุ

ที่บอกให้รีบอ่านก็ไม่ใช่อะไร เพราะสังคมในปัจจุบันจะเห็นว่าหนังสือถูกเทคโนโลยีเข้ามาแทนที่ขึ้นไปทุกวัน ๆ ทำให้คนที่เห็นคุณค่าของหนังสืออย่างชาวอาเจนตินา ปิ้งไอเดียคิดค้นทำหนังสือมีวันหมดอายุขึ้นมาเพื่อให้คนหันมาสนใจหนังสือกันบ้างก่อนที่มันจะหมดอายุแล้วเราจะไม่ได้อ่าน

ปัจจุบันมีเทคโนโลยีในการรับข่าวสารหลากหลายรูปแบบ ทั้งในรูปแบบตัวหนังสือ ภาพ เสียง และภาพเคลื่อนไหว ต่างก็ถูกนำเสนอผ่านอุปกรณ์ใหม่ๆ ที่ใกล้ตัวผู้อ่าน จนหนังสือทุกเล่มต่างก็มีคุณแทบไม่ได้ถูกเปิดขึ้นมาอ่านเลย ทำให้อีเทอร์นา คาเดนเซีย สำนักพิมพ์ในอาเจนติน่า ได้คิดค้นนวัตกรรมวิธีการพิมพ์ในรูปแบบใหม่ ภายใต้ชื่อโปรเจค The Book That Can’t wait ซึ่งวิธีนี้พวกเค้าเชื่อว่า จะสามารถดึงดูดความสนใจของผู้อ่านได้ดี นั่นคือการใช้หมึกแบบพิเศษ ที่จะทำให้ตัวหนังสือที่ถูกพิมพ์นั้น ค่อย ๆ จางหายไป เมื่อถูกอากาศหรือแสงจากภายนอก โดยจะมีอายุเพียงแค่ 2 เดือนเท่านั้น และหลังจากที่สำนักพิมพ์นำเสนอไอเดียนี้กับสื่อในต่างประเทศ ก็ได้รับความสนใจอย่างมากจากหลายสำนัก โดยส่วนใหญ่มีความเชื่อเหมือนกันว่า นี่คือทางรอดของหนังสือ สื่อที่อาจไม่มีวันตาย

เห็นอย่างนี้ต้องรีบอ่านซะเพราะว่า การปิดหน้าหนังสือไว้โดยไม่อ่าน ไม่ได้ช่วยยืดอายุให้หนังสือชุดนี้ เพราะอายุของตัวหนังสือจะถูกจับเวลาเริ่มต้น ตั้งแต่ผู้อ่านแกะหนังสือออกจากห่อ

ชมคลิปทางยูทูป teenee.com




 

Create Date : 06 กรกฎาคม 2555   
Last Update : 6 กรกฎาคม 2555 19:43:45 น.   
Counter : 660 Pageviews.  


7-Eleven ญี่ปุ่นมีบริการส่งถึงบ้าน

7-Eleven ญี่ปุ่นมีบริการส่งถึงบ้าน
 

7-Eleven ประเทศญี่ปุ่นได้วางแผนใช้รถยนต์ไฟฟ้าของ Toyota ในการให้บริการส่งสินค้าถึงที่ มีจุดประสงค์ในการเพิ่มความสะดวกสบายให้กับลูกค้าที่เป็นผู้สูงอายุในการช็อปปิ้งสินค้า

ในเดือนสิงหาคมและกันยายนที่จะถึงนี้ ทางบริษัท 7-Eleven ของประเทศญี่ปุ่นจะเริ่มต้นใช้รถยนต์ไฟฟ้า COMS ที่ผลิตจาก Toyota Auto Body จำนวน 200 คัน ในการให้บริการส่งสินค้า โดยเจ้ารถคันจิ๋วนี้มีราคาอยู่ที่ 668,000 เยน หรือประมาณ 8,370 เหรียญสหรัฐอเมริกา เป็นรถยนต์ 1 ที่นั่ง สามารถขับได้ไกลถึง 50 กิโลเมตรต่อการชาร์ตแบตเตอร์รี่เป็นเวลา 6 ชั่วโมง และสามารถใช้ความเร็วได้ที่ 60 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

ไอเดียดังกล่าวถือเป็นการช่วยผู้สูงอายุ เนื่องจากตอนนี้ร้านค้าเล็กๆ เริ่มทยอยหายไปเรื่อยๆ ทำให้ตอนนี้จำนวนของคนที่ประสบปัญหาในการจับจ่ายใช้สอยในแต่ละวันเพิ่มมากขึ้น


