Nichar love Beauty ^^ Beauty love Nichar
 
 

10 รถสุดคูล..ที่หากมีเงินล้าน อย่าพลาดที่จะจับจองมาเป็นเจ้าของ

อันดับที่ 10 Lexus ES350

รถพรีเมี่ยมแบรนด์ที่ให้คุณสะใจกับเก๋งกลางรุ่นใหญ่ที่สามารถตอบสนองได้ ด้วยพละกำลัง 268 แรงม้าจากโรงงาน 0-100 ใน 7 วินาที ก็พอจะให้ระทึกขวัญจนต้องเสียวกันบ้าง แต่ที่แน่นอนคือมันพกความหรูมาเต็มที่และอัตราประหยัดก็ยังน่าประทับใจ

อันดับที่ 9 Acura TL

รถรุ่นนี้ไม่มีจำหน่ายในไทย แต่ก็นับเป็นรถที่น่าสนใจในฐานกลุ่มรถหรูพรีเมี่ยมแบรนด์ ที่มาพร้อมเรือนร่างที่งามสง่า เช่นเดียวกันกับเครื่องยนต์ V6 3.5 280 แรงม้าจากโรงงาน พร้อมเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด ที่สามารถตอบสนองได้ทันใจ และภายในก็เปี่ยมด้วยความหรูหราจนเหนือคำบรรยายในราคาค่าตัวของมัน ระดับ 2-3 ล้าน

อันดับที่ 8 Honda Accord

รถประชาไทยนิยมแสดงฐานะ แต่นั่นหมายถึงคุณคิดถูกแล้ว เพราะมันมาพร้อมความทันสมัยที่เงินสามารถหาซื้อได้ อะไหล่หาง่าย และยิ่งถ้าได้สัมผัสตัวท๊อปรุ่น V6 จะรู้ซึ้งถึงคำว่ารถยนต์ที่ขับสนุก ที่ราคาค่าตัวก็ไม่แพงและสามารถจับจองเป็นเจ้าของได้ง่ายๆ

อันดับที่ 7 Lexus IS 250

รถพรีเมี่ยมแบรนด์ที่ได้รับการโปรโมทอย่างมากในไทย และมันน่าถูกใจด้วยเรือนร่างสปอร์ตมาพร้อมเครื่องยนต์ V6 และความหรูหราที่จัดเต็มและเทียบไม่ได้กับแบรนด์ประชานิยมของมัน Lexus IS 250 มีเสน่ห์น่าดึงดูดในความสปอร์ต แล้วทำไมมันจะไม่น่าเป็นเจ้าของล่ะ

อันดับที่ 6 2011 Mitsubishi Evolution

สปอร์ตคาร์ตัวจริงจากสนามแรลลี่พร้อมจะให้คุณจับจองเป็นเจ้าของได้ หากไม่มากมายเรื่องความหรูหรานัก รถคันนี้มีราคาระดับเดียวกับหลากรถหรู ให้อารมณ์การขับขี่ที่แตกต่างสำหรับใครที่ชอบขับรถมากกว่านั่ง ที่มาพร้อมเครื่อง 2.0 ลิตร 4 สูบเทอร์โบ ระบบเกียร์คลัทช์คู่ 0-100 ใน 6.3 วินาที เท่านั้น

อันดับที่ 5 Nissan 370 Z

อีกหนึ่งสปอร์ตคาร์ที่ห้ามพลาด ถ้ามีตังค์และมันมาพร้อมเครื่องยนต์ V6 3.7 ลิตรจากโรงงาน ปั้นม้า 332 ตัวพร้อมเกียร์ 6 สปีด ที่ยังมีดีที่เรือนร่างที่ทันสมัยสปอร์ตได้ใจ และการควบคุมที่ได้ดั่งใจในทุกสถานการณ์

อันดับที่ 4 Infinity G25

เก๋งกลางคันนี้เน้นในความหรูหราเต็มคราบแต่มันก็ยังพกสมรรถนะจากพี่น้อง เครื่องยนต์ตระกลู VQ ที่เครื่อง V6 2.5 ลิตร อาจจะไม่แรงมากมายนัก แต่เมื่อผนวกเข้ากับระบบเกียร์ 7 สปีดชั้นนำ มันก็ขับสนุกใช่ย่อยแถมยังดูภูมิฐานที่ให้ 2 อารมณ์พร้อมๆกัน

อันดับที่ 3 Kia Optima

อันดับนี้อาจจะเป็นรถเกาหลีแต่เมื่อพินิจพิจารณาทั้งองค์ประกอบไม่ว่าจะ เรือนร่าง เครื่องยนต์ สมรรถนะการขับขี่แล้ว มันเจ๋งใช่ย่อย จนต้องซูฮกให้ค่ายรถยนต์รายนี้ โดยเฉพาะ เมื่อมันมาพร้อมเวอร์ชั่นสปอร์ตและไฮบริดให้สามารถจับจองเป็นเจ้าของได้ ก็ทำให้เจ้ารถครอบครัว 4 ประตู 5 ที่นั่งคันนี้ถือว่าน่าสนใจพอตัวเลยทีเดียว

อันดับที่ 2 Chevrolet Impala

ถ้าขนาดมีผลต่อการตัดสินใจเลือกรถของคุณลองมองที่สุดของรถฟูลไซส์จากค่าย เชฟวี่ที่สามารถตอบสนองได้ในความกว้างพร้อมความหรูหรา ที่แน่นอนว่า คุณต้องสนใจ และที่สำคัญมันยังมาพร้อมเครื่องยนต์ที่ทรงพลังด้วย

อันดับที่ 1 Toyota Prius

หากเทียบความหรูหราแล้วรถรุ่นนี้อาจจะไม่ได้ให้อะไรคุณมากมายนัก แต่คุณเป็นพวกรักเทคโนโลยีคงจะชอบรถที่อัดแน่ด้วยหลักการทางวิทยาศาสตร์ ตั้งแต่การออกแบบจนถึงเครื่องยนต์ไฮบริดของมันที่ยังไม่มีใครสามารถปราบ สมรรถนะประหยัดของมันลงได้ และนอกจานี้มันยังช่วยลดโลกร้อนที่มาพร้อมห้องโดยสารที่กว้างขวาง ถ้าไม่คิดมากเรื่องความหรูหรา แต่ถ้าอยากหรูมากก็ลองมอง Lexus CT200h

ทั้ง 10 คัน ที่กล่าวมานี้เป็นรถยนต์ที่น่าสนใจหากคุณมีเงินเหลือๆ ที่สมรรถนะ ราคา และความหรู หรา จัดว่าลงตัว ที่สำคัญรถเหล่านี้มีเอกลักษณ์เป็นของตัวเองที่ไม่ซ้ำใครอีกด้วย

โดย :ต้นปาล์ม




 

Create Date : 18 กรกฎาคม 2554   
Last Update : 7 มิถุนายน 2555 10:33:40 น.   
Counter : 515 Pageviews.  


