Nichar love Beauty ^^ Beauty love Nichar
 
 

ติดจอเพราะพ่อแม่

ติดจอเพราะพ่อแม่
 

เดวิด ชารี่ ผู้เชี่ยวชาญจากมหาวิทยาลัย โอเรกอน สหรัฐ อเมริกา เก็บข้อมูลด้านพฤติกรรมของเด็กๆ ในวัย 2-4 ขวบ จำนวน 200 คน โดยให้หนูน้อยวัยกระเตาะเลือกเอาเองว่าจะเล่นกับเพื่อนๆ หรือนั่งดูโทรทัศน์

ปรากฏว่า เด็กที่เลือกกิจกรรมหน้าจอ ส่วนใหญ่นั้นมาจากครอบครัวที่ไม่ค่อยมีเวลา พ่อแม่ทำงานทั้งคู่ หรือถูกพ่อแม่ละเลย ต่างจากเด็กๆ ที่เลือกวิ่งเล่นกับเพื่อนแทนการดูหนัง ดูการ์ตูน เพราะเด็กที่ขาดความอบอุ่น จะยึดอุปกรณ์สร้างความบันเทิงเป็นที่พึ่งแทนพ่อแม่ ทั้งทีวี วิดีโอเกม คอมพิวเตอร์และมือถือ ช่วยทำให้รู้สึกสบายใจ รู้สึกว่ามีเพื่อน

แต่ในทางกลับกัน ยิ่งเด็กๆ พึ่งพาแก็ตเจ็ตไฮเทคมากเท่าไหร่ ก็จะยิ่งปลีกวิเวก ไม่ยอมเข้าสังคม ไม่รู้จักการปรับตัว จนกลายเป็นเด็กมีปัญหาในที่สุด ซ้ำร้ายเด็กๆ ติดจอ ยังมีปัญหาด้านสุขภาพ สายตาสั้นผิดปกติ อ่อนเพลีย และเสี่ยงต่อโรคอ้วน โรคเบาหวานได้อีกด้วย

teenee.com




 

Create Date : 03 กรกฎาคม 2555   
Last Update : 3 กรกฎาคม 2555 15:06:43 น.   
Counter : 699 Pageviews.  


การนอนบอกถึง ช่วงเวลาการหมดวัยรุ่น

การนอนบอกถึง ช่วงเวลาการหมดวัยรุ่น
 

วัยรุ่นที่นอนดึก-ตื่นสาย จะมีการเปลี่ยนแปลงรูปแบบการนอนเมื่ออายุ 20 ปี

เราทราบๆ กันดีอยู่แล้วว่าวัยรุ่นเกลียดการตื่นนอนในตอนเช้า จริงๆ แล้วมันคือความขี้เกียจหรือว่าเป็นเพราะเหตุผลทางชีววิทยา -มีการสำรวจลักษณะการนอนของชาวยุโรป 25,000 คน ได้มีเหตุผลมาสนับสนุนว่ามันอาจเกี่ยวข้องกับชีววิทยา ขณะที่เด็กๆ นอนดึกขึ้นๆ เมื่อโตขึ้น และเริ่มที่จะนอนเร็วขึ้นอีกครั้งอย่างทันทีเมื่ออายุประมาณ 20  การเปลี่ยนแปลงนี้กะทันหันจนนักวิจัยบอกว่ามันอาจจะเป็นสัญญาณบอกถึงการสิ้นสุดวัยรุ่น

เราทุกคนจะต้องผ่านช่วงก่อนวัยรุ่น ช่วงวัยรุ่น ก่อนที่จะถึงวัยผู้ใหญ่ ทั้งช่วงก่อนวัยรุ่นและวัยรุ่นจะเริ่มเมื่อระบบสืบพันธุ์มีความสมบูรณ์

นักวิทยาศาสตร์กล่าวว่า วัยก่อนวัยรุ่นสิ้นสุดลงเมื่อการเจริญเติบโตของกระดูกหยุดลง เมื่ออายุประมาณ 16 ปี ในเด็กผู้หญิง และ17.5 ปี ในเด็กผู้ชาย แต่การสิ้นสุดช่วงวันรุ่นยากที่จะอธิบายได้ หลักการตัดสินบางส่วนมาจากสังคม บางส่วนมาจากทางจิตวิทยา และหลักการทางกายภาพ