จำนวนของผู้ที่มีอายุ 65 ปีขึ้นไปในประเทศญี่ปุ่นมีถึง 29.75 ล้านคน ซึ่งถือเป็นจำนวน 23.3 เปอร์เซ็นต์ของจำนวนประชากรในประเทศ ซึ่งคาดว่าจะมีจำนวนสูงถึง 40 เปอร์เซ็นต์ในช่วงปี 2060 จัดได้ว่าเป็นประเทศที่มีจำนวนผู้สูงอายุอาศัยอยู่มากที่สุดในโลก


ที่มา
life.voicetv





 

Create Date : 06 กรกฎาคม 2555   
Last Update : 6 กรกฎาคม 2555 19:35:06 น.   
Counter : 784 Pageviews.  


ทำไมเครื่องบินถึงบินได้?

ทำไมเครื่องบินถึงบินได้?
 

มนุษย์มีแนวความคิด มีความฝัน มีความอยากที่จะบินมาตั้งแต่อดีตกาลมาแล้ว การทดลองค้นคว้า และลองทำจึงเกิดขึ้น แต่ในช่วงนั้นยังไม่มีใครได้นำเอาหลักการทางวิทยาศาสตร์มาประยุกต์ใช้ จึงทำให้หลายต่อหลายคนต้องบาดเจ็บล้มตายจากการค้นคว้าดังกล่าว

บ้างก็คิดว่า การเอาปีนกมาติดกับตัวเองนั้นจะทำให้บินได้ แต่แท้จริงแล้วการทำให้วัตถุใด ๆ ก็ตามสามารถบินได้นั้น สามารถอธิบายได้ด้วยหลักการทางวิทยาศาสตร์

ดังนั้นจะขออนุญาตอธิบายอย่างง่าย ๆ เพื่อให้ท่านได้เข้าใจว่าเครื่องบินบินได้อย่างไร


ก่อนอื่นเราต้องมารู้จักก่อนว่า แรงที่มากระทำต่อเครื่องบินมีอะไรบ้าง

Trrust หรือ แรงขับ คือ แรงที่ดึงให้เครื่องบินไปข้างหน้า

Drag หรือ แรงฉุด คือ แรงที่ฉุดเครื่องบินให้เคลื่อนที่ไปข้างหลัง

Lift หรือ แรงยก คือ แรงที่ดึงเครื่องบินให้ลอยตัวขึ้น

Weight หรือน้ำหนัก คือ แรงที่ดึงเครื่องบินให้ตกลงสู่พื้นโลก

แล้วแรง 4 แรงนี้ทำให้เครื่องบิน บินได้อย่างไร ให้ลองนึกภาพว่า ถ้าสมมติให้ตัวเราเป็นเครื่องบิน


เช่นเดียวกันกับแรงยกและน้ำหนัก ก็เปรียบกับการถือของ ถ้าคนยกมีแรงยกมากกว่าน้ำหนักที่จะยกก็ย่อมสามารถจะยกของนั้นได้ในทางกลับกันหากคนยกมีแรงน้อยกว่าน้ำหนักก็ย่อมไม่อาจยกของหรือหากถือของอยู่ก็ย่อมเกิดการร่วงหล่น
                
 
แล้วอะไรละที่ทำให้เกิดแรงดังกล่าวขึ้น ????
                       
แรงขับ  เกิดจากกำลังของเครื่องยนต์ ยิ่งเครื่องยนต์แรงเท่าไหร่ก็ให้แรงขับมากขึ้นเท่านั้น นี่คืออีกหนึ่งเหตุผลที่ว่าทำไม F-16 F-5 จึงมีความเร็วสูงเพราะเครื่องเหล่านี้ใช้เครื่องยนต์ไอพ่นที่แรงขับสูง
 
แรงฉุด  เกิดจากการที่เครื่องบินเครื่องที่ ผิวของเครื่องบินและตัวอากาศยานเกิดการปะทะกับ
มวลอากาศทำให้เกิดแรงต้านขึ้น นี่เป็นเหตุผลว่า การออกแบบเครื่องบินต้องออกแบบตามหลักอากาศพลศาสตร์ ให้มีแรงต้านน้อยที่สุด
 