สิ่งที่เรามองข้าม

บทความนี้เขียนขึ้นโดย จอร์จ คอลลิน ซึ่งเป็นดาราตลกที่โด่งดัง เขาเขียนขึ้นในวันที่ 11 กันยายน (ตึกเวิรด์เทรดถล่ม)

หลังจากที่ทราบว่าภรรยาของเขาเสียชีวิตในตึกนั้นด้วย.. ทำ..ในสิ่งที่อยากจะทำ อยากให้ทุกคนได้อ่าน ข้อความนี้ มีความหมายดีนะ

ทุกวันนี้เรามีตึกสูงขึ้น มีถนนกว้างขึ้นแต่ความอดกลั้นน้อยลง

เรามีบ้านใหญ่ขึ้น แต่ครอบครัวของเรากลับเล็กลง

เรามียาใหม่ ๆ มากขึ้น แต่สุขภาพกลับแย่ลง

เรามีความรักน้อยลง แต่มีความเกลียดมากขึ้น

เราไปถึงโลกพระจันทร์มาแล้ว แต่เรากลับพบว่า

แค่การข้ามถนนไปทักทายเพื่อนบ้านกลับยากเย็น…………

เราพิชิตห้วงอวกาศมาแล้ว แต่แค่ห้วงในหัวใจกลับไม่อาจสัมผัสถึง

เรามีรายได้สูงขึ้น แต่ศีลธรรมกลับตกต่ำลง

เรามีอาหารดี ๆ มากขึ้นแต่สุขภาพแย่ลง

ทุกวันนี้ทุกบ้านมีคนหารายได้ได้ถึง 2 คน แต่การหย่าร้างกลับเพิ่มมากขึ้น

ดังนั้น……จากนี้ไป……ขอให้พวกเรา อย่าเก็บของดี ๆ ไว้โดยอ้างว่าเพื่อโอกาสพิเศษ

เพราะทุกวันที่เรายังมีชีวิตอยู่คือ ……โอกาสที่พิเศษสุด……แล้ว

จงแสวงหา การหยั่งรู้

จงนั่งตรงระเบียงบ้านเพื่อชื่นชมกับการมีชีวิตอยู่ โดยไม่ใส่ใจกับความ…..อยาก…

จงใช้เวลากับครอบครัว เพื่อนฝูงคนที่รักให้มากขึ้น…….

กินอาหารให้อร่อย ไปเที่ยวในที่ที่อยากจะไป

ชีวิตคือโซ่ห่วงของนาทีแห่งความสุขไม่ใช่เพียงแค่การอยู่ให้รอด

เอาแก้วเจียระไนที่มีอยู่มาใช้เสีย

น้ำหอมดี ๆ ที่ชอบ จงหยิบมาใช้เมื่ออยากจะใช้

เอาคำพูดที่ว่า…….สักวันหนึ่ง……..ออกไปเสียจากพจนานุกรม

บอกคนที่เรารักทุกคนว่าเรารักพวกเขาเหล่านั้นแค่ไหน

อย่าผลัดวันประกันพรุ่ง ที่จะทำอะไรก็ตามที่ทำให้เรามีความสุขเพิ่มขึ้น

ทุกวัน ทุกชั่วโมง ทุกนาที มีความหมาย

เราไม่รู้เลยว่าเมื่อไรมันจะสิ้นสุดลง

ขอบคุณ : happyhappiness.com




 

Create Date : 18 กรกฎาคม 2554   
Last Update : 7 มิถุนายน 2555 10:32:45 น.   
Counter : 499 Pageviews.  


วันอาสาฬหบูชา สำคัญอย่างไร!??

วันขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๘ นับเป็นวันที่สำคัญในประวัติศาสตร์แห่งพระพุทธศาสนา คือวันที่พระพุทธองค์ทรงแสดงธรรมเทศนาหรือหลักธรรมที่ทรงตรัสรู้ เป็นครั้งแรกแก่เบญจวัคคีย์ทั้ง ๕ ณ มฤคทายวัน ตำบลอิสิปตนะ เมืองพาราณสี ในชมพูทวีปสมัยโบราณซึ่งปัจจุบันตั้งอยู่ในประเทศอินเดีย ด้วยพระพุทธองค์ทรงเปรียบดังผู้ทรงเป็นธรรมราชา ก็ทรงบันลือธรรมเภรียังล้อแห่งธรรมให้หมุนรุดหน้า เริ่มต้นแผ่ขยายอาณาจักรแห่งธรรม นำความร่มเย็นและความสงบสุขมาให้แก่หมู่ประชา

ดังนั้น ธรรมเทศนาที่ทรงแสดงครั้งแรกจึงได้ชื่อว่า ธัมมจักกัปปวัตตนสูตร แปลว่า พระสูตรแห่งการหมุนวงล้อธรรม หรือพระสูตรแห่งการแผ่ขยายธรรมจักร กล่าวคือดินแดนแห่งธรรม

เมื่อ ๒๕๐๐ กว่าปีมาแล้วนั้นชมพูทวีปในสมัยโบราณ กำลังย่างเข้าสู่ยุคใหม่แห่งความเจริญก้าวหน้า รุ่งเรืองเฟื่องฟูทุกด้านและมีคนหลายประเภททั้งชนผู้มั่งคั่งร่ำรวย นักบวชที่พัฒนาความเชื่อและ ข้อปฏิบัติทางศาสนา เพื่อให้ผู้ร่ำรวยได้ประกอบพิธกรรมแก่ตนเต็มที่ ผู้เบื่อหน่ายชีวิตที่วนเวียน ในอำนาจและโภคสมบัติที่ออกบวช หรือบางพวกก็แสวงหาคำตอบที่เป็นทางรอกพ้นด้วยการคิดปรัชญาต่าง ๆ เกี่ยวกับเรื่องที่เหลือวิสัยและไม่อาจพิสูจน์ได้บ้าง พระพุทธเจ้าจึงทรงอุบัติในสภาพเช่นนี้ และดำเนินชีพเช่นนี้ด้วยแต่เมื่อทรงพบว่าสิ่งที่เกิดขึ้นในตอนนั้นขาดแก่นสาน ไม่เป็นประโยชน์อย่างแท้จริง แก่ตนเองและผู้อื่น