ช่วงเวลาการหลับตื่นของเรานี้ ถูกควบคุมโดยนาฬิกาในร่างกายของเรา แต่ละรอบนับได้ประมาณ 24 ชั่วโมง เวลาของแต่ละคนก็จะแตกต่างกันไป คนที่มีวงจรแต่ละรอบเร็วนั้น เรียกว่า “Larks” มีแนวโน้มที่จะเข้านอนเร็วและตื่นเร็ว ขณะที่พวกที่มีวงจรช้า เรียกว่า “Owls” มีแนวโน้มที่จะอยู่ดึกและตื่นนอนสาย

เพื่อที่จะหาคำตอบว่าการเปลี่ยนแปลงนี้เกิดขึ้นได้อย่างไรตลอดช่วงชีวิตของเรา Roenneberg จากUniversity of Munich ประเทศเยอรมัน ได้สอบถามประชาชนจำนวน 25,000 คน ที่มีอายุระหว่าง 8-90 ปี โดยถามเกี่ยวกับเวลานอนและเวลาตื่น 

จากผลสำรวจนี้ นักวิจัยได้คำนวณค่าเฉลี่ยของเวลากึ่งกลางการนอนของแต่ละคน (เวลาที่ครึ่งหนึ่งจากเวลาที่เริ่มนอนจนถึงเวลาตื่น) โดยไม่มีการต้องถูกบังคับให้ตื่นเพื่อทำงาน

เมื่อนำข้อมูลค่าเวลากึ่งกลางกับอายุของแต่ละคนมาสร้างกราฟ นักวิจัยพบว่า เด็กมีแนวโน้มที่จะนอนดึกขึ้นเมื่ออายุมากขึ้นจนกระทั่งอายุประมาณ 20 ปี จะมีการเปลี่ยนแปลงอุปนิสัยการนอนอย่างกะทันหัน แล้วค่ากึ่งกลางก็จะเริ่มเร็วขึ้นอีกครั้ง

Roenneberg กล่าวว่าเขาไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่า การเปลี่ยนแปลงนี้เกิดจากพฤติกรรมหรือสิ่งแวดล้อม “วัยรุ่นนอนดึกเพราะว่าไปเที่ยวกลางคืน หรือพวกเขาไปเที่ยวเพราะว่านอนดึก?” แต่เขาเชื่อว่าการเปลี่ยนแปลงอย่างทันทีทันใดนั้นเกิดจากสาเหตุทางชีววิทยา“ นี่เป็นครั้งแรกที่เราสามารถระบุถึงการสิ้นสุดของวันรุ่นได้”

เขาชี้ว่าเวลาที่เปลี่ยนไปนี้ยังสะท้อนถึงแนวโน้มทั่วๆ ไป ของผู้หญิงที่จะมีการเจริญเติบโตเร็วกว่าผู้ชายโดยผู้หญิงจะนอนดึกที่สุดจนถึงอายุ 19.5 ปี ขณะที่ผู้ชายจะนอนดึกจนกระทั่งอายุ 20.9 ปี

การสังเกตนี้สามารถเป็นประโยชน์ต่อโรคบางโรคได้ โรคทางจิตมักเกิดขึ้นพร้อมๆ กับช่วงเวลาการนอนที่ช้าลง มันอาจมีประโยชน์ต่อการสำรวจถึงการเปลี่ยนแปลงเวลาการนอน สามารถนำมาใช้บ่งชี้ถึงการพัฒนาการเกิดโรคทางจิตได้  

teenee.com




 

Create Date : 02 กรกฎาคม 2555   
Last Update : 2 กรกฎาคม 2555 10:05:26 น.   
Counter : 1042 Pageviews.  


ตะวันพิโรธ

ตะวันพิโรธ
 
ภาพที่ 1
วันที่ 21 กรกฎาคม ปี 2011 ดาวเทียมเอสดีโอขององค์การนาซาบันทึกภาพความปั่นป่วนในบรรยากาศดวงอาทิตย์ในช่วงแสงอัลตราไวโอเลตความถี่สูงไว้ได้ 


