ชิ้นส่วนแห่งความทรงจำ
Group Blog
 
All Blogs
 
ปลายฟ้า ตอนที่ 8 : เบื้องหลัง

หลังจากสัปดาห์ที่พ่อแม่เขาได้รับอุบัติเหตุทางท้องถนน คุณพ่อต้องสูญเสียขาทั้งสองข้างไป ส่วนคุณแม่ที่ผ่าตัดช่วงแรกดูเหมือนอาการจะดีขึ้น ก็ทรุดตัวลงเนื่องจากแผลมีอาการติดเชื้อ เขารู้สึกเสียใจกับเหตุการณ์นี้ จนต้องหยุดโรงเรียนตั้งแต่สัปดาห์ที่แล้วเพื่อเยี่ยมดูอาการของพ่อและแม่ ซึ่งคุณพ่อของเขาก็อยู่ในภาวะซึมเศร้า ไม่ค่อยยอมทานอะไร พร้อมทั้งมีอาการช็อกเมื่อเห็นขาตัวเองที่ขาดแล้วมาร่วมด้วย ปลายฟ้าจึงไม่รู้ว่าจะต้องทำเช่นไรกับพายุที่โหมกระหน่ำชีวิตในครั้งนี้ ด้วยความหวังอันน้อยนิด เขาจึงพยายามโทรไปหาคุณพลอีกครั้ง

“สวัสดีครับ เรียนสายคุณพหลครับ”
“กำลังถือสายอยู่ครับ ไม่ทราบว่านี้คือ...?”
“ผมปลายฟ้าครับ ที่คุยกับคุณเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว”
“อ้อ ปลายฟ้านี้เอง ฟังเสียดูซึมๆ มีอะไรรึเปล่า?”
“คือ...ทางครอบครัวผมได้รับอุบัติเหตุครับ คุณพ่อต้องเสียขาทั้งสองข้างไป ส่วนคุณแม่อาการก็ทรุดลงหลังการผ่าตัด”
“ฉันเสียใจกับอุบัติเหตุด้วยนะ ว่าแต่เธอล่ะเป็นยังไงบ้าง”
“ผม....ไม่รู้ครับว่าผมรู้สึกอะไร ทั้งเศร้า ทั้งเสียใจ ทั้งใจหาย ทั้งว่างเปล่า”
“รวมไปถึงดีใจเล็กๆด้วย?”
“ครับ....”
“เอาเถอะๆ อุบัติเหตุมันเกิดได้ทั้งจากเราประมาท และเขาประมาท หรือทั้งสองอย่าง แต่สิ่งที่เราทำได้ภายหลังเหตุการณ์คือต้องยอมรับว่ามันได้เกิดขึ้นแล้วจริง”
“ส่วนตัวผมก็ยอมรับแล้วครับว่ามันเกิดขึ้นจริง แต่คุณพ่อดูเหมือนจะยังครับ”
“ยังไง ที่ว่าไม่ยอมรับ ถ้าให้เดาก็เป็นอาการที่ไม่ยอมรับว่าเสียขาใช่ไหม?”
“ครับ...”
“ตอนนี้ฉันไม่ค่อยสะดวกเท่าไหร่นะ อาจจะคุยได้ไม่นาน”
“ผมมีโอกาสได้พบปะกับคุณไหมครับ ผมต้องการที่ปรึกษา”
“ย่อมได้ คิดว่าอยากจะคุยเมื่อไหร่ล่ะ?”
“พรุ่งนี้เย็นครับ”
“พรุ่งนี้เย็นเหรอ มะรืนเย็นได้รึเปล่า?”
“ได้ครับ ถ้าคุณสะดวก”
“เอาล่ะฉันต้องไปทำธุระต่อแล้ว ไว้เจอกันมะรืนเย็นนะ”
“ครับผม ขอบคุณมากครับ”
“ตรู๊ดดด....ตรู๊ดดด...ตรู๊ดดด..”