จึงทรงคิดหาวิธีแก้ไขด้วยการทดลองต่าง ๆโดยละทิ้งราชสมบัติ และอิสริยศแล้วออกผนวช บำเพ็ญตนนานถึง ๖ ปี ก็ไม่อาจพบทางแก้ได้ ต่อมาจึงได้ทางค้นพบ มัชฌิมาปฏิปทา หรือทางสายกลาง เมื่อทรงปฏิบัติตามมรรคานี้ก็ได้ค้นพบสัจธรรมที่นำคุณค่า แท้จริงมาสู่ชีวิต อันเรียกว่า อริยสัจ ๔ ประการ ในวันเพ็ญเดือน ๖ ก่อนพุทธศก ๔๔ ปี ที่เรียกว่า การตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า จากนั้นทรงงานประกาศศาสนาโดยทรงดำริหาทางที่ได้ผลดีและรวดเร็ว คือ เริ่มสอนแก่ผู้มีพื้นฐานภูมิปัญญาดีที่รู้แจ้งคำสอนได้อย่างรวดเร็วและสามารถนำไปชี้แจงอธิบาย ให้ผู้อื่นเข้ามาได้อย่างกว้างขวาง จึงมุ่งไปพบนักบวช ๕ รูป หรือเบญจวัคคีย์ และได้แสดงธรรม เทศนาเป็นครั้งแรกในวันเพ็ญ เดือน ๘

ใ จ ค ว า ม ส ำ คั ญ ข อ ง ป ฐ ม เ ท ศ น า

ในการแสดงแสดงปฐมเทศนาครั้งแรกของพระพุทธเจ้าทรงแสดงหลักธรรมสำคัญ ๒ ประการคือ

ก. มัชฌิมาปฏิปทาหรือทางสายกลาง เป็นข้อปฏิบัติที่เป็นกลาง ๆ ถูกต้องและเหมาะสมที่จะให้บรรลุถึงจุดหมายได้ มิใช่การดำเนินชีวิตที่เอียงสุด ๒ อย่าง หรืออย่างหนึ่งอย่างใด คือ
๑. การหมกหมุ่นในความสุขทางกาย มัวเมาในรูป รส กลิ่น เสียง รวมความเรียกว่า เป็นการหลงเพลิดเพลินหมกหมุ่นในกามสุข หรือ กามสุขัลลิกานุโยค
๒. การสร้างความลำบากแก่ตนดำเนินชีวิตอย่างเลื่อนลอย เช่น บำเพ็ญตบะการทรมานตน คอยพึ่งอำนาจสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เป็นต้น การดำเนินชีวิตแบบที่ก่อความทุกข์ให้ตนเหนื่อยแรงกาย แรงสมอง แรงความคิด รวมเรียกว่า อัตตกิลมถานุโยค

ดังนั้นเพื่อละเว้นห่างจากการปฏิบัติทางสุดเหล่านี้ ต้องใช้ทางสายกลาง ซึ่งเป็นการดำเนินชีวิตด้วยปัญญา โดยมีหลักปฏิบัติเป็นองค์ประกอบ ๘ ประการ เรียกว่า อริยอัฏฐังคิกมัคค์ หรือ มรรคมีองค์ ๘ ได้แก่

๑. สัมมาทิฏฐิ เห็นชอบ คือ รู้เข้าใจถูกต้อง เห็นตามที่เป็นจริง
๒. สัมมาสังกัปปะ ดำริชอบ คือ คิดสุจริตตั้งใจทำสิ่งที่ดีงาม
๓. สัมมาวาจา เจรจาชอบ คือ กล่าวคำสุจริต
๔. สัมมากัมมันตะ กระทำชอบ คือ ทำการที่สุจริต
๕. สัมมาอาชีวะ อาชีพชอบ คือ ประกอบสัมมาชีพหรืออาชีพที่สุจริต
๖. สัมมาวายามะ พยายามชอบ คือ เพียรละชั่วบำเพ็ญดี
๗. สัมมาสติ ระลึกชอบ คือ ทำการด้วยจิตสำนึกเสมอ ไม่เผลอพลาด
๘. สัมมาสมาธิ ตั้งจิตมั่นชอบ คือ คุมจิตให้แน่วแน่มั่นคงไม่ฟุ้งซ่าน

ข. อริยสัจ ๔ แปลว่า ความจริงอันประเสริฐของอริยะ ซึ่งคือ บุคคลที่ห่างไกลจากกิเลส ได้แก่
๑. ทุกข์ ได้แก่ ปัญหาทั้งหลายที่เกิดขึ้นกับมนุษย์ บุคคลต้องกำหนดรู้ให้เท่าทันตามความเป็นจริงว่ามันคืออะไร ต้องยอมรับรู้กล้าสู้หน้าปัญหา กล้าเผชิญความจริง ต้องเข้าใจในสภาวะโลกว่าทุกสิ่งไม่เที่ยง มีการเปลี่ยนแปลงไปเป็นอย่างอื่น ไม่ยึดติด
๒. สมุทัย ได้แก่ เหตุเกิดแห่งทุกข์ หรือสาเหตุของปัญหา ตัวการสำคัญของทุกข์ คือ ตัณหาหรือเส้นเชือกแห่งความอยากซึ่งสัมพันธ์กับปัจจัยอื่น ๆ
๓. นิโรธ ได้แก่ ความดับทุกข์ เริ่มด้วยชีวิตที่อิสระ อยู่อย่างรู้เท่าทันโลกและชีวิต ดำเนินชีวิตด้วยการใช้ปัญญา
๔. มรรค ได้แก่ กระบวนวิธีแห้งการแก้ปัญหา อันได้แก่ มรรคมีองค์ ๘ประการดังกล่าวข้างต้น

ผ ล จ า ก ก า ร แ ส ด ง ป ฐ ม เท ศ น า

เมื่อพระพุทธเจ้าทรงแสดงธรรมแล้ว ปรากฏว่าโกณฑัญญะผู้เป็นหัวหน้าเบญจวัคคีย์ได้เกิดเข้าใจธรรม เรียกว่า เกิดดวงตาแห่งธรรมหรือธรรมจักษุ บรรลุเป็นโสดาบัน จึงทูลขอบรรพชาและถือเป็นพระภิกษุสาวก รูปแรกในพระพุทธศาสนา มีชื่อว่า อัญญาโกณฑัญญะ