                                                          ตะวันพิโรธ



วันที่ 1 กันยายน ค.ศ. 1859  ริชาร์ด คาร์ริงตัน นักดาราศาสตร์สมัครเล่น  ปีนขึ้นไปยังหอดูดาวส่วนตัวของเขาใกล้กรุงลอนดอน  เปิดช่องโดม และปรับกล้องโทรทรรศน์ให้ฉายภาพดวงอาทิตย์ขนาด 28 เซนติเมตรลงบนฉากรับภาพ ระหว่างที่เขาวาดจุดมืดลงบนแผ่นกระดาษก็ปรากฏ “ริ้วแสงสีขาวเจิดจ้าสองริ้ว” ขึ้นท่ามกลางจุดมืดกลุ่มใหญ่กลุ่มหนึ่ง ในเวลาเดียวกัน เข็มของมาตรวัดสนามแม่เหล็กหรือแมกนิโทมิเตอร์ (magnetometer)  ที่หอดูดาวคิวในลอนดอนก็เริ่มกระดิกอย่างรุนแรง  ครั้นเช้ามืดวันรุ่งขึ้น แสงเหนือใต้สีแดง เขียว และม่วงก็ปรากฏเป็นแนวมหึมาบนท้องฟ้าเห็นได้ไกล ลงไปทางใต้ถึงฮาวายและปานามา

แสงสว่างวาบหรือการลุกจ้าที่คาร์ริงตันสังเกตเห็นคือ บทนำของมหาพายุสุริยะหรือการระเบิดของแม่เหล็กไฟฟ้าขนาดใหญ่ที่ปล่อยอนุภาคมีประจุหลายพันล้านตันเข้าใส่โลก  เมื่อคลื่นที่มองไม่เห็นนี้พุ่งปะทะสนามแม่เหล็กโลก ส่งผลให้กระแสไฟฟ้าเพิ่มขึ้นอย่างฉับพลันในเครือข่ายสายโทรเลข ทำให้สถานีโทรเลขหลายแห่งต้องหยุดให้บริการ

มหาพายุสุริยะที่รุนแรงเหมือนเมื่อปี ค.ศ.1859 ยังไม่เคยเกิดขึ้นอีกเลย จึงเป็นเรื่องยากที่จะคาดการณ์ว่าพายุที่รุนแรงใกล้เคียงกันจะสร้างความเสียหายต่อโลก ที่ต้องพึ่งพากระแสไฟฟ้ามหาศาลอย่างในปัจจุบันมากเพียงไร ตัวอย่างที่พอจะทำให้เห็นภาพเกิดขึ้นในวันที่ 13  มีนาคม ค.ศ.1989 เมื่อเกิดไฟดับครั้งใหญ่ในเมืองควิเบก ในครั้งนั้น พายุสุริยะที่รุนแรงราวสองในสามของปรากฏการณ์ที่คาร์ริงตันสังเกตเห็น ดับโครงข่ายไฟฟ้าซึ่งให้บริการผู้คนกว่าหกล้านคน พายุสุริยะระดับเดียวกับเมื่อปี ค.ศ. 1859 อาจทำลายหม้อแปลงไฟฟ้าไปมากกว่าจำนวนอะไหล่ที่ผู้ผลิตไฟฟ้าสำรองไว้ ส่งผลให้ผู้คนหลายล้านคนขาดแคลนแสงสว่าง น้ำดื่ม ระบบบำบัดน้ำเสีย ความอบอุ่น เครื่องปรับอากาศ เชื้อเพลิง บริการโทรศัพท์ อาหารสด และยารักษาโรคตลอดช่วงหลายเดือนที่ใช้ในการผลิตและติดตั้งหม้อแปลงทดแทน


ภาพที่ 2
วันที่ 9 สิงหาคม ปี 2011  การลุกจ้าระดับเอกซ์  (X-class flare) ซึ่งเป็นระดับสูงสุดตามการจัดระดับของโนอาในวัฏจักรสุริยะที่คาดว่าจะขึ้นถึงจุดสูงสุดในปี 2013 การลุกจ้าและการพ่นมวลคอโรนาหรือซีเอ็มอีจะพุ่งเข้าหาโลกและอาจสร้างความเสียหายแก่สายส่งไฟฟ้าเป็นบริเวณกว้าง

คาร์ล ไชรเวอร์ จากห้องปฏิบัติการสุริยะและฟิสิกส์ดาราศาสตร์ของบริษัทล็อกฮีด มาร์ติน ยอมรับว่า