เขาได้แต่หวังว่า เขาจะผ่อนคลายขึ้นเมื่อได้คุยกับชายคนนี้

ปลายฟ้าเดินตรงไปที่ห้องพักของคุณพ่อ เขาเคาะประตูห้องเบาะๆ ก่อนที่จะเปิดประตูเข้าไป เขาพบว่าคุณพ่อนั่งเหม่อมองดูหน้าต่างข้างหลังห้องอยู่ บรรยากาศชั่งดูน่าเศร้ายิ่งนัก เขาได้แต่ในใจลึกๆว่าให้พ่อกลับมาเป็นคนเดิม แต่ที่ลึกกว่านั้นเขาหวังให้พ่อสิ้นสติไปเสียเลย เขาเริ่มไม่เข้าใจตนเองว่าตัวเองต้องการอะไรจากชายคนนี้กันแน่ เขากล่าวคำทักทายบุรุษผู้ที่ด้วยถ้อยคำที่ราบเรียบที่เป็นที่นิยมกล่าวกันในเวลาพบปะ
“สวัสดีครับ คุณพ่อ”
“........” ไม่มีเสียงตอบรับจากชายที่ถูกเขาเรียกว่าพ่อ
“เช้านี้ทานอะไรรึยังครับ”
“........”
“เดี๋ยวผมไปหาอะไรมาให้ทานนะครับ คุณพ่อ”
“ไม่ต้อง พ่อไม่อยากกินอะไร”
“ไม่ได้นะครับ แล้วถ้าพ่อไม่กินเมื่อไหร่พ่อจะออกจากโรงพยาบาลได้ละครับ”
“........”
“เดี๋ยวผมมานะครับ”
“แล้วแม่ของลูกเป็นยังไงบ้าง”
“ตอนนี้ยังอยู่ในห้องปลอดเชื้ออยู่ครับ แผลที่ผ่าเกิดติดเชื้อขึ้น อาการเลยทรุดลง”
“........”
“ผมขอตัวลงไปก่อนนะครับ”

เขาเดินออกมาจากห้องพลางเดินไปลงไปร้านค้าในโรงพยาบาล เขารู้สึกสงสารคุณพ่อ ปนด้วยความสมเพชเล็กๆ เขาไม่เคยเห็นบุรุษผู้แข็งกร้าวในสายตา เป็นเช่นนี้มาก่อน เขาเปลี่ยนไปมากราวกับคนล่ะคน ซึ่งมันก็ไม่แปลกสำหรับคนที่ต้องสูญเสียสิ่งที่ติดอยู่กับตัวเขาไป มันดูหดหู่พลางสิ้นหวัง โลกของพ่อคงเปลี่ยนสีไปโดยฉับพลัน ทั้งที่งานก็กำลังจะเจริญก้าวหน้าเข้าสู่ระดับสูงแล้ว มาเป็นเช่นนี้งานก็คงสะดุด จนถึงขนาดต้องออกจากงานไป ส่วนคุณแม่อาการก็น่าเป็นห่วง ได้แต่หวังว่าอาการจะไม่ทรุดตัวลงอีก

เมื่อเดินมาได้พักหนึ่งก็ถึงร้านค้า เขาเลือกซื้อโจ๊กอุ่นๆไปให้พ่อ เนื่องจากหมอยังไม่อนุญาตให้ทานอาหารปกติ และที่มีรสจัด กล่าวคือให้ทานอาหารอ่อนอยู่นั้นเอง เขาหิ้วถุงโจ๊กขึ้นไปที่ห้องพักของพ่อ เคาะประตูเบาๆ แล้วเปิดประตูเข้าไป