ค ว า ม ห ม า ย ข อ ง อ า ส า ฬ ห บู ช า

“อาสาฬหบูชา” (อา-สาน-หะ-บู-ชา/อา-สาน-ละ-หะ-บู-ชา) ประกอบด้วยคำ ๒ คำ คือ อาสาฬห (เดือน ๘ ทางจันทรคติ) กับบูชา (การบูชา) เมื่อรวมกันจึงแปลว่า การบูชาในเดือน ๘ หรือการบูชาเพื่อระลึกถึงเหตุการณ์สำคัญในเดือน ๘ หรือเรียกให้เต็มว่า อาสาฬหบูรณมีบูชา

โดยสรุป วันอาสาฬหบูชา แปลว่า การบูชาในวันเพ็ญ เดือน ๘ หรือ การบูชาเพื่อระลึกถึงเหตุการณ์สำคัญในวันเพ็ญ เดือน ๘ คือ

๑. เป็นวันที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงปฐมเทศนา
๒. เป็นวันที่พระพุทธเจ้าเริ่มประกาศพระศาสนา
๓. เป็นวันที่เกิดอริยสงฆ์ครั้งแรกคือการที่ท่านโกณฑัญญะรู้แจ้งเห็นธรรม เป็นพระโสดาบัน จัดเป็นอริยบุคคลท่านแรกในอริยสงฆ์
๔. เป็นวันที่เกิดพระภิกษุรูปแรกในพระพุทธศาสนา คือ การที่ท่านโกณฑัญญะขอบรรพชาและ ได้บวชเป็นพระภิกษุ หลังจากฟังปฐมเทศนาและบรรลุธรรมแล้ว
๕. เป็นวันที่พระพุทธเจ้าทรงได้ปฐมสาวกคือ การที่ท่านโกณฑัญญะนั้น ได้บรรลุธรรม และบวชเป็นพระภิกษุ จึงเป็นสาวกรูปแรกของพระพุทธเจ้า

เมื่อเปรียบกับวันสำคัญอื่น ๆ ในพระพุทธศาสนา บางทีเรียกวันอาสาฬหบูชา นี้ว่า วันพระสงฆ์ (คือวันที่เริ่มเกิดมีพระสงฆ์)

พิธีกรรมที่กระทำในวันนี้ โดยทั่วไป คือ
ทำบุญ ตักบาตร รักษาศีล เวียนเทียน ฟังพระธรรมเทศนา (ธัมมจักกัปปวัตตนสูตร) และสวดมนต์ ดังนั้นในวันนี้จึงถือว่า พุทธศาสนิกชนควรได้รับประโยชน์ ที่เป็นสาระสำคัญจากอาสาฬหบูชา กล่าวคือ ควรทบทวนระลึกเตือนใจสำรวจตนว่า ชีวิตเราได้เจริญงอกงามขึ้นด้วยความเป็นอยู่อย่างผู้รู้เท่าทันโลกและชีวิตนี้บ้างแล้วเพียงใด เรายังดำเนินชีวิตอยู่อย่างลุ่มหลงมัวเมา หรือมีจิตใจอิสระปลอดโปร่งผ่องใสบ้างแล้วเพียงใด

ขอขอบคุณเนื้อหาดีดี โดย:dhammathai







 

Create Date : 15 กรกฎาคม 2554   
Last Update : 7 มิถุนายน 2555 10:30:36 น.   
Counter : 530 Pageviews.  


วิธีถนอมดวงตาเวลาใช้คอมพิวเตอร์

น้อง ๆ วัยเรียนที่ต้องใช้คอมพิวเตอร์เป็นเวลานาน อาจเกิดอาการตาแห้ง สายตาล้า ดังนั้น เพื่อตาคู่สวยจะได้ทำหน้าที่ให้ดีไปนานๆ สัปดาห์นี้ Edutainment Zone ชวนมาถนอมดวงตากัน

1.เริ่มจาก 'จอภาพ' ควรห่างจากสายตาประมาณ 1 ช่วงแขน
และตั้งกับโต๊ะที่ไม่สูงหรือต่ำเกินไป หากระยะห่างระหว่างจอกับตาไม่สัมพันธ์กัน จะทำให้รู้สึกเมื่อยล้าและปวดตาได้ นอกจากนี้ ยังส่งผลให้กล้ามเนื้อบริเวณไหล่และหลังเกร็ง เนื่องจากท่านั่งไม่สมดุล และต้องก้ม-เงย เป็นเวลานาน

2.ปรับแสงหน้าจอคอมฯ ให้รู้สึกสบายตา
โดยดูจากสภาพแวดล้อมในห้องด้วยว่า เมื่อส่องมากระทบจะมีแสงจ้าเกินไปหรือไม่ เพราะแสงที่สว่างมากจะส่งผลเสียต่อตาได้ง่าย อาจทำให้รู้สึกแห้งและแสบตา นอกจากนี้ อาจติดแผ่นกรองรังสี เพื่อลดการกระจายแสง

3.คลายความล้า โดยหยุดพักทุก 30 นาที
มองไปไกล ๆ หรือหลับตาประมาณ 5 นาที จากนั้น อาจเปลี่ยนอิริยาบถยืดเส้นยืดสาย เพื่อลดปวดเมื่อยกล้ามเนื้อเนื่องจากการใช้คอมฯ เป็นเวลานาน

4.หลังทำงานเสร็จ หลับตา แล้วใช้น้ำเย็นชโลมดวงตา
หรือหาผ้าชุบน้ำหมาด ๆ มาปะคบประมาณ 5 นาที จะช่วยผ่อนคลายกล้ามเนื้อตา และทำให้เลือดหมุนเวียนมาเลี้ยงดวงตาได้ดี

ลองไปปรับใช้กับคอมพิวเตอร์เครื่องโปรดกันดู เพื่อถนอมดวงตาคู่สวยให้ใสปิ๊ง และทำหน้าที่อย่างมีประสิทธิภาพให้นานที่สุด

โดย :ต้นปาล์ม




 

Create Date : 15 กรกฎาคม 2554   
Last Update : 7 มิถุนายน 2555 10:29:54 น.   
Counter : 470 Pageviews.  