 
“เราพยากรณ์ว่าดวงอาทิตย์จะทำอะไรล่วงหน้าได้เพียงไม่กี่วันเองครับ” หลังคาดการณ์กันว่า ช่วงสูงสุดของการเกิดกัมมันตภาพสุริยะ (solar activity) จะเริ่มขึ้นในปีนี้ ศูนย์ภูมิอวกาศต่าง ๆ จึงเพิ่มอัตรากำลังเจ้าหน้าที่และหวังว่าจะไม่มีเรื่องร้ายแรงเกิดขึ้น ไชรเวอร์เสริมว่า “เรากำลังศึกษาว่าภูมิอวกาศส่งผลกระทบต่อสังคมอย่างไร เมื่อรู้แล้วว่าภัยคุกคามที่รออยู่รุนแรงเพียงใด สิ่งที่สมควรทำก็คือการเตรียมตัวให้พร้อม ไม่เช่นนั้นผลที่ตามมาอาจเลวร้ายจนเกินรับได้นะครับ”

น่าจะนานหลายศตวรรษกว่ามหาพายุแบบที่คาร์ริงตันเห็นจะเกิดขึ้นสักครั้ง แต่พายุสุริยะที่เล็กกว่านั้นก็สร้างความเสียหายได้มากแล้ว

โดยเฉพาะเมื่อมนุษย์ต้องพึ่งพาเทคโนโลยีที่ติดตั้งไว้ในอวกาศมากขึ้นเรื่อย ๆ พายุสุริยะมีผลกระทบต่อบรรยากาศชั้นไอโอโนสเฟียร์เหนือผิวโลก 100 กิโลเมตร ในแต่ละปี นักบินเที่ยวบินพาณิชย์กว่า 11,000 เที่ยวที่บินผ่านขั้วโลกเหนือ ต้องอาศัยสัญญาณวิทยุคลื่นสั้นที่สะท้อนจากไอโอโนสเฟียร์เพื่อการสื่อสารเหนือเส้นละติจูดที่ 80 องศาขึ้นไป เมื่อภูมิอวกาศก่อกวนบรรยากาศชั้นไอโอโนสเฟียร์และทำให้ระบบสื่อสารที่ใช้คลื่นสั้นขัดข้อง นักบินต้องเปลี่ยนเส้นทางบินซึ่งอาจมีค่าใช้จ่ายสูงถึงเที่ยวบินละ 100,000 ดอลลาร์สหรัฐ บรรยากาศชั้นไอโอโนสเฟียร์ที่ปั่นป่วนจะรบกวนสัญญาณจีพีเอส ด้วย ส่งผลให้การกำหนดพิกัดอาจผิดพลาดได้มากถึง 50 เมตร นั่นหมายความว่านักสำรวจต้องเก็บของกลับบ้าน แท่นขุดเจาะน้ำมันลอยน้ำจะปรับตำแหน่งให้อยู่กับที่ได้ยาก และนักบินยังไม่สามารถพึ่งพาระบบจีพีเอสที่นิยมใช้ตามสนามบินต่าง ๆ ในการลงจอดได้

การลุกจ้ายังอาจรบกวนวงโคจรดาว เทียมด้วยการทำให้บรรยากาศร้อนขึ้นซึ่งจะเพิ่มแรงต้าน องค์การนาซาประมาณว่าสถานีอวกาศนานาชาติลดระดับลงวันละ 300 เมตรเมื่อดวงอาทิตย์เกิดการลุกจ้า นอกจากนี้ พายุสุริยะยังอาจทำลายระบบอิเล็กทรอนิกส์ในดาวเทียมสื่อสารจนกลายเป็น “ดาวเทียมไร้วิญญาณ” ที่ลอยคว้างไปในวงโคจรและใช้การไม่ได้


ภาพที่ 3
วันที่ 22 กันยายน ปี 2011 บ่วงพลาสมาที่ใหญ่พอจะคล้องโลกได้ทีละหลายใบได้รับการบันทึกภาพไว้จากบริเวณด้านข้างดวงอาทิตย์ ในขณะที่เหนือบ่วงมีเปลวสุริยะรูปร่างเหมือนคลื่นกำลังเหวี่ยงอนุภาคสุริยะมีประจุออกสู่อวกาศ

โครงข่ายไฟฟ้าส่วนใหญ่บนพื้นโลกต่างจากดาวเทียมในอวกาศตรงที่โครงข่ายไฟฟ้าไม่มีระบบป้องกันพายุแม่เหล็กโลก (geomagnetic storm) ระดับรุนแรง