แรงยก  หลายคนมีความคิดว่าแรงยกนั้นเกิดจากปีก แต่แท้จริงแล้วแรงยกมิได้เกิดจากปีก อย่างเดียว ตัวอากาศยานก็ช่วยให้เกิดแรงยกเช่นเดียวกัน เช่น การเลี้ยวปีกในมุม bank มาก ๆ rudder ก็จะมี

ส่วนสำคัญในการสร้างแรงยก
* แต่ในที่นี้จะอธิบายถึงตัวกำเนิดแรงยกที่มากที่สุดคือปีก

การออกแบบปีกเครื่องบินมีส่วนสำคัญที่ทำให้เครื่องบินมีแรงยก โดยใช้หลักการที่ว่า อากาศที่มีความดันมากย่อมเคลื่อนที่ไปหาอากาศที่มีความดันน้อย การออกแบบปีกเครื่องบินให้มีส่วนโค้งเพื่อให้ระยะทางในการเคลื่อนที่ของอากาศระหว่างด้านบนปีกและด้านล่างของปีกต่างกัน โดยด้านบนมีระยะทางในการเคลื่อนที่ของอากาศมากกว่าจึงทำให้กระแสอากาศเคลื่อนที่ด้วยความเร็วสูงกว่าด้านล่างและส่งผลให้ความกดอากาศด้านบนน้อยกว่าด้านล่างจึงเกิดแรงยก

* ยิ่งมีความแตกต่างกันมากเพียงใดเครื่องบินก็ยิ่งมีแรงยกมากขึ้นเท่านั้น ดังนั้น การจะเพิ่มแรงยกให้เครื่องบิน จึงทำได้โดยตรงคือ การเพิ่มความเร็ว
                       
 น้ำหนัก   เกิดจากน้ำหนักของเครื่องบินที่เกิดจากแรงดึงดูดของโลก จากที่กล่าวไปข้างต้นว่า
หากแรงยกมีค่ามากกว่าน้ำหนัก เครื่องบินก็จะสามารถบินได้ ดังนั้นการออกแบบเครื่องบิน จึงต้องคำนึงถึง Performance และการรับน้ำหนัก
 
หลักใหญ่ใจความ
               
ขณะเครื่องบินบินระดับ                   แรงยก = น้ำหนัก
ขณะเครื่องบินไต่ระดับ                   แรงยก > น้ำหนัก
ขณะเครื่องบินลดน้ำหนัก                แรงยก < น้ำหนัก
ขณะเครื่องบินมีความเร่ง                 แรงขับ > แรงฉุด
 
ดังนั้น ถ้าไม่อยากให้เครื่องตกก็ต้อง maintain ตามหลักการบินข้างต้นนะ


ขอบคุณ : 604sqdn




 

Create Date : 05 กรกฎาคม 2555   
Last Update : 5 กรกฎาคม 2555 13:07:36 น.   
Counter : 2251 Pageviews.  


ความลับเบื้องหลัง"เทปสี" ทำไมบรรดา"นักกีฬา"จึงนิยมกันนัก?

ความลับเบื้องหลัง"เทปสี" ทำไมบรรดา"นักกีฬา"จึงนิยมกันนัก?
 
ความลับเบื้องหลัง"เทปสี" ทำไมบรรดา"นักกีฬา"จึงนิยมกันนัก?


สงสัยหรือไม่ ว่าทำไมนักกีฬาต้องแปะ"เทปสี"?

ในศึกการแข่งขันฟุตบอลยูโร 2012 ที่เพิ่งเสร็จสิ้นลง หากสังเกตดีๆ จะพบว่า "มาริโอ บาโลเทลลี" กองหน้าตัวแสบของทีมชาติอิตาลี ได้แปะเทปสีดังกล่าวที่หลังของเขาถึง 3 แถบ


การแข่งขันเทนนิสวิมเบิลดัน "โนวัค ยอโควิช" นักหวดชาวเซอร์เบีย ได้แปะเทปสีดังกล่าวไว้ที่ไหล่ของเขาในระหว่างการแข่งขัน

แล้วอะไรคือเทปสีที่กำลังฮิตกัน?