“กลับมาแล้วครับ”
เขาเดินไปหยิบถ้วยและช้อน แกะปากถุงที่ห่อหุ้มอาหาร แล้วเทลงไปในถ้วย แล้ววางไว้บนโต๊ะสูงสำหรับให้อาหารผู้ป่วย พร้อมทั้งกล่าวว่า
“ทานเยอะๆนะครับ จะได้กลับบ้านไวๆ”
พ่อเริ่มจับช้อน แล้วคนถ้วยไปเรื่อยๆ พลางเหม่อลอย
“พ่อครับ พ่อคิดอะไรอยู่”
“.......”
“พ่อไม่เป็นคนเดิมเลย คนที่มีความกระตือรือร้น”
“เฮ้อ...คนเรานะ ยามสิ้นหวัง มันก็คิดอะไรไม่ออกหรอก”
“.......รีบทานเถอะครับ เดี๋ยวโจ๊กจะชืดเอา”
หลังจากที่พ่อเขาทานเสร็จแล้ว เขาก็เก็บข้าวเก็บของ อาหารในถ้วยเหลืออีกเยอะ ดูเหมือนพ่อจะทานอะไรไม่ลง นี้คงเป็นอาการซึมเศร้าเช่นนั้นหรือ ทำไมกันคนเราถึงได้คาดหวังกับสิ่งต่างๆไว้มากมายนัก เขาบอกลาพ่อ เพื่อไปเยี่ยมดูอาการของคุณแม่ เขาเดินผ่านไปที่ห้องพักคุณแม่ แต่หมอยังไม่อนุญาตให้เยี่ยม จะว่าไปแล้วช่วงแรกๆ อาการของแม่หายไปอย่างรวดเร็ว พึ่งจะมาทรุดก็เมื่อวานนี้ ช่วงที่แม่สบายดีอยู่นั้น แม่ก็พยายามมาเยี่ยมพ่อ จนได้ของแถมนี้มา แม่เป็นห่วงเขาว่าจะอยู่อย่างไร อยู่คนเดียวได้รึไม่ แต่ช่วงก่อนแม่จะทรุด ดูเหมือนแม่จะมีอาการเป็นห่วงเขาในเชิงการใช้ชีวิตประจำวันน้อยลง แต่ก็ยังคอยเป็นห่วงเรื่องการเรียน และสุขภาพอยู่ เขากลับบ้านด้วยความหวังว่าพรุ่งนี้แม่จะออกมาจากห้องปลอดเชื้อ และพ่อจะเลิกอาการซึมเศร้าเสียที



Create Date : 13 ตุลาคม 2550
Last Update : 26 กรกฎาคม 2556 3:44:28 น. 2 comments
Counter : 314 Pageviews.

 


โดย: Darksingha วันที่: 20 ตุลาคม 2550 เวลา:16:05:33 น.  

 
สวัสดีค่ะ สบายดีน่ะคะ เจนนี่มีเวลานิดหน่อยค่ะ เลยแวะมาทักทาย และขอบคุณมากน่ะคะ ที่ไปเยี่ยมเยือนเจนนี่ที่บล็อคนะคะ ว่างๆก็อย่าลืมแวะไปเยี่ยมชมรูปหนูมูวี่อีกน่ะคะ เจนนี่เพิ่งอัพเดทรูปใหม่ๆเสร็จนะคะ

ไว้เจนนี่มีเวลาอย่างนี้อีก เจนนี่จะแวะมาทักทายใหม่น่ะคะ

ติดตามตอนต่อไป


โดย: สาวอิตาลี วันที่: 23 ตุลาคม 2550 เวลา:19:46:29 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

blueocynia
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




กาลเวลาร่องลอยคอยร่วงโรย
น้ำค้างโปรยปรอยทั่วทุกหัวระแหง
ดังความสุขทุกข์มิหลงจงสำแดง
จำต้องแปลงเปลี่ยนเรื่องเพราะเตือนความ

วันเวลาอยู่คู่ความทรงจำ ไม่ว่าทุกข์หรือสุขเพียงใด
วันเวลาเหล่านั้นจะค่อยเข้ามาสู่ความทรงจำของเราเอง
Friends' blogs
[Add blueocynia's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.