 
เนื่องจากหม้อแปลงไฟฟ้าขนาดใหญ่มักต่อสายดินลงพื้นโลกโดยตรง พายุแม่เหล็กโลกจึงอาจเหนี่ยวนำให้เกิดกระแสที่ทำให้หม้อแปลงร้อนจัดจนลุกเป็นไฟหรือระเบิดได้ ความเสียหายอาจรุนแรงถึงขั้นหายนะ จอห์น แคปเพนแมน จากบริษัทที่ปรึกษาด้านการวิเคราะห์พายุ (Storm Analysis Consultants)  บอกว่า  พายุสุริยะอย่างที่เกิดขึ้นเมื่อปี ค.ศ.1859 หากเกิดขึ้นในวันนี้อาจทำให้ไฟฟ้าดับทั้งระบบ ถึงขนาดทำให้คนหลายร้อยล้านคนต้องกลับไปใช้ชีวิตเหมือนสมัยที่ยังไม่มีไฟฟ้าใช้เป็นเวลาหลายสัปดาห์หรืออาจจะหลายเดือน

ดังนั้น นักวิจัยจึงมุ่งพยากรณ์ความรุนแรงของพายุสุริยะ และเวลาที่น่าจะมาถึงบรรยากาศโลก

เพื่อเตรียมความพร้อมให้ระบบต่าง ๆ ที่อาจได้รับความเสียหาย เมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา องค์การบริหารมหาสมุทรและบรรยากาศแห่งชาติสหรัฐ หรือโนอา (National Oceanic and Atmospheric A2-ministration: NOAA) ได้เริ่มใช้แบบจำลองคอมพิวเตอร์รุ่นใหม่ชื่อ เอ็นลิล (Enlil) แบบจำลองนี้สามารถทำนายเวลาที่ซีเอ็มอีหรือการพ่นมวลคอโรนา (Coronal Mass Ejection: CME – การปะทุพลาสมาร้อนปริมาณมหาศาลออกสู่อวกาศ) จะมาถึงโลกได้ช้าเร็วไม่เกิน 6 ชั่วโมง ซึ่งดีกว่าแบบจำลองรุ่นก่อน ๆ ถึงสองเท่า ล่าสุดเอ็นลิลพยากรณ์ว่า พายุสุริยะที่อาจมีขนาดใหญ่จะเกิดขึ้นในวันที่ 8 มีนาคมที่ผ่านมา ผลปรากฏว่าคลาดเคลื่อนไปเพียง45 นาทีเท่านั้น พายุคราวนั้นเอาเข้าจริงเป็นแค่สายลมแผ่ว ๆ แต่คราวหน้าเราอาจไม่โชคดีอย่างนี้อีก.


ภาพที่ 4
วันที่ 24 มกราคม ปี 2012 แสงเหนือโบกสะบัดเหนือสะพานซอมมารอยบนเกาะควาลอยทางตอนเหนือของประเทศนอร์เวย์ในช่วงดวงอาทิตย์มีกัมมันตภาพเข้มข้น

ภาพที่ 4
วันที่ 24 มกราคม ปี 2012 แสงเหนือโบกสะบัดเหนือสะพานซอมมารอยบนเกาะควาลอยทางตอนเหนือของประเทศนอร์เวย์ในช่วงดวงอาทิตย์มีกัมมันตภาพเข้มข้น

teenee.com




 

Create Date : 02 กรกฎาคม 2555   
Last Update : 2 กรกฎาคม 2555 9:59:53 น.   
Counter : 1011 Pageviews.  


ยิ่งสูงยิ่งหนาว ! จบมหา′ลัยเตะฝุ่น1.5แสนคน

ยิ่งสูงยิ่งหนาว ! จบมหา′ลัยเตะฝุ่น1.5แสนคน
 
ยิ่งสูงยิ่งหนาว ! จบมหา′ลัยเตะฝุ่น1.5แสนคน


รายงานจากสำนักงานสถิติแห่งชาติ เปิดเผยว่า จากการสำรวจภาวะการมีงานทำของคนไทยในเดือนพฤษภาคม 2555 พบว่าในจำนวนประชากรผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 15 ปีขึ้นไปจำนวน 54.45 ล้านคน มีผู้ที่อยู่ในกำลังแรงงานหรือผู้ที่พร้อมที่จะทำงาน 39.01 ล้านคน แยกเป็นผู้ที่มีงานทำจำนวน 38.27 ล้านคน ผู้ว่างงาน 359,000 คน และผู้ที่รอฤดูกาล 379,000 คน ส่วนผู้ที่อยู่นอกกำลังแรงงานหรือผู้ที่ไม่พร้อมทำงานมีจำนวน 15.44 ล้านคน ได้แก่แม่บ้าน นักเรียน และคนชรา