บริษัท"คิเนสิโอะ" จากญี่ปุ่น เผยว่า ที่แท้แล้วมันคือเทปสำหรับแปะเพื่อช่วยลดการปวดกล้ามเนื้อ

แม้มันเหมือนจะดูเป็นของใหม่สำหรับใครหลายคน แต่แท้จริงแล้วมันมีที่มาย้อนกลับไปถึงยุค 1970

นายแพทย์เคนโซ คาเสะ กล่าวว่า การออกแบบเกิดขึ้นหลังจากที่เขาค้นพบว่าการรัดด้วยผ้ายางหนืดแบบมาตรฐาน ซึ่งเป็นเทคนิคในการรักษาที่ใช้โดยทั่วไป มีข้อจำกัดเกินไปสำหรับผู้ป่วยบางราย แม้การรักษาด้วยวิธีดังกล่าวจะช่วยในการพยุงกล้ามเนื้อและข้อต่อ แต่มันก็สร้างความไม่สะดวกในการเคลื่อนไหว และจากความเข้าใจของนพ.คาเสะ วิธีที่ว่ามาจะไปขัดขวางกระบวนการเยียวยา โดยจะยับยั้งการไหลของของเหลวที่เกี่ยวข้องกับการอักเสบใต้ผิวหนัง

เขากล่าวว่าเทปคิเนสิโอะ ทำงานต่างออกไป เนื่องจากมันจะช่วยยกผิวหนัง เพื่อช่วยในการไหลของน้ำเหลือง ที่จะช่วยบรรเทาอาการปวดและบวม แต่อย่างไรก็ดี นพ.คาเสะยอมรับว่า ยังคงมีผลการศึกษาที่ค่อนข้างน้อย เพื่อพิสูจน์ข้ออ้างทางวิทยาศาสตร์ดังกล่าว

เขากล่าวว่า มีผู้ใช้จำนวนมากที่ได้รับผลการรักษาที่น่าพอใจจากเทปสีดังกล่าวมานานกว่า 30 ปี และเชื่อว่าหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ที่เห็นเด่นชัดดังกล่าว จะช่วยยุติเสียงวิพากษ์วิจารณ์ได้ดี


นพ.คาเสะกล่าวว่า มีหลายคนพยายามทำการวิจัยถึงเทปสีดังกล่าว แต่ทว่าสมาคมคิเนสิโอะนานาชาติ เพิ่งก่อตั้งขึ้นเพียง 5 ปี จึงจำเป็นต้องมีหลักฐานที่เพิ่มขึ้น อีกทั้งยังไม่มีรายงานด้านการวิจัย สาเหตุหนึ่งที่ผู้คนใช้คิเนสิโอะเทปก็คือต้องการหาข้อพิสูจน์ดังกล่าว


อย่างไรก็ดี มีข้อชวนให้คิดถึง สิ่งที่เรียกกันว่า "Placebo effect" ซึ่งในทางการแพทย์แล้ว แปลว่า"ฤทธิ์ผลจากยาหลอก"ทั้งๆที่อาจไม่มีผลในการรักษาจริง  หากเราเชื่อว่าสิ่งใดที่มีประโยชน์หรือได้ผล มันก็จะได้ผลจริงตามที่เราคาดไว้

จอห์น บริวเออร์ ศาสตราจารย์ด้านการกีฬา จากมหาวิทยาลัยเบดฟอร์เชียร์ กล่าวว่า

โดยส่วนตัวเขาคิดว่า มันเป็นมากกว่า Placebo effect ไม่มีข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ใดๆจากบริษัทผู้ผลิตที่ชี้ให้เห็นว่า มันมีผลต่อการเคลื่อนไหวหรือป้องกันความเจ็บปวด

สิ่งที่เขากังวลก็คือ แทบไม่มีสิ่งใดที่ใช้แปะลงบนผิวหนัง แล้วจะช่วยให้ก่อให้เกิดประโยชน์อย่างแท้จริงต่อกล้ามเนื้อที่อยู่เบื้องล่าง และย้ำว่า "พลัง"และ"ความตึงเครียด"ที่ส่งผ่านข้อต่อในร่างกายมนุษย์มีพลังมหาศาลกว่าที่เราคิด

อย่างไรก็ดี เขากล่าวว่า เขาเองก็ไม่พบว่าเทปสีดังกล่าวจะส่งผลร้ายใดๆต่อร่างกาย นอกเสียจากเมื่อเวลาลอกออก มันจะดึง"ขน"ตามร่างกายของเราออกไปด้วย ในทางทฤษฎี สิ่งใดก็ตามที่สามารถลด"การสั่นไหว"ที่ส่งผ่านกล้ามเนื้อ ขณะที่เรากำลังเล่นกีฬา ก็ถือเป็นประโยชน์ทั้งสิ้น