15 อุปกรณ์วันวานที่ยังจำได้ นึกทีไรอดยิ้มไม่ได้ทุกที

หากคุณ อายุ 22- 40 ปี คุณอาจจะจำเพื่อนเก่าเหล่านี้ของคุณได้

วันนี้ขอพามาย้อนอดีตรำลึกอุปกรณ์พวก Gadget และการสื่อสารที่เรียกได้ว่าเป็นต้นแบบของเทคโนโลยีจนกลายเป็นอุปกรณ์ที่เราใช้กันอยู่ทุกวันนี้ แหม! ดูทีไรมันอดอมยิ้มไม่ได้ซินะ พอดีไปค้นเจออุปกรณ์เก่าๆในบ้านสมัยเด็กๆเข้าให้เลยเป็นแรงบัลดาลใจให้ทำเป็นเรื่องราวในวันนี้ขึ้นมา เพราะทุกครั้งเวลาไปเจออุปกรณ์เก่าๆทีไรมักทำให้อดคิดถึงเรื่องราวตอนที่ใช้งานมันทุกที สรุปแล้วใครที่เข้ามาอ่านบทความในวันนี้ จะบอกว่าคุณเริ่มแก่แล้วนะ อิอิ กลายเป็นบทความรวมพลคนสูงอายุไปในตัวเลยก็แล้วกัน

ชิ้นที่ 1 Game and watch จุดกำเนิดความฝันยามเด็ก

ของเล่นยอดฮิตของเด็กสมัยยุค 80 ไปโรงเรียนต้องแอบพกพาไปเล่นด้วย เคยร้องกระจองอแง รบเร้าให้พ่อซื้อให้ ร้องจนคอแห้งไปหลายวัน ในที่สุดก็ได้ ฮ่าๆๆ เด็กนิสัยไม่ดี ซื้อแถวของถมในสมัยนั้นในราคา 500 บาท ปัจจุบันนี้ยังเก็บรักษาเป็นอย่างดี Game and watch ในปัจจุบันได้พัฒนากลายมาเป็นเครื่องเล่นเกมส์พกพาสารพัดรูปแบบ แม้กระทั่ง Sony PSP หรือ Nintendo DS Lite

มันคือของเล่นสุดยอดความฝันของเด็กยุคนั้นจริงๆ ถ้าใครมีเล่นและได้จับจองเป็นเจ้าของจะรู้สึกดูเท่ห์พิกล ก็ในสมัยนั้นคอมพิวเตอร์มันยังไม่มี เล่นแต่เกมส์เศรษฐีแบบเป็นกระดานกระดาษ ที่ต้องเอาแบ๊งค์ปลอมๆไปซื้อ โฉนดที่ดิน กับโรงแรม พอเจอเจ้า Nintedo แบบนี้เข้าไปเลยกลายเป็นจุดเปลี่ยนของเด็กยุคนั้น

ชิ้นที่ 2 Family Computer หรือ Famicom สุดยอดของเล่นที่เด็กทั่วโลกอยากครอบครอง

เป็นเครื่องเล่น VDO Game ที่ฮิตต่อมาจาคยุคสมัยของอาตาริ และเป็นต้นกำเนิดตัวละครมาริโอที่โด่งดังไปทั่วโลกจนถึงทุกวันนี้ ในสมัยก่อนจำได้ว่าเครื่อง Famicom เมื่อสักยี่สิบปีที่แล้ว ราคาเริ่มต้นที่เครื่องละ 3200 บาทแถมเกมส์สุดติงต๊อง 24Kb ให้หนึ่งตลับ เป็นVDO เกมส์ในยุคพลิกประวัติศาสตร์สามารถเปลี่ยนตลับเกมส์และภาพมีความสวยสดงดงาม มีเกมส์ให้เลือกหลายแบบ ตั้งแต่ 24 k , 48 , 64k , 128k และ 256 k หาก K ยิ่งสูงเกมส์ก็จะยิ่งสนุกเพราะมีเรื่องราวและกราฟฟิคที่บรรจุได้เต็มรูปแบบ ในสมัยนั้นหากใครจะซื้อเกมส์คงต้องรวยเอามากๆ โดยเฉพาะตลับเกมส์ที่มีแต่ของแท้ ทำให้เกิดธุรกิจแลกเปลี่ยนเกมส์ขึ้นมา ยังจำร้านม้าไม้ และร้านมาริโอที่มาบุญครองได้ไหม มันคือแหล่งความฝันของเด็กๆที่ไปยืนเกาะตู้กระจกดูเช้าดูเย็น แต่หากเสาร์อาทิตย์ว่างๆก็ตลาดปีนังแถวคลองเตย แหล่งเกมส์มันส์ๆมีร้านให้แลกเกมส์เพียบ สำหรับใครที่พอจะมีตังค์มากหน่อยก็อาจจะซื้อ Disk system มาเสริมกับ Famicom ซึ่งจริงๆมันก็คือ Drive A ธรรมดานี่แหละกับแผ่น Disk ที่คล้ายๆกับของ PC ที่เราใช้งานกันอยู่ แต่ Disk system แบบนี้สามารถใช้ถ่านหรือหม้อแปลงก็ได้ และที่สำคัญเกมส์มันจะสนุกและถูกกว่าซื้อตลับเยอะเลย

ในสมัยนั้นจำได้ว่าบ้านไหนมี Famicom รับรองว่าคุณจะเป็นคนที่เพื่อนรักที่สุดในกลุ่มเลยหละ แล้วเสาร์อาทิตย์หรือหลังเลิกเรียนที่บ้านก็จะมีเพื่อนมาร่วมสุมหัวจนค่ำ มากันเพียบหัวกระไดไม่แห้ง ยิ่งกว่าโดนสเน่ห์ยาแฝดซะอีก
จนมาปัจจุบัน Nintendo กลายมาเป็นรุ่น Wii ที่พัฒนากันมาไกลจากยุค Famicom มากทีเดียว คิดถึงสูตร 30 ตัวของเกมส์คอนทราจริงๆเลย ขึ้นๆลงๆซ้ายขวา ซ้ายขวา A B Start อิอิ!

ชิ้นที่ 3 ตุ๊กตาเด็กยืนฉี่ โดนซะ!

มันเป็นของเล่นยุค 80 ที่เอาแกล้งเพื่อนได้เป็นอย่างดี โดยเอาน้ำใส่ตรงในส่วนที่ฐาน แล้วแกล้งให้เพื่อนลองดึงกางเกงเจ้าตุ๊กตาตัวนี้ลงมา มันก็จะฉี่ใส่หน้าคนดึง เป็นตุ๊กตาที่เชื่อว่าหลายๆคนในที่นี้ต้องเคยเป็นเจ้าของมาก่อนแน่ๆ เลย ว่าแต่ตอนนี้มันไปอยู่ไหนเสียแล้วหละ?