สำหรับผู้ว่างงานในเดือนพฤษภาคม 2555 จำนวน 359,000 คนนั้น คิดเป็นอัตราการว่างงานที่ 0.9% และเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2554 มีจำนวนผู้ว่างงานเพิ่มขึ้น 155,000 คน ขณะที่เมื่อเทียบกับเดือนเมษายน 2555 มีผู้ว่างงานลดลง 18,000 คน และเมื่อแยกตามประสบการณ์ทำงานพบว่าในจำนวนผู้ว่างงาน 359,000 คน เป็นผู้ว่างงานที่ไม่เคยทำงานมาก่อนจำนวน 157,000 คน

ทั้งนี้ เมื่อแยกผู้ว่างงานตามระดับการศึกษาพบว่า เป็นผู้ว่างงานที่จบการศึกษาระดับอุดมศึกษามากที่สุด 152,000 คน
 
รองลงมาเป็นระดับมัธยมศึกษาตอนต้น 84,000 คน ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย 49,000 คน ระดับประถมศึกษา 48,000 คน และผู้ที่ต่ำกว่าระดับประถมศึกษาจำนวน 26,000 คน เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปี 2554 มีจำนวนผู้ว่างงานที่อยู่ในระดับอุดมศึกษาเพิ่มขึ้นสูงสุด 77,000 คน รองลงมาเป็นผู้ว่างงานระดับมัธยมศึกษาตอนต้นเพิ่มขึ้น 55,000 คน และระดับมัธยมศึกษาตอนปลายเพิ่มขึ้น 14,000 คน และผู้ว่างงานที่สำเร็จการศึกษาต่ำกว่าประถมศึกษาเพิ่มขึ้น 12,000 คน ส่วนผู้ว่างงานที่สำเร็จการศึกษาระดับประถมศึกษาลดลง 3,000 คน

teenee.com




 

Create Date : 29 มิถุนายน 2555   
Last Update : 29 มิถุนายน 2555 10:56:36 น.   
Counter : 1064 Pageviews.  


เทคนิคการอ่านหนังสือให้เข้าใจ

เทคนิคการอ่านหนังสือให้เข้าใจ
 

นี่เป็นปรัชญาที่ใช้กันมานาน บางคนก็อาจจะรู้อยู่แล้ว ในการที่เราจะจำเนื้อหาของเรื่องที่เรียนไปได้แม่น มันต้องเกิดจากความเข้าใจในเนื้อหา นั้นก่อน ไม่ใช่สักแต่ว่าจำ จำอย่างเดียว จำแบบไม่เข้าใจอะไรเลย การจำแบบนี้เป็นการจดจำระยะสั้น และไม่สามารถนำไปใช้ในการทำข้อสอบแบบวิเคราะห์ได้ เพราะในขั้นตอนการจำ ไม่มีกระบวนการคิดวิเคราะห์ถึงสิ่งต่าง ๆ ที่ทำให้เป็นไป เลยทำให้ไม่รู้หลักเหตุและผล ว่าทำไมถึงเป็นอย่างนั้น หากข้อสอบออกมาไม่ตรงกับที่จำไป ก็จบเห่น่ะสิ

การเขียนหรือการจดโน้ต

เป็นวิธีที่จะทำให้เราจำได้ง่ายขึ้น ซึ่งก่อนเขียนเราต้องเข้าใจอยู่แล้วว่าจะเขียนอะไรลงไป อย่าลอกตามหนังสือไปทั้งดุ้น และอย่าจดแบบให้มันเสร็จ ๆ ไป หรือจดแบบให้มีตามเพื่อน (เป็นกระแสนิยม) เพราะมันจะไม่ได้ผลอะไรเลย ควรจะสรุปประมวลออกมาเป็นเนื้อความ ตามที่เราเข้าใจ ซึ่งต้องเข้าใจอย่างถูกต้องด้วย อาจตรวจสอบโดยการผลัดกันตอบคำถามกับเพื่อน หรือถามครูอาจารย์ ดังนั้นอย่าขี้เกียจเขียนเลย เขียนเอง อ่านเอง ผลที่ได้ก็อยู่ที่ตัวเองทั้งนั้นแหละ