ฟิล นิวตัน นักกายภาพบำบัดจากศูนย์กีฬาแห่งชาติของอังกฤษ กล่าวว่า มันเป็นธุรกิจที่ทำเงินมหาศาล แต่ก็ยังไม่มีหลักฐานใดๆ บริษัทหลายแห่งต่างแห่ผลิตมันออกมาจำนวนมาก และแพทย์เวชปฏิบัติก็เริ่มใช้กันบ้างแล้ว เพื่อช่วยลดแรงกดในกล้ามเนื้อภายใต้ผิวหนัง และเมื่อพิจารณาถึงคุณสมบัติความทนต่อแรงดึงของมัน  เขาไม่เห็นว่ามันจะทำเช่นนั้นได้จริง นอกเสียจากว่ามันช่วยกระตุ้นความรู้สึกบางอย่าง ซึ่งเป็นพลังมหาศาลจาก Placebo effect ที่ไม่อาจประเมินได้

เขายังทำนายว่า ในมหกรรมโอลิมปิกลอนดอนที่จะถึงนี้ จะเต็มไปด้วยสีสันจากเทปสีดังกล่าวจากบรรดานักกีฬา
 
ขณะที่นพ.คาเสะ กล่าวว่า ที่กีฬาโอลิมปิกเต็มไปด้วยนักกีฬาระดับหัวกะทิ  และนักกีฬาเหล่านี้ ย่อมแตกกต่างจากนักกีฬาธรรมดาทั่วไป พวกเขามีความอ่อนไหวสูงและวิตกกังวลได้ง่าย  เทปสีของบริษัทเขาจะช่วยให้นักกีฬารู้สึกสบายขึ้น และแน่นอนว่ามันไม่ใช่ยาโด๊ป


teenee.com




 

Create Date : 05 กรกฎาคม 2555   
Last Update : 5 กรกฎาคม 2555 12:54:41 น.   
Counter : 1511 Pageviews.  


บัญญัติ 20 ประการ เรื่องของเงินๆทองๆ

1.ใช้น้อยกว่าที่หาได้
2.หากเป็นเรื่องการลงทุน คิดให้รอบคอบ แต่อย่าคิดมาก
3.หยุดเสียเวลาวันนี้ และเริ่มเก็บเงินได้แล้ว
4.กำจัดและหลีกเลี่ยงหนี้ดอกเบี้ยสูง
5.คุยเรื่องเงินบ่อยๆ (และคุยอย่างจริงใจด้วย)

6.อย่าพยายามอวดมั่งอวดมีกับคนอื่น
7.คอยดูเงินเจริญเติบโต (อย่างมีความสุข)
8.ดูแลรักษาทรัพย์สมบัติที่มี
9.วางแผนล่วงหน้าก่อนใช้เงิน
10.ค้นหาแรงบันดาลในชีวิต และใช้มันหาเงิน
11.สร้างมิตรภาพและความสัมพันธ์ที่ยั่งยืนทั้งกับเพื่อนและคอนเน็กชั่นในธุรกิจ

12.พยายามพัฒนาตนเอง
13.เลิกใช้เงินซื้อของที่ไม่จำเป็น เช่น กาแฟแก้วละหลายร้อย บุหรี่ แอลกอฮอล์ และยาเสพติด
14.อย่าคลายเครียดด้วยการใช้เงิน
15.รู้จักค่าใช้จ่ายของตัวเอง เช่น คุณมีค่ากับข้าวเท่าไหร่ ค่าเดินทาง ค่าเช่าบ้าน ฯลฯ
16.ปลดหนี้ก่อนเกษียณ
17.อยู่กับคนที่มองเรื่องการเงินเหมือนๆ กัน
18.ใช้ให้น้อย เก็บให้มาก และนำไปลงทุน
19.สอนลูกให้รู้จักวางแผนทางการเงิน
20.“ให้” โดยไม่ตระหนี่และไม่เสียใจทีหลัง

ใช้ให้น้อย เก็บให้มาก ง่ายๆ แค่นี้ก็ทำให้คุณมีเงินเก็บมากขึ้น

teenee.com




 

Create Date : 04 กรกฎาคม 2555   
Last Update : 4 กรกฎาคม 2555 19:05:57 น.   
Counter : 954 Pageviews.  


1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  36  37  

chiza_love
 
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




New Comments
[Add chiza_love's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com