ชิ้นที่ 4 กล้องฉายภาพสไลด์ View Master อุปกรณ์หลอกเด็กหลังเลิกเรียน

อันนี้เป็นของเล่นอีกชิ้นหนึ่งที่เด็กยุคก่อนต้องเคยเป็นเจ้าของหรือเคยเล่นมาก่อนเป็นกล้องที่เอาภาพสไลด์ใส่แล้วส่องดู สไตล์แบบ Analog แต่เดี๋ยวนี้มันยุคดิจิตอลแล้ว เดี๋ยวนี้เวลาจะดูภาพถ่ายก็ใช้เป็นไฟล์ภาพแล้วไปดูกับพวกเครื่อง PDA หรือ Ipod
สำหรับกล้อง Viewmaster แบบนี้ไม่ใช่ของเล่นไฮโซอะไรมากนัก เพราะจำได้ว่าเมื่อก่อนตอนโรงเรียนเลิกที่หน้าโรงเรียนมักจะมีพ่อค้าหนังแผ่นแบบนี้เอามาให้เช้าดูหนังฟิล์มแบบหนังไทย มีตั้งแต่หนังผี ยันหนังตลก ตามงานวัดก็เห็นออกบ่อยที่จะมีพ่อค้าหนังเร่ เอากล้องแบบนี้ให้เช่าดูหนังแบบภาพนิ่ง ซึ่งก็เป็นฟิล์มหนังจริงๆแต่เค้าตัดออกมา ดูแล้วอย่างกับเทลเลอร์หนังในปัจจุบัน เพราะตัดเอาเฉพาะภาพไฮไลท์เด็ดๆในแต่ละช่วงของหนังทั้งเรื่องมาทำให้เช้าดู ครั้งละ 5 บาท

ชิ้นที่ 5 โทรศัพท์เคลื่อนที่ อิริคสัน ฮ๊อตไลน์ ใหญ่แต่เท่ห์

แทบไม่น่าเชื่อเลยว่าแค่สิบกว่าปี โทรศัพท์มือถือยุคปัจจุบันมันเล็กขนาดใส่กระเป๋าเสื้อได้สบายๆ สำหรับเจ้าโทรศัพท์อิริคสันรุ่นแรกนี้เห็นครั้งแรกตอนเด็กๆยังอึ้งกับขนาดว่า ไม่น่าเชื่อว่าเราจะสามารถแบกโทรศัพท์ไปคุยนอกบ้านได้แล้ว ต้องใช้คำว่าแบก เพราะเครื่องมันหนักเป็นกิโลเลยแหละ เครือข่ายสมัยก่อนก็น่าจะเป็นคลื่นแบบ 470 MHz ส่วนราคาเปิดตัวในยุคนั้น มีร้องจ๊าก! เพราะเห็นใหญ่ๆแบบนี้เครื่องละเป็นแสนเชียว ส่วนค่าโทรก็มหาโหดนาทีละ 3 บาท แต่โทรทางไกลถูกหน่อย เลยมีพวกพ่อค้าหัวใสตามต่างจังหวัดเอาไปเปิดโต๊ะให้โทรทางไกลในราคาถูกลง ยอมลงทุนซื้อเครื่องราคาเป็นแสน แต่มันก็สามารถคืนทุนได้เร็ว ส่วนการจะนำไปใช้ในรถนี่ ต้องวัดใจกันเลยหละ เพราะรถยนต์ที่จะเอาโทรศัพท์เคลื่อนที่ไปติดในรถเพื่อคุยไปขับรถไปได้นั้น มันต้องเจาะกระโปรงรถเพื่อต่อเสาอากาศออกภายนอก ไม่งั้นรับคลื่นไม่ได้ มายุคสุดท้ายที่เห็นไอ้เจ้าโทรศัพท์แบบนี้ ส่วนมากกลายเป็นโทรศัพท์รุ่นขวัญใจชาวประมง เค้าเอาไปติดตามเรือประมงกัน ถ้ามายุคนี้ขืนยังแบกแบบนี้อยู่ คนคงจะงง คิดว่าจะมาวางระเบิดในห้างแน่ๆ

ชิ้นที่ 6 Motorola Dynatac ฮิตไม่ฮิต กระติกน้ำยังต้องเลียนแบบ

โทรศัพท์ Motorola รุ่นกระติกน้ำ ชื่อจริงๆคือรุ่น Dynatac ในระบบอนาลอค เป็นรุ่นที่ฮิตมากในอดีต เชื่อว่าในที่นี้หลายท่านก็คงเคยใช้ใช่ไหม ในสมัยก่อนตัวแค่นี้ก็คือว่าเล็กแล้ว พกพากันเกลื่อนเมือง สมัยก่อนโทรศัพท์ระบบยังไม่ใช่ดิจิตอลคุยไปก็มีเสียงกวนเข้ามา และที่พิเศษสุดๆเลยก็คือหากถือเครื่องแบบนี้ไปเดินคุยแถวร้านขายมือถือในมาบุญครอง อาจจะโดนจูนคลื่น แล้วก๊อปปี้ไปใช้โดยไม่รู้ตัวจะรู้อีกทีก็ตอนมีบิลเรียกเก็บตอนสิ้นเดือน แต่มันก็ฮิตขนาดจนมีคนเอาไปทำเป็นกระติกน้ำเลียนแบบหุ่นรูปทรง เอ!! ไม่แน่ใจว่ารุ่นนี้มี Bluetooth หรือเปล่า จำไม่ได้ อิอิ

ชิ้นที่ 7 Pager อุปกรณ์สร้างความรักของเด็กวัยรุ่นยุค 90

ไม่รู้เดี๋ยวนี้หายหน้าหายตากันไปไหนหมดแล้ว บางคนที่มีเก็บอยู่ก็เอาไปทำนาฬิกาปลุกบนหัวเตียงซะแล้ว เจ้า Pager นี้มันคือเครื่องมือสื่อสารยอดนิยมของเด็กวัยรุ่นยุคต้นปี 90 เมื่อก่อนมักจะได้ยินเวลาวัยรุ่นพูดกันว่า " เดี๋ยวถ้ามีอะไรจะเพจไปบอกนะ " ซึ่งการใช้งานก็ต้องโทรเข้าศูนย์ไปฝากข้อความ มันก็เขินนะ ถ้าจะฝากคำหวานๆเวลาจะบอกแฟนแล้วต้องผ่านโอเปอเรเตอร์ที่ศูนย์ มายุคนี้ Pager หายสาบสูญไปจากโลกนี้กลายเป็น SMS แทน เพราะสะดวกไม่ต้องไปบอกคำหวานหรือความลับผ่าน โอเปอเรเตอร์อีกแล้ว ผู้ให้บริการ Pager ต่างก็เลยเก็บข้าวเก็บของไปหางานด้านอื่นทำกันหมดแล้ว แต่มันก็คืออุปกรณ์ในความทรงจำที่หลายๆคนต้องเคยพกมันอย่างแน่นอน