คราวนี้ก็มาถึงการท่องจำ

ส่วนใหญ่เมื่อเรารู้เรื่อง เราก็จะจำบางส่วนของเนื้อหาได้แล้ว นอกจากบางวิชา เช่น ชีวะฯ สังคม ที่เป็นวิชาท่องจำซะส่วนใหญ่ อาจต้องมีการมาท่องจำเพิ่มเติม การอ่านออกเสียงดัง ๆ ก็ช่วยให้จำดีขึ้น แต่ไม่ควรจะรบกวนผู้อื่น (มิฉะนั้นอาจจะได้รับสิ่งไม่พึงปรารถนา) การจำศัพท์ภาษาอังกฤษ อาจใช้วิธีเขียนใส่กระดาษแล้วแปะตามข้างฝาที่เรามองเห็นหรือผ่านตาเป็นประจำ เช่น ฝาข้างที่นอน ประตูห้องสุขา (ที่บ้านของตัวเองนะ) ตามที่ที่เราต้องเห็นทุกวัน อ้อ... ประตูของตู้เย็นก็ดีนะ เพราะเปิดออกจะบ่อย ก็หันมาเหลียวแลศัพท์ที่ตัวเองแปะไว้บ้าง เห็นบ่อย ๆ เดี๋ยวก็เข้าสมอง

เวลาที่ดีสำหรับการอ่าน

เคยมีคนบอกว่าเวลาที่ดีที่สุด คือ ตอนเช้า เพราะร่างกายและสมองของเราได้พักผ่อนอย่างเต็มที่ มีการจัดระเบียบเรียบร้อย เพื่อให้พร้อมกับการใส่ข้อมูลใหม่ ๆ เข้าไป อันนี้เป็นเรื่องจริง แต่สำหรับคนที่ตื่นเช้าไม่ไหว เวลาดึก ๆ ที่เงียบ ๆ ก็ได้ เพราะความเงียบทำให้สมองเราสามารถคิดสิ่งต่างๆ ได้ดี แต่อาจจะไม่เท่าตอนเช้า เพราะสมองเราต้องเหนื่อยจากการเรียนมาแล้วทั้งวัน บางคนยังมีการเรียนพิเศษตอนเย็นอีก การอ่านหนังสือตอนกลางคืน ควรจะอ่านเท่าที่ร่างกายรับได้ พอเริ่มง่วงสัก 5 ทุ่มก็ควรเข้านอน แล้วก็ตั้งนาฬิกาปลุกตอนตี 3 ตี 4 ตี 5 แนะนำให้ตั้งนาฬิกาปลุกก่อนเวลาที่ต้องตื่นไปสักครึ่งชั่วโมง เพื่อที่เราจะได้มีเวลาเกลือกกลิ้งอยู่บนที่นอนก่อนสักพัก ถึงค่อยลุกไปล้างหน้าล้างตา มานั่งอ่าน ขอย้ำว่าควรทำให้ตัวเองตื่นเต็มที่ก่อนจะอ่าน เพราะไม่งั้นเดี๋ยวก็หลับคาหนังสืออีกจนได้

เวลาที่ไม่เหมาะสำหรับการอ่านหนังสือเรียนเลย

คือ ช่วงบ่ายหลังจากกินข้าวเสร็จอิ่ม ๆ เคยได้ยินสุภาษิตไทยที่ว่า... พอหนังท้องตึง หนังตาก็หย่อน หรือเปล่า เพราะช่วงบ่ายจะเป็นช่วงที่คนเรามีความง่วงนอน อ่านไปก็หลับ ยิ่งหนังสือเรียนด้วย และไม่ควรนอนอ่านหนังสือ โดยเฉพาะบนเตียง ขอบอกว่าหลับแน่ ๆ ไม่ใช่อ่านนิยายนี่ มันจะน่าติดตาม จนอยากอ่านให้จบ

“การอ่านหนังสือ ควรจะอ่านในสถานที่ที่สงบเงียบ และสมองของเราต้องพร้อมที่จะรับเรื่องใหม่ ๆ นั่นแหละการอ่านถึงจะได้ผลสูงสุด”

ที่มา: วิชาการดอตคอม





 

Create Date : 28 มิถุนายน 2555   
Last Update : 28 มิถุนายน 2555 18:18:59 น.   
Counter : 856 Pageviews.  


1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  36  37  

chiza_love
 
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




New Comments
[Add chiza_love's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com