ชิ้นที่ 8 Sony Walkman ต้นกำเนิดเสียงเพลงพกพา
Sony Walkman เด็กๆอยากได้มาก แต่มันแพงมากเกินเอื้มเครื่องละประมาณ พันห้าร้อยบาท ยังจำได้เลย มีวิทยุกับเครื่องเล่นเทปในตัว ในปัจจุบัน walkman กลายพันธุ์พัฒนามาเป็นเครื่องเล่นเพลงพกพาในปัจจุบัน หลายชนิดแม้กระทั่ง iPOD เอ!! หรือว่า สตีฟ จ๊อบ เขาจะติดใจได้แรงบันดาลใจมาจาก Walkman ก็เป็นได้ว่าไหม

ชิ้นที่ 9 วีดีโอเทป ชอบขึ้นรา
เดี๋ยวนี้ถ้าไปตามห้างแล้วจะไปบอกพนักงานว่าจะมาซื้อเครื่องเล่น VDO สงสัยพนักงานต้องทำหน้า งงๆ กันแน่ เพราะมันถึงยุค DVD กันแล้ว สำหรับ VDO เทปและเครื่องเล่นสมัยนี้แทบจะหาไม่ได้แล้วเพราะมันสูญพันธุ์ไปอย่างรวดเร็วเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้เอง หลังจากโดนกระแส VCD และ DVD ถล่มซะย่อยยับ เมื่อก่อนเวลาไปเช่าหนังตามร้าน ต้องแบกกันไปหนักอึ้งยิ่งเป็นหนังจีนชุดหละก็ แบกกันเป็นสิบๆม้วน แถมยังต้องหาซื้อเครื่องกรอเทปไว้ที่บ้านอีกต่างหาก เพราะกรอกับเครื่อง VDO เดี๋ยวจะพังเร็ว และที่สำคัญ VDO เทปแบบนี้เก็บนานๆชอบขึ้นราทุกที เห้ออออ มันหายไปจากโลกนี้แล้วหละ

ชิ้นที่ 10 แต่น แตน แต๊น Palm V ยังจำได้ไม๊

มันคือ PDA สุดยอดแห่งความนิยมและทำให้เกิดเว็บไซด์แห่งนี้ขึ้นมา ซื้อ Palm มาใช้รุ่นแรกก็ตัวนี้แหละ Palm V หน่วยความจำเยอะเลย ตั้ง 2 MB แหนะ ต้องอาศัยโปรแกรมพวก Flash Pro มาช่วยเพื่อใช้พื้นที่ใน ROM ในการเก็บข้อมูล ราคาเครื่องในตอนยุคเมื่อสิบปีที่แล้วก็ขายกันประมาณ 17,000 บาท ใครใช้ Palm ในยุคนั้นคนมักจะมองว่าไฮโซ หรือเป็นผู้บริหารระดับสูง แต่จริงๆก็ไม่ใช่ขนาดนั้นหรอก มันถูกกว่ามือถือในยุคนั้นหลายเท่าตัว ตอนที่เป็น Palm OS 3.3 ยังไม่สามารถต่อกับมือถือได้ ต้องเป็น OS 3.5 ขึ้นไป เห็นแบบนี้มีโปรแกรมภาษาไทยด้วนะ ก็ของ ThaiPos กับ ThaiHack ยังไงหละ ยังจำกันได้ไหม ปัจจุบันยังเก็บรักษาเครื่อง Palm ตัวแรกเป็นอย่างดียังใช้งานได้ดีทุกประการ จับทีไรนึกถึงวันวานทุกทีเลย

ชิ้นที่ 11 iPAQ รุ่นมีข้าไว้ เอ็งจะเท่ห์

มันเป็นเครื่องรุ่นประวัติศาสตร์ที่ทำให้ Palm ต้องสะเทือนจนมาถึงทุกวันนี้ ก่อนหน้านี้ Microsoft ทำ OS ที่เรียกว่า Windows CE ออกมาก่อนแต่ไม่รุ่ง ตอนหลังเลยเปลี่ยนแนวเมื่อปี 2000 ออกเครื่องรุ่นใหม่ใช้ระบบปฎิบัติการ Pocket PC โดยชูความสามารถด้านมัลติมิเดียที่ Palm ไม่สามารถทำได้ดีเท่า สำหรับ iPaq รุ่นฮิต นั้นต้องเป็น Compaq iPaq รุ่น 3630 ซึ่งยุคแรกๆใช้งานแสนจะปวดหัวเหมือนกัน เพราะเวลาจะ Sync มันมักจะ Error บ่อยต้องคอยยกเข้ายกออกจากแท่น หลายๆ และโปรแกรมที่จะลงแต่ละตัวยังแบ่ง CPU แต่ละค่ายอีก แสนยากลำบากจริงๆ แต่มันก็ทำให้วงการ Pocket PC แจ้งเกิด จนเปลี่ยนชื่อมาเป็น Windows Mobile 6 จนมาถึงทุกวันนี้ไงหละ

ชิ้นที่ 12 นาฬิกา Casio รุ่น Databank

มันเป็นนาฬิกายุคปี 80 สำหรับคนที่บ้าเทคโนโลยี หรือแม้แต่เด็กๆที่บ้านพอมีอันจะกินมักจะหามาไว้ครอบครอง เพราะมันมีลูกเล่นด้านต่างๆเช่นจับเวลา เป็นเครื่องคิดเลข และปฎิทิน เพียงแค่นี้ก็ดูสุดแสนจะไฮโซแล้ว สำหรับราคานาฬิกาในยุคนั้นจำไม่ได้เหมือนกัน รู้แต่ว่าเพื่อนคนไหนที่โรงเรียนใส่มาจะต้องไปขอหยิบยิมมาลองเล่น แค่เอาไว้ใช้กดเครื่องคิดเลขเวลาชั่วโมงคณิตศาสตร์ก็รู้สึกว่ามัน เจ๋งแล้วหละ แต่ในที่สุดก็โดนอาจารย์ดุจนได้ เพราะมัวแต่ใช้เครื่องคิดเลขเดี๋ยวจะคิดเองไม่เป็น


ชิ้นที่ 13 แฟมิลี่ ทีวีเล็ก ขวัญใจแท๊กซี่ และแม่ค้าตลาดสด

เมื่อก่อน TV เครื่องหนึ่งไม่ใช่จอแบน แต่แบบจอบวม ที่ดูตามบ้านก็เครื่องละเป็นหมื่นแล้ว แต่พอมีแฟมิลี่ ทีวีเล็กออกมา มันพลิกตลาดคนใช้มากทีเดียว เพราะทำให้หลายๆคนสามารถพกพาทีวีไปดูตามสถานที่ต่างๆได้สะดวกขึ้น แถมราคาไม่แพงด้วยเครื่องละประมาณ 1500 บาท สามารถต่อที่จุดบุหรี่ในรถยนต์ก็ได้ เลยทำให้มันเป็นอุปกรณ์ขวัญใจ Taxi ในยุคนั้น แม้ภาพจะเต้นอย่างกับ เชิดสิงห์โต ตอนตรุษจีน เวลารถเคลื่อนตัว ต้องคอยโยกเสาไปมาเพื่อรับสัญญาณ หรือถ้าไปตามตลาดสดมันก็เป็น Gadget ขวัญใจแม่ค้าในตลาดเอาไว้ดูละคร ฆ่าเวลาเวลาขายของ แม้ว่าเครื่องมันจะเป็นจอขาวดำแต่ก็เป็นราคาที่ทุกคนหาซื้อได้ ปัจจุบันบริษัทแฟมิลี่เลยต้องเปลี่ยนชื่อเปลี่ยนแนวตัวเอง ไปทำอุปกรณ์ด้านอื่นๆแทน TV เล็กเช่น เครื่องเล่น DVD หรือ จานดาวเทียม เพราะตลาด TV เล็กในปัจจุบันอยู่ในอุ้งมือสินค้าจากเมืองจีนไปแล้วแถมยังจอสีอีกต่างหาก

ชิ้นที่ 14 แผ่นดิสก์ขนาดมหึมา 5.25 นิ้ว

ความทรงจำที่ยังไม่เลือนลางกับ แผ่น ดิสก์ ขนาด 5.25 นิ้วซึ่งปัจจุบันหาดูไม่ค่อยได้ ตัว Drive ก็มีขนาดใหญ่พอๆกับ CD Rom ใส่แผ่นแล้วต้องมีตัวล๊อคหมุนปิดลงมา เวลาเลิกใช้เอาแผ่นออกก็หมุนล๊อคแล้วแผ่นก็เด้งออกมา ปัจจุบันสื่อเก็บข้อมูลพัฒนาไปจนมีขนาดเล็กและความจุสูงเป็น GB อย่าง Flash Drive ขนาดเล็กๆตัวเท่านิ้วก้อย ก็เก็บข้อมูลได้เป็น GB แล้ว ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเครื่องคอมพิวเตอร์ใครยังใช้ดิสก์แบบนี้อยู่อีกหรือเปล่า
ชิ้นที่ 15 โทรศัพท์ Siemens รุ่น S25

หากใครใช้ Palm เมื่อสัก 7-8 ปีที่แล้วจะต้องรู้จักเจ้าโทรศัพท์รุ่นนี้ดี เพราะในตอนนั้นโทรศัพท์มือถือมีเพียง 2 รุ่นเท่านั้นที่มี Modem ในตัว คือของ Nokia รุ่น 8xxx และ Siemens S25 ตัวนี้ และมันมีช่องอินฟราเรดที่สามารถต่อเชื่อมกับเครื่อง Palm ได้เลยทำให้เครื่อง Palm สามารถเล่น Net ผ่านมือถือได้เป็นครั้งแรก ส่วนเรื่องความเร็วนั้น EDGE หรือ GPRS หลบไปเลย เพราะความเร็วในการเล่น Net ในยุคนั้นเร็วมาก คือเร็วแค่ 9600 bps อิอิ โหลดเว็บทีไปชงกาแฟกลับมายังไม่เสร็จ เลยระบบสมัยก่อนต้องใช้ Account ของ Internet ตามบ้านต่อแบบ โทรเข้าไปศูนย์ ISP ตามปกติ แบบโทรตามบ้านของ Modem 56k แต่มันก็ทำให้วงการ PDA ในยุคนั้น ตื่นตาตื่นใจขึ้นมามากทีเดียว แต่สำหรับยุคนี้ก็ PDA Phone ไงหละ ตัวเดียวจบครบทุกอย่างมี EDGE อีกต่างหาก

สำหรับเรื่องราวในวันนี้ก็เป็นเรื่องราวของอุปกรณ์ในอดีตที่เรียกว่าเป็นเครื่องต้นแบบทำให้เรามีเทคโนโยแบบแปลกใช้กันในวันนี้ หลายคนเห็นภาพแล้วอาจจะแอบยิ้มว่า ฉันก็เคยใช้นะได้เครื่องรุ่นนี้ รุ่นนั้นด้วย ก็เป็นความทรงจำเก่าๆที่เราเอามาให้ดูกันผ่อนคลายอารมณ์ แล้วก็เลยกลายเป็นบทความรวมพลคนสูงอายุไปในตัวด้วย ฮ่าๆๆ แต่ยังไม่แก่นะ เพียงแต่เกิดทันยุคที่เขาใช้กันต่างหาก

สรุปทิ้งท้ายกันอีกสักหน่อยละกัน เห็นไหมว่าเทคโนโลยีมันเปลี่ยนเร็วแค่ไหน ไม่ว่าจะเป็นสินค้าแพงระดับเรือนแสนหากเป็นสินค้าเทคโนโลยียังไงมันก็จะกลายเป็นวัตถุโบราณราคาแพงที่บางทีเก็บเอาไว้ก็ไม่เคยกลับไปใช้มันอีกเลย มีเงินมีทองก็อย่าไปจับจ่ายกับสินค้าพวกนี้มากนะ เพราะยังไงเราก็ไม่มีทางวิ่งตามมันทันอย่างแน่อน แค่ศึกษาอ่านและเก็บความรู้ให้เท่าทันมันก็เพียงพอแล้วหละ แค่นี้เราก็เป็นคนที่ทันเทคโนโลยีสมัยใหม่ตลอดเวลาแล้วหละ


//www.mrpalm.com




 

Create Date : 02 มีนาคม 2554   
Last Update : 7 มิถุนายน 2555 10:28:52 น.   
Counter : 574 Pageviews.  


1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  36  37  

chiza_love
 
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




New Comments
[Add chiza_love's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com